แม่ของอี้จิ่นหลีมีเขาก็เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลอี้ในฐานะแม่ของทายาทตระกูล แต่เมื่อเธอพบว่าตัวเองทำแบบนั้นไม่ได้ เขาก็ได้กลายเป็นเพียงหมากที่ไม่จำเป็นในกระดานผู้หญิงคนที่อยู่ตรงหน้าเขาเต็มใจที่จะเสียสละทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อลูกของเธอลูก ๆ ไม่ใช่หมากสำหรับเดินเกมของเธอดวงตาของเธอใสราวกับน้ำสะอาด แม้แต่ความลำบากในคุกก็ไม่สามารถส่งผลต่อความใสสะอาดในดวงตาของเธอได้และเพราะอย่างนี้... เขาถึงรักเธอมากเหลือเกิน!อยู่ดี ๆ อี้จิ่นหลีก็กอดหลิงอี้หรานไว้ “ฉันจะไม่ปล่อยให้มือของเธอใช้การไม่ได้ ฉันไม่อนุญาต!”เขาจะรักษามือเธอให้ได้ แม้ว่าจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตนี้ก็ตาม!หลิงอี้หรานยิ้มอย่างอ่อนโยน เธอยกมือขึ้นและกอดตอบอี้จิ่นหลี เธอใจเย็นกับสถานการณ์เกี่ยวกับมือเธอมาก “จิน คุณไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ก็ได้นะ! ถึงแม้มือนี้จะใช้การไม่ได้ แต่คุณก็จะเป็นมือให้ฉันใช่ไหมคะ?”เขาส่งเสียงขึ้นจมูกพลางตอบ “ได้สิ ฉันจะเป็นมือของเธอเอง...”‘ฉันจะให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม!’ ...อี้จิ่นหลีให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจใบสั่งยาที่หมอซูเขียนให้ พวกเขาสรุปว่าไม่มีอะไรผิดปกติ และยังเหมาะกับผ
เธอรีบก้มหน้าลงโดยไม่รู้ตัว“เป็นอะไรไป?” เขาถามอย่างค่อนข้างงุนงง“มะ-ไม่มีอะไร...” ไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกร้อนขึ้นกว่าตอนที่แช่เท้าในยาต้มเสียอีก ขนาดหน้ายังรู้สึกเหมือนจะเริ่มไหม้เลยเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและอุ้มเธอไปวางไว้บนเตียง“เอ่อ... ฉันจะนอนแล้วค่ะ” เธอรีบกล่าวและพยายามทำใจที่เต้นแรงเมื่อกี้ให้สงบลงถึงอย่างนั้นก่อนที่เธอจะได้ยกผ้าห่มขึ้น เขาก็โน้มตัวลงมาโดยใช้มือข้างหนึ่งเท้าไว้ข้างตัวเธอ และใช้มืออีกข้างจับเธอไว้ให้มองเขา “ทำไมอยู่ ๆ เธอถึงไม่มองฉันล่ะ? ฉันทำหรือพูดอะไรทำให้เธอไม่พอใจหรือเปล่า?”หลิงอี้หรานกะพริบตา ‘เอ่อ ทำไมเขาคิดไปทางนั้นได้ล่ะ? นี่เขา... เข้าใจผิดอะไรเหรอ?’“ไม่นะคะ” เธอพึมพำ“ไม่เหรอ งั้นทำไมอยู่ดี ๆ ถึงไม่มองฉันล่ะ?” เขาถาม‘เอาล่ะ ดูเหมือนเขาจะเข้าใจอะไรผิดไปจริง ๆ’ “ฉัน... เอ่อ... แค่...” เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยและรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นเรื่อย ๆ “แค่?” เขาหรี่ตาและขยับใบหน้าหล่อเหลาของเขามาใกล้เธอ “แค่อะไรเหรอ?”หลิงอี้หรานมองใบหน้าหล่อเหลาที่ขยายใหญ่ขึ้นเมื่อเข้ามาใกล้ตรงหน้าเธอ และรู้สึกราวกับว่าความตั้งใจจริงของเธอกำลังถูกทดสอบอีกครั
