อย่างไรก็ตาม เขาทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของเธอ เขาจ้องไปที่เธอแล้วพูดขึ้นว่า “พี่จะทำให้ผมเจ็บเหรอ พี่สาว?” ตัวของเธอสั่นในขณะที่เธอรู้สึกเหมือนมีบางอย่างติดอยู่ที่คอ มันมีบางคำที่ติดอยู่ในนั้น สายตาของเขาจ้องมองเธอราวกับว่ากำลังจะมองทะลุผ่านตัวเธอเลยด้วยซ้ำ “มันเป็นคำถามที่ยากเกินไปอย้างนั้นเหรอ?” หลังจากที่เงียบอยู่นาน เขาพึมพำ “ไม่เป็นไร ถ้าพี่ไม่อยากตอบ แต่ผมขอเตือนพี่ไว้เลยนะ...” เขาก้มลงอย่างช้า ๆ ในขณะที่ริมฝีปากของเขา อยู่ใกล้ ๆ หูของเธอ และเขาก็กระซิบว่า “อย่าทำให้ผมเจ็บนะ เข้าใจไหม?” ตราบใจที่เธอไม่ทำให้เขาเจ็บ เขาก็จะเทิดทูนเธอเหนือแผ่นดินและท้องฟ้าและรักเธอที่สุดในโลกใบนี้ จะคอยปกป้องเธอ ทำให้เธอมีความสุข และปลอดภัยไปตลอดชีวิตของเธอ ตราบใดที่เธอไม่คิดจทำให้เขาเจ็บ ...ในห้องขนาดใหญ่นี้ หลิง อี้หราน กระวนกระวายและดูนาฬิกาที่มือถือของเธอบ่อยครั้ง และคำนวณเวลา ว่ามันนานแค่ไหนแล้ว ก่อนที่เธอจะได้ยินข่าวของเพื่อนสนิทของเธอ ในทางกลับกัน อี้ จิ่นหลี ได้เปลี่ยนเป็นชุดลำลองและนั่งอยู่บนโซฟาพร้อมกับดูรายงานจากผู้เชี่ยวชาญ อี้ จินหลี มีท่านั่งที่สง่างาม หลิง อี้หราน ไ
“เขาเป็นประธานของ ไป๋ เฟิง กรุ๊ป เป็นคนปกครองตระกูลไป๋” อี้ จิ่นหลี กล่าวแล้วมองไปที่หลิง อี้หราน แบบสงสัย “พี่ไม่รู้เหรอว่าเขาเป็นใคร? ไม่เคยได้ยิน ชิน เหลียนอี พูดถึงมาก่อนเลยเหรอ?” หลิง อี้หราน ได้ยินถึงกับตกใจ เธอมั่นใจว่าไม่เคยได้ยินชื่อ ไป๋ ทิงซิน จากเพื่อนสนิทของเธอเลย แต่อย่างไรก็ตาม เธอรู้ดีว่า ไป๋ เฟิง กรุ๊ป ต้องไม่ใช่องค์กรที่ธรรมดาอย่างแน่นอน พวกเขามีบริษัท อยู่ในเมือง เฉิน และเป็นบริษัทการส่งออกที่มีชื่อเสียง ทำไมเหลียนอีถึงไปเกี่ยวข้องกับ ไป๋ ทิงซิน? สิ่งที่ทำให้เธอยิ่งสับสน คือชายคนเมื่อกี้บอกว่า ไป๋ ทิงซิน เป็นคนจับตัวเธอไปเอง นั้นหมายความว่า ไป๋ ทิงซิน อยู่ที่ Maybach ที่เธอเห็นวันนี้ จริง ๆ เหรอ? เธอคิดว่าเพื่อนของเธอถูกลักพาตัว แต่ตอนนี้มันดูเหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องอื่น “ถ้าอย้างนั้น... ฉันจะไปตามหาเธอ!” หลิง อี้หราน หันอย่างรวดเร็วที่จะไปตามหาเพื่อนสนิทของเธอ ตามที่อยู่ที่เธอได้ยินเมื่อกี้ “พี่คิดว่าพี่จะเข้าไปในนั้นได้เหรอ?” อี้ จิ่นหลี พูดออกมาเบา ๆ “...” หลิง อี้หราน หยุดเดินทันที และลังเลก่อนที่เธอจะพูดว่า “งั้นฉัน... จะไปคุยกับตำรวจก่อน แล
เธอไม่มีเงินเลย สำหรับสิ่งต่าง ๆ ที่เธอได้เรียนรู้มาหลายปีที่ผ่านมา พวกนั้นก็ไม่มีประโยชน์สำหรับเขาเลย ทีมทนายใน อี้ กรุ๊ป ก็มีประสมการณ์มากกว่าเธอ สิ่งเดียวที่เธอมีในตอนนี้ก็มีเพียงแค่ตัวเธอเอง ตัวตนที่สิ้นหวังของเธอ นั้นคือทั้งหมดที่เธอมี หลิง อี้หราน หลุบตาลง และเธอก็คุกเข่าลงต่อหน้าอี้ จิ่นหลี “ฉันขอร้องล่ะ พาฉันไปเจอกับ ไป๋ ทิงซิน เถอะนะ ฉันอยากเจอเหลียนอี ด้วยตาของฉันเอง” ดวงตาสีดำของเขาจ้องไปที่เธอ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจและ... ความโกรธ “พี่รู้ไหมว่าพี่กำลังทำอะไรอยู่?” เขาจ้องมองไปที่เธอ และในใจของเขาสั่นมาก เขารู้ดีว่าเธอมีทิฐิในในตัวเอง ถึงแม้ว่าเธอจะต้องถูกเยาะเย้ย แต่เธอยังต้องรักษาศักดิ์ศรีเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเธอที่ต้องถูกเหยียบย่ำ ไม่อย่างนั้น เธอคงไม่ปฏิเสธเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เธอเต็มใจที่จะคุกเข่าก็เพื่อชิน เหลียนอี เพราะฉะนั้นก็หมายความว่า ชิน เหลียนอี มีความสำคัญมากเกินกว่าศักดิ์ศรีของเธอใช่ไหม? “ใช่” เธอพูดออกมาอย่างไม่ลังเล ขณะที่ก้มหัวลงไป “ถ้าคุณพาฉันไปหาเหลียนอี และแน่ใจว่า เหลียนอีปลอดภัยดี ฉันจะยอมทำทุกอย่างตามที่คุณต้องก
หลิง อี้หราน รีบรัดเข็มขัดนิรภัยของเธอ และมองดูด้วยความแปลกใจ ขณะที่อี้ จิ่นหลี กำลังขับรถออกจาก คฤหาสน์ อี้ เขาขับรถไปทางที่บอกว่าเป็นที่อยู่ของไป๋ ทิงซิน เขากำลังพาเธอไปที่นั้นอย่างนั้นเหรอ? อย่างไรก็ตาม ตอนนี้หน้าของเขาดูสดใส ริมฝีปากบาง ๆ ของเขาประกบกันแน่น สายตาของเขาดูมืดมัว แสดงออกถึงความไม่พอใจของเขา หลิง อี้หราน อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เธอก็กลัวว่าถ้าเธอพูดอะไรตอนนี้จะยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดมากกว่าเดิม มันจะเเย่แน่ ๆ สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือ การได้พบกับเหลียนอีและรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ‘ถ้าอย่างนั้นฉันรอให้ฃอี้ จิ่นหลี ใจเย็นลงก่อนดีกว่า ก่อนที่... จะขอบคุณเขา’ หลิง อี้หราน คิดกับตัวเอง เมื่อพวกเขาขับรถมาถึง เครเซนท์ เบย์ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็สั่งให้พวกเขาหยุด “บอก ไป๋ ทิงซิน ว่า อี้ จิ่นหลี ต้องการพบเขา และถามเขาด้วยว่า เขาจะมาพบพวกเราไหม?” อี้ จิ่นหลี พูดตรงประเด็น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองสามคนได้ยินอย่างนั้นถึงกับตาลุกด้วยความประหลาดใจ สุดท้ายแล้ว ทุกคนในเมือง เฉิน รู้จักชื่อ ‘อี้ จิ่นหลี’ นอกจากนี้, ถึงแม้ว่าเจ
ไร้สาระ! แน่นอนว่าเธอกังวลมากและยิ่งตอนนี้เธอไม่รู้เลยว่า เมื่อไรเขาจะปล่อยเธอไป “ฉันไม่อยากให้เพื่อนและพ่อแม่ของฉันเป็นห่วง” เธอกล่าว คำพูดของเธอเหมือนเป็นการกระตุ้นเขา แววตาของเขาเย็นชาในขณะที่เขากำลังหัวเราะเยาะ “เธอกลัวว่าพวกเขาจะเป็นห่วง แต่เธอเคยคิดไหมว่าฉันเอง ก็เป็นห่วงเธอเหมือนกัน” ชิน เหลียนอี สะอึกกับคำพูดปริษณา หน้าของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “ฉัน... ฉันมีเรื่องฉุกเฉิน...” “เรื่องฉุกเฉินงั้นเหรอ?” เขาตะคอก “เรื่องฉุกเฉินของคุณ คือกลับไปช่วยเพื่อนของคุณกับคดีของเธออย่างนั้นเหรอ? คุณไม่เคยเห็นหัวผมเลยด้วยซ้ำ... คุณแค่ให้ผมเป็นคนคั่นเวลาตั้งแต่เริ่มใช่ไหมล่ะ?” ชิน เหลียนอี รู้ดีว่ามันเป็นความผิดของเธอ ในช่วงที่เธอกำลังเดินทางไปต่างประเทศเพื่อไปเข้าชมโรงเรียนที่เธจะต้องไปเรียนต่อ ตอนนั้นเธอก็ได้พบกับเขาโดยบังเอิญ ในช่วงเวลานั้น เธอไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา เขาติดต่อกันอย่างเป็นธรรมชาติ มันเหมือนการทำความคุ้นเคยกับเพื่อนในต่างแดน เขาพาเธอไปยังจุดชมวิวในท้องถิ่นและรับประทานอาหารพื้นเมือง เธอรู้สึกสนุกกับตัวเองในช่วงเวลาไม่กี่วันนั้น เธอยังคิดว่าจะไปห
ในความคิดถึงเรื่องในคืนนั้น เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เธอรู้สึกผิด เธอต้องโทษความคึกคะนองในเรื่องนี้ของเธอในคืนนั้น เธอไม่รู้ตัวเองว่าเธอดื่มได้มากน้อยแค่ไหน และยังคิดว่าถูกแล้วที่จะต้องดื่มไวน์ผลไม้ให้มากขึ้น จนในที่สุดการที่ดื่มมากเกินไปของเธอมันทำให้เกิดปัญหา เธอตื่นขึ้นมาและเริ่มจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่เธอเมา เธอตรึงเขาลงบนที่นอน เธอยัดเยียดตัวเองให้เขา และคำพูดจาอ่อนหวานทั้งหมดก็ออกมาจากปากของเธอ ขณะที่นึกถึงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ชิน เหลียนอี้ ก็รู้สึกว่าพวกเขาเหมือนกับผู้ชายที่พูดกับผู้หญิงในละครทีวี! โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เหมือนกับว่าเลียนแบบบทบางตอนในละครจากทีวีที่เธอเคยดูในตอนนั้น เธอเข้าใจได้เพียงว่า การที่ดูละครโรแมนติกมากเกินไปไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย เมื่อคนหนึ่งเมา อีกคนก็แค่พูดจาหวาน ๆ เหมือนกับว่ามันไม่มีข้อจำกัดในที่สุด… เธอก็ทำสำเร็จ! เธอสำเร็จความปรารถนากับชายหนุ่มรูปหหล่อที่เธอชื่นชมอย่างไม่น่าเชื่อ บางครั้งที่ ชิน เหลียนอี นึกถึงเรื่องนี้ เธอก็แอบสงสัยว่า การพูดจาหวาน ๆ ของเธอ มันใช้ได้ผล เขาอาจจะอยู่ในต่างประเทศมานาน จนไม่รู้ว่าจะตอบโต้อย่างไรกับประเทศที่พูดจาหว
“...ไม่” ชิน เหลียนอี กล่าว แต่เธอพอจะเดาได้ว่าทำไม อี้ จิ่นหลี ถึงมาหาเธอที่นี่ มันอาจจะเป็นเพราะ อี้หราน “ถ้าไม่ แล้วทำไมเขามาหาคุณในตอนดึกขนาดนี้?” ไป๋ ทิงซิน กล่าวอย่างเย็นชา “ผู้หญิงคนไหนในเมือง เฉิน ที่จะทำให้เขาเป็นแบบนั้นได้ หรือว่าเป็นเพราะเขาที่ทำให้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา คุณไม่เคยตามหาผมเลย?” มีความหึงเล็กน้อยในน้ำเสียงของเขา ชิน เหลียนอี พูดไม่ออก ไม่เอาน่า ถ้าเธอสวยถึงขั้นมาตรฐานของอี้ จิ่นหลี! อี้ จิ่นหลี คงไม่ตามจีบหลิง อี้หราน หรอก ใช่ไหมล่ะ? “มันไม่เกี่ยวอะไรกับเขา ฉันก็แค่ไม่เคยตามหาคุณ” ชิน เหลียนอี กล่าว มันมีอะไรหลาย ๆ อย่าง เกิดขึ้น ตั้งแต่เธอกลับมา เธอจะเอาเวลาไหนไปคิดเรื่องอื่นได้อีก? นอกจากนี้ เธอยังคิดแค่ว่า มันเป็นเพียงแค่การเจอกันในต่างแดน และเรื่องคืนนั้นมันก็เป็นแค่เพียงอุบัติเหตุ เธอตั้งใจที่จะเก็บเรื่องนี้ไว้ตลอดชีวิต เธอไม่เคยบอกกับทางบ้านของเธอ หรือแม้กระทั่ง อี้หราน ด้วยซ้ำ เขาดูโกรธหนักกว่าเดิม เขาจ้องไปที่เธออย่างโกธรแค้น ขณะที่เขาเม้มปากบาง ๆ ของเขาเข้าหากัน และเขาก็พูดขึ้นมาว่า “คุณนี่เก่งเรื่องยั่วโมโหคนจริง ๆ” เขาควบคุมอารมรืได้ดี ตั้
“คุณคือ หลิง อี้หราน” สิ่งที่ ไป๋ ทิงซิน พูดนั้นไม่ใช่คำถาม แต่มันคือการยืนยันตัวตน หลังจากที่เขาได้เห็น ชิน เหลียนอี ที่ถนนในวันนั้น เขาก็เริ่มหาข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับชิน เหลียนอี และแน่นอนว่า ในบางส่วนของส่วนประกอบข้อมูลทั้งหมดที่เขาหาได้นั้นก็คือ หลิง อี้หราน เธอเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของชิน เหลียนอี มันเป็นเพราะ ชิน เหลียนอี ต้องไปช่วยในเรื่องคดีของ หลิง อี้หราน จนทำให้ชิน เหลียนอี ต้องบินกลับจากต่างประเทศอย่างไวที่สุดเช่นกัน เธอทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ก็เพื่อจะช่วยหลิง อี้หราน ไม่ว่าจะเรื่องการหาทนายความ และหาหลักฐานต่าง ๆ หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เป็นเพราะ หลิง อี้หราน นั้นแหละ ที่ทำให้ชิน เหลียนอี ต้องทิ้งเขาไปอย่างกะทันหัน ไป๋ ทิงซิน รู้สึกอึดอัดหัวใจแปลก ๆ เมื่อเขาต้องนึกถึงเรื่องนี้ ถ้า หลิง อี้หราน ไม่ได้เป็นผู้หญิง ไป๋ ทิงซิน อาจจะถือว่าเธอเป็นเหมือนคู่แข่งของเขา “คุณไม่มีสิทธิ์ เข้ามายุ่งกับเรื่องระหว่างชิน เหลียนอี กับผม คุณไม่พูดมากในบางสิ่งที่คุณไม่รู้จะดีกว่า ผมไม่ได้มีความเมตตากับผู้หญิงหรอกนะ” ไป๋ ทิงซิน กล่าวอย่างเย็นชา ชิน เหลียนอี เริ่มรู้สึกกังวล “ไป
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค