“พี่ขอเงินฉัน 50 ล้านดอลลาร์ ทำไมพี่ไม่ขอให้ผมช่วยหาว่าแม่ของพี่ฝังอยู่ที่ไหนล่ะ?” เขาถาม เธอตกใจมาก เขาเตือนเธอ เธอช่างโง่จริง ๆ ถึงเธอจะให้เงินพ่อของเธอ 50 ล้านดอลลาร์ พ่อของเธอจะพอใจเหรอ? เขาจะไม่ขออะไรอีกเหรอ? จริงที่อี้ จิ่นหลี พูด แทนที่จะขอเงินเขา 50 ล้านดอลลาร์ ทำไมเธอไม่ขอให้เขาช่วยค้นหาว่า หลุมฝังศพแม่ของเธออยู่ที่ไหน เธอบอกได้เพียงว่า เธอตื่นตระหนก เธอจึงนึกไม่ถึงเรื่องง่าย ๆ เช่นนี้ “พาฉันไปที่นั่นได้ไหม?” หลิง อี้หราน ถามอย่างกังวล เธอจะสบายใจได้ก็ต่อเมื่อเธอแน่ใจว่าแม่ของเธอถูกฝังอยู่ที่ไหน “ไม่ต้องรีบร้อน พี่ต้องพักก่อน งีบสักหน่อยนะ ถ้าพี่ง่วง” อี้ จิ่นหลี กล่าว ถึงอย่างนั้น หลิง อี้หราน ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะสามารถนอนหลับได้! เธอมองหาเขาอย่างไม่หยุดหย่อน ประมาณ 15 นาทีต่อมา โทรศัพท์ของอี้ จิ่นหลี ก็ดังขึ้น ครู่หนึ่ง อี้ จิ่นหลี ตอบกลับว่า “โอเค เข้าใจแล้ว รอฉันที่นั่น และจัดการทุกอย่างที่ฉันบอกโดยเร็วที่สุด” ด้วยเหตุนี้เขาจึงวางโทรศัพท์ลง เขาลุกขึ้นยืนและพูดกับหลิง อี้หราน ว่า “มากับผมสิ” หลิง อี้หราน ก็ตระหนักขึ้นได้ทันทีว่า เขากำลังจะพาเธอไปที่หลุม
“จากการตรวจสอบของเราพบว่า พ่อของคุณหลิง จ่ายค่าเช่าที่นี่ 3 เดือน”หลังจากนำโลงศพแม่ของเธอมาไว้ เขาได้มาเยี่ยมบ้างในช่วงแรก ๆ และเขาก็ไม่ได้มาอีกเลยตั้งแต่ตอนนั้น เขาไม่ได้ติดต่อกับสุสานหรือเตรียมการใด ๆ เพื่อซื้อที่ฝังศพเลยครับ” เกา ฉงหมิง กล่าว หลิง อี้หราน ก้มหน้าลงและมองไปที่โลงศพตรงหน้าของเธอ พ่อของเธอ... ไม่เคยตั้งใจจะย้ายหลุมศพแม่ของเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เขาทำทั้งหมดนี้เพื่อแบล็กเมล์เธอ เขาอาจจะทิ้งโลงศพไปให้เธอ เมื่อเขาได้รับผลประโยชน์จากเธอมากพอ เขายังสามารถงุบงิบเงินได้ในสุสานอีกเหรอ! เธอสงสัยว่าแม่ของเธอจะรู้สึกอย่างไร ถ้าเธอรู้ว่าผู้ชายที่เธอเคยรักได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไร หลังจากที่เธอเสียชีวิตไป หลิง อี้หราน พบว่ามันเป็นเรื่องที่ตลกและน่าเศร้า จมูกของเธอเจ็บเล็กน้อย แต่คราวนี้น้ำตาของเธอไม่ไหลออกมาอีกเเล้ว บางทีอาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ เธอร้องไห้มากเกินไปจนทำไม่มีน้ำตาให้ไหลออกมาในครั้งนี้ “ขอบคุณนะ” หลิง อี้หราน กล่าวขณะที่เธอเงยหน้าขึ้นมองอี้ จิ่นหลี หากไม่มีเขา เธอไม่มีทางได้ พบอัฐิของแม่ “ถ้าพี่ต้องการขอบคุณผมจริง ๆ พี่อาจจะได้ขอบคุณผมอีกในภายหลัง” อ
