บางครั้งโดยไม่รู้ตัว เขาก็หวังว่าเมื่ออี้หรานรู้ความจริงเข้าสักวันหนึ่งจะมีใครบางคนยื่นมือมาช่วยเขาด้วยเช่นกัน ...โจวเชียนหยุนฟื้นตัวได้ดีหลังจากการผ่าตัด หลังจากสองวันในไอซียู เธอก็ถูกย้ายไปยังห้องพักผู้ป่วยปกติ แม้ว่าผลการผ่าตัดปลูกถ่ายจะออกมาสำเร็จแต่เธอก็ยังต้องมีการตรวจติดตามผลเช่นเดิมทุกครั้งที่โจวเชียนหยุนมองเห็นรอยแผลผ่าตัดตรงช่วงท้องด้านบนในตอนที่พยาบาลเปลี่ยนชุดให้ ความรู้สึกหลากหลายอย่างก็ผสมปนเปกันอยู่ในหัวใจเธอไม่ว่าจะไม่พอใจเท่าไหร่ สุดท้ายตับในร่างกายของเธอก็เป็นของเย่เหวินหมิง!แต่... บางทีเธอก็อาจจะรอด อาจจะได้อยู่ต่อ เพราะแบบนั้นแม่ของเธอก็ไม่ต้องเศร้าจากการเสียลูกสาวไปและเธอก็จะได้คอยดูอาหยันน้อยเติบโตขึ้นช่วงนี้อาหยันน้อยและคุณนายโจวคอยเป็นห่วงและคอยอยู่ข้าง ๆ โจวเชียนหยุนในโรงพยาบาลหลิงอี้หรานมาเยี่ยมโจวเชียนหยุนบ้างเป็นบางครั้ง“ฉันละอายใจจริง ๆ ที่ทำให้เธอเป็นห่วงเรื่องฉันตอนที่เธอก็กำลังท้องแก่อยู่” โจวเชียนหยุนกล่าวอย่างขอโทษ หลิงอี้หรานควรจะได้พักเยอะ ๆ แต่เธอก็มาโรงพยาบาลแทบจะวันเว้นวัน“พี่โจว พูดเรื่องอะไรกัน ถ้าวันไหนฉันมีปัญหา ฉันก็เชื่อว
หลิงอี้หรานรู้สึกเศร้าเมื่อคิดถึงความอดทนของเหลียนอี แต่เธอภูมิใจมากกว่าอะไรที่มีเพื่อนแข็งแกร่งแบบนี้เธอรู้ว่าเหลียนอีจะไม่พ่ายแพ้ง่าย ๆ แน่! แม้ว่าเหลียนอีจะเลิกกับไป๋ทิงซิน แต่เธอไม่ยอมแพ้ในตัวเองและให้ความร่วมมือกับการรักษาเป็นอย่างดีเธอยังพูดติดตลกด้วยว่า “มันไม่ใช่แค่การเลิกกันหรอกเหรอ? เป็นเรื่องใหญ่แค่ไหนกันเชียว? สมัยนี้จะมีสักกี่คนที่แต่งงานหลังจากออกเดตกับรักแรกกัน อย่างดีที่สุด ฉันก็แค่เดินเป็นเหมือนคนอื่น ๆ บางทีคนที่ใช่อาจจะโผล่มาในตอนที่ฉันออกจากโรงพยาบาลก็ได้นะ!”การมองโลกในแง่บวกของเหลียนอีทำให้หลิงอี้หรานเชื่อว่าในอนาคตหลียนอีจะเจอแต่ความสุข!“ดีเลย” โจวเชียนหยุนเองก็เบาใจไปด้วย “อี้หราน เธอกับเหลียนอีอย่าลงเอยแบบพี่เลยนะ”เธอคงไม่สามารถตกหลุมรักได้อีกแล้ว พวกเขาสองคนไม่ได้สังเกตว่าประตูห้องไม่ได้ปิดสนิท มีร่างหนึ่งปรากฏราง ๆ อยู่ด้านนอกประตู ...หลิงอี้หรานและอี้จิ่นหลีกลับมาที่คฤหาสน์อี้หลิงอี้หรานกำลังจะเดินขึ้นชั้นบน แต่อี้จิ่นหลีดึงเธอเข้ามากอดไว้“เป็นอะไรไป?” เธออดไม่ได้ที่จะถามการกอดแบบปุบปับดูเหมือนจะผิดปกติเล็กน้อย ระหว่างกลับบ้านวันนี้ เขาก็พ
