นอกจากนี้ ในฐานะหัวหน้า เธอยังต้องดูแลแคชเชียร์, เสิร์ฟอาหาร, ทำความสะอาดโต๊ะ มันเหมือนกับว่าเธอต้องทำทุกอย่าง เมื่อตอนที่ร้านยุ่ง ๆ เธอก็แทบจะไม่มีเวลาว่างเลย ความสามารถของเธออาจจะมีจำกัด แต่เธอก็มอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกชายของเธอ ประมาณบ่ายสามโมง ทางร้านก็ได้มีออเดอร์อื่นเข้ามา มีทั้งขนมปังไส้สับปะรดและชานม เมื่อกี้แค่หลิง อีหราน ได้เห็นที่อยู่ เธอถึงกับฟุ้งซ่าน “มีอะไรเหรอ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” โจว เชียนหยุน ได้เตรียมออเดอรให้ หลิง อี้หราน และสังเกตเห็นว่าเธอจ้องไปที่ใบสั่งซื้ออย่าเหม่อลอย “เปล่าไม่มีอะไรค่ะ” หลิง อี้หราน ตอบพร้อมกับหยิบขนมปังสับปะรดและชานม ชัดเจนว่า ที่อยู่ของคำสั่งซื้อนั้นเป็นสำนักงานกฎหมายที่เธอเคยทำงานอยู่ ตอนนี้เธอกำลังจะไปส่งอาหารที่นั่น และเธอจะต้องพบเจอกับอดีตเพื่อนร่วมงานของเธอเป็นธรรมดา ย้อนกลับไป เธอเป็นพนักงานที่ยอดเยี่ยมในออฟฟิศคนหนึ่งเลย แต่บางทีในอีกสักพัก เธออาจจะต้องรู้สึกอับอายใจมาก ๆ หลิง อี้หราน รู้สึกถึงความเจ็บปวดในใจ แต่ในตอนนี้เธอเลือกมุ่งมั่นที่จะทำตรงนี้แล้ว เธอก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเจอกับสถานการณ์เหล่านี้ นอกจากนี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นแขนของเธอก็ถูกจับไว้ ด้วยแรงกระตุกเธอจึงเขาไปอยู่ในอ้อมกอดที่แสนกว้าง เธออยากจะเอาตัวออกมาจากอ้อมแขนของเขาโดยไม่ทันตั้งตัว แต่มือของเขาโอบรอบตัวเธอและกอดเธอไว้ใกล้ ๆ “มันคงจะเป็นฝันที่ดีจริง ๆ สินะพี่สาว!” เขาบ่นพึมพำขณะที่ปากของเขาอยู่ใกล้ ๆ กับหูของเธอ เธอตัวสั่นเล็กน้อยและได้ และรู้สึกว่าลมหายใจของเขาอยู่ข้าง ๆ หูของเธอ เหมือนร่างการของเธอถูกโอบล้อมด้วยลมหายใจของเขา “นี่คุณ... ปล่อยนะ” เธอพูด และหน้าของเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง “ทำไมพี่ไม่เล่าให้ผมฟัง เกี่ยวกับการทำงานวันแรกของพี่ก่อนล่ะ?” เขาถาม “มันก็เป็นแค่งานส่งอาหารตามปกติ มีคนสั่งอะไรฉันก็แค่ไปส่งให้” เธอด้วยความรู้สึกหัวใจเธอเต้นเร็วขึ้น แม้แต่การไหลเวียนของเลือดก็เร็วขึ้นมากด้วย “ถ้าอย่างงั้น วันนี้พี่ทานอาหารดี ๆ แล้วหรือยัง?” เสียงของเขาดังขึ้นในหูของเธอ อีกครั้ง “ใช่สิ ฉันทานข้าวกับเจ้านาย เธอเตรียมให้ฉันวันละสองมื้อ” หน้าของเธอร้อนขึ้น ราวกับว่ามันกำลังจะไหม้ ความรู้สึกแปลก ๆ ของเธอทำให้เธอขวัญเสีย ตอนนี้ทั้งหมดที่เธอต้องการก็แค่ให้เขาปล่อย อย่างไรก็ตาม เขาไม่ให้ในสิ่งที่เธอต้องกา