“คุณ..” ใบหน้าของเธอแดงขณะที่กัดริมฝีปากล่างไว้ ปอยผมบางส่วนตกลงบนแก้มของเธอ ใบหน้าที่สวยงามอ่อนหวานของเธอให้ความรู้สึกสงบอย่างน่าประหลาดใจ!ราวกับว่าการมองเธอเงียบ ๆ ก็ช่วยให้สงบลงได้แล้วอี้จิ่นหลีมองไปยังคนตรงหน้าด้วยความหลงใหล ความคิดที่เธออยากได้เขาและใบหน้าเขินอายจนเป็นสีแดงเพราะเขาทำให้เขามีความสุขเขาอยากให้เธอหลงเขามากกว่านี้ อยากให้เธอใจเต้นเพราะเขา และหลงใหลเขาทั้งกายและใจบางทีนี่อาจเป็นทางเดียวที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้น และทำให้เขามั่นใจว่าเธอจะอยู่ไม่ได้โดยไม่มีเขา“มัน... ไม่ใช่สิ่งที่ทำไม่ได้” เขาพึมพำพลางใช้มือข้างหนึ่งปลดกระดุมเสื้อของเธอขณะที่เขาใช้อีกมือจับมือของเธอไว้ เขาจับมือเธอลูบแก้มเขา จากนั้นก็สันกราม คอ กระดูกไหปลาร้า หน้าอก...หลิงอี้หรานตกใจเล็กน้อย ฝ่ามือของเธอก็รู้สึกร้อนขึ้นร้อนขึ้น“ชอบไหม?” เขายิ้มสวยราวกับต้องการจับสายตาเธอ เขาอยากจะโชว์ความสวยงามของเขาเพื่อดึงดูดสายตาของเธอไว้ใบหน้าของเธอร้อนผ่าว และรอยยิ้มของเขาก็ดูเหมือนไวน์ที่ทำให้มัวเมาจนโงหัวไม่ขึ้น“คะ... ค่ะ...” เสียงของเธอสั่นเล็กน้อย แต่ก็พูดเรื่องจริงเขาหายใจรดเธอเบา ๆ “ในเมื่
“พ่อกับแม่จะมอบบ้านอันอบอุ่นให้กับพวกหนูเอง!” หลิงอี้หรานก้มหน้าพูดกับท้องของตัวเองเสียงอ่อนโยนเธอไม่รู้ว่าลูกในท้องของเธอจะมีเพศอะไรหรือหน้าตาของพวกเขาจะเป็นอย่างไรแต่เธอก็จะดูแลให้ทั้งสามคนออกมาอย่างปลอดภัยแข็งแรง!สองสามวันหลังจากนั้น หลิงอี้หรานก็จดจ่ออยู่กับคดีฟ้องสิทธิ์ในการเลี้ยงดูบุตรของโจวเชียนหยุน อี้จิ่นหลีเองก็หาทนายที่เชี่ยวชาญในด้านนี้มาให้เธอ พวกเขาได้จัดการคดีฟ้องสิทธิ์เลี้ยงดูบุตรบ่อย ๆ และมีโอกาสชนะสูงหลิงอี้หรานเองก็คุยเรื่องคดีความกับพวกเขาหลายต่อหลายครั้ง แม้ว่าจะเป็นทนายความที่มากประสบการณ์ แต่พวกเขาก็มีความมั่นใจเพียง 20 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น หรือกล่าวคือพวกเขามีโอกาสแพ้คดีนี้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์“ไม่มีทางอื่นทำให้โอกาสชนะสูงขึ้นเลยเหรอคะ?” หลิงอี้หรานถาม“เว้นแต่ว่าเราจะสามารถพิสูจน์ได้ว่าคดีของเธอมีการตัดสินผิดพลาด” พวกเขาพูดหลิงอี้หรานเองก็รู้ปัญหาหลัก ๆ นี้ดี เธอจึงพูดว่า “ได้ค่ะ ฉันขอคิดอะไรหน่อย”บางทีเบาะแสเดียวที่ก้าวหน้าในตอนนี้คงจะเป็นหมอที่ทำแท้งให้คงจื่ออินหลังจากที่เธอตกบันได!หลังจากที่คงจื่ออินออกจากโรงพยาบาลและโจวเชียนหยุนติดคุก หมอคนนั้
เมื่อหลิงอี้หรานวิเคราะห์สถานการณ์เสร็จ เธอก็พบว่าอี้จิ่นหลีกำลังมองมาที่เธอไม่วางตา“มอง... มองอะไรคะ?” เธอถาม“ฉันแค่คิดว่าเธอสวยดีนะ” เขาพูดหัวใจของเธอเต้นเร็วอีกครั้ง ‘เขาเป็นคนปากหวานแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? เขาต่างหากที่เป็นคนสวย'“ว่าแต่ มีข่าวคราวจากไป๋ทิงซินไหมคะ?” หลิงอี้หรานถามหลังจากที่สงบสติอารมณ์ตัวเองลง เหลียนอีกำลังจะได้รับการผ่าตัดครั้งที่สองในอีกสองวัน หมอยังบอกอีกด้วยว่า เหลียนอีน่าจะฟื้นขึ้นมาถ้าทุกอย่างหลังการผ่าตัดผ่านไปด้วยดีเหลียนอีจะรู้สึกแย่แค่ไหนถ้าเธอตื่นขึ้นมาและรู้ว่าไป๋ทิงซินยังคงหายตัวไปอี้จิ่นหลีพูดว่า “ยังเลย ตระกูลไป๋ไม่ยอมให้ใครพูดถึงไป๋ทิงซิน พวกเขาปิดกั้นข่าวเรื่องเขา และประกาศให้รู้เพียงว่าเขาหายตัวไปเท่านั้น เรื่องในบ้านตระกูลไป๋เลยอยู่ในมือของภรรยาใหญ่ตระกูลไป๋ชั่วคราว ทั้งคนของไป๋ทิงซินก็ถูกปลดออกทั้งหมด”ความกังวลปรากฏบนใบหน้าของหลิงอี้หรานเมื่อได้ยินอย่างนั้น “เป็นไปได้ไหมว่าไป๋ทิงซิน...”อี้จิ่นหลีกล่าวว่า “เขาน่าจะยังมีชีวิตอยู่ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับไป๋ทิงซินจริง ภรรยาใหญ่บ้านไป๋คงจะประกาศออกมาหมดแล้ว เพราะแบบนั้นพวกเขาก็สามารถยึดต
“เกิดอะไรขึ้น? ฉันพูดอะไรผิดเหรอ?” เขาถาม“นี่คุณเรียกแม่ฉันว่า... แม่เหรอ?” เธอพึมพำถาม“เราแต่งงานกันแล้ว แม่เธอก็คือแม่ฉัน ผิดตรงไหนถ้าฉันเรียกท่านว่าแม่?” เขาถามอย่างนึกสนุกมันก็... ไม่มีอะไรผิดหรอก แต่เธอคิดว่า คำว่า ‘แม่’ เป็นคำต้องห้ามสำหรับเขาเพราะแม่ของเขาทำให้เขาต้องเจ็บปวดเมื่อเห็นดวงตาที่เบิกกว้างอย่างตกใจและสงสัยของหลิงอี้หราน อี้จิ่นหลีก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ เขาโน้มตัวลงไปกอดหลิงอี้หรานไว้และพูดว่า “ฉันเคยโดนแม่ทิ้ง ดังนั้นคำว่า ‘แม่’ เลยเป็นคำที่ฉันเกลียดมาตลอด ฉันคิดว่าคงจะไม่มีโอกาสเรียกใครว่า ‘แม่’ อีกแล้ว แต่อี้หราน... เป็นเธอที่ทำให้ฉันเห็นว่า ‘แม่’ ยังคงเป็นคำที่อบอุ่นอยู่”เขาหลับตาลงพิงศีรษะบนไหล่เธอ และบอกเธอในสิ่งที่เขาไม่เคยบอกใคร “เหมือนที่เธอเป็นแม่ที่ดี และแม่ของเธอเองก็เป็นแม่ที่ดีเหมือนกัน เธอเลยคิดถึงท่านมาก ท่านเป็นคนที่ให้กำเนิดเธอ ฉันจึงรู้สึกขอบคุณท่านมาก ถ้าไม่มีท่าน ฉันคงไม่ได้เจอเธอ และคงไม่มีวันรู้การรักใครสักคนมันรู้สึกยังไง!”หลิงอี้หรานรู้สึกได้เพียงว่าลมหายใจของเขาโอบล้อมเธอไว้ และดูเหมือนเธอจะไม่เคยใกล้ชิดเขาขนาดนี้มาก่อน ใกล้ชิดกันเ
ในทันใดนั้นเองดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เปลี่ยนเป็นสีแดง นี่เขาประหม่าเกินไปหรือเปล่า หรือเขาคาดหวังมากเกินไปจนตัวสั่น? ริมฝีปากของเขาเองก็สั่นเทาด้วยเช่นกัน“เธอรักฉัน... จริงเหรอ?” เขาพึมพำเสียงสั่น หลิงอี้หรานกล่าวว่า “ค่ะ จะไม่จริงได้ยังไง? จิน ฉันรักคุณ ฉันคิดว่าคงใช้เวลานานกว่าจะรักคุณอีกครั้ง แต่... ความรักดูเหมือนจะไม่เกี่ยวกับเวลาเลย”ไม่ได้มีเหตุการณ์โลกแตก หรือโอกาสพิเศษอะไร เธอแค่ยืนยันความรู้สึกที่มีต่อเขาเท่านั้นน่าจะเพราะว่าเธอรักเขาในทันใดนั้นอี้จิ่นหลีก็กอดหลิงอี้หรานไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง “เธอบอกว่ารักฉัน เธอจะกลับคำไม่ได้แล้วนะ!”“ค่ะ ฉันไม่กลับคำหรอก” เธอกล่าว และได้ยินเสียงสะอื้นในคอของเขา “จิน คุณร้องไห้เหรอคะ?”เขาไม่ได้ตอบ แต่กลับฝังหน้าลงไปในหัวไหล่ของเธอ สูดดมกลิ่นเธอราวกับจะประทับทุกอย่างเกี่ยวกับเธอลงไปในหัวใจของเขาหลิงอี้หรานรู้สึกได้เพียงความเปียกชื้นบนไหล่ของเธอ ...เมื่อหลิงอี้หรานและอี้จิ่นหลีค่อย ๆ เดินออกมาจากสุสาน เกาฉงหมิงซึ่งรออยู่ข้างนอกก็ต้องแปลกใจเพราะเห็นเจ้านายของเขาตาแดง ๆ ในทางกลับกันหลิงอี้หรานดูเหมือนจะมีชีวิตชีวาขณะที่มีรอยยิ้มจา
อี้จิ่นหลีมีความสุขกับการลูบเบา ๆ ของหลิงอี้หราน หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็พูดว่า “เอาล่ะ ขึ้นรถกันเถอะ” พูดจบเขาก็เหลือบมองเกาฉงหมิงซึ่งยังคงอ้าปากค้างอยู่ในหางตาของเขาเกาฉงหมิงตัวสั่นก่อนจะกลับมามีสติรับรู้และรีบก้มหน้าลง‘ให้ตาย เมื่อกี้ฉันเห็นอะไรที่ไม่ควรไปหรือเปล่า? นายน้อยจะฆ่าฉันเพื่อปกปิดความลับนี้ไหมเนี่ย?’หลังจากขึ้นรถและรถเคลื่อนตัวไปครู่หนึ่ง มือถือของเกาฉงหมิงก็ดังขึ้น หลังจากรับโทรศัพท์ไปพักหนึ่ง เกาฉงหมิงก็หันไปหาอี้จิ่นหลีซึ่งนั่งอยู่เบาะหลังและรายงานว่า “นายน้อยอี้ ไป๋ทิงซินปรากฏตัวขึ้นแล้วครับ!”หลิงอี้หรานอุทานว่า “อะไรนะ? ไป๋ทิงซินอยู่ที่ไหน?”“ที่บ้านตระกูลเกาในเมืองเจครับ ไป๋ทิงซินปรากฏตัวขึ้นอย่างลับ ๆ ตำรวจยังไม่รู้เรื่องนี้ และตระกูลไป๋เองก็น่าจะยังไม่รู้ด้วยเช่นกัน” เกาฉงหมิงพูดหลิงอี้หรานตะลึงไปอีกครั้ง ‘ตระกูลเกาเหรอ?’“ตระกูลเกาของเกาจิ้งหรงนะเหรอ?” เธอรีบร้อนถามขึ้น ไม่ว่าอย่างไรครั้งหนึ่งเกาจิ้งหรงเคยมาหาเหลียนอีเพื่อแสดงออกว่าใครเหนือกว่า และยังเคยกล่าวว่าเธอเป็นคู่หมั้นที่ตระกูลไป๋เตรียมไว้ให้ไป๋ทิงซินด้วยหลังจากนั้นเธอและเหลียนอีก็เกือบประส