“ไม่ ที่นี่มันดีแล้ว” หลิง อี้หราน เธอกล่าวอย่างรวดเร็ว สุสานที่เขาเลือกให้เธอแยกออกมาจากสุสานอื่นๆ ถ้าจะให้อธิบายว่าเป็นบ้าน สุสานอื่นเปรียบเสมือนอพาร์ตเมนต์ ขณะที่สุสานของแม่เธอที่เขาเลือก เปรียบเสมือนคฤหาสน์หรู มันเป็นพื้นที่ว่างขนาดเล็กที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้ ห่างจากหลุมศพไม่กี่เมตร มีโต๊ะและเก้าอี้ที่ทำจากหินเพื่อให้ผู้ที่มาเยี่ยมได้นั่งพักผ่อน “เยี่ยม พี่สามารถใส่อัฐิแม่ของพี่เข้าไปได้แล้ว” อี้ จิ่นหลี กล่าว หลิง อี้หราน พยักหน้าและก้มลงวางอัฐิของแม่เธอลงในหลุมฝังศพ จากนั้นคนงานก็ปิดทับด้วย หินชนวนและเทปูนซีเมนต์ลงไปเพื่อปิดผนึก เจ้าหน้าที่สุสานยื่นสัญญาให้หลิง อี้หราน สัญญาฉบับนี้สำหรับ 50 ปี อย่างนั้นก็เถอะ หลิง อี้หราน เห็นว่าค่าใช้จ่ายมันมากมหาศาล ถึงยังไม่มีเหตุ เธอก็ไม่สามารถซื้อ ที่ดินที่มีราคาแพงขนาดนี้ “นายน้อยอี้จัดการค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว คุณต้องลงชื่อตรงนี้ค่ะคุณหลิง” เจ้าหน้าที่สุสานกล่าว หลิง อี้หราน รู้ว่าเธอติดหนี้บุญคุณอี้ จิ่นหลี ครั้งใหญ่หลวง เธอกัดริมฝีปากของเธอเล็กน้อยและจับปากกาเซ็นชื่อ สุดท้ายมันไม่ใช่เวลาที่จะต้องกังวลกับเรื่องความภาคภูมิใจท
ผมสีเข้มและลำคอที่ดูโฉบเฉี่ยวมองผ่านจากเส้นผมของเธอ เธอสามารถเห็นรูปร่าง ใบหูข้างหนึ่ง และรายละเอียดบนใบหน้าของเขาได้ เธอไม่สามารถละสายตาจากเขาได้ เธอรู้สึกว่าใบหูของเขาดูดีกว่าผู้ชายทั่วไปด้วยซ้ำ เมื่อเขายืดตัวยืนขึ้นและหันมาเจอหน้ากับเธอ เธอรู้สึกราวกับมีอะไรมากระทบหัวใจของเธอ ภายใต้แสงจันทร์ดวงตาของเขาเหมือนกลีบดอกท้อที่ตกลงมาในทะเลสาบทำให้เกิดระลอกคลื่นสีน้ำเงิน ริมฝีปากของเขาค่อย ๆ เปิดและปิด สิ่งเหล่านั้นเหมือนเชือกที่กวนใจเธอ เพียงแค่นั้น เหมือนราวกับว่าท้องฟ้าและโลกทั้งใบได้หายไป เธอสามารถมองเห็นเพียงแค่เขา จากนั้น เธอมองใบหน้าของเขาที่กำลังเข้ามาใกล้เธอขึ้นเรื่อย ๆ รูปลักษณ์ของเขานั้นงดงาม ราวกับผลงานชิ้นเอกที่ละเอียด ประณีตที่สุดของเทพเจ้า “เป็นอะไรหรือเปล่า?” ในที่สุดหูของเธอก็ได้ยินเสียงของเขา เธอตัวสั่น เธอกลับมามีสติอีกครั้ง หลังที่เธอพบว่าเธอตกอยู่ในภวังค์เพียงแค่มองไปที่เขา “ไม่… ไม่ได้เป็นอะไร” หลิง อี้หราน กล่าวอย่างรวดเร็ว “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ตอนนี้เรากลับกันได้ พี่มาที่นี่ได้เสมอเมื่อต้องการมาเยี่ยมแม่ของพี่ แม้ว่าพ่อของพี่จะรู้ว่าแม่ของพี่ฝังอยู่ที
