เธออดคิดไม่ได้ว่าเขา… ชอบเธอจริง ๆ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ความรักนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหนกัน? แม่ของเธอต้องคิดว่าพ่อของเธอรักหล่อนมากเมื่อหล่อนแต่งงานกับเขา อย่างไรก็ตาม ในใจของเขาไม่มีความรักหลงเหลือให้แม่ของเธออีกแล้ว สิ่งที่เคยเป็นความรักอันยากจะลืมเลือน เมื่อเวลาผ่านไปมันกลายเป็นเพียงเรื่องตลกในตอนนี้ ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยมีความสัมพันธ์ที่รักกับเซียว จื่อฉี ด้วยหรือ? เธอคิดว่าเธอได้พบใครบางคนที่คู่ควรกับชีวิตของเธอ แต่เขาก็หันหน้าหนีและรักษาระยะห่างจากเธอ! “พี่คิดว่าผมหลอกพี่ด้วยใช่ไหม?” อี้ จิ่นหลี ถามอย่างกะทันหัน หลิง อี้หราน ตกตะลึงไม่รู้ว่าจะตอบเขาอย่างไรในทันที ความคิดนั้นเข้ามาครอบงำจิตใจของเธอหลายครั้งแล้ว แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้หลอกอะไรเธอแล้ว แต่ที่เรียกว่าความรักของเขา มันจะอยู่ได้นานแค่ไหน? เธอไม่มีความมั่นใจในเรื่องนี้มากนัก อาจจะสักปีสองปี... หรืออาจจะแค่ไม่กี่เดือน “บอกผมว่าผมต้องทำยังไงเพื่อให้พี่มั่นใจว่าผมไม่ได้แค่จะหลอกไปเรื่อย” เขาจ้องมองเธอคำพูดที่เขาเปล่งออกมา เกือบจะทำให้เธอแทบจะกระโดดลงจากโซฟา “ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ? พี่จะเชื่อไหม ว่า
จูบนั้นมันรุนแรงจนแทบจะทำให้เธอสำลัก เมื่อมันจบลง หลิง อี้หราน รู้สึกตัวอ่อนละทวยลง ครึ่งหนึ่งของร่างกายของเธอถูกเขาโอบด้วยแขน “พี่อย่าคิดเรื่องการเลิกราเลยดีกว่า” อี้ จิ่นหลี พึมพำด้วยความแน่วแน่ที่ไม่มีที่สิ้นสุดในดวงตาที่สดใสของเขา "ตอนนี้พี่สัญญาว่าจะออกเดทกับผมแล้ว นับจากนี้ไปผมเป็นคนเดียวที่พี่สามารถเดทได้ ผมก็จะเดทกับพี่คนเดียวเช่นกัน" เสียงของเขานุ่มนวลและน่ารัก มันเหมือนกับตาข่ายที่มองไม่เห็นที่จับเธอไว้แน่น! ... เมื่อหลิง อี้หราน ทานอาหารกลางวันในห้องทำงานของอี้ จิ่นหลี เสร็จ เธอดูเวลาแล้วเธอก็รีบทำความสะอาดและออกจากห้องทำงานไป เมื่อเธอออกไป เธอก็พบกับเกา ฉงหมิง ซึ่งเป็นคนสุภาพและค่อนข้างแสดงความเคารพกับเธอ ขณะที่เขาพูดว่า "คุณจะไปหรือยังครับคุณหลิง?" “ค่ะ” หลิง อี้หราน ตอบ “เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพครับ” เกา ฉงหมิง กล่าว หลังจากที่หลิง อี้หราน เข้าไปในลิฟต์ ผู้บริหารระดับกลางข้าง ๆ เกา ฉงหมิง ก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “เธอ... เป็นใครเหรอ เลขาเกา?” จากที่ดูผู้หญิงคนนี้แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าราคาถูกและดูไม่เหมือนคนจากบริษัท อย่างไรก็ตาม เลขาส่วนตัวข
“มันจะเป็นเช่นนั้น พี่โจว พี่จะมีชีวิตอีกยาวไกลรออยู่ข้างหน้า ถ้าให้พูดในแง่ร้าย บางที ฉันอาจจะดีขึ้นในอนาคตก็ได้นะ” หลิง อี้หราน กล่าว โจว เชียนหยุน มองไปที่หลิง อี้หราน ด้วยความประหลาดใจ “ดูเหมือนเธอจะเปลี่ยนไปนิดนึงนะ” “เปลี่ยนเหรอ?” หลิง อี้หราน รู้สึกสับสน "ใช่ ตอนที่เธอมาที่ร้านของฉันครั้งแรก เธอดูหดหู่ราวกับว่าชีวิตกำลังถาโถมเธอ แต่ดูเธอตอนนี้สิ ความหดหู่ของเธอดูเหมือนจะหายไปแล้ว เหมือนกับเธอดูมีความหวังกับอนาคต" โจว เชียนหยุน กล่าว เธอ... มีความหวังกับอนาคตเหรอ? หลิง อี้หราน ตะลึง เป็นเพราะเหลียนอีช่วยเธอตรวจสอบคดีเหรอ? เป็นเพราะ… การเริ่มต้นใหม่ระหว่างเธอกับอี้ จิ่นหลี หรือเปล่า? คืนนั้นเมื่อหลิง อี้หราน ออกมาจากร้านอาหารเล็ก ๆ เธอก็เห็นรถคันหนึ่งจอดอยู่ไม่ไกลจากร้านอาหาร นั่นคือรถของ อี้ จิ่นหลี! เธอก้าวไปข้างหน้าประตูเปิดออก อี้ จิ่นหลี ที่นั่งอยู่เบาะหลัง เขาพูดกับเธอว่า "เข้ามาสิ" “ฉันจะปั่นจักรยานไฟฟ้ากลับ ไม่งั้นพรุ่งนี้เช้าจะมาที่นี่มันคงเป็นเรื่องยาก” เธอกล่าว ใครขอให้เขาอาศัยอยู่ในสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเป็นเจ้าของที่ดินและทรัพย์สินมากมาย
บางทีอาจเป็นเพราะประสบการณ์ของเธอ เธอจึงไม่ค่อยยอมพึ่งพาคนอื่นง่าย ๆ เมื่อคนที่เธอพึ่งพาได้จากไปแล้ว มันก็เหมือนกับภูเขาอีกลูกที่ถล่มใส่เธอ อี้ จิ่นหลี จ้องมองไปที่หลิง อี้หราน หลังจากนั้นไม่นานเธอก็หลับตาลงเล็กน้อย “ได้สิ ถ้าพี่ต้องการทำงานที่นี่ต่อ เพียงแค่บอกผมเมื่อพี่อยากจะเปลี่ยนงาน” “ได้สิ” หลิง อี้หราน พยักหน้า เธอไม่ได้ปฏิเสธข้อเสนอของอี้ จิ่นหลื ในครั้งนี้ “อ้อ อีกอย่าง คุณรอข้างนอกนานขนาดนี้ คุณกินข้าวเย็นแล้วเหรอ” จู่ ๆ หลิง อี้หราน ก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา “ยังไม่ได้กินน่ะสิ” อี้ จิ่นหลี ตอบ “เอ้า ทำไมไม่เข้าไปกินล่ะ?” หลิง อี้หราน ร้องอุทาน เป็นร้านอาหารเล็ก ๆ แต่อย่างน้อยก็มีอาหารมากมายที่เขาสามารถสั่งได้ หลิง อี้หราน ไม่ได้คิดอะไรมากว่าอาหารมันจะเหมาะกับเขาหรือเปล่า ในที่สุดเมื่ออี้ จิ่นหลี และเธออาศัยอยู่ในบ้านเช่า เขากินแม้แต่มื้ออาหารที่แสนธรรมดากับเธอ “เอาล่ะ คราวหน้าผมจะไป” อี้ จิ่นหลี ตอบ “...” จู่ ๆ หลิง อี้หราน ก็รู้สึกราวกับว่าเธอพูดอะไรผิด ถ้าอี้ จิ่นหลี เข้าไปในร้านอาหาร บรรยากาศของร้านอาจจะเปลี่ยนไป เมื่อรถมาถึงคฤหาสน์
หัวใจของหลิง อี้หราน ระเบิดออกมาด้วยความรู้สึกที่เรียกว่าความสุข กลับกลายเป็นว่าความไว้วางใจของเขา ทำให้เธอมีความสุขมากอี้ จิ่นหลี จ้องไปที่ผู้หญิงตรงหน้าขณะที่เขายังคงพึมพำต่อไป “เชื่อผมสิ ถ้าผมได้เจอพี่เร็วกว่านี้ และถ้าผมรู้ว่าผมจะรักพี่มาก ผมจะไม่ปล่อยให้พี่ต้องทนทุกข์ทรมานขนาดนั้นเลย”หลิง อี้หราน ตกตะลึง เขากำลังบอกความจริงที่ว่าคนเหล่านั้นทำร้ายเธอตอนที่เธออยู่ในคุก เพื่อต้องการเอาใจเขาใช่ไหม?“ฉันเชื่อ” หลิง อี้หราน ตอบด้วยเสียงกระซิบไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขา บางทีมันอาจถึงเวลาแล้วที่ต้องปล่อยไปเนื่องจากเธออยากจะเข้ากันได้กับเขา เธอจึงควรปล่อยวางความกลัวเมื่อเวลาอาหารได้จบลงไป คนรับใช้ก็ทำความสะอาดโต๊ะอาหาร ดูเหมือนว่าหลิง อี้หราน จะคิดอะไรบางอย่างได้ “คุณรู้จักผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทหูเทียมไหม?”“พี่ถามทำไม?” อี้ จิ่นหลี ถาม“ก็ลูกของพี่โจวน่ะ อาหยันน้อย อาจต้องการประสาทหูเทียมในสักวันหนึ่ง ฉันแค่สงสัยว่าเราจะหาผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ให้อาหยันน้อยได้ไหม และ... แม้ว่าพี่โจวจะจ่ายได้แค่ค่าประสาทหูเทียมราคาถูก ๆ ในตอนนี้ แต่มันจะเป็นไปได้ไหมที่เราจะหาประสาทหูเท
เขาเป็นหัวหน้าของตระกูลอี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ลูก ๆ ของตระกูลอี้จะได้รับมรดกและทรัพย์สินของตระกูลอี้ เขาจะจบต้นตระกูลอี้เพราะเธอเหรอ? หลิง อี้หราน ลืมคิดถึงเรื่องนี้ก่อนที่จะตกลงคบกับเขานานแค่ไหน?แต่แม้กรณีที่เธอเคยเผชิญมาก่อน ในครอบครัวที่มีอำนาจและร่ำรวยเช่นนี้ การมีทายาทเพื่อสืบทอดตระกูลนั้นมีความสำคัญมากกว่าในครอบครัวทั่วไป“เกิดอะไรขึ้น? ร่างกายของพี่...” เขากล่าวพร้อมกับขมวดคิ้วเธอก้มศีรษะลง และพักสายตาที่หน้าท้องแบนราบ “ครั้งหนึ่ง... ฉันถูกทุบตีจนมดลูก... เสียหาย ฉันรักษาจนหายดี แต่หมอบอกว่ามดลูกของฉันเสียหายเกินไป จนฉันอาจจะไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ในอนาคต”มันค่อนข้างยากสำหรับเธอที่จะพูดถึงเรื่องนี้ และมันเป็นเรื่องที่กระทบจิตใจของเธอดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า เธอถูกทุบตี? เธอถูกทุบตีเมื่อไหร่? ตอนที่เธออยู่ในคุกหรือเปล่า? เธอจะเจ็บปวดขนาดไหน?!ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็เริ่มสั่น ความทุกข์ทรมานทั้งหมดของเธอได้กลายเป็นความหนักหน่วงที่เกินจะรับไว้ในหัวใจของเขาจนเกือบจะทำให้เขากระอักยิ่งเธอเคยเจ็บปวดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเสียใจมากเท่านั้นในตอนนี้ถ้าตอนนั้นเขาสงสารเ
อย่างไรก็ตามตอนนี้มันแตกต่างออกไป ในขณะที่ความรักของเขาที่มีต่อเธอลึกซึ้งขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ตอนนี้เขาก็พบว่ามีบางสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ถ้าเขาไม่มีเธอเป็นภรรยา เขาก็ไม่อยากมีลูกเลย!หลิง อี้หราน จ้องไปที่ใบหน้าตรงหน้าเธอ และได้ยินเขากล่าวว่า “ผมเป็นคนเดียวที่พี่สามารถพึ่งพาได้ไปตลอดชีวิต”จากนั้นเขาบรรจงจูบริมฝีปากของเธอ มันเป็นจูบที่อ่อนโยน แต่กลับคลุมเครือไปด้วยความเอาแต่ใจ เธอไม่มีแรงที่จะต้านทานจูบของเขาขึ้นอยู่กับเขา... ...ความสัมพันธ์ของเธอกับอี้ จิ่นหลี ได้เริ่มต้นขึ้น นั่นเป็นสิ่งที่ไม่ได้คาดคิดสำหรับหลิง อี้หราน อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ บางครั้งมันทำให้เธอรู้สึกเหมือนได้กลับมาอยู่กับเขาในบ้านเช่าราวกับว่าเขาคือจินอีกครั้ง เธอสามารถลืมภาระและความเจ็บปวดของเธอได้ เธอรู้สึกผ่อนคลายเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา“เยี่ยมมาก ขอบคุณนะ ขอบคุณ!" เสียงของโจว เชียนหยุน ในโทรศัพท์ ทำให้หลิง อี้หราน มองไปที่เธอเธอเห็นเจ้านายของเธอที่ปกติมักจะเป็นเคร่งครึม แต่ตอนนี้ใบหน้าของเจ้านายเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แม้แต่ดวงตาของเธอก็ยังเปล่งประกายด้วยน้ำตา“เกิดอะไรขึ้นคะ พี่โ
พระเจ้า เขารู้บ้างไหมว่าคำพูดของเขาทำให้ชวนนึกภาพตาม?“พี่อยากสัมผัสผมไหม?” เสียงของเขาและท่าทางที่เขาเอียงคางไปด้านข้างหลังเล็กน้อย ดูเหมือนเป็นการยั่วยวนที่รุนแรง“ไม่... ไม่ล่ะ ขอบคุณ...” หลิง อี้หราน กล่าวตะกุกตะกัก เธอถึงความดันโลหิตที่พุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง“อย่างนั้นเหรอ?” เขายิ้มเล็กน้อย แม้ว่าจะมีความผิดหวังอยู่บนใบหน้าก็ตาม ทันใดนั้นเขาก็เปลี่ยนเรื่องและกล่าวว่า “ยังไงก็ตาม พี่มีวันหยุดช่วงบ่ายวันเสาร์ใช่ไหม?”“ใช่ ทำไมเหรอ?” เธอ ถาม“บ่ายวันเสาร์นี้ทำตัวให้ว่าง ผมจะพาพี่ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล” อี้ จิ่นหลี กล่าว“ตรวจร่างกาย?” หลิง อี้หราน รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“พี่ไม่ได้รับการตรวจร่างกายมาตั้งหลายปีแล้ว ดังนั้นไปตรวจร่างกายในวันเสาร์นี้ มันจำเป็นที่ต้องตรวจร่างกายประจำปี” เขากล่าวเธอเม้มริมฝีปากแล้วพยักหน้า “ก็ได้” เมื่อตอนเธอทำงานในสำนักงานกฎหมาย บริษัทของเธอเคยจัดให้มีการตรวจร่างกายให้กับพนักงาน อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้รับการตรวจร่างกายมาเกือบสี่ปีนับตั้งแต่ถูกจำคุกเมื่อคิดดูแล้ว ไม่เสียหายอะไรถ้าจะเข้ารับการตรวจเช็คร่างกายในตอนกลางคืน หลิง อี้หราน กำลังจะเข้าน
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค