“พ่อกับแม่จะมอบบ้านอันอบอุ่นให้กับพวกหนูเอง!” หลิงอี้หรานก้มหน้าพูดกับท้องของตัวเองเสียงอ่อนโยนเธอไม่รู้ว่าลูกในท้องของเธอจะมีเพศอะไรหรือหน้าตาของพวกเขาจะเป็นอย่างไรแต่เธอก็จะดูแลให้ทั้งสามคนออกมาอย่างปลอดภัยแข็งแรง!สองสามวันหลังจากนั้น หลิงอี้หรานก็จดจ่ออยู่กับคดีฟ้องสิทธิ์ในการเลี้ยงดูบุตรของโจวเชียนหยุน อี้จิ่นหลีเองก็หาทนายที่เชี่ยวชาญในด้านนี้มาให้เธอ พวกเขาได้จัดการคดีฟ้องสิทธิ์เลี้ยงดูบุตรบ่อย ๆ และมีโอกาสชนะสูงหลิงอี้หรานเองก็คุยเรื่องคดีความกับพวกเขาหลายต่อหลายครั้ง แม้ว่าจะเป็นทนายความที่มากประสบการณ์ แต่พวกเขาก็มีความมั่นใจเพียง 20 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น หรือกล่าวคือพวกเขามีโอกาสแพ้คดีนี้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์“ไม่มีทางอื่นทำให้โอกาสชนะสูงขึ้นเลยเหรอคะ?” หลิงอี้หรานถาม“เว้นแต่ว่าเราจะสามารถพิสูจน์ได้ว่าคดีของเธอมีการตัดสินผิดพลาด” พวกเขาพูดหลิงอี้หรานเองก็รู้ปัญหาหลัก ๆ นี้ดี เธอจึงพูดว่า “ได้ค่ะ ฉันขอคิดอะไรหน่อย”บางทีเบาะแสเดียวที่ก้าวหน้าในตอนนี้คงจะเป็นหมอที่ทำแท้งให้คงจื่ออินหลังจากที่เธอตกบันได!หลังจากที่คงจื่ออินออกจากโรงพยาบาลและโจวเชียนหยุนติดคุก หมอคนนั้
เมื่อหลิงอี้หรานวิเคราะห์สถานการณ์เสร็จ เธอก็พบว่าอี้จิ่นหลีกำลังมองมาที่เธอไม่วางตา“มอง... มองอะไรคะ?” เธอถาม“ฉันแค่คิดว่าเธอสวยดีนะ” เขาพูดหัวใจของเธอเต้นเร็วอีกครั้ง ‘เขาเป็นคนปากหวานแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? เขาต่างหากที่เป็นคนสวย'“ว่าแต่ มีข่าวคราวจากไป๋ทิงซินไหมคะ?” หลิงอี้หรานถามหลังจากที่สงบสติอารมณ์ตัวเองลง เหลียนอีกำลังจะได้รับการผ่าตัดครั้งที่สองในอีกสองวัน หมอยังบอกอีกด้วยว่า เหลียนอีน่าจะฟื้นขึ้นมาถ้าทุกอย่างหลังการผ่าตัดผ่านไปด้วยดีเหลียนอีจะรู้สึกแย่แค่ไหนถ้าเธอตื่นขึ้นมาและรู้ว่าไป๋ทิงซินยังคงหายตัวไปอี้จิ่นหลีพูดว่า “ยังเลย ตระกูลไป๋ไม่ยอมให้ใครพูดถึงไป๋ทิงซิน พวกเขาปิดกั้นข่าวเรื่องเขา และประกาศให้รู้เพียงว่าเขาหายตัวไปเท่านั้น เรื่องในบ้านตระกูลไป๋เลยอยู่ในมือของภรรยาใหญ่ตระกูลไป๋ชั่วคราว ทั้งคนของไป๋ทิงซินก็ถูกปลดออกทั้งหมด”ความกังวลปรากฏบนใบหน้าของหลิงอี้หรานเมื่อได้ยินอย่างนั้น “เป็นไปได้ไหมว่าไป๋ทิงซิน...”อี้จิ่นหลีกล่าวว่า “เขาน่าจะยังมีชีวิตอยู่ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับไป๋ทิงซินจริง ภรรยาใหญ่บ้านไป๋คงจะประกาศออกมาหมดแล้ว เพราะแบบนั้นพวกเขาก็สามารถยึดต
“เกิดอะไรขึ้น? ฉันพูดอะไรผิดเหรอ?” เขาถาม“นี่คุณเรียกแม่ฉันว่า... แม่เหรอ?” เธอพึมพำถาม“เราแต่งงานกันแล้ว แม่เธอก็คือแม่ฉัน ผิดตรงไหนถ้าฉันเรียกท่านว่าแม่?” เขาถามอย่างนึกสนุกมันก็... ไม่มีอะไรผิดหรอก แต่เธอคิดว่า คำว่า ‘แม่’ เป็นคำต้องห้ามสำหรับเขาเพราะแม่ของเขาทำให้เขาต้องเจ็บปวดเมื่อเห็นดวงตาที่เบิกกว้างอย่างตกใจและสงสัยของหลิงอี้หราน อี้จิ่นหลีก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ เขาโน้มตัวลงไปกอดหลิงอี้หรานไว้และพูดว่า “ฉันเคยโดนแม่ทิ้ง ดังนั้นคำว่า ‘แม่’ เลยเป็นคำที่ฉันเกลียดมาตลอด ฉันคิดว่าคงจะไม่มีโอกาสเรียกใครว่า ‘แม่’ อีกแล้ว แต่อี้หราน... เป็นเธอที่ทำให้ฉันเห็นว่า ‘แม่’ ยังคงเป็นคำที่อบอุ่นอยู่”เขาหลับตาลงพิงศีรษะบนไหล่เธอ และบอกเธอในสิ่งที่เขาไม่เคยบอกใคร “เหมือนที่เธอเป็นแม่ที่ดี และแม่ของเธอเองก็เป็นแม่ที่ดีเหมือนกัน เธอเลยคิดถึงท่านมาก ท่านเป็นคนที่ให้กำเนิดเธอ ฉันจึงรู้สึกขอบคุณท่านมาก ถ้าไม่มีท่าน ฉันคงไม่ได้เจอเธอ และคงไม่มีวันรู้การรักใครสักคนมันรู้สึกยังไง!”หลิงอี้หรานรู้สึกได้เพียงว่าลมหายใจของเขาโอบล้อมเธอไว้ และดูเหมือนเธอจะไม่เคยใกล้ชิดเขาขนาดนี้มาก่อน ใกล้ชิดกันเ
ในทันใดนั้นเองดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เปลี่ยนเป็นสีแดง นี่เขาประหม่าเกินไปหรือเปล่า หรือเขาคาดหวังมากเกินไปจนตัวสั่น? ริมฝีปากของเขาเองก็สั่นเทาด้วยเช่นกัน“เธอรักฉัน... จริงเหรอ?” เขาพึมพำเสียงสั่น หลิงอี้หรานกล่าวว่า “ค่ะ จะไม่จริงได้ยังไง? จิน ฉันรักคุณ ฉันคิดว่าคงใช้เวลานานกว่าจะรักคุณอีกครั้ง แต่... ความรักดูเหมือนจะไม่เกี่ยวกับเวลาเลย”ไม่ได้มีเหตุการณ์โลกแตก หรือโอกาสพิเศษอะไร เธอแค่ยืนยันความรู้สึกที่มีต่อเขาเท่านั้นน่าจะเพราะว่าเธอรักเขาในทันใดนั้นอี้จิ่นหลีก็กอดหลิงอี้หรานไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง “เธอบอกว่ารักฉัน เธอจะกลับคำไม่ได้แล้วนะ!”“ค่ะ ฉันไม่กลับคำหรอก” เธอกล่าว และได้ยินเสียงสะอื้นในคอของเขา “จิน คุณร้องไห้เหรอคะ?”เขาไม่ได้ตอบ แต่กลับฝังหน้าลงไปในหัวไหล่ของเธอ สูดดมกลิ่นเธอราวกับจะประทับทุกอย่างเกี่ยวกับเธอลงไปในหัวใจของเขาหลิงอี้หรานรู้สึกได้เพียงความเปียกชื้นบนไหล่ของเธอ ...เมื่อหลิงอี้หรานและอี้จิ่นหลีค่อย ๆ เดินออกมาจากสุสาน เกาฉงหมิงซึ่งรออยู่ข้างนอกก็ต้องแปลกใจเพราะเห็นเจ้านายของเขาตาแดง ๆ ในทางกลับกันหลิงอี้หรานดูเหมือนจะมีชีวิตชีวาขณะที่มีรอยยิ้มจา
อี้จิ่นหลีมีความสุขกับการลูบเบา ๆ ของหลิงอี้หราน หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็พูดว่า “เอาล่ะ ขึ้นรถกันเถอะ” พูดจบเขาก็เหลือบมองเกาฉงหมิงซึ่งยังคงอ้าปากค้างอยู่ในหางตาของเขาเกาฉงหมิงตัวสั่นก่อนจะกลับมามีสติรับรู้และรีบก้มหน้าลง‘ให้ตาย เมื่อกี้ฉันเห็นอะไรที่ไม่ควรไปหรือเปล่า? นายน้อยจะฆ่าฉันเพื่อปกปิดความลับนี้ไหมเนี่ย?’หลังจากขึ้นรถและรถเคลื่อนตัวไปครู่หนึ่ง มือถือของเกาฉงหมิงก็ดังขึ้น หลังจากรับโทรศัพท์ไปพักหนึ่ง เกาฉงหมิงก็หันไปหาอี้จิ่นหลีซึ่งนั่งอยู่เบาะหลังและรายงานว่า “นายน้อยอี้ ไป๋ทิงซินปรากฏตัวขึ้นแล้วครับ!”หลิงอี้หรานอุทานว่า “อะไรนะ? ไป๋ทิงซินอยู่ที่ไหน?”“ที่บ้านตระกูลเกาในเมืองเจครับ ไป๋ทิงซินปรากฏตัวขึ้นอย่างลับ ๆ ตำรวจยังไม่รู้เรื่องนี้ และตระกูลไป๋เองก็น่าจะยังไม่รู้ด้วยเช่นกัน” เกาฉงหมิงพูดหลิงอี้หรานตะลึงไปอีกครั้ง ‘ตระกูลเกาเหรอ?’“ตระกูลเกาของเกาจิ้งหรงนะเหรอ?” เธอรีบร้อนถามขึ้น ไม่ว่าอย่างไรครั้งหนึ่งเกาจิ้งหรงเคยมาหาเหลียนอีเพื่อแสดงออกว่าใครเหนือกว่า และยังเคยกล่าวว่าเธอเป็นคู่หมั้นที่ตระกูลไป๋เตรียมไว้ให้ไป๋ทิงซินด้วยหลังจากนั้นเธอและเหลียนอีก็เกือบประส
“ฉันสนใจคุณมากสิคะ ก็คุณเป็น... สามีฉัน พ่อของลูก ๆ ฉัน ฉันจะไม่สนใจคุณได้ยังไง?”“เธอไม่สนใจฉันสินะ ถ้าฉันไม่ใช่พ่อพวกเขาน่ะ?” เขาถามเธอรู้สึกไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ‘นี่เขาอิจฉากระทั่งพวกเด็ก ๆ ด้วยเหรอ?’“แน่นอนว่า... ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย!” เธอพูดแทบจะในทันที ขนาดคนโง่ก็ยังรู้เลยว่าควรพูดอะไรถึงอย่างนั้น... เขาก็เป็นคนที่เธอรัก และเพราะเธอรักเขา เธอจึงรักลูก ๆ ของพวกเขามากเสียยิ่งกว่าอีก!เธอยกมือขึ้นและลูบหัวเขาอีกครั้งขณะพูดว่า “เอาล่ะ ที่ฉันสนใจเหลียนอีกับพี่โจวก็เพราะตอนนั้นพวกเขาต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ อีกอย่างทั้งสองคนก็ช่วยฉันมามาก โดยเฉพาะเหลียนอี... ถ้าไม่ได้เธอ ฉันคงไม่มีโอกาสได้เจอคุณเลย”‘ฉันคงตายไปในคุกที่หนาวเหน็บนั้นแล้ว’อี้จิ่นหลีดูเหมือนจะคิดบางอย่างแล้วดวงตาของเขาก็เป็นประกาย “ฉันรู้ว่าชินเหลียนอีเป็นเหมือนเชือกชูชีพของเธอ ฉันเลยช่วยโดยไม่มีข้อแม้ แต่เหลียนอีมีความสำคัญมากกว่าฉันงั้นเหรอ?”หลิงอี้หรานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “นี่มันเทียบกันได้ที่ไหน ความรู้สึกที่ฉันมีให้คุณไม่เหมือนกันสักหน่อย!”“แล้วถ้าต้องเทียบกันล่ะ?” เขาถามหลิงอี้หรานลั
ถึงอย่างนั้นในขณะที่ทานอยู่ จู่ ๆ เธอก็รู้สึกอยากอาเจียนอีกครั้ง ดังนั้นเธอจึงทำท่าบอกใบ้และรีบออกไปจากห้องส่วนตัว เธอรีบเดินไปห้องน้ำซึ่งอยู่ตรงสุดทางเดินบอดี้การ์ดหญิงซึ่งยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกห้องส่วนตัวรีบตามเธอไปทันทีจากนั้นอี้จิ่นหลีก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเกาฉงหมิงซึ่งทานข้าวอยู่กับคนขับรถในส่วนรับประทานอาหารของลูกค้าทั่วไปด้านนอก “ก่อนหน้านี้ที่นายไม่ได้พูดในรถคืออะไร?”เกาฉงหมิงประหลาดใจ เขาไม่คิดเลยว่านายน้อยอี้จะสังเกตเห็นก่อนหน้านี้นายหญิงอยู่ในรถ เขาเลยไม่ได้พูดบางอย่างออกไป“พวกเขาบอกว่าไป๋ทิงซินและทายาทคนให่ของตระกูลเกาดูเหมือนจะใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลเกาดูเหมือนจะแอบทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ น่าจะเป็นการช่วยไป๋ทิงซินทวงคืนอำนาจครับ”อี้จิ่นหลีครุ่นคิดตามไป ‘ไป๋ทิงซินกับทายาทตัวจริงคนใหม่ของตระกูลเกางั้นเหรอ?’“อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับอี้หราน เดี๋ยวเธอจะตื่นตระหนกและคิดอะไรไปต่าง ๆ นานา รอจนกว่าเราจะแน่ใจเสียก่อน ไปตรวจดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับไป๋ทิงซินและคนที่มาจากตระกูลเกาคนนั้นก่อนก็แล้วกัน” อี้จิ่นหลีกล่าว“รับทราบครับ” เกาฉงหมิงตอบในขณะเดียวกันนั้นเองใ
‘เมื่อกี้อะไรเข้าสิงฉัน? ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะเหม่อไปแค่มองหลิงอี้หรานน่ะ!’ในตอนนั้นเองที่หลิงอี้หรานพูดว่า “ขอโทษที ฉันเข้าผิดห้อง” เธอกำลังจะปิดประตูห้องและออกไปขณะพูด แต่ใครบางคนได้ลุกออกมาจากที่นั่งของเขาแล้วเขามองเธออย่างเหยียดหยามและพูดว่า “นี่ เข้าห้องผิดจริงเหรอ หรือเพราะเธอรู้ว่านายน้อยเซียวอยู่ที่นี่เลยหาโอกาสเข้ามากันแน่? หลิงอี้หราน ฉันได้ยินมานะว่าเธอออกมาจากคุกแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาตามนายน้อยเซียวต้อย ๆ อย่างคนสิ้นหวังแบบนี้!”คนที่เหลือหัวเราะเมื่อได้ยินอย่างนั้น“นี่เธอไม่ได้ส่องกระจกดูตัวเองหน่อยเหรอ? เธอเป็นอดีตนักโทษนะ กล้ามาเสนอหน้าให้จื่อฉีเห็นได้ไง?”“ใช่ไหม? ตอนนี้จื่อฉีกับอี้เหมิงหมั้นกันแล้ว และอีกไม่นานก็จะแต่งงานกัน ทำไมเธอถึงหน้าด้านขนาดนี้กันนะ?”“นี่ ๆ หลิงอี้หราน ตอนนั้นเธอฆ่าพี่สาวของอี้เหมิง แล้วไง? ตอนนี้เธออยากจะทำลายชีวิตแต่งงานของอี้เหมิงด้วยการเป็นเมียน้อยเหรอ? แต่นะ จื่อฉีก็คงไม่สนเธอใจหรอก ถึงเธอจะแก้ผ้าให้เขาดูก็เถอะ!”หลิงอี้หรานมองคนข้างหน้าเธออย่างเย็นชา เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครในพวกเขาที่ได้รับการบอกข้อมูลว่าคดีของเธอได้รับ