’อี้ จิ่นหลี หนุนหลัง หลิง อี้หราน ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว!' -หลิง อี้หราน เดินตามอี้ จิ่นหลี เข้าไปในห้องส่วนตัว เมื่อหลิง อี้หราน นั่งลง อี้ จิ่นหลี ก็ขอให้ผู้จัดการนำอาหารเรียกน้ำย่อยมาก่อน “มาเถอะ กินอะไรสักหน่อยเพื่อบรรเทาความหิวก่อน อาหารทานเล่นที่นี่รสชาติดีทีเดียว” เขาหยิบอาหารเรียกน้ำย่อยในขณะที่เขาพูดและนำมันมาต่อหน้าเธอ หลิง อี้หรานมองไปที่อาหารเรียกน้ำย่อยตรงหน้าเธอและลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะรับมันและกิน จากนั้น อี้ จิ่นหลี ก็วางเมนูไว้ตรงหน้าหลิง อี้หราน เขาบอกว่า “พี่ลองดูสิว่ามีอะไรอยากลองบ้างไหม” "ไม่เป็นไร คุณสั่งแทนฉันได้เลย ฉันไม่ได้อยากได้อะไรเป็นพิเศษ” แม้ในขณะที่เธอกำลังรับประทานอาหารเรียกน้ำย่อยที่ทำอย่างประณีตนั้นก็เหมือนกับว่าลิ้นของเธอมีขี้ผึ้งอยู่ เธอไม่สามารถเพลิดเพลินกับรสชาติของอาหารได้อย่างถูกต้องอี้ จิ่นหลี หรี่ตาและจ้องไปที่ หลิง อี้หราน ในขณะนั้นบรรยากาศก็เริ่มเย็นลงอย่างกะทันหัน ผู้จัดการที่ยังคงอยู่ในห้องส่วนตัวกลั้นหายใจในขณะที่หัวใจของเขาเต้นรัว ๆ อย่างรวดเร็ว เขากลัวว่าผู้ชายคนนี้จะอารมณ์เสียในตอนนี้ โชคดีที่รอยยิ้มปรากฏบนใบห
ร่างกายของเธอแข็งทื่อและเธอมองไปทางอื่นตามสัญชาตญาณ เธอไม่ต้องการให้เขาเห็นการแสดงออกในตอนนี้ของเธอ“แต่พี่เคยคิดบ้างไหมว่าเป็นเพราะผมชื่อ อี้ จิ่นหลี ผมจึงสามารถทำให้เพื่อนร่วมโรงเรียนเก่าของพี่คุกเข่าและขอโทษพี่ตอนที่เธอทำให้พี่อับอายก่อนหน้านี้ เมื่ออยู่ใกล้ผม พี่ไม่จำเป็นต้องกังวลกับทัศนคติของใครที่มีต่อพี่อีกต่อไป ผมสามารถทำให้คนที่ดูถูกพี่ถ่อมตัวต่อหน้าพี่ได้อย่างง่ายดาย” เขาพูดอย่างสบาย ๆ“แล้วไง? อำนาจแบบนั้นไม่ใช่ของฉันนี่”“ทำไมถึงไม่ดีล่ะ? ผมสามารถปล่อยให้พี่ใช้อำนาจของผมในทางที่ผิด พี่คิดอย่างไร?" เขาเอนกายพิงพนักเก้าอี้อย่างเกียจคร้านมองเธอราวกับว่าเขากำลังคุยเรื่องสภาพอากาศหลิง อี้หราน มองไปที่เขา ไม่ว่าเธอจะพยายามอย่างไรเธอก็ไม่สามารถอ่านเขาได้ เธอคิดว่าเมื่อวันก่อนเธอไปขอร้องเขา การที่เขาปฏิเสธเธอหมายความว่าตอนนี้พวกเขาจะต้องดำเนินชีวิตต่อไป เธอคิดว่าพวกเขาจะไม่มีการติดต่อกันอีกต่อไปท้ายที่สุดแล้ว ผู้ชายที่หยิ่งผยองอย่างเขาจะไม่มีวันยอมให้ตัวเองถูกผู้หญิงปฏิเสธทันใดนั้น เขาก็มาปรากฏตัวที่บ้านเช่าของเธอในคืนนี้โดยไม่คาดคิดและ... ก็พาเธอมาที่นี่ด้วยนอกจากนี้เขา
ขณะนั้นมีคนมาเคาะประตูห้องส่วนตัวอี้ จิ่นหลี ตอบอย่างง่ายดาย “เข้ามา”ประตูเปิดออก เป็นผู้จัดการและพนักงานเสิร์ฟสองสามคนที่นำอาหารเข้ามา หลิง อี้กราน ต้องการดึงมือของเธอกลับ แต่ อี้ จิ่นกลี จับมือของเธอไว้แน่น เขากล่าวว่า “อย่าขยับ มันยังเย็นอยู่เลย”ในขณะนั้นผู้จัดการและพนักงานเสิร์ฟต่างก็จ้องมองไปที่มือทั้งสองคู่ที่ประสานกัน สิ่งนี้ทำให้ใบหน้าของหลิง อี้หราน ร้อนขึ้นอี้ จิ่นหลี ยังคงให้ความอบอุ่นมือของหลิง อี้หราน ราวกับว่าไม่มีใครอยู่ในห้อง‘นี่คือ… นายน้อยอี้จริง ๆ หรือ? นายน้อยอี้ในตำนานที่ถอดเสื้อผ้าผู้หญิงและโยนเธอลงบนถนนหากเธอพยายามยั่วยวนเขาโดยตั้งใจ?'กล่าวกันว่า ความสนใจผู้หญิงของนายน้อยอี้นั้นเป็นศูนย์ แต่ตอนนี้เขาอ่อนโยนต่อ... ผู้หญิงหน้าตาธรรมดาคนนี้มาก!'ฉากนี้สะเทือนใจมากจริง!โชคดีที่ผู้จัดการไหวตัวได้เร็วและกระแอม เขารีบให้พนักงานเสิร์ฟวางจานบนโต๊ะและออกจากห้องไป จากนั้นเขาก็ปิดประตูอย่างระมัดระวัง“ผู้จัดการเราไม่ได้หลอนไปใช่ไหม?” มีคนกระซิบกับผู้จัดการ “ผู้หญิงคนนั้นคือใครกัน?”ผู้จัดการกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ผู้หญิงคนนั้นอาจกลายเป็นเจ้าของเมืองนี้ในอนา
“จนกว่าผมจะพอใจ" เขาตอบเธอกัดริมฝีปากเล็กน้อยขณะที่ลดเปลือกตาลง เธอจ้องมองแก้วไวน์ในมือของเขา แสงไฟในห้องสะท้อนบนใบหน้าของเธอและขนตาที่กระพือเบา ๆ ของเธอทำให้เธอดูสวยงามอย่างบอกไม่ถูกราวกับว่าเขาสามารถอ่านใจของเธอได้ เขาพูดว่า “พี่กลัวว่าผมจะเอาเปรียบพี่ตอนที่พี่เมาเหรอ? มีหลายวิธีที่ผมจะได้ผู้หญิง ผมไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการแบบนี้หรอก นอกจากนี้ ถึงแม้ผมจะทำอะไรกับพี่ที่นี่และตอนนี้ก็ไม่มีใคนแอบดูหรอก”‘ยุติธรรมดีนี่’ หลิง อี้หราน เยาะเย้ยตัวเองที่วิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ มากเกินไปเธอหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาแล้วกลืนลงไปความขมขื่นและความหวานแห้งเต็มลำคอของเธอขณะที่ไวน์ไหลเข้ามาเธอไม่เคยชินกับการดื่มไวน์ ในตอนนั้นเธอจะดื่มแชมเปญทุกครั้งที่ต้องเข้าสังคมเพื่อทำงานเท่านั้นตอนนั้นเธอยังคงเป็นแฟนของเซียว จื่อฉี จึงไม่มีใครบังคับให้เธอดื่มมากเกินไปอี้ จิ่นหลี เติมแก้วของหลิง อี้หราน พร้อมไวน์อีกมากมาย เธอเงยหน้าขึ้นกระดกแก้วไวน์อีกครั้งเช่นเดียวกับที่เธอดื่มแก้วแล้วเเก้วเล่าราวกับว่าไวน์นั้นเป็นยา เธอแค่หวังว่าเขาจะพอใจสำหรับเขา รอยยิ้มฉาบอยู่บนใบหน้าราวกับว่าการเฝ้าดูเครื่องดื่มของเธอเป
เธอจบประโยคของเธอแบบกระจายกัน“ผมจะทำ” เขาตอบ หลังจากนั้นเขาก็ได้สัญญากับเธอ เพราะเขาได้เห็นว่าเธอดูเหมือนตอนเมาแล้ว เขาก็ควรจะทำตามความปรารถนาของเธอที่จะปล่อยคนเหล่านั้นไปเขาหยิบแก้วจากมือเธอและดื่มจากนั้นเธอต้องเมามากแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่เรียกเขาว่า ‘จิน’ เขาไม่เคยตระหนักเลยว่าเขาสนุกกับการได้ยินเธอเรียกเขาว่า ‘จิน’ มากแค่ไหน วิธีที่เธอเรียกเขาอย่างนุ่มนวลว่า ‘จิน’ ทำให้เขารู้สึกว่ามีคนเฝ้ามองและรอเขาอยู่ภายในความมืดที่ปกคลุมเขาเธอยิ้มอีกครั้งด้วยท่าทางสุดอ่อนหวาน จากนั้นเธอก็ล้มลงกับเขาราวกับว่าเธอทำภารกิจสำเร็จแล้ว แขนของเธอขดรอบคอของเขา “จิน ฉัน... ฉันง่วงมาก ฉันรู้สึกเหมือน… จะหลับ... ”เธอพึมพำก่อนจะหลับไปในอ้อมแขนของเขาเขามองลงไปที่เจ้าหญิงนิทราในอ้อมแขนเมื่อเธอมีสติเธอจะตื่นตัวกับเขาเสมอ เมื่อเธอหลับไปแล้วการป้องกันของเธอก็เพลาลง“พี่สาว พี่ดูน่ารักกว่ามากตอนที่เมา” เขาพึมพำขณะยกมือขึ้นปัดเส้นผมที่หลงเหลือบนหน้าผากของเธอแก้มของเธอเป็นสีแดงจากไวน์ทั้งหมดที่เธอดื่ม ดวงตาสีอัลมอนด์ของเธอปิดลง แต่มันเน้นขนตาโค้งงอน จมูกเล็ก ๆ และริมฝีปากที่อ่อนนุ่ม ตอนนี้เธอด
“บางครั้งก็ควรที่จะสงสัยน้อยลงจะดีกว่า” เขามองออกไปและขับรถ“โอเค เข้าใจแล้วค่ะ” หลิง ลั่วอินแสดงให้เห็นถึงรูปลักษณ์ที่เชื่อฟังเธอสืบมาและพบว่า กู้ ลี่เฉิน ชอบผู้หญิงที่เชื่อฟัง ยิ่งพวกเธอเชื่อฟังมากเท่าไหร่ พวกเธอก็จะอยู่กับเขาได้นานขึ้นเท่านั้น สำหรับผู้ที่ต้องการพิสูจน์ว่าพวกเธอเป็นข้อยกเว้นและต้องการเป็น ‘คนเดียว’ ของเขาพวกเขาถูกทิ้งอย่างรวดเร็วแม้ว่าเธออยากจะกลายเป็น "ข้อยกเว้น" และ "เพียงคนเดียว" ของเขา แต่เธอก็ไม่ได้เร่งรีบในสิ่งต่าง ๆ เธอค่อย ๆ เข้าไปใกล้ ๆ ในหัวใจของเขา“ลี่เฉิน ขอบคุณสำหรับสร้อยคอที่คุณให้ฉันในวันนี้นะคะ ฉันรักมันมาก อย่างไรก็ตาม ฉันไม่คิดว่าจะมีโอกาสมากมายที่จะสวมสร้อยคอที่หรูหราขนาดนี้” หลิง ลั่วอิน เริ่มต้นด้วยความสุข แต่ก็ฟังดูเศร้าใจเธอไม่รู้เลยว่าการแสดงที่สมบูรณ์แบบของเธอไม่ใช่เรื่องตลกในสายตาของกู้ ลี่เฉินยังไงก็แล้วแต่ เขาเคยพบกับผู้หญิงที่ชอบแสดงมากเกินไป “คุณสวมใส่ได้เมื่อคุณเข้าร่วมงานเลี้ยงแสงดาว”ความสุขแผ่ไปทั่วใบหน้าของหลิง ลั่วอิน เธอก็พูดว่า “แต่ตอนนี้ฉันเป็นแค่นักแสดงที่ไม่เป็นที่รู้จัก ฉันไม่คิดว่าจะได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้
“คุณกลับบ้านได้ในคืนนี้” อี้ จิ่นหลี พูดกับเกา ฉงหมิง ที่ตามเขาเข้ามาความตกใจกระพริบไปทั่วดวงตาของเกา ฉงหมิง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขาติดตามอี้ จิ่นหลี มาเป็นเวลานานเขาจึงเข้าใจว่ามีบางสิ่งที่เขาไม่ควรถาม“ครับ” เกา ฉงหมิง ตอบและออกจากบ้านไป'เนื่องจากนายน้อยอี้ขอให้ฉันออกมา ฉันก็เดาว่านี่หมายความว่า นายน้อยออี้... จะอยู่ที่นี่ในคืนนี้สินะ?'ภายในห้องเช่ามีเพียงอี้ จิ่นหลี และหลิง อี้หรานเขาช่วยเธอถอดรองเท้าและเสื้อคลุมก่อนที่เขาจะดึงผ้าคลุมมาคลุมตัวเธอ จากนั้นเขาก็ดึงเก้าอี้มานั่งข้างเตียงเมื่อเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มันก็ผ่านมาสักพักแล้วที่เขาอาศัยอยู่ที่นี่ ห้องนี้ไม่มีร่องรอยที่พิสูจน์ได้อีกต่อไปว่าเขาเคยอาศัยอยู่ที่นี่‘เธอโยนสิ่งของทั้งหมดของฉันทิ้งไปแล้วหรือ?’ ความคิดนั้นทำให้เขาขมวดคิ้วขณะที่ความรู้สึกไม่พอใจผุดขึ้นมาในใจในขณะนั้น หลิง อี้หราน ซึ่งควรจะหลับอย่างรวดเร็ว จู่ ๆ ก็ลืมตาขึ้นและต้องการจะลุกจากเตียง“มีอะไรหรอ?" เขาถามด้วยดวงตาที่พร่ามัวครึ่งเปิดเธอพึมพำ “น้ำ... ฉันต้องการน้ำ... ”เธออาจรู้สึกคอแห้งจากการดื่มไวน์มากก่อนหน้านี้อี้ จิ่นหลี ถอนหายใจและน
ดวงตาสีเข้มของเขาจ้องแต่เธอ หลิง อี้หราน ที่เมาแล้วดูบอบบางและมีเสน่ห์ ‘มีกี่คนที่ได้เห็นด้านนี้ของเธอ?‘เซียว จื่อฉี เคยเห็นมาก่อนหรือเปล่า?'ทันใดนั้น ความหึงหวงก็เกิดขึ้นในใจของเขา เขาอิจฉาที่ เซียว จื่อฉี เคยเดทกับเธอมาก่อน ในขณะที่เธอคบกับเซียว จื่อฉี เธอเคยใช้น้ำเสียงที่อ่อนโยนเช่นนี้เพื่อเรียกชื่อของเขาหรือไม่? พวกเขาสนิทสนมแค่ไหนในขณะที่พวกเขาเดทกัน?“พี่พูดจริงหรือเปล่าว่าผมหน้าตาดี?” เขาบ่นกลับ เขามีความต้องการที่จะให้เธออยู่เคียงข้างเขาและไม่ยอมให้ใครเห็นด้านที่น่าดึงดูดของเธอ“ใช่ อย่างมากเลยแหล่ะ จินเป็นผู้ชายที่หล่อที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา” เธอยิ้มขณะที่นิ้วของเธอเคาะที่ปลายจมูกของเขาอย่างสนุกสนานราวกับว่าเขาเป็นของเล่นที่น่าสนใจบางทีเธออาจเป็นคนเดียวที่สามารถปฏิบัติกับเขาเหมือนของเล่นได้ทันใดนั้น การแสดงออกของเธอก็เปลี่ยนไป รอยยิ้มของเธอจางลงและถูกแทนที่ด้วยความเศร้า “จิน ฉันจะปฏิบัติต่อนายเป็นอย่างดี ได้โปรดอย่าจากฉันไปเลยนะ โอเคไหม?”ดวงตาสีอัลมอนด์ของเธอดูมีหมอก ดูเหมือนว่าเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่สำคัญมากสำหรับเธอและถ้าเขาจากไปนั่นจะเป็นภาระที่เธอไม่สามารถแบกรั