“ได้ งั้นเราคบกัน” ชิน เหลียนอี กล่าวอย่างจำนง เนื่องจากเธอกำลังถูกล้างแค้น อย่างน้อยเธอก็ควรเตรียมพร้อมทางจิตใจสำหรับมัน “ถ้าอย่างนั้น... เอ่อ คุณควรคืนโทรศัพท์ให้ฉันได้แล้ว”เธอยังไม่ลืมเหตุผลหลักที่ตามเขามายังคฤหาสน์ คือการทวงคืนโทรศัพท์ของเธอเขาจ้องมองเธออยู่สักพัก จากนั้นก็โยนโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะกาแฟมาให้เธอ“อ๊ะ!” เธออุทานหลังจากรับโทรศัพท์ได้ทัน โทรศัพท์ราคาหนึ่งหมื่นดอลลาร์ของเธอ เธอถึงขนาดกัดฟันเพื่อซื้อโทรศัพท์เครื่องนี้มา ถ้าเกิดว่ามันหล่นกระแทกพื้นและหน้าจอแตก เธอต้องใช้เงินถึงสองพันดอลลาร์เพื่อซ่อมมันรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่นึกถึงค่าซ่อมโทรศัพท์!ถ้ามันตกแตก เธอก็ไม่กล้าขอให้เขาจ่ายค่าซ่อมให้หรอก!ชิน เหลียนอี เปิดโทรศัพท์เพื่อดูเวลา เป็นเวลาเก้าโมงเช้าแล้วและมีสายที่ไม่ได้รับในโทรศัพท์ของเธอหลายสาย เบอร์เหล่านั้นล้วนเป็นเบอร์จากพ่อแม่ของเธอ เธอจึงรีบโทรกลับทันทีไม่นานก็มีสายเรียกเข้าและตามด้วยเสียงตะโกนด่าด้วยความโกรธจากพ่อของเธอ “แกจะไม่โทรมาบอกพ่อแม่หน่อยเหรอว่าจะไม่กลับมากินข้าวเย็น? แกไม่แม้แต่จะรับโทรศัพท์ แกกำลังจะทำอะไร? แกอยากให้พ่อกับแม่ไปแจ้งความกับตำ
ในฐานะคนที่วันนี้หลงใหลในไอดอลคนนี้และรักไอดอลอีกคนในวันพรุ่งนี้ แต่เธอก็จริงจังกับพวกเขาในแต่ละคนเธอเป็นแฟนตัวยงเพื่อเธอคลั่งไคร้ไอดอลของเธอ ถึงขนาดใช้เงินเพื่อไปงานคอนเสิร์ตและงานแจกลายเซ็นของพวกเขา บางครั้งเธอก็เข้าร่วมแฟนมีตติ้งเหล่าคนดังด้วยซ้ำแน่นอนว่าเหตุการณ์นี้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นก่อนอุบัติเหตุของอี้หราน หลังจากอี้หรานประสบอุบัติเหตุ เธอก็เริ่มรู้สึกสนใจไอดอลน้อยลง กลับกันเธอหันไปตั้งใจทำงาน และทุ่มเทแรงกายและแรงใจเพื่อช่วยเพื่อนสนิทในการย้อนรอยคดีความดังนั้นวิดีโอคอนเสิร์ต, ลายเซ็น, และแฟนมีตติ้ง จึงเป็นความทรงจำที่ยอดเยี่ยมในช่วงวัยรุ่นของเธอแต่ตอนนี้ความทรงจำเหล่านี้... หายไปแล้ว?!"เกิดอะไรขึ้นกับวิดีโองานอีเว้นท์ไอดอลของฉัน?" ชิน เหลียนอี ร้องอุทานหันหน้าไปจ้องไปที่ไป๋ ทิงซิน ที่กำลังขับรถอยู่"ผมลบมันไปแล้ว" ไป๋ ทิงซิน ตอบอย่างไม่อ้อมค้อม“คุณ... ลบมันเหรอ?” ชิน เหลียนอี คิดว่าเธอกำลังจะเป็นลม ถ้าเขาไม่คืนโทรศัพท์ให้เธอ เธอคงต้องยอมรับชะตากรรมของเนื้อหาในโทรศัพท์ อย่างไรก็ตามเขาคืนโทรศัพท์ให้เธอ แต่วิดีโออันมีค่าของเธอได้หายไป"ใช่ ผมลบไปแล้ว แม้ว่าคุณจะนำโทรศั
ชิน เหลียนอี กลับบ้านโดยยังคงสับสนเล็กน้อย เธอและไป๋ ทิงซิน กำลังคบกัน? เธอคิดแผนการแก้แค้นที่เป็นไปได้มากมายที่เขาอาจจะลงมือทำ แต่เธอไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้!เธอไม่ได้มีประสบการณ์ในการออกเดทมากนัก เธอจะทำตามในสิ่งที่เขาต้องการ หากไม่ได้ผล เขาก็คงจะอ้างถึงเหล่าไอดอลอีกแต่ปัญหาคือ... เขาต้องการให้เธอตกหลุมรักเขาตกหลุมรักเขาแล้วรอให้เขาทิ้งเธอ? ชิน เหลียนอี เกาหัวอย่างทำอะไรไม่ถูก ถ้ามันไม่ได้ผลจริง ๆ แล้วถ้าเธอแกล้งทำเป็นตกหลุมรักเขาหลังจากคบกันไม่กี่เดือนและแกล้งทำเป็นอกหักเมื่อเขาทิ้งเธอ? ถ้าอย่างนั้นเธออาจจะยุติเรื่องทั้งหมดนี้ได้หรือไม่?ชิน เหลียนอี ถอนหายใจกับความคิด ใครจะคิดว่าความสัมพันธ์ครั้งแรกของเธอจะเริ่มต้นด้วยวิธีนี้?อย่างไรก็ตาม มันดีกว่าที่เธอเคยคิดไว้เรื่องที่เขาจะแก้แค้นเธอได้อย่างไร เธอคิดว่าเขาจะทำลายครอบครัวของเธอหรืออะไรก็ตามแต่นั่นคือเหตุผลที่เราไม่ควรใช้ประโยชน์จากผู้ชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ควรหนีไปหลังจากที่ได้ร่วมทางกับพวกเขา ตอนนี้เธอได้รับการลงโทษแล้ว!คุณชินและคุณนายชินยังคงอยากรู้ว่าเพราะอะไรลูกสาวของพวกเขาถึงไม่ยอมบอกว่าเธอจะไม่กลับมากินข้าว
หลังจากหลิง อี้หราน สัมภาษณ์งานที่บริษัทอีกที่เสร็จ เธอก็อดไม่ได้ที่จะทำหน้าบูดหน้าเบี้ยวเธอคิดว่าเธอมีความพร้อมทางจิตใจและเต็มใจที่จะทำงานเป็นพนักงานส่งอาหาร โดยไม่กำหนดเงินเดือนขั้นพื้นฐาน ซึ่งบางบริษัทอาจจะมีการกำหนด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ถูกปฏิเสธอยู่ดีเมื่อเห็นว่าเวลาเกือบเที่ยงแล้ว หลิง อี้หราน ก็ไปที่ร้านอาหารเล็ก ๆ ข้างทางและสั่งก๋วยเตี๋ยวหนึ่งชามในราคาสิบดอลลาร์นี่คือก๋วยเตี๋ยวชามที่ถูกที่สุดในร้านนอกจากนี้ยังมีโทรทัศน์เก่าตั้งอยู่ในร้าน ทีวีที่เปิดช่องข่าวอยู่และกำลังฉายซ้ำข่าวของเมื่อวาน หลิง อี้หราน ฟังอย่างไม่ตั้งใจนักในตอนแรก แต่เธอก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างรวดเร็วเมื่อนักข่าวเอ่ยถึงบริษัทที่คุ้นเคยมันคือ... บริษัทแรกที่เธอไปสัมภาษณ์งานเป็นพนักงานส่ง และยังเป็นที่เดียวกันที่เจ้าของบริษัทโทรหาอี้ จิ่นหลี และบอกเขาเกี่ยวกับการสัมภาษณ์ของเธออี้ จิ่นหลี เคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่าเขาต้องการกำจัดบริษัทนี้ตอนนี้ข่าวบอกว่าบริษัทกำลังเผชิญกับเงินลงทุนที่กระจายออกไป เงินที่จัดสรรไว้สำหรับการลงทุนถูกยกเลิกอย่างกะทันหัน และผู้มีส่วนร่วมในการจัดหาเงินทุนของบริษัทได้ทำการประท้วงหน้