ในไม่กี่ชั่วโมงของวันนี้ ในตอนที่หลิง อี้หราน นอนหลับอย่ารวดเร็วอยู่บนที่นอน ประตูระหว่างห้องสองห้องก็เปิดออกอย่างช้า ๆ ร่างสูง ๆ ก็เดินเข้ามา ผู้ที่มักจะเย็นชา มองไปที่ผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสายตารักใคร่ การจ้องมองของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยความผูกพัน “ฝันดีนะพี่สาว” เสียงเบา ๆ และนุ่มนวลดังออกมาจากปากของเขามันผสมไปด้วยความผูกพันและในเวลาเดียวกันมันก็มีความสิ้นหวังที่ไม่อาจจะบรรยายความรู้สึกได้ ... วันรุ่งขึ้น เมื่อหลิง อี้หราน ไปทำงาน ช่วงเที่ยงที่ร้านได้รับออเดอร์ เยอะมาก มากกว่า 30 รายการ ปกติแล้ว รอบหนึ่งเธอจะส่งเพียงแค่ 7-8 รายการ แต่ตอนนี้ มีออเดอร มากกว่า 30 รายการโดยกะทันหัน มันเป็นอะไรที่เลิศมากสำหรับร้านเล็ก ๆ ที่จะส่งอาหารในบ่ายวันนี้ โจว เชียนหยุน เตรียมออเดอร์ให้พร้อมและพูดกับหลิง อี้หราน ว่า “ขอบคุณมาก ๆ สำหรับการส่งอาหารพวกนี้นะ” “แล้วออเดอร์อื่น ๆ ล่ะคะ?” หลิง อี้หรานกล่าว สุดท้ายแล้ว เมื่อเธอส่งออเดอร์นี้แล้ว เธออาจจะไม่ต้องส่งออเดอร์อื่น ๆ ก็ได้ “ไม่เป็นไร ฉันจะขอให้แม่ มาช่วยทำหน้าที่แทนตรงเครื่องคิดเงินหลังจากที่พาอาหยันน้อยเข้านอน แล้วฉันจะไปส่งใ
จากนั้น หลิง อี้ราน ก็เข้าไปในอาคารพร้อมกับรถเข็นอาหาร พนักงานต้อนรับถามแค่ชื่อของเธอ ไม่ได้บอกให้เธอลงทะเบียนใด ๆ และช่วยเธอกดปุ่มเพื่อขึ้นลิฟต์ ทั้งหมดนี้มันทำให้หลิง อี้หราน เดาว่ามันต้องเป็นอย่างเดียวกับที่เธอคิดไว้ เมื่อเธอมาถึงตามที่อยู่ที่ระบุไว้ใน ในออเดอร์ก็มีผู้หญิงรูปร่างสูงใส่ชุดสูททำงาน เดินมาหาเธอ “คุณหลิง อี้หราน ใช่ไหมคะ? ฉันเป็นคนสั่งอาหารคุณเอง คุณออกไปได้แล้วค่ะ และช่วยนำ 2 รายการนั้น ไปที่ห้องทำงานของท่านประธานหน่อยนะคะ” จังหวะนั้นหัวใจของหลิง อี้หราน แทบหล่นและสิ่งที่เธอเดาไว้เริ่มชัดเจนมากขึ้น ห้องทำงานของประธาน... อี้ จิ่นหลี เป็นประธานของ อี้ กรุ๊ป สองรายการนี้ เป็นของห้องทำงานของอี้ จิ่นหลี ใช่ไหม? หลิง อี้หราน หยิบสองออเกอร์นี้ขึ้นมาและกำลังเดินไปที่ห้องทำงานของ อี้ จิ่นหลี เมื่อเธอยืนอยู่ที่หน้าประตูไม้สีเข้มเธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่เธอจะเคาะประตูสองครั้ง “เข้ามา” เสียงดังมาจากข้างใน หลิง อี้หราน ผลักประตูจนเปิด และเดินเข้าไปเห็นว่า อี้ จิ่นหลี นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของเขา เขากำลังก้มหน้าตรวจเอกสาร “ฉันเอารายการอาหารของคุณวางไว้บนโต๊ะกาแฟนะ” หล
หลิง อี้หราน หยิบกล่องอาหารกลางวัน และเริ่มก้มหน้าก้มตากินอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เธอต้องการเพียงแค่รีบกิน ๆ ให้หมดไว ๆ และออกไป “พี่กินเร็วมาก เพราะอยากรีบออกไปใช่ไหมครับ?” เสียงของอี้ จิ่นหลี พูดเบา ๆ ในห้องทำงาน “อะแฮ่ม...” หลิง อี้หราน ถึงกับสำลัก จนแทบจะคายอาหารออกมา ตอนนี้เธอทำได้เพียงใช้มือปิดและไออย่างลำบาก อีกสักพักหน้าของเธอก็แดงมาก ในที่สุดเธอก็หยุดไอ แต่ว่าในมือของเธอที่ปิดปากอยู่ก่อนหน้านี้ ดันมีเศษข้าวติดอยู่ เธอจึงตัดสินใจหยิบทิชชูและต้องการที่จะเช็ดมือของเธอ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เธอจะหยิบทิชชูได้นิ้วของเขาก็คว้ามือของเธอและดึงเข้าหาตัวเขาเอง เธอบิดข้อมือด้วยความอึดอัด แต่ก็ไม่หลุด “มือของฉันไม่สกปรก ฉันต้องเช็ดมัน” เธอกล่าว “สกปรกเหรอครับ?” เขาหัวเราะเบา ๆ ด้วยความตลก “ผมไม่เห็นว่ามันจะสกปรกเลยครับ” เขาก้มหัวลงขณะที่เขาพูด ริมฝีปากของเขาอยู่ติดกับฝ่ามือของเธอ และในตอนนั้นปลายลิ้นของเขาก็เลียเศษข้าวที่มีของเธอ หลิง อีหราน ตัวแข็งทื่อ เธอรู้สึกร้อนที่ฝ่ามือของเธออย่างมาก และการการเลียของเขาเหมือนกับว่าไปสัมผัสกับเส้นประสาทบนฝ่ามือของเธอและความรู้สึกมันกระจ่ายไปทั
เธอต้องการส่งออเดอร์ในส่วนที่เหลือ และเมื่อถึงเวลาทานอาหารกลางวันในเวลาบ่ายสองโมง หลิง อี้หราน กินอะไรได้ไม่มากนักโจว เชียนหยุน กล่าวขึ้นว่า “เป็นอะไรหรือเปล่าเธอกินน้อยจัง เธอไม่ชอบอาหารวันนี้เหรอ?” เมื่อถึงเวลาทานอาหารเที่ยงทุก ๆ คน ในร้านอาหารเล็ก ๆ นี้ จะใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และขอให้เชฟทำอาหารหลาย ๆ อย่างให้พวกเขาได้ทานด้วยกัน“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันคิดว่าเมื่อเช้าก่อนมาทำงานฉันคงกินมามากเกินไป” หลิง อีหราน มองไปที่อาหยันน้อย “ทำไมคุณไม่กินล่ะ? ฉันจะป้อนผลไม้ให้อาหยันน้อยเองนะคะ เพราะตอนนี้ฉันอิ่มแล้วล่ะ”หลิง อี้หราน หยิบแอปเปิลไปปลอกเปลือก จากนั้นเธอก็หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ และป้อนให้อาหยันน้อยเจ้าตัวเล็กอ้าปากอย่างเชื่อฟังและแทะแอปเปิล และในบางครั้งก็ยิ้มให้หลิง อี้หรานหลังจากป้อนผลไม้ให้แล้วเจ้าตัวเล็กก็ง่วงนอน เขาหาวและกางมือออกกว้างแสดงท่าทางเพื่อให้หลิง อี้หราน กอดเขาหลิง อี้หราน อุ้มเจ้าตัวน้อยไว้ในอ้อมแขนของเธออย่างเป็นธรรมชาติและค่อย ๆ กล่อมให้เขานอนหลับแม้ว่าเจ้าตัวน้อยจะไม่ได้ยินเสียงฮัมเพลงเบา ๆ ของเธอ แต่นิ้วที่อ่อนเยาว์ของเขาค่อย ๆ ปัดเข้ากับริมฝีปากของเธอราวก
“อีกอย่างเธอไม่ได้มาที่ออฟฟิศนี้นานมากแล้วนะ เพื่อนร่วมงานเก่า ๆ ของเธอคิดถึงเธอมากเลย ยังไงก็ตาม ตอนนี้ เราเจอกันได้ทุกเมื่อหากเธอต้องการนะ” กวาน ลี่หลี่ พูดในขณะที่ดึงหลิง อี้หราน เข้าไปในออฟฟิศ “ตั้งแต่มานี่ เธอยังไม่เจอเพื่อนร่วมงานเก่า ๆ ที่นี่เลยนะ” หลิง อี้หราน ชำเลืองมองกวาน ลี่หลี เธอรู้แน่นอนว่าเธอกำลังจะทำอะไรอยู่ ในกรณีนี่เธอควรจะเผชิญหน้ากับพวกเขา เพราะถ้าเธอหนีพวกเขาก็จะหัวเราะเยาะเย้ยเธอ “โอเค ฉันจะไปเจอกับพวกเขา” หลิง อี้หราน พูดโดยไม่แคร์ความรู้สึกของตัวเอง ในทางตรงกันข้าม ท่าทางของเธอทำให้กวาน ลี่หลี่ ประหลาดใจ ท้ายที่สุด มันเป็นสิ่งที่เธอไม่คิดว่าจะได้เห็น เมื่อเข้ามาข้างใน กวาน ลี่หลี ก็ปรบมือของเธอในสำนักงานใหญ่และดึงความสนใจจากทุกคน “มาดูนี่สิทุกคน อี้หราน เพื่อนร่วมงานของพวกเรากลับมาหาเราแล้ว” ทันใดนั้น ทุกคนในออฟฟิศ ก็หันมามองทางพวกเขา ในขณะที่หลิง อี้หราน มองไปรอบ ๆ เธอก็ได้เห็นทั้งเพื่อนร่วมงานและคนทำงานใหม่ที่เธอไม่รู้จัก “พี่กวาน เธอทำงานที่นี่มาก่อนเหรอคะ? แล้วตอนนี้เธอทำงานที่ไหนคะ?” เพื่อนร่วมงานคนใหม่ถาม คำถามนี้เป็นไปตามที่ กวาน ลี่หลี
แน่นอนว่าคนที่ตอบคำถามนั้นก็คือ กวาน ลี่หลี่, กวาน ลี่หลี่ ดูเหมือนตั้งใจส่งเสียงของเธอ เธอพูดถึงเรื่องที่หลิง อี้หราน เข้าคุกเพราะเธอขับรถชนคนตาย ขณะที่เมาแล้วขับ... หลิง อี้หราน ยิ้มอ่อน กวาน ลี่หลี ต้องการเยียบย่ำเธอเพื่อชดเชยกับความขับแค้นใจจากการที่ถูกเธอกดขี่ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาสินะ? แน่นอนว่าคุณไม่สามารถรู้ถึงนิสัยใจคอของผู้คนได้ทั้งหมดในตอนที่คุณถูกยกย่องสรรเสริญ และแน่นอนว่าเมื่อไหร่ที่คุณตกอับ คุณจะรู้นิสัยที่แท้จริงของคนได้หมดเปลือก ขณะที่หลิง อี้หราน กำลังออกจากบริษัทไปยังลิฟต์ ก็มีเสียงฝีเท้าตามหลังเธอมาอย่างรวดเร็ว และเสียงก็ดังขึ้น “เดี๋ยวก่อน อี้หราน!” หลิง อี้หราน หันหัวกลับไปและเห็นผู้ชายคนหนึ่งรีบเขามา ก่อนที่จะหยุดตรงหน้าของเธอ เขากำลังมองเธอด้วยสายตาที่คลุมเครือ เขาเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีพอสมควร อายุราว ๆ 30 เขามีรูปร่างปานกลางและแต่งกายด้วยชุดสูทแบบที่คนมีฐานะในเมืองมักใส่กัน “มีอะไรเหรอ?” หลิง อี้หราน ถามขณะที่มองไปทางเพื่อนร่วมงานเก่าของเธอ เขาเคยเป็นเพื่อนร่วมงานกับเธอที่บริษัทและก็มีช่วงหนึ่งมีข่าวลือขึ้นว่าเขาแอบชอบเธอ แต่เธอได้คบกับเซียว จื่อฉี
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค