พระเจ้า เขารู้บ้างไหมว่าคำพูดของเขาทำให้ชวนนึกภาพตาม?“พี่อยากสัมผัสผมไหม?” เสียงของเขาและท่าทางที่เขาเอียงคางไปด้านข้างหลังเล็กน้อย ดูเหมือนเป็นการยั่วยวนที่รุนแรง“ไม่... ไม่ล่ะ ขอบคุณ...” หลิง อี้หราน กล่าวตะกุกตะกัก เธอถึงความดันโลหิตที่พุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง“อย่างนั้นเหรอ?” เขายิ้มเล็กน้อย แม้ว่าจะมีความผิดหวังอยู่บนใบหน้าก็ตาม ทันใดนั้นเขาก็เปลี่ยนเรื่องและกล่าวว่า “ยังไงก็ตาม พี่มีวันหยุดช่วงบ่ายวันเสาร์ใช่ไหม?”“ใช่ ทำไมเหรอ?” เธอ ถาม“บ่ายวันเสาร์นี้ทำตัวให้ว่าง ผมจะพาพี่ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล” อี้ จิ่นหลี กล่าว“ตรวจร่างกาย?” หลิง อี้หราน รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“พี่ไม่ได้รับการตรวจร่างกายมาตั้งหลายปีแล้ว ดังนั้นไปตรวจร่างกายในวันเสาร์นี้ มันจำเป็นที่ต้องตรวจร่างกายประจำปี” เขากล่าวเธอเม้มริมฝีปากแล้วพยักหน้า “ก็ได้” เมื่อตอนเธอทำงานในสำนักงานกฎหมาย บริษัทของเธอเคยจัดให้มีการตรวจร่างกายให้กับพนักงาน อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้รับการตรวจร่างกายมาเกือบสี่ปีนับตั้งแต่ถูกจำคุกเมื่อคิดดูแล้ว ไม่เสียหายอะไรถ้าจะเข้ารับการตรวจเช็คร่างกายในตอนกลางคืน หลิง อี้หราน กำลังจะเข้าน
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะปฏิเสธ เมื่อหลิง อี้หราน รู้สึกตัว เธอก็นอนอยู่บนเตียงกับอี้ จิ่นหลี แล้วหลิง อี้หราน ถอนหายใจ ‘เอาล่ะ เรามานอนด้วยกันเถอะ’ ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เคยนอนด้วยกันมาก่อนเธอนอนอยู่บนเตียง แต่ยังไม่รู้สึกง่วงนอนเพราะการมีอยู่ของเขาบนเตียงเดียวกันดังนั้นหลิง อี้หราน จึงได้หาเรื่องชวนคุย “ทำไมคุณถึงยังเรียกฉันว่าพี่สาวล่ะ?”“พี่ไม่ชอบให้ผมเรียกแบบนั้นเหรอ?”เธอลังเล “ไม่เชิงหรอก ฉันแค่คิดว่า... เอ่อ มันดูแปลกไปหน่อยที่เรียกฉันแบบนั้นตอนเราคบกัน” ถ้าคนนอกที่ไม่รู้จักความสัมพันธ์ของพวกเขาได้ยินเขาเรียกเธออย่างนั้น พวกเขาอาจคิดว่าเธอเป็นพี่สาวของเขาแต่เธอก็เคยชินกับมันแล้ว เพราะเขาก็เรียกเธอแบบนั้นมาตั้งแต่ต้น“หรือให้ผมเรียกพี่ว่าอี้หรานต่อหน้าคนอื่น? แล้วเรียกว่าพี่... ตอนระหว่างผมอยู่กับกับพี่” เขากล่าว“คุณ... ดูเหมือนคุณจะชอบเรียกฉันว่าพี่นะ” เธอกล่าว“ใช่ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนขอให้ผมเรียกเธอว่าพี่”จู่ ๆ เธอก็รู้สึกเขินอาย“ตอนผมเรียกพี่ว่าพี่ มันเหมือนกับว่ามีสายสัมพันธ์ระหว่างเราอยู่ตลอดเวลา” เขากล่าวความสงสัยปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอ ขณะที่เธอไม่เข้าใจ
...หลิง อี้หราน คิดว่าเธอจะนอนไม่หลับถ้ามีอี้ จิ่นหลี นอนอยู่ข้าง ๆ เธอ แต่เธอก็หลับไปทันทีที่หลับตาราวกับว่าการปรากฏตัวของเขาทำให้เธอรู้สึกสบายใจเมื่อเธอตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น หลิง อี้หราน เห็นอี้ จิ่นหลี ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว เขากำลังติดกระดุมที่แขนเสื้อ และเดินเข้ามาหาเธอ “ตื่นแล้วเหรอ?”“อื้ม” เธอกล่าวด้วยใบหน้าแดงเล็กน้อย เธอยังไม่ได้ล้างหน้าหรือแปรงฟัน แถมผมของเธอก็ยุ่งเหยิงอีกด้วย“เมื่อคืนพี่นอนหลับสบายดีไหม? ผมนอนหลับฝันดีนะ” เขากล่าวแล้วก้มลง มือของเขาวางอยู่บนขอบเตียง ดวงตาสีเข้มของเขามองตรงเข้าไปในดวงตาของเธอการจ้องมองของพวกเขาเกือบอยู่ในระดับสายตาเดียวกัน หลิง อี้หราน ก็รู้สึกเสียดุลทันทีเธอเอนตัวไปข้างหลังโดยไม่รู้ตัว เพื่อเว้นระยะห่างจากเขา แต่มือของเขากลับคว้าหลังของเธอเอาไว้ ทำให้ระยะห่างระหว่างพวกเขาใกล้กันมากขึ้นกว่าเดิม“พี่นอนไม่หลับเหรอ พี่สาว?” เขาถามขณะเลิกคิ้ว"ฉัน... ฉันหลับสบายดี... " เธอตอบด้วยอาการตะกุกตะกักเล็กน้อย“เยี่ยม!” เขากล่าวและจูบที่แก้มของเธออย่างเป็นธรรมชาติ “ลงไปกินอาหารเช้านะ ถ้าพี่อาบน้ำเสร็จแล้ว”“โอเค” เธอตอบรับด้วยใบหน้าแดง
ตอนนี้มีผู้ชายอีกคนต้องการให้เธอผูกเน็คไทให้เขา เธอจะอยู่กับเขาได้นานแค่ไหน?หลิง อี้หราน ไม่รู้ แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะชอบกัน และเขาไม่สนใจถึงแม้ว่าเธอจะมีลูกไม่ได้ แต่เธอก็ไม่กล้าคิดถึงอนาคตของพวกเขาด้วยกันพวกเขามีความแตกต่างกันมาก แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะคบกัน แต่พวกเขาจะมีอนาคตร่วมกันได้เหรอ?“เป็นอะไร?” เสียงของเขาแทรกเข้ามาในความคิดเธอ“ไม่มีอะไร ก้ม... ก้มลง” เธอกล่าวมันค่อนข้างยากเพราะความสูงต่างกันเขาก้มลงอย่างเชื่อฟัง ใบหน้าของพวกเขาอยู่ใกล้กันเธอค่อย ๆ จับคอเสื้อของเขาตั้งขึ้น จากนั้นก็เอาเน็คไทสวมไว้ที่คอของเขา แล้วเริ่มผูกมันให้เขา“พี่รู้อะไรไหม? ตอนนี้ผมฝากชีวิตไว้ในมือพี่แล้วนะ” เสียงของอี้ จิ่นหลี ดังขึ้นเบา ๆนิ้วเรียวยาวของหลิง อี้หราน หยุดกะทันหัน ดวงตารูปอัลมอนด์ของเธอจับจ้องไปที่ใบหน้าที่อยู่ใกล้กับเธอ“ถ้าพี่อยากจะฆ่าผมตอนนี้ ก็แค่ดึงเน็คไท” เขายิ้มอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มของเขามีเสน่ห์และสง่างาม “ผู้หญิงคนเดียวที่ผูกเน็คไทให้ผมได้มีแค่พี่ ไม่มีใครอีก”เมื่อหลิง อี้หราน ไปถึงร้านอาหารเล็ก ๆ รอยยิ้มของอี้ จิ่นหลี ยังอยู่ในใจของเธอ เช่นเดียวกับคำพูดของเขา... ไม
แน่นอนว่าสิ่งที่เขาพูดต่อไปเป็นการยืนยันการคาดเดาของเธออย่างลับ ๆ“แล้วนี่ล่ะ? เราไม่อยากจะมีปัญหานะ คุณควรคืนเงินให้เราสำหรับค่าอาหารยี่สิบกล่อง พร้อมค่าเสียหายห้าพันดอลลาร์ พวกเราบางคนได้เริ่มกินอาหารที่คุณเอามาให้ไปแล้ว ถ้ามีแมลงอยู่ในกล่องอาหารที่เหลือ ใครจะไปรู้ได้ล่ะ?”เมื่อชายคนนั้นพูดจบ คนอื่น ๆ ก็ลุกขึ้นมาล้อมหลิง อี้หราน พวกเขาพยายามกดดันหลิง อี้หรานหลิง อี้หราน มองไปรอบ ๆ พวกเขาอยู่ในพื้นที่กึ่งเปิดโล่งที่ถูกเช่าสำหรับการถ่ายทำ มีกล้องวงจรปิดอยู่ทางด้านหน้าซ้ายจากจุดที่พวกเขายืนอยู่ในตอนนี้ แต่เธอก็ไม่รู้ว่ากล้องวงจรปิดใช้ได้อยู่ไหมแฟน ๆ บางคนถูกปิดกั้นด้วยประตูและนั่งยอง ๆ อยู่ทางข้างหน้า บางคนกำลังพักผ่อนในขณะที่คนอื่น ๆ ถือโทรศัพท์ขึ้นเพื่อดูว่าพวกเขาสามารถมองเห็นไอดอลของพวกเขาได้หรือไม่“เอาล่ะ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพนักงานส่งอาหาร ให้ฉันคุยกับหัวหน้าของฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อนนะคะ” หลิง อี้หราน กล่าวขณะที่เธอคลำหาโทรศัพท์ของเธอ เธอโทรหาโจว เชียนหยุน เพื่อบอกเธอเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้น โจว เชียนหยุน กล่าวว่า “กล
เธอไม่ต้องการให้ร้านอาหารเล็ก ๆ ที่พี่โจวอุทิศตนให้ ต้องมาวุ่นวายกับคนเหล่านี้บางทีมันอาจจะเป็นสิ่งที่เรียกว่า ‘ความรู้สึกยุติธรรม’ ในร่างกายของเธอที่ลุกขึ้นมาอีกครั้ง แม้ว่าท้ายที่สุดแล้ว เธอไม่ได้เป็นทนายความด้วยความหวังว่าจะได้รับความยุติธรรมหรือไม่?เมื่อเธอพูดจบ ใบหน้าของผู้ชายคนนั้นก็แสดงออกอย่างน่ากลัว ส่วนคนหนึ่งมองไปรอบ ๆ ด้วยความหวาดกลัวขณะที่หลิง อี้หราน กำลังจะจากไป ทันใดนั้นคน ๆ หนึ่งก็คว้าแขนของหลิง อี้หราน ไว้และพยายามห้ามไม่ให้เธอออกไปชายคนนั้นดึงอย่างแรงจนทำโทรศัพท์ของหลิง อี้หราน หล่นและตกลงไปที่พื้นใครบางคนเห็นหน้าจอโทรศัพท์ของเธอว่ามันกำลังบันทึกเสียงอยู่ และร้องด้วยความโกรธว่า “เธอกำลังบันทึกเสียงอยู่ บอส!”“เวร คุณกล้าดียังไงถึงทำแบบนี้?” หนึ่งในทีมงานโกรธมาก เขายกมือขึ้นจะตีหลิง อี้หราน โดยลืมไปว่าเขากำลังเปิดเผยสิ่งที่ทำอยู่ให้กับแฟน ๆ ของนักแสดงที่อยู่ ๆ รอบตัวเขาทันใดนั้นก็มีเสียงร้องด้วยความประหลาดใจอยู่รอบ ๆ หลิง อี้หราน หลับตาโดยไม่รู้ตัวและยกมือขึ้นเพื่อพยายามขัดขวางมือของเขาที่จะตีเธอเสียงร้องด้วยความประหลาดใจดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย มีอา
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่?” กู้ ลี่เฉิน ไม่ได้ถามคนอื่น เขาถามเพียงแค่หลิง อี้หรานราวกับว่าเขาจะเชื่อในสิ่งที่เธอพูดเท่านั้น“หนึ่งในกล่องอาหารที่ฉันเอามาส่งให้พวกเขามีแมลงอยู่ในนั้น พวกเขาขอให้ฉันไม่เรียกเก็บเงินค่าอาหารทั้งหมดในวันนี้ และขอให้ร้านอาหารจ่ายค่าชดเชยให้พวกเขาห้าพันดอลลาร์ ฉันคิดว่าถ้าฝากเรื่องนี้ไว้กับตำรวจจะดีกว่า แต่พวกเขาพบว่าฉันกำลังบันทึกเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์ เลยเกิดความขัดแย้งขึ้นค่ะ” หลิง อี้หราน กล่าว“บันทึกเสียง?” กู้ ลี่เฉิน เลิกคิ้วเล็กน้อย “ผมขอฟังเสียงบันทึกได้ไหม?”เมื่อพวกเขาได้ยินกู้ ลี่เฉิน ขอฟังเสียงบันทึก ใบหน้าของพวกเขาก็ซีดลง เมื่อกู้ ลี่เฉิน ฟังเสียงบันทึกเสร็จแล้ว ใบหน้าของเขาก็บึงตึง ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าข้อโต้เถียงที่เกิดขึ้นเพราะว่าทีมงานบางคนพยายามขู่กระโชกเธอ ซึ่งนำไปสู่ความขัดแย้งผู้กำกับ, ผู้ช่วยผู้กำกับ, และผู้ช่วยฝ่ายผลิตที่อยู่กับกู้ ลี่เฉิน ก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ใบหน้าของพวกเขาแสดงออกอย่างน่ากลัวหากเรื่องนี้หลุดออกไป ทีมงานภาพยนตร์จะต้องอับอาย!พวกเขาสามารถสั่งสอนคนเหล่านี้ได้ในภายหลัง สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ... “เป็นคว
อดีตแฟนสาวของเจ้าชายแห่งวงการบันเทิงมีมาจากทุกสายอาชีพ แน่นอนว่าแฟนสาวเหล่านั้นจบลงด้วยผลลัพธ์ดีและไม่ดียังมีผู้หญิงหลายคนที่ต้องการเป็นแฟนกับกู้ ลี่เฉินบางคนถึงกับกล่าวบนอินเทอร์เน็ตว่าแม้ว่ากู้ ลี่เฉิน จะสูญเสียสถานะเจ้าชายและยากจน แต่พวกเขาก็จะติดตามเขาด้วยความบริสุทธิ์ใจ เขาดูดีมาก!ขณะที่ผู้คนรอบข้างเห็นกู้ ลี่เฉิน ลงไปย่อเข่าหนึ่งข้างเพื่อผูกเชือกรองเท้าของผู้หญิง ไม่มีอะไรนอกจากเสียงหายใจ ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อกู้ ลี่เฉิน ผูกเชือกผูกรองเท้าเสร็จแล้ว เขาก็ลุกขึ้นยืนอย่างไม่เต็มใจ“ขอบคุณ…ค่ะ” หลิง อี้หราน กล่าวด้วยความอายเล็กน้อย เธอก้มหน้าลงและรีบออกไป ในร้านกาแฟที่พวกเขาถ่ายทำ หลิง ลั่วอิน มองผ่านหน้าต่างออกมา เล็บที่ตกแต่งอย่างประณีตของเธอกำลังจมลงในฝ่ามือของเธอทำไม... หลิง อี้หราน ถึงอยู่ตรงหน้าลี่เฉินอีกครั้ง? ลี่เฉินถึงกับริเริ่มที่จะย่อเข่าข้างหนึ่งต่อหน้าหลิง อี้หรานมันดู... เหมือนกับการยอมแพ้!ความหึงหวงที่ฝังแน่นอยู่ในอกของเธอเธอต้องไม่ให้ลี่เฉินรู้ว่าหลิง อี้หราน เป็นผู้หญิงที่เขาตามหา! เธอไม่อยากสูญเสียลี่เฉิน ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม!ข้างนอก หลังจากที่หลิง
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค