เธอไม่ต้องการให้ร้านอาหารเล็ก ๆ ที่พี่โจวอุทิศตนให้ ต้องมาวุ่นวายกับคนเหล่านี้บางทีมันอาจจะเป็นสิ่งที่เรียกว่า ‘ความรู้สึกยุติธรรม’ ในร่างกายของเธอที่ลุกขึ้นมาอีกครั้ง แม้ว่าท้ายที่สุดแล้ว เธอไม่ได้เป็นทนายความด้วยความหวังว่าจะได้รับความยุติธรรมหรือไม่?เมื่อเธอพูดจบ ใบหน้าของผู้ชายคนนั้นก็แสดงออกอย่างน่ากลัว ส่วนคนหนึ่งมองไปรอบ ๆ ด้วยความหวาดกลัวขณะที่หลิง อี้หราน กำลังจะจากไป ทันใดนั้นคน ๆ หนึ่งก็คว้าแขนของหลิง อี้หราน ไว้และพยายามห้ามไม่ให้เธอออกไปชายคนนั้นดึงอย่างแรงจนทำโทรศัพท์ของหลิง อี้หราน หล่นและตกลงไปที่พื้นใครบางคนเห็นหน้าจอโทรศัพท์ของเธอว่ามันกำลังบันทึกเสียงอยู่ และร้องด้วยความโกรธว่า “เธอกำลังบันทึกเสียงอยู่ บอส!”“เวร คุณกล้าดียังไงถึงทำแบบนี้?” หนึ่งในทีมงานโกรธมาก เขายกมือขึ้นจะตีหลิง อี้หราน โดยลืมไปว่าเขากำลังเปิดเผยสิ่งที่ทำอยู่ให้กับแฟน ๆ ของนักแสดงที่อยู่ ๆ รอบตัวเขาทันใดนั้นก็มีเสียงร้องด้วยความประหลาดใจอยู่รอบ ๆ หลิง อี้หราน หลับตาโดยไม่รู้ตัวและยกมือขึ้นเพื่อพยายามขัดขวางมือของเขาที่จะตีเธอเสียงร้องด้วยความประหลาดใจดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย มีอา
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่?” กู้ ลี่เฉิน ไม่ได้ถามคนอื่น เขาถามเพียงแค่หลิง อี้หรานราวกับว่าเขาจะเชื่อในสิ่งที่เธอพูดเท่านั้น“หนึ่งในกล่องอาหารที่ฉันเอามาส่งให้พวกเขามีแมลงอยู่ในนั้น พวกเขาขอให้ฉันไม่เรียกเก็บเงินค่าอาหารทั้งหมดในวันนี้ และขอให้ร้านอาหารจ่ายค่าชดเชยให้พวกเขาห้าพันดอลลาร์ ฉันคิดว่าถ้าฝากเรื่องนี้ไว้กับตำรวจจะดีกว่า แต่พวกเขาพบว่าฉันกำลังบันทึกเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์ เลยเกิดความขัดแย้งขึ้นค่ะ” หลิง อี้หราน กล่าว“บันทึกเสียง?” กู้ ลี่เฉิน เลิกคิ้วเล็กน้อย “ผมขอฟังเสียงบันทึกได้ไหม?”เมื่อพวกเขาได้ยินกู้ ลี่เฉิน ขอฟังเสียงบันทึก ใบหน้าของพวกเขาก็ซีดลง เมื่อกู้ ลี่เฉิน ฟังเสียงบันทึกเสร็จแล้ว ใบหน้าของเขาก็บึงตึง ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าข้อโต้เถียงที่เกิดขึ้นเพราะว่าทีมงานบางคนพยายามขู่กระโชกเธอ ซึ่งนำไปสู่ความขัดแย้งผู้กำกับ, ผู้ช่วยผู้กำกับ, และผู้ช่วยฝ่ายผลิตที่อยู่กับกู้ ลี่เฉิน ก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ใบหน้าของพวกเขาแสดงออกอย่างน่ากลัวหากเรื่องนี้หลุดออกไป ทีมงานภาพยนตร์จะต้องอับอาย!พวกเขาสามารถสั่งสอนคนเหล่านี้ได้ในภายหลัง สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ... “เป็นคว
อดีตแฟนสาวของเจ้าชายแห่งวงการบันเทิงมีมาจากทุกสายอาชีพ แน่นอนว่าแฟนสาวเหล่านั้นจบลงด้วยผลลัพธ์ดีและไม่ดียังมีผู้หญิงหลายคนที่ต้องการเป็นแฟนกับกู้ ลี่เฉินบางคนถึงกับกล่าวบนอินเทอร์เน็ตว่าแม้ว่ากู้ ลี่เฉิน จะสูญเสียสถานะเจ้าชายและยากจน แต่พวกเขาก็จะติดตามเขาด้วยความบริสุทธิ์ใจ เขาดูดีมาก!ขณะที่ผู้คนรอบข้างเห็นกู้ ลี่เฉิน ลงไปย่อเข่าหนึ่งข้างเพื่อผูกเชือกรองเท้าของผู้หญิง ไม่มีอะไรนอกจากเสียงหายใจ ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อกู้ ลี่เฉิน ผูกเชือกผูกรองเท้าเสร็จแล้ว เขาก็ลุกขึ้นยืนอย่างไม่เต็มใจ“ขอบคุณ…ค่ะ” หลิง อี้หราน กล่าวด้วยความอายเล็กน้อย เธอก้มหน้าลงและรีบออกไป ในร้านกาแฟที่พวกเขาถ่ายทำ หลิง ลั่วอิน มองผ่านหน้าต่างออกมา เล็บที่ตกแต่งอย่างประณีตของเธอกำลังจมลงในฝ่ามือของเธอทำไม... หลิง อี้หราน ถึงอยู่ตรงหน้าลี่เฉินอีกครั้ง? ลี่เฉินถึงกับริเริ่มที่จะย่อเข่าข้างหนึ่งต่อหน้าหลิง อี้หรานมันดู... เหมือนกับการยอมแพ้!ความหึงหวงที่ฝังแน่นอยู่ในอกของเธอเธอต้องไม่ให้ลี่เฉินรู้ว่าหลิง อี้หราน เป็นผู้หญิงที่เขาตามหา! เธอไม่อยากสูญเสียลี่เฉิน ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม!ข้างนอก หลังจากที่หลิง
”ไม่ค่ะ ฉันบังเอิญเจอ... คนรู้จัก เขาจัดการเรื่องให้” หลิง อี้หราน ตอบอย่างลังเล“เพื่อนของเธอเหรอ? เราควรขอบคุณเขา แล้ว! ทำไมฉันไม่ซื้อของขวัญให้แล้วเธอเอาไปให้เพื่อนของเธอทีหลังล่ะ?” โจว เชียนหยุน กล่าวอย่างรีบร้อน“ไม่เป็นไรค่ะ” หลิง อี้หราน กล่าวขณะที่เธอเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว โดยถามเกี่ยวกับประสาทหูเทียมของหยันน้อย“ในอีกสองสามวันเมื่อมีรายงานผลการตรวจทางการแพทย์ของหยันน้อย เขาสามารถติดตั้งประสาทหูเทียมได้ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรนะ” โจว เชียนหยุน ไม่สามารถซ่อนความสุขของเธอไว้ได้ เมื่อเธอพูดถึงเรื่องนี้ “โรงพยาบาลยังบอกอีกว่าฉันแย้งราคาและสามารถขอส่วนลดได้ด้วย”“ดีจังค่ะ” หลิง อี้หราน กล่าว เธอรู้ว่าอี้ จิ่นหลี ได้พูดคุยกับโรงพยาบาล หลิง อี้หราน ดีใจเมื่อคิดถึงหยันน้อยที่จะได้ยินในเร็ว ๆ นี้เหตุการณ์ก่อนหน้านี้เป็นเหมือนฉากละครสั้น ๆ และตอนนี้ก็จบลงแล้วสิ่งที่หลิง อี้หราน ไม่คาดคิดคือในตอนเย็น โจว เชียนหยุน หยุดเธอไว้และถามว่า “กู้ ลี่เฉิน เป็นคนช่วยเราแก้ปัญหาเรื่องวันนี้ใช่ไหม?”หลิง อี้หราน มองเธอด้วยความประหลาดใจ สงสัยว่าโจว เชียนหยุน รู้เรื่องนี้ได้ยังไงโจว เชียนหยุน เ
ใครเป็นคนทำ? ความคิดแรกของหลิง อี้หราน คือ กู้ ลี่เฉินกู้ ลี่เฉิน มีสิทธิ์ที่จะลบวิดีโอพวกนี้ แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกคนที่จะลบเนื้อหาที่เกี่ยวข้องทั้งหมดออกได้อย่างรวดเร็วในทางกลับกันอี้ จิ่นหลี ที่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ เขามองดูวิดีโอที่เล่นบนหน้าจอด้วยสายตาที่น่าขนลุกหลิง อี้หราน คงจะร้องไห้ด้วยความประหลาดใจถ้าเธอเห็นวิดีโอนี้ วิดีโอที่โจว เชียนหยุน กล่าวถึง แต่มันกลับถูกลบไปแล้วจากอินเทอร์เน็ตอี้ จิ่นหลี ดูวิดีโออย่างเงียบ ๆ ดวงตาของเขาคลุมเครือเมื่อเห็นกู้ ลี่เฉิน ลงไปคุกเข่าข้างหนึ่งเพื่อผูกเชือกรองเท้าของหลิง อี้หราน เขากำมือแน่นแบบไม่รู้ตัวเขากับกู้ ลี่เฉิน รู้จักกันมานาน เขาติดต่อกับกู้ ลี่เฉิน หลังจากที่เขากลับมาที่ตระกูลอี้ความสัมพันธ์ของตระกูลอี้กับตระกูลกู้นั้นค่อนข้างดีมาโดยตลอด ดังนั้นความสัมพันธ์ของเขากับกู้ ลี่เฉิน ก็ค่อนข้างดีเช่นกันในวงสังคมของพวกเขานั้น ถ้าหากไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน การสร้างมิตรก็ย่อมดีกว่าการสร้างศัตรูแม้ว่าเพื่อนคนนี้อาจจะไม่จริงใจ แต่อย่างน้อยผิวเผินพวกเขาก็ยังเป็นเพื่อนกันดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยกับกู้ ลี่เฉิน และรู้ว่ากู้ ลี่เฉิน
“แล้วถ้าเธอไม่ใช่แฟนฉันล่ะ? เธอจะชอบกู้ ลี่เฉิน ไหม?” อี้ จิ่นหลี หนักแน่นจะเอาคำตอบให้ได้เขา... จะรู้ได้อย่างไร? แต่เนื่องจากเจ้านายของเขาถามเขา เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบว่า “ผมคิดว่าคุณหลิง... ค่อนข้างหัวโบราณเกี่ยวกับความรู้สึก เธอจะไม่เปลี่ยนใจง่าย ๆ เมื่อตกหลุมรักใครสักคน”“อย่างนั้นเหรอ? เธอเคยเป็นแฟนกับเซียว จื่อฉี มาก่อน” อี้ จิ่นหลี ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาเกา ฉงหมิง รู้สึกเหมือนกำลังร้องไห้อยู่แต่ไม่มีน้ำตา เขารู้สึกว่าเขากำลังทนทุกข์ในตำแหน่งเลขานุการ “เรื่องของคุณหลิงกับเซียว จื่อฉี จบลงแล้ว ตั้งแต่คุณหลิงถูกเซียว จื่อฉี ทรยศเธอ เธอคงไม่มีความรู้สึกอะไรกับเขาอีกต่อไป”“ทรยศ?” อี้ จิ่นหลี เลิกคิ้วเล็กน้อย“ครับ ไม่ใช่การทรยศเหรอที่เซียว จื่อฉี เลิกกับคุณหลิง เพราะเธอต้องการความช่วยเหลืออย่างมาก? ด้วยนิสัยของคุณหลิง เป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะไม่มีวันให้อภัยคนที่ทรยศเธอ” เกา ฉงหมิง กล่าวใบหน้าของอี้ จิ่นหลี เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ริมฝีปากบางของเขาแทบจะกลายเป็นเส้นตรง ถ้าสิ่งที่เซียว จื่อฉี ทำกับอี้หรานเป็นการทรยศ แล้วสิ่งที่เขาทำกับอี้หรานทั้งหมดล่ะ?เขารู้สึกถึงความ
“ทำไมคุณไม่เปิดไฟล่ะ?” เธอถามอย่างสงสัย“ผมคิดถึงพี่” เขาตอบที่คำตอบไม่ได้เกี่ยวข้องกับคำถามของเธอใบหน้าของเธอพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงและหัวใจของเธอก็เต้นเร็วขึ้น หลิง อี้หราน ดีใจที่ตอนนี้ยังมืดอยู่เพราะมันหมายความว่าเขามองไม่เห็นใบหน้าที่แดงแจ๋ของเธอ“แล้วพี่ล่ะ? วันนี้พี่คิดถึงผมบ้างไหม?” เสียงของเขายังคงดังก้องอยู่ในหูของเธอ ในขณะที่ลมหายใจของเขารวยรินรดต้นคอเธอจนรู้สึกเสียวซ่านเธอรู้สึกราวกับว่าลมหายใจบนต้นคอได้ดึงดูดความสนใจของเธอไปหมด และหลังจากรู้สึกถึงลมหายใจของเขา เธอก็รู้สึกว่าริมฝีปากของเขาแนบชิดกับหูของเธอมากจนถ้าเขาเข้ามาใกล้อีกนิดริมฝีปากของเขาก็คงจะจูบที่ใบหูของเธอพอดีขณะที่เธอกำลังครุ่นคิด ก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดแปลบ ๆ ที่หูของเธอ เธอรู้สึกตกใจก่อนจะดึงสติของตัวเองกลับมา จากนั้น... ใบหน้าของเธอก็แดงขึ้นเขา… กำลังขบใบหูของเธออย่างละเมียดละไม ทำให้ตัวของเธอสั่นเล็กน้อย“บ้างไหมครับพี่?” เสียงต่ำของเขาดังออกมาอีกครั้ง“ฉันคิดถึง...” เธอตอบเสียงสั่น “อืม... ปล่อยฉันก่อน ฉันขอวางกระเป๋าก่อน”เธอกล่าวและรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง เธอรู้สึกเพียงว่าบรรยากาศมันคลุมเครือจ
เขากลัวว่าเธอจะไม่ชอบเขามากพอ เขากลัวว่าความรักของเธอที่มีต่อเขาจะถูกแทนที่ได้ตลอดเวลา และวันหนึ่งเธอจะทิ้งเขาไป!เขาค่อย ๆ หันร่างของเธอเข้ามาหาเขาเพื่อให้พวกเขาหันหน้าเข้าหากันและกันแม้ตอนนี้ความมืดจะปกคลุมไปทั่วห้องนั่งเล่น แต่แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างทำให้หลิง อี้หรานยังคงสามารถมองเห็นเค้าโครงใบหน้าของอี้ จิ่นหลี ได้แต่เธอไม่สามารถมองเห็นการแสดงออกทางใบหน้าของเขาได้อย่างไรก็ตาม เธอรู้สึกได้ว่าเขากำลังมองมาที่เธอเหมือนกันเธอค่อย ๆ ยกมือขึ้นแนบกับแก้มของเขา และกล่าวขึ้นอย่างหนักแน่น “ได้สิ ฉันจะชอบคุณมากกว่านี้” หากในตอนแรกเธอรู้สึกสับสนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขา และไม่รู้สึกถึงอนาคตในความสัมพันธ์นี้ ตอนนี้เธอกลับขอร้องให้มันแตกต่างไปจากเดิมไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตของพวกเขา เธอจะยอมรับผู้ชายคนนี้ จะให้ความรักแก่เขามากขึ้น และจะปลอบประโลมเมื่อเขาไม่สบายใจ—อย่างน้อยก็ในตอนนี้หลังจากจบคำพูดของเธอ เธอเขย่งตัวและบรรจงจูบริมฝีปากของเขานี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีสติและจูบเขาด้วยความรู้สึกที่แท้จริงราวกับว่าเธอได้ใส่ความรู้สึกทั้งหมดที่มีต่อเขาไว้ในจูบนั้นร่า