“พี่ขอเงินฉัน 50 ล้านดอลลาร์ ทำไมพี่ไม่ขอให้ผมช่วยหาว่าแม่ของพี่ฝังอยู่ที่ไหนล่ะ?” เขาถาม เธอตกใจมาก เขาเตือนเธอ เธอช่างโง่จริง ๆ ถึงเธอจะให้เงินพ่อของเธอ 50 ล้านดอลลาร์ พ่อของเธอจะพอใจเหรอ? เขาจะไม่ขออะไรอีกเหรอ? จริงที่อี้ จิ่นหลี พูด แทนที่จะขอเงินเขา 50 ล้านดอลลาร์ ทำไมเธอไม่ขอให้เขาช่วยค้นหาว่า หลุมฝังศพแม่ของเธออยู่ที่ไหน เธอบอกได้เพียงว่า เธอตื่นตระหนก เธอจึงนึกไม่ถึงเรื่องง่าย ๆ เช่นนี้ “พาฉันไปที่นั่นได้ไหม?” หลิง อี้หราน ถามอย่างกังวล เธอจะสบายใจได้ก็ต่อเมื่อเธอแน่ใจว่าแม่ของเธอถูกฝังอยู่ที่ไหน “ไม่ต้องรีบร้อน พี่ต้องพักก่อน งีบสักหน่อยนะ ถ้าพี่ง่วง” อี้ จิ่นหลี กล่าว ถึงอย่างนั้น หลิง อี้หราน ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะสามารถนอนหลับได้! เธอมองหาเขาอย่างไม่หยุดหย่อน ประมาณ 15 นาทีต่อมา โทรศัพท์ของอี้ จิ่นหลี ก็ดังขึ้น ครู่หนึ่ง อี้ จิ่นหลี ตอบกลับว่า “โอเค เข้าใจแล้ว รอฉันที่นั่น และจัดการทุกอย่างที่ฉันบอกโดยเร็วที่สุด” ด้วยเหตุนี้เขาจึงวางโทรศัพท์ลง เขาลุกขึ้นยืนและพูดกับหลิง อี้หราน ว่า “มากับผมสิ” หลิง อี้หราน ก็ตระหนักขึ้นได้ทันทีว่า เขากำลังจะพาเธอไปที่หลุม
“จากการตรวจสอบของเราพบว่า พ่อของคุณหลิง จ่ายค่าเช่าที่นี่ 3 เดือน”หลังจากนำโลงศพแม่ของเธอมาไว้ เขาได้มาเยี่ยมบ้างในช่วงแรก ๆ และเขาก็ไม่ได้มาอีกเลยตั้งแต่ตอนนั้น เขาไม่ได้ติดต่อกับสุสานหรือเตรียมการใด ๆ เพื่อซื้อที่ฝังศพเลยครับ” เกา ฉงหมิง กล่าว หลิง อี้หราน ก้มหน้าลงและมองไปที่โลงศพตรงหน้าของเธอ พ่อของเธอ... ไม่เคยตั้งใจจะย้ายหลุมศพแม่ของเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เขาทำทั้งหมดนี้เพื่อแบล็กเมล์เธอ เขาอาจจะทิ้งโลงศพไปให้เธอ เมื่อเขาได้รับผลประโยชน์จากเธอมากพอ เขายังสามารถงุบงิบเงินได้ในสุสานอีกเหรอ! เธอสงสัยว่าแม่ของเธอจะรู้สึกอย่างไร ถ้าเธอรู้ว่าผู้ชายที่เธอเคยรักได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไร หลังจากที่เธอเสียชีวิตไป หลิง อี้หราน พบว่ามันเป็นเรื่องที่ตลกและน่าเศร้า จมูกของเธอเจ็บเล็กน้อย แต่คราวนี้น้ำตาของเธอไม่ไหลออกมาอีกเเล้ว บางทีอาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ เธอร้องไห้มากเกินไปจนทำไม่มีน้ำตาให้ไหลออกมาในครั้งนี้ “ขอบคุณนะ” หลิง อี้หราน กล่าวขณะที่เธอเงยหน้าขึ้นมองอี้ จิ่นหลี หากไม่มีเขา เธอไม่มีทางได้ พบอัฐิของแม่ “ถ้าพี่ต้องการขอบคุณผมจริง ๆ พี่อาจจะได้ขอบคุณผมอีกในภายหลัง” อ
“ไม่ ที่นี่มันดีแล้ว” หลิง อี้หราน เธอกล่าวอย่างรวดเร็ว สุสานที่เขาเลือกให้เธอแยกออกมาจากสุสานอื่นๆ ถ้าจะให้อธิบายว่าเป็นบ้าน สุสานอื่นเปรียบเสมือนอพาร์ตเมนต์ ขณะที่สุสานของแม่เธอที่เขาเลือก เปรียบเสมือนคฤหาสน์หรู มันเป็นพื้นที่ว่างขนาดเล็กที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้ ห่างจากหลุมศพไม่กี่เมตร มีโต๊ะและเก้าอี้ที่ทำจากหินเพื่อให้ผู้ที่มาเยี่ยมได้นั่งพักผ่อน “เยี่ยม พี่สามารถใส่อัฐิแม่ของพี่เข้าไปได้แล้ว” อี้ จิ่นหลี กล่าว หลิง อี้หราน พยักหน้าและก้มลงวางอัฐิของแม่เธอลงในหลุมฝังศพ จากนั้นคนงานก็ปิดทับด้วย หินชนวนและเทปูนซีเมนต์ลงไปเพื่อปิดผนึก เจ้าหน้าที่สุสานยื่นสัญญาให้หลิง อี้หราน สัญญาฉบับนี้สำหรับ 50 ปี อย่างนั้นก็เถอะ หลิง อี้หราน เห็นว่าค่าใช้จ่ายมันมากมหาศาล ถึงยังไม่มีเหตุ เธอก็ไม่สามารถซื้อ ที่ดินที่มีราคาแพงขนาดนี้ “นายน้อยอี้จัดการค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว คุณต้องลงชื่อตรงนี้ค่ะคุณหลิง” เจ้าหน้าที่สุสานกล่าว หลิง อี้หราน รู้ว่าเธอติดหนี้บุญคุณอี้ จิ่นหลี ครั้งใหญ่หลวง เธอกัดริมฝีปากของเธอเล็กน้อยและจับปากกาเซ็นชื่อ สุดท้ายมันไม่ใช่เวลาที่จะต้องกังวลกับเรื่องความภาคภูมิใจท
ผมสีเข้มและลำคอที่ดูโฉบเฉี่ยวมองผ่านจากเส้นผมของเธอ เธอสามารถเห็นรูปร่าง ใบหูข้างหนึ่ง และรายละเอียดบนใบหน้าของเขาได้ เธอไม่สามารถละสายตาจากเขาได้ เธอรู้สึกว่าใบหูของเขาดูดีกว่าผู้ชายทั่วไปด้วยซ้ำ เมื่อเขายืดตัวยืนขึ้นและหันมาเจอหน้ากับเธอ เธอรู้สึกราวกับมีอะไรมากระทบหัวใจของเธอ ภายใต้แสงจันทร์ดวงตาของเขาเหมือนกลีบดอกท้อที่ตกลงมาในทะเลสาบทำให้เกิดระลอกคลื่นสีน้ำเงิน ริมฝีปากของเขาค่อย ๆ เปิดและปิด สิ่งเหล่านั้นเหมือนเชือกที่กวนใจเธอ เพียงแค่นั้น เหมือนราวกับว่าท้องฟ้าและโลกทั้งใบได้หายไป เธอสามารถมองเห็นเพียงแค่เขา จากนั้น เธอมองใบหน้าของเขาที่กำลังเข้ามาใกล้เธอขึ้นเรื่อย ๆ รูปลักษณ์ของเขานั้นงดงาม ราวกับผลงานชิ้นเอกที่ละเอียด ประณีตที่สุดของเทพเจ้า “เป็นอะไรหรือเปล่า?” ในที่สุดหูของเธอก็ได้ยินเสียงของเขา เธอตัวสั่น เธอกลับมามีสติอีกครั้ง หลังที่เธอพบว่าเธอตกอยู่ในภวังค์เพียงแค่มองไปที่เขา “ไม่… ไม่ได้เป็นอะไร” หลิง อี้หราน กล่าวอย่างรวดเร็ว “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ตอนนี้เรากลับกันได้ พี่มาที่นี่ได้เสมอเมื่อต้องการมาเยี่ยมแม่ของพี่ แม้ว่าพ่อของพี่จะรู้ว่าแม่ของพี่ฝังอยู่ที
เธอมองเขาและตกอยู่ในภวังค์ชั่วขณะราวกับว่าพวกเขาอยู่ใกล้กันอย่างหาที่เปรียบมิได้อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาต่อมาดวงตาของเธอดูเหมือนจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมในการพยายามหลีกหนีจากการจ้องมองของเขา สิ่งที่แตกต่างจากในอดีตคือ ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นการต่อสู้ ครู่หนึ่งที่ผ่านไป เธอไม่รู้ว่าจะตอบเขาอย่างไร ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงและพลันแดงขึ้นเรื่อย ๆ ภายใต้การจ้องมองของเขา "ทำไมพี่ไม่มองผม ผมอยากให้พี่มองผม พี่สาว!" เขาโน้มตัวเข้าใกล้เธอขณะที่เขาพูด ราวกับว่าเธอถูกสะกดจิตด้วยน้ำเสียงของเขา ขณะที่ดวงตาของเธอสบเข้ากับใบหน้าของเขาโดยไม่รู้ตัว ชายคนนี้กำลังมองเธออย่างอ่อนโยนในตอนนี้ และดูเหมือนว่าจะมีความปรารถนาและความผูกพันธ์ในรูปลักษณ์นั้น ผมม้าของเขาถูกเสยกลับขึ้นไปเผยให้เห็นหน้าผากเต็ม ๆ ในความคิดของเธอ เขาซ้อนทับกับจินอยู่ตลอดเวลาในความทรงจำของเธอ จินเคยมองเธอแบบนั้น "พี่ชอบผมในแบบไหนเหรอ?" เสียงของเขาพึมพำในหูของเธออีกครั้ง ใบหน้าของเธอรู้สึกผิดวูบหนึ่งและเธอก็เปิดปากปฏิเสธ คำพูดของเธอยังคงดูเหมือนติดอยู่ในลำคอ ฉันชอบเขาเหรอ? หลิง อี้หราน ถามตัวเอง ถ้าเขาเป
ทั้งหมดที่เขาทำตั้งแต่แรก เขาเต็มใจที่จะทำให้เธอ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เมื่อเวลาผ่านไปเขาต้องการมากขึ้น เขาอยากให้เธอชอบเขามากกว่านี้ เขาต้องการให้เธอไม่ไปชอบผู้ชายคนไหนอีกนอกจากเขา เขาไม่สามารถยอมรับที่อนาคตของเธออาจจะต้องเกี่ยวข้องกับชายอื่นนอกจากเขา ทุกครั้งที่เขาคิดถึงสิ่งนั้น มันทำให้เขาเต็มไปด้วยความหึงหวง ความหึงหวง... เกิดขึ้นเพราะเธอ ในที่สุดเขาก็รู้ว่าความหึงหวงนั้นรู้สึกอย่างไร หลิง อี้หราน เงยหน้าขึ้นและมองไปที่อี้ จิ่นหลี อย่างค่อย ๆ มือของเขาลูบไล้แก้มของเธออย่างอ่อนโยน และเธอก็เริ่มจำรายละเอียดช่วงเวลาของเขาและเธอได้ แม้ว่าเธอจะยังคงกลัวเขาอยู่บ้าง แต่บางทีเธอก็ชอบเขาเหมือนกับที่เขาพูดในรถ บางทีเธออาจจะชอบเขาตอนที่เขาเป็นจิน “คุณอยากให้ฉันชอบคุณจริง ๆ เหรอ?” เธอพึมพำ “ใช่สิ” เขาตอบโดยไม่ลังเล “คุณมีความรู้สึกแบบไหนกับฉันกันแน่ มันอาจเป็นเพราะคุณคิดว่าฉันเป็นของชิ้นใหม่หรือเปล่า เพราะแบบนั้น... ฉันถึงเป็นเกมที่น่าสนุก?” เธอดึงความกล้าออกมา เพื่อถามคำถามภายในใจของเธอ ดวงตาของเขามืดลงและเขาก็ยิ้มเยาะ “ถ้าผมคิดแค่ว่าพี่เป็นตัวละครในเกมขอ
บางทีเธออาจจะพูดคำเหล่านั้นอย่างหุนหันพลันแล่นเมื่อคืนนี้ แต่สิ่งที่เธอพูดก็เป็นความจริงเช่นกัน ดูเหมือนเธอจะตกหลุมรักผู้ชายคนนี้โดยไม่รู้ตัว... ชายคนนี้มีชื่อว่า อี้ จิ่นหลี เธอรู้สึกได้ถึงความกลัวและความเสน่หากับเขา มันเป็นสองอารมณ์ที่แตกต่างกัน แต่ก็เป็นความแตกต่างที่ลงตัว “พี่บอกว่าอยากเดทกับผมด้วยใช่ไหม?” เขากล่าวเพิ่ม "ฮะ!" หลิง อี้หราน สั่นระริก จากนั้นเธอก็จำได้ว่าเขากอดเธอไว้ในอ้อมแขนหลังจากที่เธอบอกว่าเธอชอบเขาเมื่อคืน “ผมต้องทำยังไงให้พี่ชอบผมคนเดียว ไม่ไปชอบคนอื่น?” เมื่อเธอได้ยินแบบนี้เธอจึงพูดว่า "ชอบคุณคนเดียว... คุณหมายถึงแฟนหรือเปล่า?" "แฟนเหรอพี่สาว? พี่พยายามจะเดทกับผมเหรอ?" เขาพึมพำด้วยเสียงกระซิบเบา ๆ กับคำพูดของเธอ เดทเหรอ? เมื่อคำพูดนั้นเข้ามาในความคิดของเธอมันเหมือนกับว่าจิตใจของเธอว่างเปล่า บางทีอาจเป็นเพราะเธอไม่เคยคิดที่จะคบกับเขา เขามองเธอด้วยรอยยิ้ม “งั้นมาเดทกันนะครับพี่สาว ว่าไง?” หลิง อี้หราน ไม่รู้ว่าจะตอบคำถามของอี้ จิ่นหลี อย่างไรในทันที ออกเดท? อี้ จิ่นหลี กับเธอเหรอ? ราวกับว่าสิ่งที่ไม่อาจหยั่งรู้ที่สุดกำลังจะเก
“ดูเหมือนว่าผมจะมองไม่ผิด คนที่ผมเจอวันก่อน นั่นคือคุณ” กู้ ลี่เฉิน มองไปที่โจว เชียนหยุน อย่างใจเย็น “คุณมาขอร้องผม อย่าบอกเย่ เวิ่นหมิง ว่าเจอคุณเหรอ?” โจว เชียนหยุน ตัวสั่น เมื่อเธอได้ยินคำว่า 'เย่ เวิ่นหมิง' เธอไม่ได้ยินใครเอ่ยชื่อนี้มานานแล้ว นี่เป็นชื่อของคนที่เธอรักและเกลียดสุดหัวใจ ตอนนี้เธอแค่อยากจะหนีไปจากชื่อนี้ให้พ้น ๆ และใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบ "ใช่ ฉันรู้ว่าฉันไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะคุยกับคุณ ฉันแค่หวังว่าคุณจะสงสารฉัน และทำเป็นลืมไปว่าคุณเคยเจอฉัน!" โจว เชียนหยุน ตอบหลังจากที่เธอกัดฟัน น้ำเสียงของเธอดูอ่อนน้อมถ่อมตน แม้ว่ากู้ ลี่เฉิน จะขอให้เธอคุกเข่าเธอก็ไม่ลังเลที่จะทำ “คุณควรที่จะรู้ว่าเขาตามหาคุณมาตลอดหลายปีนี้” กู้ ลี่เฉิน กล่าว โจว เชียนหยุน เม้มริมฝีปากของเธอและไม่พูดอะไร ชายคนนั้นตามหาเธอเพียงเพราะเขาคิดว่า เธอได้รับความทุกข์ทรมานไม่มากพอ และเส้นทางที่น่าสังเวชที่เขามอบให้ เขาตามหาเธอเพราะเธอ 'หายตัวไป' โดยไม่คาดคิด "ขอร้องเถอะคุณกู้ คุณต้องรู้เรื่องราวระหว่างเขากับฉัน ฉันแค่อยากอยู่อย่างสงบสุข ฉันไม่ได้ทำร้ายใคร และฉันก็ไม่อยาก