การกระทำที่สนิทสนมเช่นนี้ส่งผลให้ผู้จัดการและอาเจิ้งเสียวสันหลังวาบเมื่อความกลัวพุ่งขึ้นในใจพวกเขา ว่ากันว่า อี้ จิ่นหลี ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนอยู่ข้าง ๆ เขาเลยในขณะนี้ แม้จะมีคู่หมั้นที่ล่วงลับไปแล้ว ห่าว เหมยยวี่ ทั้งคู่ก็ยังคงมีความสุภาพต่อกัน ไม่เคยมีใครเห็นเขาสนิทกับผู้หญิงคนอื่นมาก่อน นอกจากนี้เขายังเรียกร้องความยุติธรรมให้กับผู้หญิงในที่สาธารณะ? จ้าว ม่านเถียน คุกเข่าและพูดติดอ่างขณะที่เธอขอโทษ “อี้หราน มัน... มันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่ควรพูดเรื่องแบบนี้กับเธอ ฉัน... ฉันจะไม่ทำแบบนั้นอีก โปรดยกโทษให้ฉันด้วยนะ!" หลิง อี้หราน สังเกตเห็นจ้าว ม่านเถียน แต่ไม่รู้สึกสงสารเธอ ท้ายที่สุด จ้าว ม่านเถียน ก็ไม่เคยเมตตาต่อเธอเช่นกัน หลิง อี้หราน ไม่ใช่นักบุญที่สามารถเห็นอกเห็นใจคนที่กลั่นแกล้งเธอได้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม เธอไม่ชอบวิธีการดังกล่าว แม้ว่า จ้าว ม่านเถียน จะคุกเข่าขอโทษ แต่เธอก็ไม่มีความสุขในใจ “พี่สาว พี่ต้องการที่จะให้อภัยเธอไหม?” อี้ จิ่นหลี พึมพำกับเธอราวกับให้โอกาสเธอตัดสินใจ “คุณตัดสินใจสิ” หลิง อี้หราน ลดเปลือกตาของเธอลง “ฉันหิวและอยากกินข้าว” “ใช่สิ ไปกั
’อี้ จิ่นหลี หนุนหลัง หลิง อี้หราน ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว!' -หลิง อี้หราน เดินตามอี้ จิ่นหลี เข้าไปในห้องส่วนตัว เมื่อหลิง อี้หราน นั่งลง อี้ จิ่นหลี ก็ขอให้ผู้จัดการนำอาหารเรียกน้ำย่อยมาก่อน “มาเถอะ กินอะไรสักหน่อยเพื่อบรรเทาความหิวก่อน อาหารทานเล่นที่นี่รสชาติดีทีเดียว” เขาหยิบอาหารเรียกน้ำย่อยในขณะที่เขาพูดและนำมันมาต่อหน้าเธอ หลิง อี้หรานมองไปที่อาหารเรียกน้ำย่อยตรงหน้าเธอและลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะรับมันและกิน จากนั้น อี้ จิ่นหลี ก็วางเมนูไว้ตรงหน้าหลิง อี้หราน เขาบอกว่า “พี่ลองดูสิว่ามีอะไรอยากลองบ้างไหม” "ไม่เป็นไร คุณสั่งแทนฉันได้เลย ฉันไม่ได้อยากได้อะไรเป็นพิเศษ” แม้ในขณะที่เธอกำลังรับประทานอาหารเรียกน้ำย่อยที่ทำอย่างประณีตนั้นก็เหมือนกับว่าลิ้นของเธอมีขี้ผึ้งอยู่ เธอไม่สามารถเพลิดเพลินกับรสชาติของอาหารได้อย่างถูกต้องอี้ จิ่นหลี หรี่ตาและจ้องไปที่ หลิง อี้หราน ในขณะนั้นบรรยากาศก็เริ่มเย็นลงอย่างกะทันหัน ผู้จัดการที่ยังคงอยู่ในห้องส่วนตัวกลั้นหายใจในขณะที่หัวใจของเขาเต้นรัว ๆ อย่างรวดเร็ว เขากลัวว่าผู้ชายคนนี้จะอารมณ์เสียในตอนนี้ โชคดีที่รอยยิ้มปรากฏบนใบห
ร่างกายของเธอแข็งทื่อและเธอมองไปทางอื่นตามสัญชาตญาณ เธอไม่ต้องการให้เขาเห็นการแสดงออกในตอนนี้ของเธอ“แต่พี่เคยคิดบ้างไหมว่าเป็นเพราะผมชื่อ อี้ จิ่นหลี ผมจึงสามารถทำให้เพื่อนร่วมโรงเรียนเก่าของพี่คุกเข่าและขอโทษพี่ตอนที่เธอทำให้พี่อับอายก่อนหน้านี้ เมื่ออยู่ใกล้ผม พี่ไม่จำเป็นต้องกังวลกับทัศนคติของใครที่มีต่อพี่อีกต่อไป ผมสามารถทำให้คนที่ดูถูกพี่ถ่อมตัวต่อหน้าพี่ได้อย่างง่ายดาย” เขาพูดอย่างสบาย ๆ“แล้วไง? อำนาจแบบนั้นไม่ใช่ของฉันนี่”“ทำไมถึงไม่ดีล่ะ? ผมสามารถปล่อยให้พี่ใช้อำนาจของผมในทางที่ผิด พี่คิดอย่างไร?" เขาเอนกายพิงพนักเก้าอี้อย่างเกียจคร้านมองเธอราวกับว่าเขากำลังคุยเรื่องสภาพอากาศหลิง อี้หราน มองไปที่เขา ไม่ว่าเธอจะพยายามอย่างไรเธอก็ไม่สามารถอ่านเขาได้ เธอคิดว่าเมื่อวันก่อนเธอไปขอร้องเขา การที่เขาปฏิเสธเธอหมายความว่าตอนนี้พวกเขาจะต้องดำเนินชีวิตต่อไป เธอคิดว่าพวกเขาจะไม่มีการติดต่อกันอีกต่อไปท้ายที่สุดแล้ว ผู้ชายที่หยิ่งผยองอย่างเขาจะไม่มีวันยอมให้ตัวเองถูกผู้หญิงปฏิเสธทันใดนั้น เขาก็มาปรากฏตัวที่บ้านเช่าของเธอในคืนนี้โดยไม่คาดคิดและ... ก็พาเธอมาที่นี่ด้วยนอกจากนี้เขา
ขณะนั้นมีคนมาเคาะประตูห้องส่วนตัวอี้ จิ่นหลี ตอบอย่างง่ายดาย “เข้ามา”ประตูเปิดออก เป็นผู้จัดการและพนักงานเสิร์ฟสองสามคนที่นำอาหารเข้ามา หลิง อี้กราน ต้องการดึงมือของเธอกลับ แต่ อี้ จิ่นกลี จับมือของเธอไว้แน่น เขากล่าวว่า “อย่าขยับ มันยังเย็นอยู่เลย”ในขณะนั้นผู้จัดการและพนักงานเสิร์ฟต่างก็จ้องมองไปที่มือทั้งสองคู่ที่ประสานกัน สิ่งนี้ทำให้ใบหน้าของหลิง อี้หราน ร้อนขึ้นอี้ จิ่นหลี ยังคงให้ความอบอุ่นมือของหลิง อี้หราน ราวกับว่าไม่มีใครอยู่ในห้อง‘นี่คือ… นายน้อยอี้จริง ๆ หรือ? นายน้อยอี้ในตำนานที่ถอดเสื้อผ้าผู้หญิงและโยนเธอลงบนถนนหากเธอพยายามยั่วยวนเขาโดยตั้งใจ?'กล่าวกันว่า ความสนใจผู้หญิงของนายน้อยอี้นั้นเป็นศูนย์ แต่ตอนนี้เขาอ่อนโยนต่อ... ผู้หญิงหน้าตาธรรมดาคนนี้มาก!'ฉากนี้สะเทือนใจมากจริง!โชคดีที่ผู้จัดการไหวตัวได้เร็วและกระแอม เขารีบให้พนักงานเสิร์ฟวางจานบนโต๊ะและออกจากห้องไป จากนั้นเขาก็ปิดประตูอย่างระมัดระวัง“ผู้จัดการเราไม่ได้หลอนไปใช่ไหม?” มีคนกระซิบกับผู้จัดการ “ผู้หญิงคนนั้นคือใครกัน?”ผู้จัดการกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ผู้หญิงคนนั้นอาจกลายเป็นเจ้าของเมืองนี้ในอนา
“จนกว่าผมจะพอใจ" เขาตอบเธอกัดริมฝีปากเล็กน้อยขณะที่ลดเปลือกตาลง เธอจ้องมองแก้วไวน์ในมือของเขา แสงไฟในห้องสะท้อนบนใบหน้าของเธอและขนตาที่กระพือเบา ๆ ของเธอทำให้เธอดูสวยงามอย่างบอกไม่ถูกราวกับว่าเขาสามารถอ่านใจของเธอได้ เขาพูดว่า “พี่กลัวว่าผมจะเอาเปรียบพี่ตอนที่พี่เมาเหรอ? มีหลายวิธีที่ผมจะได้ผู้หญิง ผมไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการแบบนี้หรอก นอกจากนี้ ถึงแม้ผมจะทำอะไรกับพี่ที่นี่และตอนนี้ก็ไม่มีใคนแอบดูหรอก”‘ยุติธรรมดีนี่’ หลิง อี้หราน เยาะเย้ยตัวเองที่วิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ มากเกินไปเธอหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาแล้วกลืนลงไปความขมขื่นและความหวานแห้งเต็มลำคอของเธอขณะที่ไวน์ไหลเข้ามาเธอไม่เคยชินกับการดื่มไวน์ ในตอนนั้นเธอจะดื่มแชมเปญทุกครั้งที่ต้องเข้าสังคมเพื่อทำงานเท่านั้นตอนนั้นเธอยังคงเป็นแฟนของเซียว จื่อฉี จึงไม่มีใครบังคับให้เธอดื่มมากเกินไปอี้ จิ่นหลี เติมแก้วของหลิง อี้หราน พร้อมไวน์อีกมากมาย เธอเงยหน้าขึ้นกระดกแก้วไวน์อีกครั้งเช่นเดียวกับที่เธอดื่มแก้วแล้วเเก้วเล่าราวกับว่าไวน์นั้นเป็นยา เธอแค่หวังว่าเขาจะพอใจสำหรับเขา รอยยิ้มฉาบอยู่บนใบหน้าราวกับว่าการเฝ้าดูเครื่องดื่มของเธอเป
เธอจบประโยคของเธอแบบกระจายกัน“ผมจะทำ” เขาตอบ หลังจากนั้นเขาก็ได้สัญญากับเธอ เพราะเขาได้เห็นว่าเธอดูเหมือนตอนเมาแล้ว เขาก็ควรจะทำตามความปรารถนาของเธอที่จะปล่อยคนเหล่านั้นไปเขาหยิบแก้วจากมือเธอและดื่มจากนั้นเธอต้องเมามากแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่เรียกเขาว่า ‘จิน’ เขาไม่เคยตระหนักเลยว่าเขาสนุกกับการได้ยินเธอเรียกเขาว่า ‘จิน’ มากแค่ไหน วิธีที่เธอเรียกเขาอย่างนุ่มนวลว่า ‘จิน’ ทำให้เขารู้สึกว่ามีคนเฝ้ามองและรอเขาอยู่ภายในความมืดที่ปกคลุมเขาเธอยิ้มอีกครั้งด้วยท่าทางสุดอ่อนหวาน จากนั้นเธอก็ล้มลงกับเขาราวกับว่าเธอทำภารกิจสำเร็จแล้ว แขนของเธอขดรอบคอของเขา “จิน ฉัน... ฉันง่วงมาก ฉันรู้สึกเหมือน… จะหลับ... ”เธอพึมพำก่อนจะหลับไปในอ้อมแขนของเขาเขามองลงไปที่เจ้าหญิงนิทราในอ้อมแขนเมื่อเธอมีสติเธอจะตื่นตัวกับเขาเสมอ เมื่อเธอหลับไปแล้วการป้องกันของเธอก็เพลาลง“พี่สาว พี่ดูน่ารักกว่ามากตอนที่เมา” เขาพึมพำขณะยกมือขึ้นปัดเส้นผมที่หลงเหลือบนหน้าผากของเธอแก้มของเธอเป็นสีแดงจากไวน์ทั้งหมดที่เธอดื่ม ดวงตาสีอัลมอนด์ของเธอปิดลง แต่มันเน้นขนตาโค้งงอน จมูกเล็ก ๆ และริมฝีปากที่อ่อนนุ่ม ตอนนี้เธอด
“บางครั้งก็ควรที่จะสงสัยน้อยลงจะดีกว่า” เขามองออกไปและขับรถ“โอเค เข้าใจแล้วค่ะ” หลิง ลั่วอินแสดงให้เห็นถึงรูปลักษณ์ที่เชื่อฟังเธอสืบมาและพบว่า กู้ ลี่เฉิน ชอบผู้หญิงที่เชื่อฟัง ยิ่งพวกเธอเชื่อฟังมากเท่าไหร่ พวกเธอก็จะอยู่กับเขาได้นานขึ้นเท่านั้น สำหรับผู้ที่ต้องการพิสูจน์ว่าพวกเธอเป็นข้อยกเว้นและต้องการเป็น ‘คนเดียว’ ของเขาพวกเขาถูกทิ้งอย่างรวดเร็วแม้ว่าเธออยากจะกลายเป็น "ข้อยกเว้น" และ "เพียงคนเดียว" ของเขา แต่เธอก็ไม่ได้เร่งรีบในสิ่งต่าง ๆ เธอค่อย ๆ เข้าไปใกล้ ๆ ในหัวใจของเขา“ลี่เฉิน ขอบคุณสำหรับสร้อยคอที่คุณให้ฉันในวันนี้นะคะ ฉันรักมันมาก อย่างไรก็ตาม ฉันไม่คิดว่าจะมีโอกาสมากมายที่จะสวมสร้อยคอที่หรูหราขนาดนี้” หลิง ลั่วอิน เริ่มต้นด้วยความสุข แต่ก็ฟังดูเศร้าใจเธอไม่รู้เลยว่าการแสดงที่สมบูรณ์แบบของเธอไม่ใช่เรื่องตลกในสายตาของกู้ ลี่เฉินยังไงก็แล้วแต่ เขาเคยพบกับผู้หญิงที่ชอบแสดงมากเกินไป “คุณสวมใส่ได้เมื่อคุณเข้าร่วมงานเลี้ยงแสงดาว”ความสุขแผ่ไปทั่วใบหน้าของหลิง ลั่วอิน เธอก็พูดว่า “แต่ตอนนี้ฉันเป็นแค่นักแสดงที่ไม่เป็นที่รู้จัก ฉันไม่คิดว่าจะได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้
“คุณกลับบ้านได้ในคืนนี้” อี้ จิ่นหลี พูดกับเกา ฉงหมิง ที่ตามเขาเข้ามาความตกใจกระพริบไปทั่วดวงตาของเกา ฉงหมิง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขาติดตามอี้ จิ่นหลี มาเป็นเวลานานเขาจึงเข้าใจว่ามีบางสิ่งที่เขาไม่ควรถาม“ครับ” เกา ฉงหมิง ตอบและออกจากบ้านไป'เนื่องจากนายน้อยอี้ขอให้ฉันออกมา ฉันก็เดาว่านี่หมายความว่า นายน้อยออี้... จะอยู่ที่นี่ในคืนนี้สินะ?'ภายในห้องเช่ามีเพียงอี้ จิ่นหลี และหลิง อี้หรานเขาช่วยเธอถอดรองเท้าและเสื้อคลุมก่อนที่เขาจะดึงผ้าคลุมมาคลุมตัวเธอ จากนั้นเขาก็ดึงเก้าอี้มานั่งข้างเตียงเมื่อเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มันก็ผ่านมาสักพักแล้วที่เขาอาศัยอยู่ที่นี่ ห้องนี้ไม่มีร่องรอยที่พิสูจน์ได้อีกต่อไปว่าเขาเคยอาศัยอยู่ที่นี่‘เธอโยนสิ่งของทั้งหมดของฉันทิ้งไปแล้วหรือ?’ ความคิดนั้นทำให้เขาขมวดคิ้วขณะที่ความรู้สึกไม่พอใจผุดขึ้นมาในใจในขณะนั้น หลิง อี้หราน ซึ่งควรจะหลับอย่างรวดเร็ว จู่ ๆ ก็ลืมตาขึ้นและต้องการจะลุกจากเตียง“มีอะไรหรอ?" เขาถามด้วยดวงตาที่พร่ามัวครึ่งเปิดเธอพึมพำ “น้ำ... ฉันต้องการน้ำ... ”เธออาจรู้สึกคอแห้งจากการดื่มไวน์มากก่อนหน้านี้อี้ จิ่นหลี ถอนหายใจและน
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค