เขาจับมือของเธอไว้เมื่อมองไปยังใบหน้าที่หลับใหลอยู่ในที่สุดเขาก็เจอเธอ! เธอไม่ได้มีตัวตนอยู่แค่ในความทรงจำของเขาอีกต่อไป แต่ตอนนี้เธออยู่ตรงหน้าเขาแล้ว“วันนี้คุณตอบตกลงแล้ว ผมจะไม่ให้คุณผิดสัญญาอีก” เสียงแผ่วเบาของเขาดังขึ้นในห้องที่เต็มไปด้วยความเงียบมีเพียงเสียงลมสายใจของอีกคนเท่านั้นที่ให้คำตอบเขา...หลิง อี้หราน กลับไปยังคฤหาสน์ อี้ หลังจากเธอสอบสัมภาษณ์เสร็จ การสอบสัมภาษณ์ในวันนี้ค่อนข้างง่ายสำหรับเธอ ผู้สัมภาษณ์แค่ดูใบตรวจสุขภาพร่างกายของเธอและถามคำถามเบื้องต้นเมื่อถูกถามว่าทำไมเธอที่จบการศึกษาด้านกฎหมายที่เก่งกาจถึงอยากเป็นพนักงานส่งอาหาร เธอก็พร้อมที่จะตอบคำถามนั้นแล้ว แต่เธอรู้สึกประหม่าที่จะตอบว่าเธอถูกจำคุกเพราะความผิดเกี่ยวกับการจราจร ดังนั้นใบอนุญาตการเป็นทนายความของเธอถึงถูกเพิกถอนไม่มีคำถามเพิ่มเติมเมื่อเธอตอบเช่นนั้น พวกเขาแค่บอกให้เธอกลับบ้านได้และรอการตอบกลับเธอรู้ว่าเธออาจจะสอบตกการสอบสัมภาษณ์แต่ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหลีกเลี่ยงคำถามเช่นนั้นเมือง เฉิน มีทั้งบริษัทขนาดใหญ่และขนาดเล็กที่กำลังมองหาพนักงานขนส่งอาหาร หลิง อี้หราน ส่งใบสมัครไปทุก ๆ บ
หลิง อี้หราน ดูตกใจ “คุณว่ายังไงนะ?”“พี่ไม่ได้ยินเหรอ?” อี้ จิ่นหลี ถามด้วยความอดทน “ผมบอกว่าถ้าพี่ไม่ชอบบริษัทนั้น ผมก็จะกำจัดเขาออกไป”ราวกับว่าเขากำลังพูดเรื่องธรรมดาอยู่แต่กำจัดออกไปงั้นเหรอ?!รูม่านตาของหลิง อี้หราน หดตัวลงอย่างกะทันหัน เธอกำลังเข้าใจอะไรเขาผิดหรือเปล่า? บริษัทนั้นเป็นมือใหม่ในอุตสาหกรรมการจัดส่งอาหาร แม้ว่าจะไม่ได้ดีเท่าบริษัทที่มีชื่อเสียง แต่ก็มีผลงานที่ค่อนข้างดีเมื่อไม่นานมานี้ นอกจากนี้เธอยังอ่านเจอข่าวที่ว่าบริษัทนี้กำลังระดมเงินลงทุนอีก 1.7 ล้านดอลลาร์จะกำจัดบริษัทอย่างนั้นง่ายได้ได้อย่างไร?แต่... ถ้าเป็นอี้ จิ่นหลี อะไรที่เป็นไปไม่ได้ก็จะเป็นไปได้สำหรับเขาอยู่ดี“แค่เพราะฉันไม่ชอบน่ะเหรอ?” เธอถามและมองไปที่อี้ จิ่นหลี ด้วยความตกใจเขายิ้ม “ผมไม่ชอบคนที่เอาความลับของคนอื่นไปขาย ผู้นำบริษัทที่ต้องการผลประโยชน์จากการขายความลับของคนอื่นอาจจะทำอะไรไม่ได้มาก ถ้าผมไม่ได้เข้าไปยุ่ง หรือในกรณีนั้นอาจจะหายไปก่อนหน้า”ทันใดนั้น เธอเริ่มรู้สึกว่ามีคำพูดมากมายติดอยู่ในลำคอเขาหัวเราะและกล่าวถึงความอยู่รอดของบริษัทด้วยวิธีง่าย ๆ ที่ผู้นำบริษัทอาจจะไม่โทรม
ที่นี่... คือที่ไหน?เธอตะลึง จากนั้นก็เริ่มนึกขึ้นได้ถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า เธอจึงลุกขึ้นนั่งทันทีเธอดื่มอีกครั้งและยังเมาเหมือนเดิม!“ตื่นแล้วเหรอ?” หลังจากเสียงในห้องดังขึ้น ชิน เหลียนอี ตัวแข็งทื่อและหันศีรษะไปมองแน่นอนว่าไป๋ ทิงซิน นั่งอยู่บนโซฟาไม่ไกลจากเตียง สายตาของเขาจ้องมองมาที่เธอ“ฉัน... ฉันตื่นแล้ว...” เธอกล่าวตะกุกตะกักและตะกายออกจากเตียง เธอมองไปที่เสื้อผ้าของตัวเอง เสื้อผ้ายังอยู่ครบถ้วน ดังนั้นเธอเลยคิดว่า... ไม่มีอะไรเกิดขึ้นชิน เหลียนอี คิดกับตัวเอง แต่เธอก็ยังเอ่ยปากถามว่า “ฉันทำอะไรตอนเมาหรือเปล่า?”“คุณทำหลายอย่างเลยล่ะ คุณอยากให้ผมพูดถึงเรื่องไหนก่อนดี?” ไป๋ ทิงซิน ถามอย่างขี้เกียจชิน เหลียนอี อ้าปากค้างหลายอย่าง... อะไรนะ... เธอทำอะไร?! ครั้งนี้เธอรู้สึกมึนหัวหลังจากอาการเมา ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เธอจำได้เกือบทุกอย่างว่ามีอะไรเกิดขึ้น“อะไร... ฉันทำอะไร?” เธอกลืนน้ำลายที่ไหลลงคอและเปร่งเสียงถามอย่างสุขุมเขาหน้าแดงโดยไม่มีเหตุผลชิน เหลียนอี จ้องมองแก้มที่แดงของเขา จากนั้นเธอก็พบว่าเขาดูคล้ายกับผู้ชายที่เธอจำได้“เมื่อคืน... ฉันบังคับตัวเองกับคุณอ
“ได้ งั้นเราคบกัน” ชิน เหลียนอี กล่าวอย่างจำนง เนื่องจากเธอกำลังถูกล้างแค้น อย่างน้อยเธอก็ควรเตรียมพร้อมทางจิตใจสำหรับมัน “ถ้าอย่างนั้น... เอ่อ คุณควรคืนโทรศัพท์ให้ฉันได้แล้ว”เธอยังไม่ลืมเหตุผลหลักที่ตามเขามายังคฤหาสน์ คือการทวงคืนโทรศัพท์ของเธอเขาจ้องมองเธออยู่สักพัก จากนั้นก็โยนโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะกาแฟมาให้เธอ“อ๊ะ!” เธออุทานหลังจากรับโทรศัพท์ได้ทัน โทรศัพท์ราคาหนึ่งหมื่นดอลลาร์ของเธอ เธอถึงขนาดกัดฟันเพื่อซื้อโทรศัพท์เครื่องนี้มา ถ้าเกิดว่ามันหล่นกระแทกพื้นและหน้าจอแตก เธอต้องใช้เงินถึงสองพันดอลลาร์เพื่อซ่อมมันรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่นึกถึงค่าซ่อมโทรศัพท์!ถ้ามันตกแตก เธอก็ไม่กล้าขอให้เขาจ่ายค่าซ่อมให้หรอก!ชิน เหลียนอี เปิดโทรศัพท์เพื่อดูเวลา เป็นเวลาเก้าโมงเช้าแล้วและมีสายที่ไม่ได้รับในโทรศัพท์ของเธอหลายสาย เบอร์เหล่านั้นล้วนเป็นเบอร์จากพ่อแม่ของเธอ เธอจึงรีบโทรกลับทันทีไม่นานก็มีสายเรียกเข้าและตามด้วยเสียงตะโกนด่าด้วยความโกรธจากพ่อของเธอ “แกจะไม่โทรมาบอกพ่อแม่หน่อยเหรอว่าจะไม่กลับมากินข้าวเย็น? แกไม่แม้แต่จะรับโทรศัพท์ แกกำลังจะทำอะไร? แกอยากให้พ่อกับแม่ไปแจ้งความกับตำ
ในฐานะคนที่วันนี้หลงใหลในไอดอลคนนี้และรักไอดอลอีกคนในวันพรุ่งนี้ แต่เธอก็จริงจังกับพวกเขาในแต่ละคนเธอเป็นแฟนตัวยงเพื่อเธอคลั่งไคร้ไอดอลของเธอ ถึงขนาดใช้เงินเพื่อไปงานคอนเสิร์ตและงานแจกลายเซ็นของพวกเขา บางครั้งเธอก็เข้าร่วมแฟนมีตติ้งเหล่าคนดังด้วยซ้ำแน่นอนว่าเหตุการณ์นี้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นก่อนอุบัติเหตุของอี้หราน หลังจากอี้หรานประสบอุบัติเหตุ เธอก็เริ่มรู้สึกสนใจไอดอลน้อยลง กลับกันเธอหันไปตั้งใจทำงาน และทุ่มเทแรงกายและแรงใจเพื่อช่วยเพื่อนสนิทในการย้อนรอยคดีความดังนั้นวิดีโอคอนเสิร์ต, ลายเซ็น, และแฟนมีตติ้ง จึงเป็นความทรงจำที่ยอดเยี่ยมในช่วงวัยรุ่นของเธอแต่ตอนนี้ความทรงจำเหล่านี้... หายไปแล้ว?!"เกิดอะไรขึ้นกับวิดีโองานอีเว้นท์ไอดอลของฉัน?" ชิน เหลียนอี ร้องอุทานหันหน้าไปจ้องไปที่ไป๋ ทิงซิน ที่กำลังขับรถอยู่"ผมลบมันไปแล้ว" ไป๋ ทิงซิน ตอบอย่างไม่อ้อมค้อม“คุณ... ลบมันเหรอ?” ชิน เหลียนอี คิดว่าเธอกำลังจะเป็นลม ถ้าเขาไม่คืนโทรศัพท์ให้เธอ เธอคงต้องยอมรับชะตากรรมของเนื้อหาในโทรศัพท์ อย่างไรก็ตามเขาคืนโทรศัพท์ให้เธอ แต่วิดีโออันมีค่าของเธอได้หายไป"ใช่ ผมลบไปแล้ว แม้ว่าคุณจะนำโทรศั
ชิน เหลียนอี กลับบ้านโดยยังคงสับสนเล็กน้อย เธอและไป๋ ทิงซิน กำลังคบกัน? เธอคิดแผนการแก้แค้นที่เป็นไปได้มากมายที่เขาอาจจะลงมือทำ แต่เธอไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้!เธอไม่ได้มีประสบการณ์ในการออกเดทมากนัก เธอจะทำตามในสิ่งที่เขาต้องการ หากไม่ได้ผล เขาก็คงจะอ้างถึงเหล่าไอดอลอีกแต่ปัญหาคือ... เขาต้องการให้เธอตกหลุมรักเขาตกหลุมรักเขาแล้วรอให้เขาทิ้งเธอ? ชิน เหลียนอี เกาหัวอย่างทำอะไรไม่ถูก ถ้ามันไม่ได้ผลจริง ๆ แล้วถ้าเธอแกล้งทำเป็นตกหลุมรักเขาหลังจากคบกันไม่กี่เดือนและแกล้งทำเป็นอกหักเมื่อเขาทิ้งเธอ? ถ้าอย่างนั้นเธออาจจะยุติเรื่องทั้งหมดนี้ได้หรือไม่?ชิน เหลียนอี ถอนหายใจกับความคิด ใครจะคิดว่าความสัมพันธ์ครั้งแรกของเธอจะเริ่มต้นด้วยวิธีนี้?อย่างไรก็ตาม มันดีกว่าที่เธอเคยคิดไว้เรื่องที่เขาจะแก้แค้นเธอได้อย่างไร เธอคิดว่าเขาจะทำลายครอบครัวของเธอหรืออะไรก็ตามแต่นั่นคือเหตุผลที่เราไม่ควรใช้ประโยชน์จากผู้ชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ควรหนีไปหลังจากที่ได้ร่วมทางกับพวกเขา ตอนนี้เธอได้รับการลงโทษแล้ว!คุณชินและคุณนายชินยังคงอยากรู้ว่าเพราะอะไรลูกสาวของพวกเขาถึงไม่ยอมบอกว่าเธอจะไม่กลับมากินข้าว
หลังจากหลิง อี้หราน สัมภาษณ์งานที่บริษัทอีกที่เสร็จ เธอก็อดไม่ได้ที่จะทำหน้าบูดหน้าเบี้ยวเธอคิดว่าเธอมีความพร้อมทางจิตใจและเต็มใจที่จะทำงานเป็นพนักงานส่งอาหาร โดยไม่กำหนดเงินเดือนขั้นพื้นฐาน ซึ่งบางบริษัทอาจจะมีการกำหนด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ถูกปฏิเสธอยู่ดีเมื่อเห็นว่าเวลาเกือบเที่ยงแล้ว หลิง อี้หราน ก็ไปที่ร้านอาหารเล็ก ๆ ข้างทางและสั่งก๋วยเตี๋ยวหนึ่งชามในราคาสิบดอลลาร์นี่คือก๋วยเตี๋ยวชามที่ถูกที่สุดในร้านนอกจากนี้ยังมีโทรทัศน์เก่าตั้งอยู่ในร้าน ทีวีที่เปิดช่องข่าวอยู่และกำลังฉายซ้ำข่าวของเมื่อวาน หลิง อี้หราน ฟังอย่างไม่ตั้งใจนักในตอนแรก แต่เธอก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างรวดเร็วเมื่อนักข่าวเอ่ยถึงบริษัทที่คุ้นเคยมันคือ... บริษัทแรกที่เธอไปสัมภาษณ์งานเป็นพนักงานส่ง และยังเป็นที่เดียวกันที่เจ้าของบริษัทโทรหาอี้ จิ่นหลี และบอกเขาเกี่ยวกับการสัมภาษณ์ของเธออี้ จิ่นหลี เคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่าเขาต้องการกำจัดบริษัทนี้ตอนนี้ข่าวบอกว่าบริษัทกำลังเผชิญกับเงินลงทุนที่กระจายออกไป เงินที่จัดสรรไว้สำหรับการลงทุนถูกยกเลิกอย่างกะทันหัน และผู้มีส่วนร่วมในการจัดหาเงินทุนของบริษัทได้ทำการประท้วงหน้
“เขาไม่ได้รบกวนฉันหรอกค่ะ ลูกชายของคุณน่ารักจัง" หลิง อี้หราน กล่าว “ดูเหมือนว่าเขาจะอยากกินก๋วยเตี๋ยวนะคะ เขามองก๋วยเตี๋ยวบ่อย ๆ”“ถ้าคุณให้ก๋วยเตี๋ยวเขา เขาอาจจะกินหรือไม่กินก็ได้ เขาแค่อยากเล่นสนุกด้วยค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นกล่าวและเริ่มทำท่าทางด้วยมือทั้งสองข้างต่อหน้าเด็กน้อยหลิง อี้หราน ตกตะลึงและสังเกตได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังทำอะไร... ภาษามือ!“เขา... ” เธอกล่าวโพล่งออกมาหญิงสาวกล่าวว่า “เขาไม่ได้ยิน แต่เขารู้ภาษามือค่ะ เขาเข้าใจได้ท่าทางง่าย ๆ”ผู้หญิงคนนั้นพูดและค่อย ๆ พูดต่อว่า “ขอโทษคุณน้าสิ” ในขณะทำท่าทางจากนั้นหลิง อี้หราน ก็เห็นเด็กน้อยโค้งคำนับมาทางเธอราวกับจะแสดงความขอโทษหลิง อี้หราน อดไม่ได้ที่จะลูบหัวของเด็กน้อย เขายังเด็กแต่เขาไม่สามารถได้ยิน เสียงทั้งหมดในโลกนี้ไม่มีอยู่จริงสำหรับเขาใช่ไหม?หญิงสาวคนนั้นอุ้มเด็กน้อยออกไป ในขณะที่หลิง อี้หราน ยังคงกินก๋วยเตี๋ยวของเธอต่อไป แต่เธอกลับรู้สึกเสียใจเธอกินก๋วยเตี๋ยวเสร็จและกำลังจะออกจากร้านอาหารเล็ก ๆ เมื่อออกไปจากร้าน เธอก็เห็นแผ่นประกาศรับสมัครงานที่หน้าประตูพวกเขากำลังมองหาพนักงานส่งอาหารหลิง อี้หราน ห
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค