"ฉันแค่หวังว่าคุณจะให้ตำรวจปล่อยตัวพวกเขา เรื่องนี้เป็นเพียงแค่เรื่องง่าย ๆ สำหรับคุณเท่านั้น" เธอกล่าวอย่างใจจดใจจ่อ"มันง่าย แต่ว่า... แล้วไงล่ะ?” เขามองเธออย่างเคร่งขรึมตรงกันข้ามกับท่าทางวิตกกังวลของเธออย่างสิ้นเชิงแขนของเธอที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวแข็งขึ้นเล็กน้อย เธอหายใจเข้าลึก ๆ และมองเข้าไปในดวงตาของเขา "คุณต้องการอะไรเป็นข้อแลกเปลี่ยนเพื่อเป็นการปล่อยพวกเขา"สายตาของเขามืดลงขณะที่เขาวางปากกาที่อยู่ในมือลง เขาลุกขึ้นยืนและเข้าไปใกล้หลิง อี้หราน อย่างช้าๆเขาจับมือเธอเบา ๆ “พี่สาว มือพี่เย็นจัง"ร่างกายของเธอแข็งทื่อทันที มือของเธอเย็นกว่ามากเมื่อเทียบกับของเขาเขามองลงมาจับมือทั้งสองข้างของเธอและวางไว้บนฝ่ามือของเขา เขาค่อย ๆ ถูมัน พยายามให้ความอบอุ่นด้วยการเสียดสีเขาทำราวกับว่าเขาเคยชินกับการทำมันมาตลอด ดวงตาของเขามีความอ่อนโยนด้วยความระมัดระวังราวกับว่าเธอเป็นทารกที่มีค่าของเขา'พระเจ้า! นี่ฉันคิดอะไรอยู่!' หลิง อี้หรานรีบคิดเข้าข้างตัวเองทันทีเพราะคิดเรื่องไร้สาระเมื่อเธอได้ยินเสียงพึมพำของเขาดังก้องในหูของเธออีกครั้ง“พี่สาว มือพี่อุ่นขึ้นแล้วเหรอ?”“อืม... ใช่แล
คนหยิ่งผยองอย่างเขาไม่มีวันยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น“คุณเต็มใจที่จะพบฉันเพียงเพื่อพิสูจน์ให้ฉันเห็นว่าคุณจะไม่มีวันเห็นด้วยไม่ว่าฉันจะขอร้องมากแค่ไหนใช่ไหม?” เธอพูดคำเหล่านั้นด้วยความยากลำบากมากริมฝีปากของเขาโค้งเป็นรอยยิ้มบาง ๆ เขายกมือข้างหนึ่งปัดปอยผมที่ปรกหน้าผากของเธอออกเบา ๆ แล้วรวบไว้ข้างหูของเธอโดยใช้นิ้วยาว “ตอนนั้นพี่บอกว่าพี่ไม่ต้องการอยู่เคียงข้างผมและพี่ไม่ต้องการให้ผมช่วยเปลี่ยนโชคชะตาของพี่ พี่บอกว่าพี่จะไม่เสียใจเลย... ”การกระทำของเขาดูสง่างามในขณะที่น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนมากเขาโค้งตัวและวางริมฝีปากไว้ที่ติ่งหูของเธอและหายใจอย่างสบาย ๆเธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจของเขาที่เป่าที่ติ่งหูและบริเวณลำคอนั่นทำให้เธอเกร็งไปทั้งตัวราวกับว่ามีก้อนหินขนาดใหญ่อยู่บนหน้าอกของเธอทำให้เธอหายใจไม่ออก"ผมแค่เจอพี่เพราะผมต้องการให้พี่เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องตลกอย่างไร เมื่อพี่บอกว่าพี่จะไม่เสียใจ" เขาจ้องมองมาที่เธอในขณะนั้นราวกับว่าเธอตกลงไปในทะเลสาบน้ำเย็นที่เย็นยะเยือก -'อันที่จริงเป็นเรื่องตลก'หลิง อี้หราน จำไม่ได้ว่าเธอออกจากสถานที่ของอี้ จิ่นหลี ได้อย่างไรตั้งแต่แรกเ
เธอนอนไม่หลับมากเมื่อคืนก่อน นอกจากปัญหาของยายแล้วปัญหาของเธอก็ยิ่งเลวร้ายลงเท่านั้น ตอนนี้ หลิง อี้หราน รู้สึกราวกับว่าเธอลอยอยู่บนอากาศหลังจากเดินไปสักพัก หลิง อี้หราน ก็ชนไหล่กับคนที่เดินผ่านไปมาและสะดุดล้มลงกับพื้นโชคดีที่เสื้อผ้าของเธอหนาพอเธอจึงไม่รู้สึกเจ็บปวดมากนักขณะที่เธอกำลังจะลุกขึ้นยืนเธอก็รู้สึกได้ว่ามีบางก้าวที่รีบร้อนวิ่งเข้าหา คนนั้นรีบช่วยเธอขึ้นมาหลิง อี้หราน มองดูและตกใจเมื่อเห็นกวอ ซิ่นหลี่“ทำไมคุณ..."“รถผมจอดอยู่ที่ริมถนน ให้ผมไปส่งคุณที่บ้านเถอะ" หลิง อี้หราน อาจปฏิเสธข้อเสนอของเขา แต่เขาก็ยังคงกังวลเกี่ยวกับเธอ ดังนั้นเขาจึงขับรถของเขาอย่างช้า ๆ ในขณะที่ตามหลังเธอ"ไม่เป็นไร ฉันกลับบ้านได้เอง"“คุณล้มลงอย่างง่ายดายขนาดนั้น หลังจากที่ขับรถผ่านผู้สัญจรไปมาผมจะสบายใจได้อย่างไรที่เห็นคุณกลับบ้านคนเดียวรถของผมจอดอยู่ริมถนนถ้าเรายังคงอืดอาดที่นี่ ผมจะได้รับใบสั่งแน่ถ้าตำรวจมา!"หลิง อี้หราน เห็นว่าเขาดื้อแค่ไหน เธอถอนหายใจและเดินตามเขาไปที่รถของเขากวอ ซินหลี่ ขับรถมุ่งหน้าไปยังสถานที่เช่าของหลิง อี้หราน“ส่งคุณกลับบ้าน ผมรู้ว่าผมมีความสามารถไม่พอและไ
หลิง อี้หราน หยุดฝีเท้าและค่อย ๆ หันกลับมา เธอเห็นว่ารถค่อย ๆ เลือนกลายเป็นจุดสีดำเล็ก ๆ ขณะที่มันเดินทางไกลออกไป'บางทีอาจจะไม่มีผู้ชายคนไหนที่จะปฏิบัติต่อฉันอย่างดีสุดหัวใจและไม่แม้แต่ใส่ใจประวัติอาชญากรรมของฉัน ปัญหาเดียวคือ ฉันไม่ต้องการลากเขาลงไปพร้อมกับฉัน’เธอมองจนมองไม่เห็นรถก่อนจะหมุนตัวกลับเพื่อมุ่งหน้าไปยังบ้านของเธอในขณะนั้นเธอไม่ได้สังเกตเห็นรถเบนท์ลีย์สีดำที่จอดอยู่ริมถนนไม่ไกลเกินไป คนในรถมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเฉื่อยชาด้วยรอยยิ้มที่คลุมเครือราวกับว่าเขากำลังดูอะไรบางอย่างที่น่าขบขันเกา ฉงหมิง ซึ่งนั่งอยู่เบาะหน้ามองผ่านกระจกมองหลังอย่างประหม่า หลังจากสังเกตเจ้านายของเขาสักพักเขาก็คิดว่า 'หน้าตาของนายน้อยอี้ในตอนนี้นั้น… เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าเขากำลังจะระเบิดออกมาด้วยความโกรธ!'เกา ฉงหมิง ตำหนิ หลิง อี้หราน อยู่ภายในใจ 'ถ้าคุณจะกลับบ้านก็กลับบ้านเถอะ ทำไมคุณถึงยอมให้ผู้ชายคนอื่นขับรถมาส่งที่บ้าน? นายน้อยอี้จะคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้กันเนี่ย!‘ตอนแรกฉันคิดว่ามันจะเป็นเรื่องดีที่จะให้นายน้อยอี้ได้เห็น หลิง อี้หราน แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าฉันควรจะเริ่มภาวนาอย่างหนักว
เขาโน้มตัวไปข้างหน้าอย่างไม่เป็นทางการปิดช่องว่างระหว่างใบหน้าของพวกเขา แก้มของเขาสัมผัสกับแก้มของเธอและลูบไล้เบา ๆ อย่างไรก็ตาม คำพูดที่ออกมาจากปากของเขาถัดไปก็เพียงพอที่จะทำให้ขนลุกขึ้นมาจากผิวหนังและกระดูกของเธอ“ไม่ใช่ธุระของผมงั้นเหรอ? แต่ผมสามารถหาคำตอบได้หากต้องการ ผมควรปล่อยให้บางสิ่งเกิดขึ้นกับเขาไหมนะ? จากนั้นผมก็จะพบระดับความสำคัญที่เขามีต่อพี่ได้... "หลิง อี้หราน ตัวสั่นขณะที่เธอจ้องมองไปที่อี้ จิ่นหลี “คุณจะทำอะไร? เราเป็นแค่เพื่อนร่วมงานที่บริสุทธิ์ใจต่อกัน ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเราทั้งนั้น!"“แต่เขามีความรู้สึกกับพี่ไม่ใช่เหรอ?” เขาพึมพำขณะที่นิ้วหัวแม่มือของเขาถูกับริมฝีปากของเธอเบา ๆริมฝีปากของเธอรู้สึกร้อนขึ้นทันทีราวกับว่าจุดที่สัมผัสกับนิ้วหัวแม่มือของเขากำลังจะลุกเป็นไฟ“อย่า... ทำอะไรเขา” ริมฝีปากของเธอสั่นระริกขณะที่เธอพูดคำเหล่านี้ด้วยความยากลำบาก“หมายความว่าพี่เป็นห่วงเขาใช่ไหม?” ลมหายใจและเสียงของเขามีอำนาจที่จะลดการป้องกันของใครก็ตาม แต่การจ้องมองของเขานั้นเฉียบแหลมมากจนสามารถทะลุผ่านเธอได้"เปล่า... เปล่าเลย... " เธอต้องการหลีกเลี่ยงกลิ่นของเขา แต่เ
อี้ จิ่นหลี ดึงหลิง อี้หราน เข้ามาในรถและสั่งว่า "พาเราไปที่ รอยัล คอร์ท" “รับทราบครับ" เกา ฉงหมิง ยอมรับในขณะที่เขาสังเกตการแสดงออกของคนทั้งสองที่นั่งอยู่ข้างหลังอย่างระมัดระวังผ่านกระจกมองหลัง ศีรษะของหลิง อี้หราน ถูกลดระดับลงเขาจึงมองไม่เห็นการแสดงออกของเธอ อย่างไรก็ตาม อารมณ์ของอี้ จิ่นหลี ดูเหมือนจะแปรปรวนน้อยลงเมื่อเทียบกับก่อนที่เขาจะเข้าไปในสถานที่ของหลิง อี้หราน "อืม ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดี" เกา ฉงหมิง คิดกับตัวเอง รอยัล คอร์ท เป็นร้านอาหารที่มีชื่อเสียงแห่งเมืองเฉิน ที่นี่เสิร์ฟอาหารชาววังแบบดั้งเดิมเป็นหลัก ดังนั้นราคาที่นี่จึงสูงมากเช่นกัน ลูกค้าที่นี่ประกอบด้วยคนร่ำรวยและมีชื่อเสียงเท่านั้น คนทั่วไปคงไม่สามารถซื้ออาหารที่นี่ได้ เมื่อรถมาหยุดที่ทางเข้าของรอยัล คอร์ท อี้ จิ่นหลี จับมือของหลิง อี้หราน อย่างเป็นธรรมชาติเมื่อพวกเขาลงจากรถ เธออยากจะดึงมือออกจากการเกาะกุมของเขา แต่เขาก็จับเธอไว้แน่นมาก “พี่สาว อย่าขยับสิ ไม่อย่างนั้น ผมจะไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะใช้วิธีใดในการพาพี่เข้าไปนะ” อี้ จิ่นหลีกล่าวอย่างไม่เป็นทางการ หลิง อี้หราน ตกตะลึงและหยุดดิ้นรน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับความรู้สึกที่น่าสะอิดสะเอียนเธอกลัวที่จะสูญเสียวิถีชีวิตที่หรูหราไป เธอกลัวที่จะต้องใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไปโดยทำงานประจำตั้งแต่เก้าโมงเช้าจนถึงห้าโมงเย็นและต้องระมัดระวังการใช้จ่ายในการซื้อกระเป๋าหรู ๆ จ้าว ม่านเถียน กลัวที่จะมีชีวิตแบบนั้น สำหรับ จ้าว ม่านเถียน เธอคิดว่าตัวเองเป็นคนที่ควรเป็นผู้นำชีวิตชนชั้นสูงอย่างถูกต้อง ในขณะที่มองลงไปที่หลิง อี้หราน และคนอื่น ๆ ในแบบของเธอ ตอนที่หลิง อี้หราน ได้เห็นว่าเธออยู่กับเจ้าอ้วนความโกรธในใจของเธอก็เพิ่มสูงขึ้น“ม่านเถียน คุณรู้จักเธอไหม?” ชายร่างเตี้ยและอ้วนข้าง จ้าว ม่านเถียน ถาม“ใช่ เธอเพิ่งออกจากคุกเมื่อไม่นานมานี้และตอนนี้ทำงานเป็นคนกวาดถนน!” จ้าว ม่านเถียน เปิดเผยตัวตนของหลิง อี้หราน อย่างร้ายกาจก่อนที่จะมองไปที่ผู้จัดการ “ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ รอยัล คอร์ท อนุญาตให้แม้แต่คนกวาดถนนมารับประทานอาหารที่นี่” อี้ จิ่นหลี หันหลังให้กับจ้าว ม่านเถียน ดังนั้นเธอจึงไม่เห็นเขาโชคไม่ดีที่ผู้จัดการเห็น! ตอนนี้เขาตัวสั่นด้วยความกลัวและหวังว่าเขาจะไล่จ้าว ม่านเถียน ออกจากร้านอาหารได้ทันที ‘แล้วถ้าเธอเพิ่งออกจ
ไม่ว่าจ้าว ม่านเถียน จะใหญ่แค่ไหนเธอก็รู้ดีว่าเธอได้ทำความผิดครั้งใหญ่ ‘ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่หลิง อี้หราน รู้จักผู้ชายที่หล่อเหลาและร่ำรวยขนาดนี้?’ ความอิจฉาเกิดขึ้นภายในแต่ในไม่ช้าเธอก็รู้ว่าชายคนนั้นดูค่อนข้างคุ้นเคย ราวกับว่าเธอเคยเห็นเขาที่ไหนมาก่อน ทันใดนั้น ดวงตาของจ้าว ม่านเถียน ก็สว่างขึ้น เธอกล่าวว่า “นายคือ... เด็กของหลิง อี้หรานเหรอ?” เมื่อพูดออกมาดัง ๆ สีหน้าของผู้จัดการก็เปลี่ยนไปทันที อาเจิ้งเกือบจะล้มลงกับพื้นโดยหวังว่าเขาจะไม่รู้จักผู้หญิงอย่างจ้าว ม่านเถียน ไม่มีใครในเมืองเฉินกล้าพูดเช่นนี้กับอี้ จิ่นหลีเว้นแต่ว่าพวกเขาจะลนหาที่ตาย! อี้ จิ่นหลี ยิ้มเยาะขณะที่เขามองไปที่จ้าว ม่านเถียน แต่การจ้องมองของเขานั้นเย็นชาเป็นพิเศษ “ม่านเถียน เธอพูดเรื่องไร้สาระอะไร! นี่คือประธานของ อี้ กรุ๊ป อี้ จิ่นหลี!” อาเจิ้งอธิบายอย่างใจจดใจจ่อ จ้าว ม่านเถียน เบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อ ‘ชายคนนี้... คือ อี้ จิ่นหลี?! ‘เป็นไปไม่ได้! ทำไมอี้ จิ่นหลี ถึงได้อยู่กับหลิง อี้หราน? คนที่หลิง อี้หราน พรากชีวิตในอุบัติเหตุบนถนนครั้งนั้นคือคู่หมั้นของอี้ จิ่นหลี! จ้าว ม่านเถียน
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค