ผมสีเข้มและลำคอที่ดูโฉบเฉี่ยวมองผ่านจากเส้นผมของเธอ เธอสามารถเห็นรูปร่าง ใบหูข้างหนึ่ง และรายละเอียดบนใบหน้าของเขาได้ เธอไม่สามารถละสายตาจากเขาได้ เธอรู้สึกว่าใบหูของเขาดูดีกว่าผู้ชายทั่วไปด้วยซ้ำ เมื่อเขายืดตัวยืนขึ้นและหันมาเจอหน้ากับเธอ เธอรู้สึกราวกับมีอะไรมากระทบหัวใจของเธอ ภายใต้แสงจันทร์ดวงตาของเขาเหมือนกลีบดอกท้อที่ตกลงมาในทะเลสาบทำให้เกิดระลอกคลื่นสีน้ำเงิน ริมฝีปากของเขาค่อย ๆ เปิดและปิด สิ่งเหล่านั้นเหมือนเชือกที่กวนใจเธอ เพียงแค่นั้น เหมือนราวกับว่าท้องฟ้าและโลกทั้งใบได้หายไป เธอสามารถมองเห็นเพียงแค่เขา จากนั้น เธอมองใบหน้าของเขาที่กำลังเข้ามาใกล้เธอขึ้นเรื่อย ๆ รูปลักษณ์ของเขานั้นงดงาม ราวกับผลงานชิ้นเอกที่ละเอียด ประณีตที่สุดของเทพเจ้า “เป็นอะไรหรือเปล่า?” ในที่สุดหูของเธอก็ได้ยินเสียงของเขา เธอตัวสั่น เธอกลับมามีสติอีกครั้ง หลังที่เธอพบว่าเธอตกอยู่ในภวังค์เพียงแค่มองไปที่เขา “ไม่… ไม่ได้เป็นอะไร” หลิง อี้หราน กล่าวอย่างรวดเร็ว “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ตอนนี้เรากลับกันได้ พี่มาที่นี่ได้เสมอเมื่อต้องการมาเยี่ยมแม่ของพี่ แม้ว่าพ่อของพี่จะรู้ว่าแม่ของพี่ฝังอยู่ที
เธอมองเขาและตกอยู่ในภวังค์ชั่วขณะราวกับว่าพวกเขาอยู่ใกล้กันอย่างหาที่เปรียบมิได้อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาต่อมาดวงตาของเธอดูเหมือนจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมในการพยายามหลีกหนีจากการจ้องมองของเขา สิ่งที่แตกต่างจากในอดีตคือ ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นการต่อสู้ ครู่หนึ่งที่ผ่านไป เธอไม่รู้ว่าจะตอบเขาอย่างไร ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงและพลันแดงขึ้นเรื่อย ๆ ภายใต้การจ้องมองของเขา "ทำไมพี่ไม่มองผม ผมอยากให้พี่มองผม พี่สาว!" เขาโน้มตัวเข้าใกล้เธอขณะที่เขาพูด ราวกับว่าเธอถูกสะกดจิตด้วยน้ำเสียงของเขา ขณะที่ดวงตาของเธอสบเข้ากับใบหน้าของเขาโดยไม่รู้ตัว ชายคนนี้กำลังมองเธออย่างอ่อนโยนในตอนนี้ และดูเหมือนว่าจะมีความปรารถนาและความผูกพันธ์ในรูปลักษณ์นั้น ผมม้าของเขาถูกเสยกลับขึ้นไปเผยให้เห็นหน้าผากเต็ม ๆ ในความคิดของเธอ เขาซ้อนทับกับจินอยู่ตลอดเวลาในความทรงจำของเธอ จินเคยมองเธอแบบนั้น "พี่ชอบผมในแบบไหนเหรอ?" เสียงของเขาพึมพำในหูของเธออีกครั้ง ใบหน้าของเธอรู้สึกผิดวูบหนึ่งและเธอก็เปิดปากปฏิเสธ คำพูดของเธอยังคงดูเหมือนติดอยู่ในลำคอ ฉันชอบเขาเหรอ? หลิง อี้หราน ถามตัวเอง ถ้าเขาเป
ทั้งหมดที่เขาทำตั้งแต่แรก เขาเต็มใจที่จะทำให้เธอ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เมื่อเวลาผ่านไปเขาต้องการมากขึ้น เขาอยากให้เธอชอบเขามากกว่านี้ เขาต้องการให้เธอไม่ไปชอบผู้ชายคนไหนอีกนอกจากเขา เขาไม่สามารถยอมรับที่อนาคตของเธออาจจะต้องเกี่ยวข้องกับชายอื่นนอกจากเขา ทุกครั้งที่เขาคิดถึงสิ่งนั้น มันทำให้เขาเต็มไปด้วยความหึงหวง ความหึงหวง... เกิดขึ้นเพราะเธอ ในที่สุดเขาก็รู้ว่าความหึงหวงนั้นรู้สึกอย่างไร หลิง อี้หราน เงยหน้าขึ้นและมองไปที่อี้ จิ่นหลี อย่างค่อย ๆ มือของเขาลูบไล้แก้มของเธออย่างอ่อนโยน และเธอก็เริ่มจำรายละเอียดช่วงเวลาของเขาและเธอได้ แม้ว่าเธอจะยังคงกลัวเขาอยู่บ้าง แต่บางทีเธอก็ชอบเขาเหมือนกับที่เขาพูดในรถ บางทีเธออาจจะชอบเขาตอนที่เขาเป็นจิน “คุณอยากให้ฉันชอบคุณจริง ๆ เหรอ?” เธอพึมพำ “ใช่สิ” เขาตอบโดยไม่ลังเล “คุณมีความรู้สึกแบบไหนกับฉันกันแน่ มันอาจเป็นเพราะคุณคิดว่าฉันเป็นของชิ้นใหม่หรือเปล่า เพราะแบบนั้น... ฉันถึงเป็นเกมที่น่าสนุก?” เธอดึงความกล้าออกมา เพื่อถามคำถามภายในใจของเธอ ดวงตาของเขามืดลงและเขาก็ยิ้มเยาะ “ถ้าผมคิดแค่ว่าพี่เป็นตัวละครในเกมขอ
บางทีเธออาจจะพูดคำเหล่านั้นอย่างหุนหันพลันแล่นเมื่อคืนนี้ แต่สิ่งที่เธอพูดก็เป็นความจริงเช่นกัน ดูเหมือนเธอจะตกหลุมรักผู้ชายคนนี้โดยไม่รู้ตัว... ชายคนนี้มีชื่อว่า อี้ จิ่นหลี เธอรู้สึกได้ถึงความกลัวและความเสน่หากับเขา มันเป็นสองอารมณ์ที่แตกต่างกัน แต่ก็เป็นความแตกต่างที่ลงตัว “พี่บอกว่าอยากเดทกับผมด้วยใช่ไหม?” เขากล่าวเพิ่ม "ฮะ!" หลิง อี้หราน สั่นระริก จากนั้นเธอก็จำได้ว่าเขากอดเธอไว้ในอ้อมแขนหลังจากที่เธอบอกว่าเธอชอบเขาเมื่อคืน “ผมต้องทำยังไงให้พี่ชอบผมคนเดียว ไม่ไปชอบคนอื่น?” เมื่อเธอได้ยินแบบนี้เธอจึงพูดว่า "ชอบคุณคนเดียว... คุณหมายถึงแฟนหรือเปล่า?" "แฟนเหรอพี่สาว? พี่พยายามจะเดทกับผมเหรอ?" เขาพึมพำด้วยเสียงกระซิบเบา ๆ กับคำพูดของเธอ เดทเหรอ? เมื่อคำพูดนั้นเข้ามาในความคิดของเธอมันเหมือนกับว่าจิตใจของเธอว่างเปล่า บางทีอาจเป็นเพราะเธอไม่เคยคิดที่จะคบกับเขา เขามองเธอด้วยรอยยิ้ม “งั้นมาเดทกันนะครับพี่สาว ว่าไง?” หลิง อี้หราน ไม่รู้ว่าจะตอบคำถามของอี้ จิ่นหลี อย่างไรในทันที ออกเดท? อี้ จิ่นหลี กับเธอเหรอ? ราวกับว่าสิ่งที่ไม่อาจหยั่งรู้ที่สุดกำลังจะเก
“ดูเหมือนว่าผมจะมองไม่ผิด คนที่ผมเจอวันก่อน นั่นคือคุณ” กู้ ลี่เฉิน มองไปที่โจว เชียนหยุน อย่างใจเย็น “คุณมาขอร้องผม อย่าบอกเย่ เวิ่นหมิง ว่าเจอคุณเหรอ?” โจว เชียนหยุน ตัวสั่น เมื่อเธอได้ยินคำว่า 'เย่ เวิ่นหมิง' เธอไม่ได้ยินใครเอ่ยชื่อนี้มานานแล้ว นี่เป็นชื่อของคนที่เธอรักและเกลียดสุดหัวใจ ตอนนี้เธอแค่อยากจะหนีไปจากชื่อนี้ให้พ้น ๆ และใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบ "ใช่ ฉันรู้ว่าฉันไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะคุยกับคุณ ฉันแค่หวังว่าคุณจะสงสารฉัน และทำเป็นลืมไปว่าคุณเคยเจอฉัน!" โจว เชียนหยุน ตอบหลังจากที่เธอกัดฟัน น้ำเสียงของเธอดูอ่อนน้อมถ่อมตน แม้ว่ากู้ ลี่เฉิน จะขอให้เธอคุกเข่าเธอก็ไม่ลังเลที่จะทำ “คุณควรที่จะรู้ว่าเขาตามหาคุณมาตลอดหลายปีนี้” กู้ ลี่เฉิน กล่าว โจว เชียนหยุน เม้มริมฝีปากของเธอและไม่พูดอะไร ชายคนนั้นตามหาเธอเพียงเพราะเขาคิดว่า เธอได้รับความทุกข์ทรมานไม่มากพอ และเส้นทางที่น่าสังเวชที่เขามอบให้ เขาตามหาเธอเพราะเธอ 'หายตัวไป' โดยไม่คาดคิด "ขอร้องเถอะคุณกู้ คุณต้องรู้เรื่องราวระหว่างเขากับฉัน ฉันแค่อยากอยู่อย่างสงบสุข ฉันไม่ได้ทำร้ายใคร และฉันก็ไม่อยาก
'มีอะไรอีกไหม... เบื้องหลังอุบัติเหตุของหลิง อี้หราน?' กู้ ลี่เฉิน คิดและหัวเราะเล็กน้อย คนที่เสียชีวิตในอุบัติเหตุคือคู่หมั้นของอี้ จิ่นหลี เธอคือห่าว เหมยยวี่ ตอนนี้หลิง อี้หราน ก็อยู่กับอี้ จิ่นหลี ถึงแม้ว่าจะมีอย่างอื่นอยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุทางรถยนต์ในครั้งนั้น แต่อี้ จิ่นหลี ก็น่าจะตรวจสอบเป็นอย่างดี ทำไมเขาถึงมีอะไรคาใจ? ว่าแต่... "หลิง อี้หราน เริ่มทำงานในร้านอาหารของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่?" กู้ ลี่เฉิน ถามอย่างกะทันหัน "ฮะ?" โจว เชียนหยุน ตะลึง หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ตอบว่า "ประมาณครึ่งเดือนที่แล้ว เธอมาสมัครเป็นคนส่งของน่ะ" "เธอมักจะทำตัวยังไงที่ร้านอาหารของคุณเหรอ?" กู้ ลี่เฉิน ถามต่อ "เธอค่อนข้างดีเลยนะ เธอทำงานอย่างหนักเอาเบาสู้ ทำงานอย่างมีคุณภาพและไม่เคยบ่นเลย... " โจว เชียนหยุน อธิบายว่า หลิง อี้หลาน มีพฤติกรรมอย่างไรในร้านอาหาร ขณะที่กู้ ลี่เฉิน ฟังด้วยความหลงใหล เขาเอามือจับแก้มข้างหนึ่ง เขายิ้มเบา ๆ และใบหน้าที่เย็นชาแต่เดิม ของเขาก็สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนจาง ๆ โจว เชียนหยุน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ กู้ ลี่เฉิน มีความรู้สึกต่อหลิง อี้หราน เห
คำพูดเหล่านั้นทำให้หลิง กว๋อจื้อ โกรธ เมื่อเขาพยายามซักถามเจ้าของบ้าน เจ้าของบ้านก็ได้วางสายไปแล้ว "มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับโลงศพหรือเปล่า?" ฟาง ซุ่ยเอ๋อ ถามสามีของเธอทันที “เจ้าของบ้านบอกว่าเมื่อคืนมีคนไปที่นั่นและนำโลงศพไป!” หลิง กว๋อจื้อ กล่าว “พวกเขาเอาไปเหรอ แล้วเงิน 50 ล้านของเราล่ะ ถ้าไม่มีโลงศพของผู้หญิงคนนั้น เขาจะไม่ให้เงินเรา 50 ล้านดอลลาร์นะ!” ฟาง ซุ่ยเอ๋อ เป็นกังวล ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงความเป็นไปได้อื่น "พูดอย่างนั้นเธอคงต้องให้ใครบางคนเอาโลงศพของแม่เธอไปแล้ว... " ขมวดคิ้ว หลิง กว๋อจื้อ ทำหน้าบึ้งเพียงหยิบโทรศัพท์ของเขาขึ้นมา และโทรออกไปยังหมายเลขของหลิง อี้หราน ครู่ต่อมาหลิงอี้หรานรับโทรศัพท์ "ฮัลโหล?" "อี้หราน ฉันคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เราก็เป็นพ่อลูกกันไม่ว่าจะยังไงก็ตามเราก็ตัดกันไม่ขาด ถ้าแกไม่ให้เงิน 50 ล้านดอลลาร์กับฉัน ที่เราตกลงกันเมื่อวานนี้ได้ในคราวเดียว แกจะให้ครึ่งหนึ่งก่อนก็ได้ แล้วฉันจะบอกแกว่า แม่ของแกถูกฝังอยู่ที่ไหน แกได้บอกอี้ จิ่นหลี แล้วใช่ไหม เงินไม่น่าเป็นปัญหาสำหรับเขา” หลิง กว๋อจื้อ กล่าว แม้ว่าโลงศพของแม่เธอจะหายไป แต่เขา
เขาน่าจะดีกับเธอให้มากกว่านี้ ถ้าเขารู้ว่าเธอจะมีประโยชน์ขนาดนี้ แต่ตอนนี้มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้วสำหรับหลิง กว๋อจื้อ หลังจากได้ยินคำพูดของสามี ฟาง ซุ่ยเอ๋อ ก็อดไม่ได้ที่จะพูดดูถูก “อี้ จิ่นหลี ไปคบหาอดีตนักโทษแบบเธอได้ยังไงนะ? มันเป็นคนที่ฆ่าคู่หมั้นของอี้ จิ่นหลีแท้ ๆ !” “ฉันจะไปรู้ได้ยังไง?” หลิง กว๋อจื้อ บ่น “เฮ้ มันอาจจะเป็นได้แค่คนในความลับเท่านั้นแหละ" ฟาง ซุ่ยเอ๋อ กล่าว “ไม่เหมือนลั่วอิน ที่เปิดเผยอย่างเป็นทางการ... ลั่วอินสามารถแต่งงานกับตระกูลกู้ได้ ว่าแต่ลั่วอินเป็นคนให้เงินค่าเดินทางครั้งนี้แก่พวกเราไม่ใช่เหรอ?” หลิง กว๋อจื้อ รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อนึกถึงลูกสาวคนเล็ก ตอนนี้เขาทำได้แค่ตั้งความหวังไว้ที่ลูกสาวคนเล็กของเขา อี้ จิ่นหลี ส่งโทรศัพท์คืนให้ หลิง อี้หราน ด้วยสายตาที่ดุร้าย “พี่ต้องการให้ผมทำยังไงกับพ่อของพี่?” เขาถามเธอด้วยรอยยิ้ม แต่เธอสัมผัสได้ถึงความดุร้ายในดวงตาของเขา หลิง อี้หราน รู้ดี ไม่ว่าเธออยากจะทำอะไรกับพ่อของเธอ เขาจะทำเพื่อเธอทันทีที่เธอบอกเขา ถึงอย่างนั้นก็เถอะ... “ไม่เป็นไร มันดีสำหรับฉันและเขาที่จะลงเอยแบบนี้” หลิ