“จริงเหรอ? ถ้า... ถ้าวันหนึ่งเธอรู้ว่าฉันเคยทำร้ายเธอมาก่อน เธอจะไม่มีวันยอมรับฉันไม่ว่าฉันจะร้องขอให้เธอยกโทษมากแค่ไหนก็ตามเหรอ?” เขาถามคำถามนี้ด้วยความยากลำบาก ทุกคำดูเหมือนจะต้องเค้นออกมาจากคอหลิงอี้หรานหมุนตัวและมองชายตรงหน้าด้วยความสงสัย “จิน คุณเป็นอะไรไปคะ? ช่วงนี้ฉันรู้สึกว่าคุณไม่ค่อยสบายใจเลย”อี้จิ่นหลีเงียบไป ‘ไม่สบายใจ... ใช่! ฉันไม่สบายใจจริง ๆ’ เรื่องของโจวเชียนหยุนและเย่เหวินหมิงทำให้เขาไม่สบายใจ เขากลัวว่าตัวเองจะเจอชะตากรรมแบบเดียวกัน“ถ้าสิ่งที่ฉันพูดทำให้คุณไม่สบายใจ ฉันอธิบายได้นะ! ฉันแค่นึกถึงเซียวจื่อฉี แล้วรู้สึกมีอารมณ์ร่วมนิดหน่อยกับสิ่งที่พี่โจวพูด คุณไม่ต้องคิดมากนะคะ คุณจะทำร้ายฉันได้ยังไง? อีกอย่าง...” เธอเงียบไปครู่หนึ่งเธอยกมือขึ้นลูบคิ้วของเขาซึ่งดูเหมือนจะเปื้อนไปด้วยความเศร้าหมอง“เราสัญญากันไว้แล้วว่าฉันจะยกโทษให้คุณตราบใดที่คุณร้องไห้ตรงหน้าฉัน ใช่ไหมคะ?” เธอจงใจพูดด้วยอารมณ์เบาสบายเพื่อกำจัดความเศร้าออกจากดวงตาของเขาเป็นไปอย่างที่คิด หลังจากฟังคำของเธอดวงตาของเขาก็เป็นประกายเล็กน้อยความเศร้าหมองก็ดูเหมือนจะค่อย ๆ จางหายไป“อี้หราน ค
เพราะเธอยืนกรานและเขาก็ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องยอมดังนั้นพวกเขาจึงไปที่โรงพยาบาลด้วยกันเมื่อไปถึงโรงพยาบาล อี้จิ่นหลีก็สั่งบอดี้การ์ดที่ตามพวกเขามาให้คอยดูแลหลิงอี้หรานจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยภายในห้อง นายท่านอี้ผ่ายผอมและนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยสีขาว ชายผู้ที่เคยมีอำนาจมากในที่สุดก็มาถึงบั้นปลายของชีวิตนายท่านอี้พยายามอดทนฝืนอยู่เมื่อเขาเห็นอี้จิ่นหลีเข้ามา เขาก็ตัวสั่นและพูดว่า “แก… แกมาแล้ว…”“ครับ ผมมาแล้ว” อี้จิ่นหลีตอบอาจบอกได้ว่า ที่จริงเขาก็ไม่ได้รักอะไรนายท่านอี้นัก ความสัมพันธ์ที่ทั้งสองมีนั้นเป็นเหมือนอาจารย์กับศิษย์มากกว่าศิษย์ที่สามารถกำจัดทิ้งได้ตลอดเวลาเหมือนตัวหมาก หากว่ามันยังมีประโยชน์ก็จะได้อยู่บนกระดานหมากต่อ หากว่าไร้ค่า ก็จะโดนเขี่ยทิ้งเป็็นเครื่องสังเวย“ตอนนี้ตระกูลอี้… เป็นของแกแล้ว… หากแกทำ… ตระกูลอี้ล้ม ฉันจะไม่ปล่อยให้ได้อยู่เป็นสุข” นายท่านอี้พูดพลางหายใจแรงอย่างลำบาก“อยากจะบอกผมแค่นี้เหรอ?” อี้จิ่นหลีถามขณะที่เขามองนายท่านอี้ดวงตาฝ้าฟางของนายท่านอี้เคลื่อนไหว “เด็ก หลิงอี้หรานนั่น… อยู่ข้างนอกใช่ไหม? บอก… บอกให้เธอเข้ามา”อ
เขาเหมือนจะบอกนายท่านอี้ถึงความมุ่งมั่นในรักที่เขามีต่อหลิงอี้หรานนายท่านอี้จ้องหลานชายคนเดียวเขม็งผ่านไปพักหนึ่ง เขาก็ค่อย ๆ หลับตาลงเพราะว่าเหนื่อย ด้วยเสียงแห้งแตกพร่าเขาพึมพำว่า “ผู้ชายตระกูลอี้… ไม่มีวัน… ลงเอยได้ดี หากว่ารักผู้หญิงมากเกินไป แกต้องไม่จบด้วยดี… หากว่าแก… ยังเป็นแบบนี้”เสียงนายท่านอี้อ่อนแรงลงทุกที จนสุดท้ายเขาก็ไม่ส่งเสียงใดอีกเส้นสัญญาณคลื่นหัวใจบนหน้าจอเกือบจะเป็นเส้นตรง หลิงอี้หรานรู้สึกเหมือนหัวใจถูกฟาดเธอรู้ว่านายท่านอี้จากไปแล้ว ชีวิตหนึ่งจบสิ้นลงต่อหน้าเธอ และมันทำให้เธอหวาดกลัว ชายชราที่เป็นครอบครัวของจินไม่อยู่ในโลกนี้อีกต่อไปแล้ว มันดูเหมือนไม่ใช่ความจริงอี้จิ่นจิ่นหลีจับมือหลิงอี้หรานแน่น เขาจับแน่นขึ้นทุกทีจนได้ยินเสียงร้องด้วยความตกใจดังมาเข้าหู เขาได้สติและรีบปล่อยมือทันที“เจ็บหรือเปล่า?” เขาจับมือเธอมาดูอย่างกังวล และเห็นรอยแดงจาง ๆ เพราะว่าเขาบีบมือเธอแรงเกินไปเธอบอกว่า “ฉันไม่เป็นไรค่ะ ปู่ของคุณ…”“ใช่ เขาตายแล้ว” เขาพูดเบา ๆแม้ว่าสีหน้าเขาจะไม่แสดงอารมณ์ใด และไม่มีสีหน้าโศกเศร้าแบบคนทั่วไปที่เพิ่งเสียคนที่เป็นที่รักไป เธอรู้ว่าเ
โถงไว้อาลัยนั้นสว่างเรืองรอง เทียนต้องถูกจุดไว้ตลอดทั้งสามวันและพวกเขาต้องจุดธูปตลอดด้วยหลิงอี้หรานเดินเข้าไปในโถงไว้อาลัยและเห็นอี้จิ่นหลียืนอยู่ในห้องมีแสงส่องลงมาโดนตัวเขา และเห็นเงาบังสลัวบางส่วน เขานั้นมองนายท่านอี้ซึ่งสวมใส่ชุดดี ๆ เตรียมพร้อมสำหรับฝังนอนอยู่ในโลงเย็น ใบหน้าหล่อเหลาของอี้จิ่นหลีดูไร้อารมณ์“จินคะ” หลิงอี้หรานเรียกตอนนั้นเองที่เขาเหมือนจะกลับมาได้สติ เขาหันมามองเธอ“ฉันบอกเธอแล้วว่าไม่ต้องมาที่นี่บ่อยนักไม่ใช่เหรอ? ฉันดูแลที่นี่ได้”“ฉันมาเพราะว่าอยากเจอคุณ” อี้หรานบอกขณะที่เธอเดินเข้าไปหาจิ่นหลีเธอยกมือขึ้นสัมผัสหน้าเขา ตอนนี้เป็นช่วงต้นเดือนมกราคมและอากาศก็ยิ่งหนาวเย็นขึ้นเรื่อย ๆห้องโถงไว้อาลัยนั้นไม่มีเครื่องทำความร้อน ดังนั้นแม้ว่าจะอยู่ในอาคารอากาศก็ยังเย็น และที่นี่ก็ยิ่งเย็นโดยเฉพาะในตอนกลางคืน“คืนนี้คุณจะอยู่ที่นี่เหรอคะ?” เธอถามเขาพึมพำ “เพราะว่าเขาเลี้ยงฉันมา ฉันก็ยังต้องทำเรื่องที่ควรทำ พรุ่งนี้เป็นวันฝังศพของนายท่านอี้แล้วก็จะมีคนมากมาย เธอไม่จำเป็นต้องไปร่วมเพราะว่าไม่สะดวกกับสภาพร่างกายของเธอตอนนี้” จิ่นหลีบอก“ฉันยังไม่ได้จะคลอดสักห
เขาต้องโหยหาความรักที่ปู่ควรมีให้ลูกหลานจากนายท่านอี้แน่เมื่อเขากลับมาที่ตระกูลอี้ นายท่านอี้ก็เป็นคนเดียวที่เขาพึ่งพิงได้หลิงอี้หรานพูดเบา ๆ “แต่ฉันก็ควรจะขอบคุณเขาที่เลี้ยงดูคุณมา ฉันถึงได้พบคุณนะคะจิน ฉันจะมอบครอบครัวที่เปี่ยมรักให้คุณ ลูก ๆ ก็จะมอบความรักให้คุณเหมือนกัน”เขาอึ้งไปเล็กน้อยแววแปลกใจฉายในดวงตาเขา เขาไม่เคยบอกเธอเรื่องนี้แต่ว่าเธอรู้… เขานั้นโหยหาความรักจากครอบครัว“เธอบอกว่าแต่ละคนก็ให้ความสำคัญต่างกันไป แล้วเธอล่ะ? เธอให้ความสำคัญกับอะไรมากที่สุด” เขาพูดเสียงเบาขณะที่สูดกลิ่นกายของเธอเขาชอบสูดกลิ่นกายของเธอ มันทำให้เขารู้สึกสงบ“ฉันเหรอ?” อี้หรานคิดชั่วครู่ก่อนบอกว่า “สิ่งที่ฉันให้ความสำคัญที่สุดก็คือครอบครัวที่ฉันสร้างกับคุณ ฉันสนใจคุณแล้วก็ลูก ๆ นั่นแหละที่ฉันแคร์มากที่สุด”“แต่ว่าอี้หราน ฉันโลภมาก ฉันโลภจนไม่อยากจะให้เธอแบ่งปันความสนใจไปให้ใครอื่น แม้จะเป็นลูก ๆ ของพวกเราเองก็ตาม ฉันยังหวังว่า ตัวเองจะเป็นคนที่เธอสนใจมากที่สุด” อี้จิ่นหลีพูดพึมพำหลิงอี้หรานกะพริบตาปริบ ๆ ‘อืม… นี่เขาหึงลูกตัวเองด้วยเหรอเนี่ย?’“ฉันสนใจลูก ๆ ทั้งสามคนเหมือนกัน แต่ว่า
ตอนนี้นายท่านอี้จากไปแล้ว หลิงอี้หรานก็เป็นนายหญิงของตระกูลอี้อย่างเป็นทางการ อีกอย่างยังว่ากันว่าเธอกำลังท้องลูกแฝดสามด้วยพอเด็กทั้งสามคลอดออกมา สถานะของเธอในฐานะนายหญิงของตระกูลอี้ก็อาจจะยิ่งมั่นคงดังนั้นคนที่มาร่วมงามศพของนายท่านอี้ต่างก็ปฏิบัติกับหลิงอี้หรานอย่างให้เกียรติในฐานะญาติของผู้ล่วงลับ หลิงอี้หรานยืนอยู่ข้างอี้จิ่นหลีตลอดทั้งงานงานศพสำหรับตระกูลอย่างตระกูลอี้นั้นเป็นธรรมดาที่จะวุ่นวายซับซ้อนมากกว่างานศพของคนทั่วไปจิ่นหลีกลัวว่า อี้หรานจะเหนื่อยเลยบอกให้เธอนั่งพักแต่เธอก็ยังยืนกรานที่จะยืนอยู่ข้างเขา“ฉันยังไม่เหนื่อยค่ะ ถ้าฉันเหนื่อย ฉันจะบอกคุณนะคะ ฉันไม่เสี่ยงให้เสียสุขภาพหรอก” เธอพูด เพราะรู้ดีว่าตอนนี้เธอไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วเธอนั้นมีทารกอีกสามคนอยู่ในครรภ์ตอนนั้นเอง คนต้อนรับของงานศพก็ขานชื่อกู้ลี่เฉินหลิงอี้หรานตัวสั่นสะท้านและหันหน้าไปมองทางเข้าทันทีเธอเห็นเงาร่างคุ้นเคยในสูทสีดำเดินเข้ามาพูดแล้วก็คือ ทั้งเธอและกู้ลี่เฉินต่างก็ไม่เจอกันมาหลายเดือนเขาเคยเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่ผ่านความยากลำบากมาด้วยกัน แต่พวกเขาก็ต้องแยกจากกันด้วยเรื่องบางอย่างก