“พ่อกับแม่จะมอบบ้านอันอบอุ่นให้กับพวกหนูเอง!” หลิงอี้หรานก้มหน้าพูดกับท้องของตัวเองเสียงอ่อนโยนเธอไม่รู้ว่าลูกในท้องของเธอจะมีเพศอะไรหรือหน้าตาของพวกเขาจะเป็นอย่างไรแต่เธอก็จะดูแลให้ทั้งสามคนออกมาอย่างปลอดภัยแข็งแรง!สองสามวันหลังจากนั้น หลิงอี้หรานก็จดจ่ออยู่กับคดีฟ้องสิทธิ์ในการเลี้ยงดูบุตรของโจวเชียนหยุน อี้จิ่นหลีเองก็หาทนายที่เชี่ยวชาญในด้านนี้มาให้เธอ พวกเขาได้จัดการคดีฟ้องสิทธิ์เลี้ยงดูบุตรบ่อย ๆ และมีโอกาสชนะสูงหลิงอี้หรานเองก็คุยเรื่องคดีความกับพวกเขาหลายต่อหลายครั้ง แม้ว่าจะเป็นทนายความที่มากประสบการณ์ แต่พวกเขาก็มีความมั่นใจเพียง 20 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น หรือกล่าวคือพวกเขามีโอกาสแพ้คดีนี้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์“ไม่มีทางอื่นทำให้โอกาสชนะสูงขึ้นเลยเหรอคะ?” หลิงอี้หรานถาม“เว้นแต่ว่าเราจะสามารถพิสูจน์ได้ว่าคดีของเธอมีการตัดสินผิดพลาด” พวกเขาพูดหลิงอี้หรานเองก็รู้ปัญหาหลัก ๆ นี้ดี เธอจึงพูดว่า “ได้ค่ะ ฉันขอคิดอะไรหน่อย”บางทีเบาะแสเดียวที่ก้าวหน้าในตอนนี้คงจะเป็นหมอที่ทำแท้งให้คงจื่ออินหลังจากที่เธอตกบันได!หลังจากที่คงจื่ออินออกจากโรงพยาบาลและโจวเชียนหยุนติดคุก หมอคนนั้
เมื่อหลิงอี้หรานวิเคราะห์สถานการณ์เสร็จ เธอก็พบว่าอี้จิ่นหลีกำลังมองมาที่เธอไม่วางตา“มอง... มองอะไรคะ?” เธอถาม“ฉันแค่คิดว่าเธอสวยดีนะ” เขาพูดหัวใจของเธอเต้นเร็วอีกครั้ง ‘เขาเป็นคนปากหวานแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? เขาต่างหากที่เป็นคนสวย'“ว่าแต่ มีข่าวคราวจากไป๋ทิงซินไหมคะ?” หลิงอี้หรานถามหลังจากที่สงบสติอารมณ์ตัวเองลง เหลียนอีกำลังจะได้รับการผ่าตัดครั้งที่สองในอีกสองวัน หมอยังบอกอีกด้วยว่า เหลียนอีน่าจะฟื้นขึ้นมาถ้าทุกอย่างหลังการผ่าตัดผ่านไปด้วยดีเหลียนอีจะรู้สึกแย่แค่ไหนถ้าเธอตื่นขึ้นมาและรู้ว่าไป๋ทิงซินยังคงหายตัวไปอี้จิ่นหลีพูดว่า “ยังเลย ตระกูลไป๋ไม่ยอมให้ใครพูดถึงไป๋ทิงซิน พวกเขาปิดกั้นข่าวเรื่องเขา และประกาศให้รู้เพียงว่าเขาหายตัวไปเท่านั้น เรื่องในบ้านตระกูลไป๋เลยอยู่ในมือของภรรยาใหญ่ตระกูลไป๋ชั่วคราว ทั้งคนของไป๋ทิงซินก็ถูกปลดออกทั้งหมด”ความกังวลปรากฏบนใบหน้าของหลิงอี้หรานเมื่อได้ยินอย่างนั้น “เป็นไปได้ไหมว่าไป๋ทิงซิน...”อี้จิ่นหลีกล่าวว่า “เขาน่าจะยังมีชีวิตอยู่ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับไป๋ทิงซินจริง ภรรยาใหญ่บ้านไป๋คงจะประกาศออกมาหมดแล้ว เพราะแบบนั้นพวกเขาก็สามารถยึดต
“เกิดอะไรขึ้น? ฉันพูดอะไรผิดเหรอ?” เขาถาม“นี่คุณเรียกแม่ฉันว่า... แม่เหรอ?” เธอพึมพำถาม“เราแต่งงานกันแล้ว แม่เธอก็คือแม่ฉัน ผิดตรงไหนถ้าฉันเรียกท่านว่าแม่?” เขาถามอย่างนึกสนุกมันก็... ไม่มีอะไรผิดหรอก แต่เธอคิดว่า คำว่า ‘แม่’ เป็นคำต้องห้ามสำหรับเขาเพราะแม่ของเขาทำให้เขาต้องเจ็บปวดเมื่อเห็นดวงตาที่เบิกกว้างอย่างตกใจและสงสัยของหลิงอี้หราน อี้จิ่นหลีก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ เขาโน้มตัวลงไปกอดหลิงอี้หรานไว้และพูดว่า “ฉันเคยโดนแม่ทิ้ง ดังนั้นคำว่า ‘แม่’ เลยเป็นคำที่ฉันเกลียดมาตลอด ฉันคิดว่าคงจะไม่มีโอกาสเรียกใครว่า ‘แม่’ อีกแล้ว แต่อี้หราน... เป็นเธอที่ทำให้ฉันเห็นว่า ‘แม่’ ยังคงเป็นคำที่อบอุ่นอยู่”เขาหลับตาลงพิงศีรษะบนไหล่เธอ และบอกเธอในสิ่งที่เขาไม่เคยบอกใคร “เหมือนที่เธอเป็นแม่ที่ดี และแม่ของเธอเองก็เป็นแม่ที่ดีเหมือนกัน เธอเลยคิดถึงท่านมาก ท่านเป็นคนที่ให้กำเนิดเธอ ฉันจึงรู้สึกขอบคุณท่านมาก ถ้าไม่มีท่าน ฉันคงไม่ได้เจอเธอ และคงไม่มีวันรู้การรักใครสักคนมันรู้สึกยังไง!”หลิงอี้หรานรู้สึกได้เพียงว่าลมหายใจของเขาโอบล้อมเธอไว้ และดูเหมือนเธอจะไม่เคยใกล้ชิดเขาขนาดนี้มาก่อน ใกล้ชิดกันเ
ในทันใดนั้นเองดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เปลี่ยนเป็นสีแดง นี่เขาประหม่าเกินไปหรือเปล่า หรือเขาคาดหวังมากเกินไปจนตัวสั่น? ริมฝีปากของเขาเองก็สั่นเทาด้วยเช่นกัน“เธอรักฉัน... จริงเหรอ?” เขาพึมพำเสียงสั่น หลิงอี้หรานกล่าวว่า “ค่ะ จะไม่จริงได้ยังไง? จิน ฉันรักคุณ ฉันคิดว่าคงใช้เวลานานกว่าจะรักคุณอีกครั้ง แต่... ความรักดูเหมือนจะไม่เกี่ยวกับเวลาเลย”ไม่ได้มีเหตุการณ์โลกแตก หรือโอกาสพิเศษอะไร เธอแค่ยืนยันความรู้สึกที่มีต่อเขาเท่านั้นน่าจะเพราะว่าเธอรักเขาในทันใดนั้นอี้จิ่นหลีก็กอดหลิงอี้หรานไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง “เธอบอกว่ารักฉัน เธอจะกลับคำไม่ได้แล้วนะ!”“ค่ะ ฉันไม่กลับคำหรอก” เธอกล่าว และได้ยินเสียงสะอื้นในคอของเขา “จิน คุณร้องไห้เหรอคะ?”เขาไม่ได้ตอบ แต่กลับฝังหน้าลงไปในหัวไหล่ของเธอ สูดดมกลิ่นเธอราวกับจะประทับทุกอย่างเกี่ยวกับเธอลงไปในหัวใจของเขาหลิงอี้หรานรู้สึกได้เพียงความเปียกชื้นบนไหล่ของเธอ ...เมื่อหลิงอี้หรานและอี้จิ่นหลีค่อย ๆ เดินออกมาจากสุสาน เกาฉงหมิงซึ่งรออยู่ข้างนอกก็ต้องแปลกใจเพราะเห็นเจ้านายของเขาตาแดง ๆ ในทางกลับกันหลิงอี้หรานดูเหมือนจะมีชีวิตชีวาขณะที่มีรอยยิ้มจา
อี้จิ่นหลีมีความสุขกับการลูบเบา ๆ ของหลิงอี้หราน หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็พูดว่า “เอาล่ะ ขึ้นรถกันเถอะ” พูดจบเขาก็เหลือบมองเกาฉงหมิงซึ่งยังคงอ้าปากค้างอยู่ในหางตาของเขาเกาฉงหมิงตัวสั่นก่อนจะกลับมามีสติรับรู้และรีบก้มหน้าลง‘ให้ตาย เมื่อกี้ฉันเห็นอะไรที่ไม่ควรไปหรือเปล่า? นายน้อยจะฆ่าฉันเพื่อปกปิดความลับนี้ไหมเนี่ย?’หลังจากขึ้นรถและรถเคลื่อนตัวไปครู่หนึ่ง มือถือของเกาฉงหมิงก็ดังขึ้น หลังจากรับโทรศัพท์ไปพักหนึ่ง เกาฉงหมิงก็หันไปหาอี้จิ่นหลีซึ่งนั่งอยู่เบาะหลังและรายงานว่า “นายน้อยอี้ ไป๋ทิงซินปรากฏตัวขึ้นแล้วครับ!”หลิงอี้หรานอุทานว่า “อะไรนะ? ไป๋ทิงซินอยู่ที่ไหน?”“ที่บ้านตระกูลเกาในเมืองเจครับ ไป๋ทิงซินปรากฏตัวขึ้นอย่างลับ ๆ ตำรวจยังไม่รู้เรื่องนี้ และตระกูลไป๋เองก็น่าจะยังไม่รู้ด้วยเช่นกัน” เกาฉงหมิงพูดหลิงอี้หรานตะลึงไปอีกครั้ง ‘ตระกูลเกาเหรอ?’“ตระกูลเกาของเกาจิ้งหรงนะเหรอ?” เธอรีบร้อนถามขึ้น ไม่ว่าอย่างไรครั้งหนึ่งเกาจิ้งหรงเคยมาหาเหลียนอีเพื่อแสดงออกว่าใครเหนือกว่า และยังเคยกล่าวว่าเธอเป็นคู่หมั้นที่ตระกูลไป๋เตรียมไว้ให้ไป๋ทิงซินด้วยหลังจากนั้นเธอและเหลียนอีก็เกือบประส
“ฉันสนใจคุณมากสิคะ ก็คุณเป็น... สามีฉัน พ่อของลูก ๆ ฉัน ฉันจะไม่สนใจคุณได้ยังไง?”“เธอไม่สนใจฉันสินะ ถ้าฉันไม่ใช่พ่อพวกเขาน่ะ?” เขาถามเธอรู้สึกไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ‘นี่เขาอิจฉากระทั่งพวกเด็ก ๆ ด้วยเหรอ?’“แน่นอนว่า... ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย!” เธอพูดแทบจะในทันที ขนาดคนโง่ก็ยังรู้เลยว่าควรพูดอะไรถึงอย่างนั้น... เขาก็เป็นคนที่เธอรัก และเพราะเธอรักเขา เธอจึงรักลูก ๆ ของพวกเขามากเสียยิ่งกว่าอีก!เธอยกมือขึ้นและลูบหัวเขาอีกครั้งขณะพูดว่า “เอาล่ะ ที่ฉันสนใจเหลียนอีกับพี่โจวก็เพราะตอนนั้นพวกเขาต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ อีกอย่างทั้งสองคนก็ช่วยฉันมามาก โดยเฉพาะเหลียนอี... ถ้าไม่ได้เธอ ฉันคงไม่มีโอกาสได้เจอคุณเลย”‘ฉันคงตายไปในคุกที่หนาวเหน็บนั้นแล้ว’อี้จิ่นหลีดูเหมือนจะคิดบางอย่างแล้วดวงตาของเขาก็เป็นประกาย “ฉันรู้ว่าชินเหลียนอีเป็นเหมือนเชือกชูชีพของเธอ ฉันเลยช่วยโดยไม่มีข้อแม้ แต่เหลียนอีมีความสำคัญมากกว่าฉันงั้นเหรอ?”หลิงอี้หรานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “นี่มันเทียบกันได้ที่ไหน ความรู้สึกที่ฉันมีให้คุณไม่เหมือนกันสักหน่อย!”“แล้วถ้าต้องเทียบกันล่ะ?” เขาถามหลิงอี้หรานลั
ถึงอย่างนั้นในขณะที่ทานอยู่ จู่ ๆ เธอก็รู้สึกอยากอาเจียนอีกครั้ง ดังนั้นเธอจึงทำท่าบอกใบ้และรีบออกไปจากห้องส่วนตัว เธอรีบเดินไปห้องน้ำซึ่งอยู่ตรงสุดทางเดินบอดี้การ์ดหญิงซึ่งยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกห้องส่วนตัวรีบตามเธอไปทันทีจากนั้นอี้จิ่นหลีก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเกาฉงหมิงซึ่งทานข้าวอยู่กับคนขับรถในส่วนรับประทานอาหารของลูกค้าทั่วไปด้านนอก “ก่อนหน้านี้ที่นายไม่ได้พูดในรถคืออะไร?”เกาฉงหมิงประหลาดใจ เขาไม่คิดเลยว่านายน้อยอี้จะสังเกตเห็นก่อนหน้านี้นายหญิงอยู่ในรถ เขาเลยไม่ได้พูดบางอย่างออกไป“พวกเขาบอกว่าไป๋ทิงซินและทายาทคนให่ของตระกูลเกาดูเหมือนจะใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลเกาดูเหมือนจะแอบทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ น่าจะเป็นการช่วยไป๋ทิงซินทวงคืนอำนาจครับ”อี้จิ่นหลีครุ่นคิดตามไป ‘ไป๋ทิงซินกับทายาทตัวจริงคนใหม่ของตระกูลเกางั้นเหรอ?’“อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับอี้หราน เดี๋ยวเธอจะตื่นตระหนกและคิดอะไรไปต่าง ๆ นานา รอจนกว่าเราจะแน่ใจเสียก่อน ไปตรวจดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับไป๋ทิงซินและคนที่มาจากตระกูลเกาคนนั้นก่อนก็แล้วกัน” อี้จิ่นหลีกล่าว“รับทราบครับ” เกาฉงหมิงตอบในขณะเดียวกันนั้นเองใ
‘เมื่อกี้อะไรเข้าสิงฉัน? ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะเหม่อไปแค่มองหลิงอี้หรานน่ะ!’ในตอนนั้นเองที่หลิงอี้หรานพูดว่า “ขอโทษที ฉันเข้าผิดห้อง” เธอกำลังจะปิดประตูห้องและออกไปขณะพูด แต่ใครบางคนได้ลุกออกมาจากที่นั่งของเขาแล้วเขามองเธออย่างเหยียดหยามและพูดว่า “นี่ เข้าห้องผิดจริงเหรอ หรือเพราะเธอรู้ว่านายน้อยเซียวอยู่ที่นี่เลยหาโอกาสเข้ามากันแน่? หลิงอี้หราน ฉันได้ยินมานะว่าเธอออกมาจากคุกแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาตามนายน้อยเซียวต้อย ๆ อย่างคนสิ้นหวังแบบนี้!”คนที่เหลือหัวเราะเมื่อได้ยินอย่างนั้น“นี่เธอไม่ได้ส่องกระจกดูตัวเองหน่อยเหรอ? เธอเป็นอดีตนักโทษนะ กล้ามาเสนอหน้าให้จื่อฉีเห็นได้ไง?”“ใช่ไหม? ตอนนี้จื่อฉีกับอี้เหมิงหมั้นกันแล้ว และอีกไม่นานก็จะแต่งงานกัน ทำไมเธอถึงหน้าด้านขนาดนี้กันนะ?”“นี่ ๆ หลิงอี้หราน ตอนนั้นเธอฆ่าพี่สาวของอี้เหมิง แล้วไง? ตอนนี้เธออยากจะทำลายชีวิตแต่งงานของอี้เหมิงด้วยการเป็นเมียน้อยเหรอ? แต่นะ จื่อฉีก็คงไม่สนเธอใจหรอก ถึงเธอจะแก้ผ้าให้เขาดูก็เถอะ!”หลิงอี้หรานมองคนข้างหน้าเธออย่างเย็นชา เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครในพวกเขาที่ได้รับการบอกข้อมูลว่าคดีของเธอได้รับ
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค