เมื่อมาถึงบริเวณวีไอพีก็มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอยู่ สิ่งที่หลิง อี้หรานต้องทำคือ ทำตามพยาบาล หลิง อี้หรานตามพยาบาลไปเจาะเลือด เอ็กซเรย์ และไปอัลตร้าซาวด์ร่วมกับคนอื่น ๆ อี้ จิ่นหลีรอหลิง อี้หรานอย่างอดทนในห้องรับรองวีไอพี ขณะที่หลิง อี้หรานเดินตามพยาบาลไปตามแผนกต่าง ๆ เธอก็เห็นคิวซึ่งยาวเหยียด พยาบาลอธิบายให้เธอฟังว่า คนเหล่านี้เป็นคนจากองค์กรอื่นที่มาตรวจสุขภาพที่นี่ ดังนั้นจึงค่อนข้างแออัด ขณะที่หลิง อี้หรานเดินตามพยาบาลไปที่ห้องอัลตราซาวนด์ ห้องอื่น ๆ สองสามห้องนั้นมีคิวยาวมาก แต่พยาบาลก็พาหลิง อี้หรานไปที่ประตูอีกบานที่ไม่มีคิวอยู่ด้านนอก “อี้หราน!” ทันใดนั้นก็มีเสียงเรียกชื่อของหลิง อี้หราน หลิง อี้หรานหันกลับมาเพื่อดูว่าเป็นใคร เธอเห็นกวาน ลี่หลี่เข้าคิวอยู่ หลิง อี้หราน ถึงกับผงะ เธอไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับ กวาน ลี่หลี่ที่นี่ ‘เธอมาตรวจสุขภาพด้วยเหรอ? นั่นหมายความว่า... ‘ หลิง อี้หรานมองไปที่คิวของกวาน ลี่หลี่เพื่อมองใบหน้าที่คุ้นเคยจากสำนักงานกฎหมายที่เธอเคยทำงาน อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น อดีตเพื่อนร่วมงานของเธอจากสำนักงานกฎหมายแห่งนั้นมาที่นี่เพื่อตรวจสุข
‘หลิง อี้หรานไม่น่าพยายามจะเทียบเท่ากับฉันในอดีต ใคร ๆ ก็ต่างให้ความสนใจไปที่เธอ คนที่สำนักงานกฎหมาย พวกเขาปฏิบัติกับฉันเหมือนฉันไม่มีตัวตน’ ‘ตอนนี้ฉันจะทำให้หลิง อี้หราน ‘เป็นที่น่าสนใจ’ อีกครั้ง ฉันจะให้ทุกคนในบริษัทได้เห็นว่า ทนายความหญิงที่ดีที่สุดของพวกเขา ตอนนี้ชีวิตของเธอเป็นอย่างไร’ ‘ฉันกำลังทำให้พวกเขารู้ว่าที่ผ่านมา พวกเขาคิดผิดแค่ไหน!’ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นวิธีเดียวที่เธอจะระงับความโกรธในใจได้ ขณะนั้นก็มีพยาบาลคนหนึ่งเดินผ่านมา เพื่อนร่วมงานคนนั้นถามพยาบาล “ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลของคุณคนหนึ่งบอกว่า คนไข้ทั่วไปไม่สามารถเข้าไปในห้องอัลตราซาวนด์นั้นได้ แต่ฉันเห็นพยาบาลนำใครบางคนเข้าไปในห้องนั้น มีอะไรหรือเปล่าคะ?” “อ๋อ นั่นน่าจะเป็นลูกค้าวีไอพีของโรงพยาบาลค่ะ” พยาบาลตอบ “วีไอพีงั้นเหรอ? แพ็คเกจวีไอพีนี่ ราคาเท่าไหร่กันหรือคะ?” เพื่อนร่วมงานคนนั้นผงะ “นั่นขึ้นอยู่กับแพ็คเกจที่เลือกค่ะ ค่าใช้จ่ายที่ถูกที่สุดก็ประมาณหลายพันอยู่ ถ้าราคาสูงหน่อยก็จะเป็นหลักแสนค่ะ หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมคุณสามารถไปที่ชั้นหก มีเคาน์เตอร์พิเศษสำหรับแพ็คเกจนี้นะคะ” จากนั้น
นั่นเป็นช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในชีวิตของเธอ เธอรู้สึกว่าไม่มีความหมายสำหรับเธอที่จะอยู่ต่อไป ถ้าไม่ใช่เพราะเหลียนอีที่มาเยี่ยมเธอบ่อย ๆ เธอก็คงไม่มีชีวิตอยู่ในตอนนี้ คุณหมอถอนหายใจ “ให้สูตินารีแพทย์ตรวจดูผลของคุณ และดูว่ามีอะไรที่เราสามารถทำได้หรือเปล่า” “มีอะไรที่ทำได้อีกหรือคะ?” หลิง อี้หรานตะลึงไปชั่วขณะ “มีวิธีอื่นอีกหรือคะ?” “คุณยังอายุน้อย เราไม่สามารถบอกได้ว่าโอกาสของคุณเป็นศูนย์ นอกจากนี้ในทางการแพทย์ ก็ยังไม่มีอะไรที่แน่นอน” ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ความหวังเริ่มงอกเงยขึ้นภายในใจของหลิง อี้หราน แม้ว่าเธอจะรู้ว่าความหวังนั้นมันช่างเล็กน้อยเพียงใด ปต่มันก็ยังคงเป็นความหวัง ใช่ไหมล่ะ? หากมีวิธีที่เธอจะรักษามดลูกได้ นั่นหมายความว่าเธอสามารถมีลูกได้ ถูกไหม? เมื่อเธอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ใบหน้าของอี้ จิ่นหลีก็ปรากฏขึ้นในความคิดของเธอ ถ้าเธอสามารถมีลูกได้ แล้วพ่อของเด็กก็จะ... “เอาล่ะ เสร็จแล้ว คุณสามารถลุกขึ้นได้” คำพูดของแพทย์ขัดจังหวะฝันกลางวันของหลิง อี้หราน เธอลุกขึ้นจากเตียงตรวจทันทีและจัดระเบียบเสื้อผ้า เธอรู้สึกได้ถึงอัตราการเต้นของหัวใจที่รวดเร็วเพราะความคิด
หลังจากที่หลิง อี้หรานพูดเสร็จ เธอก็ไม่ได้อยากที่จะอภิปรายกับกวาน ลี่หลี่ต่ออีก เธอแจ้งพยาบาลที่อยู่กับเธอ และพวกเขาก็ไปที่การตรวจถัดไป กวาน ลี่หลี่ถูกทิ้งไว้ที่จุดเดิม เธอจ้องมองไปทางด้านหลังของหลิง อี้หรานอย่างโกรธแค้น เมื่อเธอหันกลับมาอีกครั้ง เธอก็ต้องเผชิญกับการจ้องมองของเพื่อนร่วมงาน กวาน ลี่หลี่ยิ้มอย่างอับอายและเข้าไปต่อคิวขณะที่รู้สึกพ่ายแพ้ หลังจากผ่านปัญหามามากมาย เธอก็ยังไม่เห็นว่าหลิง อี้หรานจะมีเงินพอที่จะซื้อแพ็คเกจวีไอพีได้ หลังจากที่หลิง อี้หรานตรวจสุขภาพที่จำเป็นทั้งหมดเสร็จแล้ว เธอก็กลับไปที่อี้ จิ่นหลีรออยู่ “เสร็จแล้วเหรอ?” อี้ จิ่นหลีถาม “เสร็จแล้ว แต่บางส่วนของรายงา สามารถทำได้ในช่วงบ่ายน่ะ” หลิง อี้หรานตอบ “งั้นเราไปกินอาหารเช้ากันเถอะ ตั้งแต่เช้าพี่ยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ” อี้ จิ่นหลีเสนอ “ได้สิ” หลิง อี้หรานออกจากโรงพยาบาลไปพร้อมกับอี้ จิ่นหลี “พี่อยากไปกินที่ไหน?” “ไปหาดูที่ใกล้ ๆ แล้วกัน” ตอนนี้เพิ่งจะเป็นเวลาเก้าโมงเช้า ร้านแผงลอยส่วนใหญ่น่าจะยังไม่หมด “โอเค” เขายิ้มและจับมือเธอ ขณะที่พวกเขาเดินไปที่แผงขายของที่อยู่ใกล้
หลิง อี้หรานครุ่นคิดและพบว่ามันสมเหตุสมผลเธอจึงพยักหน้าและพูดว่า “โอเค” จากนั้นเธอก็กินอาหารเช้าในขณะที่อี้ จิ่นหลียังคงสังเกตเธอ บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาสังเกตการกระทำของเธอตอนที่เธอกัดแต่ละคำ การเคลื่อนไหวและปาท่องโก๋ รวมถึงการตักเต้าฮวยแต่ละคำของเธอ มันช่างน่ารักมากในสายตาของเขา ผมหางม้า หน้าผากที่เกลี้ยงเกลา และใบหน้าที่สง่างามของเธอ ดวงตาที่ส่องประกายคู่นั้น จมูกเล็ก ๆ และริมฝีปากสีชมพูเหล่านั้น... ทุกอย่างสมบูรณ์แบบสำหรับเขา เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งเขาจะตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้ ดูเหมือนว่าเธอดูธรรมดาสำหรับเขามาก ตอนที่หลิง อี้หรานกำลังกิน เธอมองไปเรื่อยเปื่อยจนทำให้ดวงตาอัลมอนด์ของเธอสบกับสายตาของอี้ จิ่นหลีมี่กำลังมองเธออย่างจดจ่อ ในเสี้ยววินาทีเธอก็รู้สึกว่าสมองของเธอถูกดึงดูดด้วยดวงตาคู่นั้น “หือออ... มีอะไรเหรอ?” เธอพึมพำ “ไม่มีอะไร ผมแค่เห็นว่าพี่สวยมาก” หลิง อี้หรานตกตะลึง เขาเคยเห็นผู้หญิงสวย ๆ มากมาย แต่เขาก็ยังพูดแบบนี้กับเธอ ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังละเลยการใช้ครีมดูแลผิวของเธอด้วยในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เธอรู้ว่าหน้าตาของเธอตอนนี้ คนส่วนใหญ่จะม
“เครื่องครัวและเครื่องนอนสามารถขายได้ที่ร้านขายของมือสอง ส่วนเสื้อผ้าและรองเท้าฉันยังใส่ได้ ฉันจะเอากลับไป” อี้ จิ่นหลีมองไปที่เสื้อผ้าและรองเท้าที่หลิง อี้หรานต้องการนำกลับไปด้วย พวกนั้นมันเป็นเสื้อผ้าเก่า แม้ว่าคุณภาพจะดีแต่สไตล์ก็ล้าสมัยและสีบางส่วนก็ซีดจางแล้ว อี้ จิ่นหลีเข้าใจว่าเสื้อผ้าเหล่านี้น่าจะเป็นของเธอก่อนที่เธอจะต้องเข้าคุก อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้พูดอะไร ท้ายที่สุดแม้ว่าเขาจะต้องการให้เงินเธอและบอกให้เธอซื้อใหม่ แต่เขาก็ยังต้องค่อย ๆ ทำสิ่งนั้นอย่างช้า ๆ เขากลัวว่าถ้ารีบเกินไปอาจจะทำให้เธอตกใจได้ มันเป็นเพียงการเริ่มต้นที่จะค่อย ๆ ทะลายกำแพงของเธอกับเขา “ทำไมคุณไม่รอฉันที่นี่? เดี๋ยวฉันก็กลับมาแล้ว” หลิง อี้หรานกล่าว จากนั้นเธอก็หยิบเครื่องครัว และเครื่องนอนที่เธอเก็บรวบรวมเพื่อนำไปที่ร้านขายของมือสอง อี้ จิ่นหลีเร็วกว่าเธอและแย่งของไปจากเธอ “ให้ผมแบกของพวกนี้เอง เปิดประตูให้ผมหน่อยสิ” "โอ้" เธอตอบและเดินไปที่ประตูเพื่อเปิดมัน อี้ จิ่นหลีเดินออกจากบ้านพร้อมกับถือถุงเครื่องครัวในมือข้างหนึ่งและอีกข้างหนึ่งถือชุดเครื่องนอน หลิง อี้หรานรีบปิดประต
อี้ จิ่นหลีหยุดเดินชั่วครู่ ขณะที่ดวงตาสีดำของเขากำลังจ้องมาที่เธอ เธองงงวย “มันคืออะไร?” “ถ้าผมหลอกพี่ล่ะ จะทำยังไง?” ทันใดนั้นเขาก็ถาม เธอผงะไปชั่วครู่ ขณะที่รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอค่อย ๆ หายไป ด้วยความลำบากใจ เธอเม้มริมฝีปากและมองเขาอย่างเคร่งขรึม “จิน ฉันไม่ชอบเวลาที่มีคนมาโกหกฉัน ฉันคิด มาตลอดว่าเพื่อความสัมพันธ์ที่ยืนยาวเราควรซื่อสัตย์ต่อกัน อย่างน้อยที่สุดก็คือการไม่โกหกกัน เขาเงียบ แต่สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่เธอ “คุณจะหลอกฉันเหรอ?” เธอถามอีกครั้ง หัวใจของเธอรู้สึกกังวลและไม่สบายใจราวกับว่า เธอกลัวว่าเขาจะตอบว่าใช่ เธอกลัวว่าสิ่งที่พวกเขาทำจะอยู่ในทัศนคติที่ตรงกันข้ามกัน หากพวกเขาไม่มีทัศนคติที่ตรงกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาจะดำเนินความสัมพันธ์ต่อไปอย่างไร? มือของเขาที่อยู่ข้าง ๆ กำลังกำแน่นอย่างไม่สังเกตเห็น จากนั้นริมฝีปากของเขาก็ค่อย ๆ ขยับขณะที่เขาเปล่งเสียงออกมา “ผมไม่มีทางที่จะทำแบบนั้น” เมื่อเธอได้ยินคำตอบของเขา เธอรู้สึกราวกับว่าก้อนหินถูกยกออกจากหัวใจของเธอ และถอนหายใจ 'โชคดีที่เขาจะไม่หลอกฉัน' “ทำไมล่ะ พี่กลัวว่าคำตอบจะไม่ใช่สิ่งท
เขาคลายการกอดลงเล็กน้อย แต่ยังคงกอดเธอต่อไป “พี่สาว ห้ามบอกผมว่าพี่จะเลิกกับผมอีกนะ ตกลงไหม?” เขาก้มศีรษะลง มีความรู้สึกทุกข์ใจที่เพิ่มขึ้นในดวงตาอันแวววาวของเขา อย่างที่เธอ ไม่เคยเห็นมาก่อน ราวกับว่าถ้าเธอบอกเขาว่าเธอต้องการที่จะเลิกราเป็นอะไรที่ทำให้เขาเสียสูญ เธอ... สำคัญกับเขาขนาดนั้นเลยหรือ? สำคัญมากจนเขายอมรับสถานการณ์สมมุติไม่ได้เลยด้วยซ้ำอย่างนั้นหรือ? หลิง อี้หรานรู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างติดอยู่ในใจของเธอ มันทำให้เธอรู้สึกอึดอัด เธอไม่สามารถดึงมือของตัวเองออกและคืนกอดให้กับเขาได้ “ตกลง จิน ฉันจะไม่พูดคำว่า ‘เลิก’ อีก” สัญญานี้เป็นคำมั่นสัญญาของเธอเช่นเดียวกัน ในขณะนี้เธอไม่ได้คิดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความหมายและคุณค่าที่อยู่เบื้องหลังคำสัญญานี้ แต่ตอนนี้เธอไม่อยากเห็นเขาเป็นแบบนั้น นั่นจะทำให้เธอรู้สึกหดหู่... ในช่วงบ่ายหลิง อี้หรานและอี้ จิ่นหลีกลับไปที่โรงพยาบาล ผลการตรวจสุขภาพของเธอก็พร้อมที่จะรวบรวมแล้ว ปัญหาหลักของเธอมาจากการบาดเจ็บครั้งเก่าของเธอ แม้ว่าอาการ บาดเจ็บเหล่านั้นจะหายเป็นปกติแล้ว แต่เมื่อใดก็ตามที่อากาศเย็นและชื้น ข้อต่อบางส่วนของเธอก็