เธอมองเขาและตกอยู่ในภวังค์ชั่วขณะราวกับว่าพวกเขาอยู่ใกล้กันอย่างหาที่เปรียบมิได้อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาต่อมาดวงตาของเธอดูเหมือนจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมในการพยายามหลีกหนีจากการจ้องมองของเขา สิ่งที่แตกต่างจากในอดีตคือ ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นการต่อสู้ ครู่หนึ่งที่ผ่านไป เธอไม่รู้ว่าจะตอบเขาอย่างไร ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงและพลันแดงขึ้นเรื่อย ๆ ภายใต้การจ้องมองของเขา "ทำไมพี่ไม่มองผม ผมอยากให้พี่มองผม พี่สาว!" เขาโน้มตัวเข้าใกล้เธอขณะที่เขาพูด ราวกับว่าเธอถูกสะกดจิตด้วยน้ำเสียงของเขา ขณะที่ดวงตาของเธอสบเข้ากับใบหน้าของเขาโดยไม่รู้ตัว ชายคนนี้กำลังมองเธออย่างอ่อนโยนในตอนนี้ และดูเหมือนว่าจะมีความปรารถนาและความผูกพันธ์ในรูปลักษณ์นั้น ผมม้าของเขาถูกเสยกลับขึ้นไปเผยให้เห็นหน้าผากเต็ม ๆ ในความคิดของเธอ เขาซ้อนทับกับจินอยู่ตลอดเวลาในความทรงจำของเธอ จินเคยมองเธอแบบนั้น "พี่ชอบผมในแบบไหนเหรอ?" เสียงของเขาพึมพำในหูของเธออีกครั้ง ใบหน้าของเธอรู้สึกผิดวูบหนึ่งและเธอก็เปิดปากปฏิเสธ คำพูดของเธอยังคงดูเหมือนติดอยู่ในลำคอ ฉันชอบเขาเหรอ? หลิง อี้หราน ถามตัวเอง ถ้าเขาเป
ทั้งหมดที่เขาทำตั้งแต่แรก เขาเต็มใจที่จะทำให้เธอ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เมื่อเวลาผ่านไปเขาต้องการมากขึ้น เขาอยากให้เธอชอบเขามากกว่านี้ เขาต้องการให้เธอไม่ไปชอบผู้ชายคนไหนอีกนอกจากเขา เขาไม่สามารถยอมรับที่อนาคตของเธออาจจะต้องเกี่ยวข้องกับชายอื่นนอกจากเขา ทุกครั้งที่เขาคิดถึงสิ่งนั้น มันทำให้เขาเต็มไปด้วยความหึงหวง ความหึงหวง... เกิดขึ้นเพราะเธอ ในที่สุดเขาก็รู้ว่าความหึงหวงนั้นรู้สึกอย่างไร หลิง อี้หราน เงยหน้าขึ้นและมองไปที่อี้ จิ่นหลี อย่างค่อย ๆ มือของเขาลูบไล้แก้มของเธออย่างอ่อนโยน และเธอก็เริ่มจำรายละเอียดช่วงเวลาของเขาและเธอได้ แม้ว่าเธอจะยังคงกลัวเขาอยู่บ้าง แต่บางทีเธอก็ชอบเขาเหมือนกับที่เขาพูดในรถ บางทีเธออาจจะชอบเขาตอนที่เขาเป็นจิน “คุณอยากให้ฉันชอบคุณจริง ๆ เหรอ?” เธอพึมพำ “ใช่สิ” เขาตอบโดยไม่ลังเล “คุณมีความรู้สึกแบบไหนกับฉันกันแน่ มันอาจเป็นเพราะคุณคิดว่าฉันเป็นของชิ้นใหม่หรือเปล่า เพราะแบบนั้น... ฉันถึงเป็นเกมที่น่าสนุก?” เธอดึงความกล้าออกมา เพื่อถามคำถามภายในใจของเธอ ดวงตาของเขามืดลงและเขาก็ยิ้มเยาะ “ถ้าผมคิดแค่ว่าพี่เป็นตัวละครในเกมขอ
บางทีเธออาจจะพูดคำเหล่านั้นอย่างหุนหันพลันแล่นเมื่อคืนนี้ แต่สิ่งที่เธอพูดก็เป็นความจริงเช่นกัน ดูเหมือนเธอจะตกหลุมรักผู้ชายคนนี้โดยไม่รู้ตัว... ชายคนนี้มีชื่อว่า อี้ จิ่นหลี เธอรู้สึกได้ถึงความกลัวและความเสน่หากับเขา มันเป็นสองอารมณ์ที่แตกต่างกัน แต่ก็เป็นความแตกต่างที่ลงตัว “พี่บอกว่าอยากเดทกับผมด้วยใช่ไหม?” เขากล่าวเพิ่ม "ฮะ!" หลิง อี้หราน สั่นระริก จากนั้นเธอก็จำได้ว่าเขากอดเธอไว้ในอ้อมแขนหลังจากที่เธอบอกว่าเธอชอบเขาเมื่อคืน “ผมต้องทำยังไงให้พี่ชอบผมคนเดียว ไม่ไปชอบคนอื่น?” เมื่อเธอได้ยินแบบนี้เธอจึงพูดว่า "ชอบคุณคนเดียว... คุณหมายถึงแฟนหรือเปล่า?" "แฟนเหรอพี่สาว? พี่พยายามจะเดทกับผมเหรอ?" เขาพึมพำด้วยเสียงกระซิบเบา ๆ กับคำพูดของเธอ เดทเหรอ? เมื่อคำพูดนั้นเข้ามาในความคิดของเธอมันเหมือนกับว่าจิตใจของเธอว่างเปล่า บางทีอาจเป็นเพราะเธอไม่เคยคิดที่จะคบกับเขา เขามองเธอด้วยรอยยิ้ม “งั้นมาเดทกันนะครับพี่สาว ว่าไง?” หลิง อี้หราน ไม่รู้ว่าจะตอบคำถามของอี้ จิ่นหลี อย่างไรในทันที ออกเดท? อี้ จิ่นหลี กับเธอเหรอ? ราวกับว่าสิ่งที่ไม่อาจหยั่งรู้ที่สุดกำลังจะเก
“ดูเหมือนว่าผมจะมองไม่ผิด คนที่ผมเจอวันก่อน นั่นคือคุณ” กู้ ลี่เฉิน มองไปที่โจว เชียนหยุน อย่างใจเย็น “คุณมาขอร้องผม อย่าบอกเย่ เวิ่นหมิง ว่าเจอคุณเหรอ?” โจว เชียนหยุน ตัวสั่น เมื่อเธอได้ยินคำว่า 'เย่ เวิ่นหมิง' เธอไม่ได้ยินใครเอ่ยชื่อนี้มานานแล้ว นี่เป็นชื่อของคนที่เธอรักและเกลียดสุดหัวใจ ตอนนี้เธอแค่อยากจะหนีไปจากชื่อนี้ให้พ้น ๆ และใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบ "ใช่ ฉันรู้ว่าฉันไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะคุยกับคุณ ฉันแค่หวังว่าคุณจะสงสารฉัน และทำเป็นลืมไปว่าคุณเคยเจอฉัน!" โจว เชียนหยุน ตอบหลังจากที่เธอกัดฟัน น้ำเสียงของเธอดูอ่อนน้อมถ่อมตน แม้ว่ากู้ ลี่เฉิน จะขอให้เธอคุกเข่าเธอก็ไม่ลังเลที่จะทำ “คุณควรที่จะรู้ว่าเขาตามหาคุณมาตลอดหลายปีนี้” กู้ ลี่เฉิน กล่าว โจว เชียนหยุน เม้มริมฝีปากของเธอและไม่พูดอะไร ชายคนนั้นตามหาเธอเพียงเพราะเขาคิดว่า เธอได้รับความทุกข์ทรมานไม่มากพอ และเส้นทางที่น่าสังเวชที่เขามอบให้ เขาตามหาเธอเพราะเธอ 'หายตัวไป' โดยไม่คาดคิด "ขอร้องเถอะคุณกู้ คุณต้องรู้เรื่องราวระหว่างเขากับฉัน ฉันแค่อยากอยู่อย่างสงบสุข ฉันไม่ได้ทำร้ายใคร และฉันก็ไม่อยาก
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค