ตอนนี้เย่เหวินหมิงไม่สนใจเรื่องอื่นแล้ว เขาอุ้มโจวเชียนหยุนขึ้นมาทันทีและพูดกับอาหยันน้อย“ตามพ่อมา เราจะพาแม่ไปโรงพยาบาล ลูกไม่ต้องการให้แม่เจ็บอยู่อย่างนี้ไปตลอดใช่ไหม?” เจ้าตัวเล็กไม่พูดอะไรและทำเพียงตามเย่เหวินหมิงไปไม่ห่างเท่านั้นหลังจากเข้าไปในรถ เย่เหวินหมิงก็วางโจวเชียนหยุนไว้ตรงที่นั่งข้างคนขับ ในขณะที่อาหยันน้อยขึ้นนั่งที่เบาะหลังโดยไม่พูดอะไร ดวงตาของเจ้าตัวเล็กที่ดูเหมือนโจวเชียนหยุนมองไปยังแม่ของเขาด้วยความกังวลผ่านช่องที่นั่งระหว่างคนขับปากเล็ก ๆ คอยพูดว่า “แม่ฮะ ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร พอเราถึงโรงพยาบาลแล้ว หมอก็จะรักษาแม่ แม่ก็จะดีขึ้นทันทีเลยฮะ!”โจวเชียนหยุนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างยากลำบากและพยายามฝืนยิ้มให้ลูกชาย เธอไม่อยากให้เด็กคนนี้เป็นห่วงเธอมากเกินไป “แม่ไม่เป็นไร... เดี๋ยวก็หายแล้ว...”เมื่อเห็นลูกชายและแม่เช่นนี้เย่เหวินหมิงก็รู้สึกขมขื่นในใจ เขาเหยียบคันเร่งมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลตลอดการเดินทางเขาดูเธอกัดฟันอดทนกับความเจ็บปวดเพื่อไม่ให้ร้องออกมา อย่างน้อย ๆ ก็ไม่อยากให้ลูกของเธอเป็นห่วงมากไปกว่านี้ ในหัวของเขาอยู่ ๆ ก็ย้อนนึกไปถึงตอนที่เธอบังเอิญสะดุดล้
หลิงอี้หรานตกตะลึงและพูดว่า “ได้ค่ะ ฉันจะไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”“หลิงอี้หราน” เสียงของเย่เหวินหมิงดังขึ้นอีกครั้ง มันทุ้มและแหบพร่า “ผม... ไม่ค่อยได้ขอร้องใคร แต่ผมขอร้องคุณด้วยทุกอย่างที่ผมมีและชีวิตของผม ช่วยเกลี้ยกล่อมให้เชียนหยุนรับตับของผมที ทำยังไงก็ได้ให้เธอตกลงรับการผ่าตัดปลูกถ่าย!”หลิงอี้หรานอดไม่ได้ที่จะตกใจ จากที่ได้เจอเย่เหวินหมิงมา ด้วยบุคลิกของเขา เธอรู้ว่ามันยากสำหรับเขาที่จะพูดอะไรแบบนี้ออกมาถึงอย่างนั้นเมื่อเป็นเรื่องความเสี่ยงเกี่ยวกับชีวิตของโจวเชียนหยุน เย่เหวินหมิงก็ไม่รู้จะทำอย่างไรจริง ๆ ถ้าพี่โจวตาย เย่เหวินหมิงก็คงรู้สึกว่า... ไม่ต่างจากตกนรกเลยจริง ๆ “เข้าใจแล้วค่ะ” หลิงอี้หรานตอบ“เกิดอะไรขึ้น?” อี้จิ่นหลีถามเมื่อเธอวางสาย“พี่โจวเข้าโรงพยาบาล หมอบอกว่าเธอต้องผ่าตัดปลูกถ่ายตับเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นมันอาจจะสายไปและไม่มีโอกาสอีก” หลิงอี้หรานยกเท้าเดินในขณะพูดอย่างนั้น“ฉันจะไปโรงพยาบาลเพื่อเกลี้ยกล่อมพี่โจวให้ผ่านตัด”“งั้นฉันไปด้วย” อี้จิ่นหลีกล่าว“แล้วงานคุณ...”“ฉันค่อยกลับมาจัดการทีหลัง ฉันไม่วางใจให้เธอไปโรงพยาบาลคนเดียว” เขากล่าว“ฉันมีบอดี้กา