“เขาไม่ได้รบกวนฉันหรอกค่ะ ลูกชายของคุณน่ารักจัง" หลิง อี้หราน กล่าว “ดูเหมือนว่าเขาจะอยากกินก๋วยเตี๋ยวนะคะ เขามองก๋วยเตี๋ยวบ่อย ๆ”“ถ้าคุณให้ก๋วยเตี๋ยวเขา เขาอาจจะกินหรือไม่กินก็ได้ เขาแค่อยากเล่นสนุกด้วยค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นกล่าวและเริ่มทำท่าทางด้วยมือทั้งสองข้างต่อหน้าเด็กน้อยหลิง อี้หราน ตกตะลึงและสังเกตได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังทำอะไร... ภาษามือ!“เขา... ” เธอกล่าวโพล่งออกมาหญิงสาวกล่าวว่า “เขาไม่ได้ยิน แต่เขารู้ภาษามือค่ะ เขาเข้าใจได้ท่าทางง่าย ๆ”ผู้หญิงคนนั้นพูดและค่อย ๆ พูดต่อว่า “ขอโทษคุณน้าสิ” ในขณะทำท่าทางจากนั้นหลิง อี้หราน ก็เห็นเด็กน้อยโค้งคำนับมาทางเธอราวกับจะแสดงความขอโทษหลิง อี้หราน อดไม่ได้ที่จะลูบหัวของเด็กน้อย เขายังเด็กแต่เขาไม่สามารถได้ยิน เสียงทั้งหมดในโลกนี้ไม่มีอยู่จริงสำหรับเขาใช่ไหม?หญิงสาวคนนั้นอุ้มเด็กน้อยออกไป ในขณะที่หลิง อี้หราน ยังคงกินก๋วยเตี๋ยวของเธอต่อไป แต่เธอกลับรู้สึกเสียใจเธอกินก๋วยเตี๋ยวเสร็จและกำลังจะออกจากร้านอาหารเล็ก ๆ เมื่อออกไปจากร้าน เธอก็เห็นแผ่นประกาศรับสมัครงานที่หน้าประตูพวกเขากำลังมองหาพนักงานส่งอาหารหลิง อี้หราน ห
“ฉันชื่อ โจว เชียนหยุน คุณจะเรียกฉันว่าพี่โจวก็ได้ คุณชื่ออะไรล่ะ?” เจ้าของร้านถาม“ฉันชื่อหลิง อี้หรานค่ะ พี่โจวจะเรียกฉันอี้หรานก็ได้นะคะ” หลิง อี้หราน กล่าวและในดูเหมือนว่าความเศร้าหมองในดวงตาของเธอได้หายไปโจว เชียนหยุน มองไปที่หลิง อี้หราน ดวงตาของเธอกระพริบหลิง อี้หราน ทิ้งชื่อและข้อมูลติดต่อของเธอไว้ ขณะเดียวกันผู้หญิงอายุราว ๆ ห้าสิบปีเดินมาหา โจว เชียนหยุน "ลูกคุยอะไรกับผู้หญิงคนนั้น?"“เธอเพิ่งสมัครเป็นพนักงานส่งอาหารของเรา และหนูตกลงที่จะให้เธอมาทำงานในวันพรุ่งนี้” โจว เชียนหยุน กล่าว“ผู้หญิงอายุเท่าเธอสมัครเป็นพนักงานส่งอาหารเหรอ? ต้องมีอะไรผิดปกติกับเธอแน่นอน ผู้หญิงอย่างเธอมักจะทำงานออฟฟิศไม่ใช่เหรอ?" งานพนักงานส่งอาหารได้รับค่าจ้างที่ต่ำ และมีเพียงคนในวัยห้าสิบปีเท่านั้นที่มาขอสมัครงานในตำแหน่งนี้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่พอใจกับค่าจ้างที่ต่ำและชั่วโมงที่ยาวนาน ดังนั้นพวกเขาจึงปฏิเสธที่จะทำมัน”"เธอมีประวัติอาชญากรรมในทำให้คนเสียชีวิตด้วยรถยนต์" โจว เชียนหยุน กล่าว “หนูคิดว่าเธอเป็นคนดี เธอใจดีกับเยียน หนูไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนไม่ดี การขับรถชนคนตายของเธอน่าจะเป็นอุบัติ
ปฏิกิริยาของหลิง อี้หราน เมื่อนึกขึ้นได้ว่าอี้ จิ่นหลี สามารถไปตามกำจัดร้านอาหารเล็ก ๆ ได้ แม้แต่บริษัทที่กำลังมาแรง ที่คนต่างกล่าวว่าจะมีอนาคตที่สดใส กลับกำลังมีข้อสงสัยและอาจจะถูกกำจัดไป ดังนั้นร้านอาหารเล็ก ๆ ก็น่าจะไม่รอด“ฉัน... ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น” เธอพึมพำ เธอไม่ต้องการให้เกิดอะไรขึ้นกับร้านอาหารเล็ก ๆ ของพี่โจวเพราะฉัน เธอเห็นว่าพี่โจวเป็นคนดี ลูกชายของเธอที่หูหนวก ทำให้เธอต้องรับภาระหนัก “ดีแล้วที่พี่ไม่ได้คิดแบบนั้น พี่สามารถอยู่ที่นี่อย่างสงบสุข” อี้ จิ่นหลี กล่าวด้วยรอยยิ้มหลิง อี้หราน เม้มริมฝีปากของเธอเข้าด้วยกันและไม่ได้พูดอะไรต่ออี้ จิ่นหลี จับมือของหลิง อี้หราน ขึ้นมาและวางฝ่ามือของเธอลงบนแก้มของเขา “เพราะพี่ตั้งใจจะหางานด้วยตัวเอง ไม่ว่าพี่จะกลับมาดึกแค่ไหน พี่ก็จะมา
แทนที่จะกลับไปสู่อ้อมอกแม่อย่างเชื่อฟังเหมือนที่เคยทำเมื่อวานนี้ เขากลับจับขาของหลิง อี้หราน ไว้แน่นโจว เชียนหยุน กล่าวว่า “ขอโทษนะ ปกติแล้วอาหยันน้อยมักจะไม่เป็นแบบนี้ ดูเหมือนเขาจะชอบเธอ”“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันก็ชอบอาหยันน้อยเหมือนกัน” หลิง อี้หราน พูดพลางอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมาขณะที่เธอพูดเจ้าตัวเล็กไม่ดิ้นและเชื่อฟังอย่างน่าทึ่ง เขายิ้มกว้างให้กับหลิง อี้หราน หลังจากที่เธออุ้มเขาขึ้นมารอยยิ้มมีร่องรอยของความขี้อายและขี้อ้อนที่ทำให้หลิง อี้หราน เศร้าอย่างประหลาด "สวัสดีจ้า อาหยันน้อย" หลิง อี้หราน กล่าวยกมือขึ้นแตะศีรษะของเด็กน้อยอย่างไรก็ตาม เจ้าตัวเล็กไม่ได้ยินเสียงของเธอ เขาไม่รู้ว่าเธอพูดอะไร เขามองเธอด้วยความสับสนเท่านั้นโจว เชียนหยุน มองไปที่ลูกชายของเธอแล้วมองไปที่หลิง อี้หราน ทันใดนั้น ดวงตาของเธอก็เศร้าหมองขึ้น อาหยันน้อย... เข้าใจผิดว่าอี้หรานเป็นคนนั้นหรอ? นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้ใกล้ชิดอย่างผิดธรรมชาติ... ถ้าเป็นแบบนั้นก็น่าเศร้า... ที่พวกเขาไม่สามารถเห็นคน ๆ นั้นได้อีก“พี่โจวช่วยสอนภาษามือให้ฉันได้ไหมคะ? ฉันอยากเรียนรู้ที่จะสื่อสารกับอาหยันน้อย” หลิง อี้หราน