“อี้หราน เธอมาที่นี่ได้ยังไง?” โจวเชียนหยุนถาม“เย่เหวินหมิงบอกฉันค่ะ” หลิงอี้หรานเดินเข้ามาใกล้ เธอสูดลมหายใจเข้าลึก และพูดว่า “พี่โจว ผ่าตัดนะคะ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของพี่แล้ว ถ้ายอมแพ้ไปตอนนี้ จะไม่มีทางรักษาโรคนี้ให้หายได้จริง ๆ นะคะ”“อี้หราน!” โจวเชียนหยุนเริ่มตื่นตระหนกและกลัวว่าอาหยันน้อยจะรู้อาการป่วยของเธอถึงอย่างนั้นหลิงอี้หรานก็จงใจพูดเรื่องนี้ต่อหน้าลูกของอีกฝ่ายด้วยหวังว่าโจวเชียนหยุนจะยอมเสี่ยงเพื่ออาหยันน้อย“พี่โจว ฉันรู้ว่าสองสามเดือนนี้เป็นสิ่งล้ำค่าของพี่ พี่กลัวว่าถ้ายอมวางเดิมพันลงไป พี่จะไม่ได้มีโอกาสใช้ชีวิตที่เหลือสองสามเดือนนี้ แต่... ถ้าพี่ชนะ พี่จะได้โอกาสคอยเฝ้าดูอาหยันน้อยโตขึ้นนะคะ” ขณะพูดหลิงอี้หรานก็เงียบไปครู่หนึ่งแล้วจับหน้าท้องนูน ๆ ของตนเอง “เหมือนกับที่ฉันเองก็วางเดิมพันเช่นเดียวกัน บางทีมันอาจจะปลอดภัยกว่าถ้าฉันเลือกทำหัตถการลดการตั้งครรภ์ แต่ฉันเป็นแม่ มันยากมากที่จะเลือกทิ้งใครในสามคน เพราะอย่างนั้นฉันเลยตัดสินใจเดิมพันกับลูก ๆ ของฉัน”“พี่โจว พี่ก็ต้องวางเดิมพันเพื่อตัวเองเหมือนกันนะ ถ้าพี่พลาดโอกาสนี้ พี่ไม่คิดเหรอว่าอาหยันน้อยจะโกรธเคือง
“ฉัน... ฉันหวังว่าหลิงอี้หรานจะโน้มน้าวใจเธอได้ แต่... ฉันกลัว... กลัวว่าหลิงอี้หรานจะทำไม่ได้ เพราะอย่างนั้น... ฉันเลยเข้ามา ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากเห็นหน้าฉันอีกและไม่อยากได้ตับของฉันด้วย แต่...” เขาเงียบไปเล็กน้อยแล้วพูดราวกับว่ากำลังหมดเรี่ยวแรงไปกับการพูดคำพวกนี้ “ฉันขอร้องให้เธอเข้าผ่าตัดเถอะนะ ตราบใดที่เธอเข้ารับการผ่าตัด ฉันจะไม่โผล่หน้ามาให้เธอเห็นอีก เธอจะไม่ได้เห็นหน้าฉันอีก!” เขาแค่อยากให้เธอมีชีวิตอยู่ตราบใดที่เธอยังมีชีวิตรอด อย่างอื่นก็ไม่สำคัญโจวเชียนหยุนมองเขาและพูด “ถ้าฉันยอมผ่าตัด มันก็อันตรายกับคุณเหมือนกัน คุณมีเงื่อนไขอะไรอื่นอีกไหม?” เสียงของเธอสงบนิ่ง ราวกับว่าพวกเขากำลังเจรจากัน ‘เงื่อนไขเหรอ?’เย่เหวินหมิงเบิกตากว้างในทันที “นี่... นี่เธอเต็มใจจะเข้าผ่าตัดเหรอ?”“ค่ะ...” เธออยากลองเสี่ยงเพื่อแม่และลูกชายของเธอ“คุณบอกเงื่อนไขมาสิ ฉันไม่อยากติดค้างอะไรกับคุณอีก แต่ถ้าฉันตายในห้องผ่าตัด หรือร่างกายเกิดการปฏิเสธอวัยวะใหม่ ฉันก็อาจจะทำตามเงื่อนไขที่คุณต้องการไม่ได้”เขารีบพูดอย่างร้อนใจ “ไม่! เธอจะไม่ตาย! ร่างกายของเธอจะไม่ปฏิเสธอวัยวะใหม่หรอก เธอเคยบริจาคไขกร
เมื่อเย่เหวินหมิงตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ได้มีเพียงหมอและพยาบาล แต่ยังมีอี้จิ่นหลียืนอยู่ตรงหน้าเตียงของเขา ยาชายังไม่หมดฤทธิ์ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รู้สึกเจ็บเท่าไหร่“เชียนหยุน... เป็นยังไงบ้าง?” เย่เหวินหมิงถามอย่างยากลำบาก“การผ่าตัดออกมาดี แต่เธอยังต้องอยู่ในห้องไอซียูอีกสองวัน” อี้จิ่นหลีตอบเขาเย่เหวินหมิงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ‘การผ่าตัดออกมาดี ดีแล้วล่ะ' ‘ถึงแม้... ฉันจะไม่สามารถโผล่หน้ามาให้ผู้หญิงคนนั้นเห็นได้อีก อย่างน้อยเธอก็มีชิ้นส่วนของฉันอยู่ในตัวเธอ' ‘ตับของฉันจะอยู่กับเธอไปตลอดชีวิตจนเธอแก่เฒ่า…' ‘และไขกระดูกที่เธอมอบให้ฉันก็จะอยู่กับฉันตลอดไป บางทีนี้อาจจะเป็นความสัมพันธ์ในรูปแบบหนึ่ง!’ เย่เหวินหมิงไม่ได้พูดอะไรราวกับว่าเขาไม่ได้สนใจสุขภาพร่างกายตัวเอง แม้แต่ตอนที่หมอบอกเรื่องที่ควรระวังหลังผ่าตัดและผลลัพธ์ต่อร่างกาย เขาก็ยังคงนิ่งเงียบหลังจากหมอและพยาบาลออกไปจากห้องอี้จิ่นหลีก็พูดว่า“พอเรื่องการพิจารณาคดีของโจวเชียนหยุนออกมา ก็จะมีข่าวแย่ ๆ เกิดขึ้นกับเย่กรุ๊ปด้วย ผมเกรงว่าคุณอาจจะต้องโดนวิพากษ์วิจารณ์ไปด้วย บางทีคุณอาจจะโดนคุมขังหรือพิจารณาโทษด้วย”
บางครั้งโดยไม่รู้ตัว เขาก็หวังว่าเมื่ออี้หรานรู้ความจริงเข้าสักวันหนึ่งจะมีใครบางคนยื่นมือมาช่วยเขาด้วยเช่นกัน ...โจวเชียนหยุนฟื้นตัวได้ดีหลังจากการผ่าตัด หลังจากสองวันในไอซียู เธอก็ถูกย้ายไปยังห้องพักผู้ป่วยปกติ แม้ว่าผลการผ่าตัดปลูกถ่ายจะออกมาสำเร็จแต่เธอก็ยังต้องมีการตรวจติดตามผลเช่นเดิมทุกครั้งที่โจวเชียนหยุนมองเห็นรอยแผลผ่าตัดตรงช่วงท้องด้านบนในตอนที่พยาบาลเปลี่ยนชุดให้ ความรู้สึกหลากหลายอย่างก็ผสมปนเปกันอยู่ในหัวใจเธอไม่ว่าจะไม่พอใจเท่าไหร่ สุดท้ายตับในร่างกายของเธอก็เป็นของเย่เหวินหมิง!แต่... บางทีเธอก็อาจจะรอด อาจจะได้อยู่ต่อ เพราะแบบนั้นแม่ของเธอก็ไม่ต้องเศร้าจากการเสียลูกสาวไปและเธอก็จะได้คอยดูอาหยันน้อยเติบโตขึ้นช่วงนี้อาหยันน้อยและคุณนายโจวคอยเป็นห่วงและคอยอยู่ข้าง ๆ โจวเชียนหยุนในโรงพยาบาลหลิงอี้หรานมาเยี่ยมโจวเชียนหยุนบ้างเป็นบางครั้ง“ฉันละอายใจจริง ๆ ที่ทำให้เธอเป็นห่วงเรื่องฉันตอนที่เธอก็กำลังท้องแก่อยู่” โจวเชียนหยุนกล่าวอย่างขอโทษ หลิงอี้หรานควรจะได้พักเยอะ ๆ แต่เธอก็มาโรงพยาบาลแทบจะวันเว้นวัน“พี่โจว พูดเรื่องอะไรกัน ถ้าวันไหนฉันมีปัญหา ฉันก็เชื่อว
หลิงอี้หรานรู้สึกเศร้าเมื่อคิดถึงความอดทนของเหลียนอี แต่เธอภูมิใจมากกว่าอะไรที่มีเพื่อนแข็งแกร่งแบบนี้เธอรู้ว่าเหลียนอีจะไม่พ่ายแพ้ง่าย ๆ แน่! แม้ว่าเหลียนอีจะเลิกกับไป๋ทิงซิน แต่เธอไม่ยอมแพ้ในตัวเองและให้ความร่วมมือกับการรักษาเป็นอย่างดีเธอยังพูดติดตลกด้วยว่า “มันไม่ใช่แค่การเลิกกันหรอกเหรอ? เป็นเรื่องใหญ่แค่ไหนกันเชียว? สมัยนี้จะมีสักกี่คนที่แต่งงานหลังจากออกเดตกับรักแรกกัน อย่างดีที่สุด ฉันก็แค่เดินเป็นเหมือนคนอื่น ๆ บางทีคนที่ใช่อาจจะโผล่มาในตอนที่ฉันออกจากโรงพยาบาลก็ได้นะ!”การมองโลกในแง่บวกของเหลียนอีทำให้หลิงอี้หรานเชื่อว่าในอนาคตหลียนอีจะเจอแต่ความสุข!“ดีเลย” โจวเชียนหยุนเองก็เบาใจไปด้วย “อี้หราน เธอกับเหลียนอีอย่าลงเอยแบบพี่เลยนะ”เธอคงไม่สามารถตกหลุมรักได้อีกแล้ว พวกเขาสองคนไม่ได้สังเกตว่าประตูห้องไม่ได้ปิดสนิท มีร่างหนึ่งปรากฏราง ๆ อยู่ด้านนอกประตู ...หลิงอี้หรานและอี้จิ่นหลีกลับมาที่คฤหาสน์อี้หลิงอี้หรานกำลังจะเดินขึ้นชั้นบน แต่อี้จิ่นหลีดึงเธอเข้ามากอดไว้“เป็นอะไรไป?” เธออดไม่ได้ที่จะถามการกอดแบบปุบปับดูเหมือนจะผิดปกติเล็กน้อย ระหว่างกลับบ้านวันนี้ เขาก็พ
“จริงเหรอ? ถ้า... ถ้าวันหนึ่งเธอรู้ว่าฉันเคยทำร้ายเธอมาก่อน เธอจะไม่มีวันยอมรับฉันไม่ว่าฉันจะร้องขอให้เธอยกโทษมากแค่ไหนก็ตามเหรอ?” เขาถามคำถามนี้ด้วยความยากลำบาก ทุกคำดูเหมือนจะต้องเค้นออกมาจากคอหลิงอี้หรานหมุนตัวและมองชายตรงหน้าด้วยความสงสัย “จิน คุณเป็นอะไรไปคะ? ช่วงนี้ฉันรู้สึกว่าคุณไม่ค่อยสบายใจเลย”อี้จิ่นหลีเงียบไป ‘ไม่สบายใจ... ใช่! ฉันไม่สบายใจจริง ๆ’ เรื่องของโจวเชียนหยุนและเย่เหวินหมิงทำให้เขาไม่สบายใจ เขากลัวว่าตัวเองจะเจอชะตากรรมแบบเดียวกัน“ถ้าสิ่งที่ฉันพูดทำให้คุณไม่สบายใจ ฉันอธิบายได้นะ! ฉันแค่นึกถึงเซียวจื่อฉี แล้วรู้สึกมีอารมณ์ร่วมนิดหน่อยกับสิ่งที่พี่โจวพูด คุณไม่ต้องคิดมากนะคะ คุณจะทำร้ายฉันได้ยังไง? อีกอย่าง...” เธอเงียบไปครู่หนึ่งเธอยกมือขึ้นลูบคิ้วของเขาซึ่งดูเหมือนจะเปื้อนไปด้วยความเศร้าหมอง“เราสัญญากันไว้แล้วว่าฉันจะยกโทษให้คุณตราบใดที่คุณร้องไห้ตรงหน้าฉัน ใช่ไหมคะ?” เธอจงใจพูดด้วยอารมณ์เบาสบายเพื่อกำจัดความเศร้าออกจากดวงตาของเขาเป็นไปอย่างที่คิด หลังจากฟังคำของเธอดวงตาของเขาก็เป็นประกายเล็กน้อยความเศร้าหมองก็ดูเหมือนจะค่อย ๆ จางหายไป“อี้หราน ค