โจวเชียนหยุนกอดลูกชายไว้พลางพูดว่า “รู้อะไรไหม? ลูกสำคัญที่สุดสำหรับแม่ แม่ไม่สนใจว่าคนอื่นจะพูดถึงแม่ยังไง แม่จะเสียใจถ้าลูกต้องเจ็บ”เจ้าตัวเล็กพยักหน้าด้วยความแน่วแน่ในดวงตา “ผมจะไม่ทำให้แม่เสียใจอีกครับ!”โจวเชียนหยุนยิ้มอย่างอ่อนโยนและลูบใบหน้านุ่มนิ่มของลูกชาย ความสัมพันธ์ระหว่างคู่แม่กับลูกชายทำให้คนอื่น ๆ รู้สึกอบอุ่น เย่เหวินหมิงตกอยู่ในภวังค์ความคิดเมื่อเห็นสิ่งนี้เขาไม่เคยคิดถึงเธอในบทบาทการเป็นแม่มาก่อน แต่ตอนนี้เขากำลังเห็นเธอเล่นบทบาทแม่ต่อหน้าต่อตาตัวเองความคิดของเขาย้อนนึกถึงตอนที่เธอพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนที่เรามีลูกกัน คุณน่าจะเป็นพ่อที่เข้มงวดแน่เลย”“แล้วคุณล่ะ?” เขาถาม“ฉันเหรอ? คงจะเป็นแม่ที่น่ารัก”“คุณเคยได้ยินไหมว่าแม่ที่น่ารักจะเลี้ยงลูกไม่ได้เรื่อง?”“แม่น่ารัก ๆ แบบฉันจะเป็นแม่ที่ดีค่ะ ฉันจะเลี้ยงลูกให้ดี!”เขาไม่รู้ว่าเธอสอนลูกอย่างไร แต่อย่างน้อยเขารู้ว่าเธอเป็นแม่ที่ดีของลูกในทันใดนั้นโจวเชียนหยุนก็ขมวดคิ้วและสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป จากนั้นเธอก็พูดกับเจ้าตัวน้อยว่า “อาหยันน้อย คุยกับพ่อไปก่อนนะลูก แม่ไปเข้าห้องน้ำก่อน”พูดจบโจวเชียนหยุนก็หม
เขาเหม่อมองไปยังร่างสูงและร่างเล็กซึ่งเดินกุมมือกันไปโดยไม่รู้ตัว เขาไม่ได้กลับไปโดยทันที และยังค่อย ๆ หลับตาพิงเบาะนั่งอย่างหนักอึ้งหลังจากที่ทั้งสองหายไปจากสายตาของเขา‘ฉันเป็นอะไรไป?’ เขารู้สึกว่าหัวใจของตัวเองอบอุ่นเมื่อมองภาพของโจวเชียนหยุนกับอาหยันน้อยอยู่ด้วยกัน นี่เขาคิดว่าโจวเชียนหยุนเป็นแม่ที่ดีอย่างนั้นเหรอ? เขายังลังเลเล็กน้อยเมื่อคิดว่าจะต้องสู้กันเรื่องสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูกแม้โจวเชียนหยุนจะเป็นแม่ที่ดีของอาหยันน้อย แต่ลูกชายของเขาต้องไม่โดนเลี้ยงด้วยคนบ้านโจว!ทั้งหมดนี่เป็นเพราะโจวเชียนหยุนมีพ่อเป็นคนแบบนั้น! ทำไมพ่อของเธอต้องกดดันตระกูลเย่และเกือบทำลายครอบครัวของพวกเขาลงด้วย?เวลาผ่านไปไม่รู้นานเท่าไหร่ เย่เหวินหมิงก็เห็นโจวเชียนหยุนขี่รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างร้านอาหารของเธอออกมาจากหมู่บ้าน ร่างผอมบางของเธอขี่รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าธรรมดา ๆ ที่ดูเหมือนเธอจะปลิวไปหากมีลมพัดมาในตอนนั้นเองที่รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าหยุดลง โจวเชียนหยุนก้มหน้าลงและกุมส่วนบนของช่องท้องด้วยร่างกายที่สั่นเล็กน้อยเย่เหวินหมิงขมวดคิ้วเปิดประตูรถและรีบเดินไปยังรถพ่วงข้าง จากนั้นเขาก็เห็นใบหน้าของโจวเช
อี้จิ่นหลีจ้องมองนิ้วมือของหลิงอี้หราน “แน่ใจนะว่าไม่เจ็บเท่าไหร่?”“คุณคิดว่าฉันเจ็บมากแค่ไหนเหรอคะ?” หลิงอี้หรานยิ้มบาง ๆ “คุณก็รู้ว่าข้อนิ้วของฉันมันก็ปวดอย่างนี้แหละค่ะเวลาที่เย็นหรืออากาศชื้น ฉันจะไปหาหมอซูให้เขาดูให้พรุ่งนี้”พูดเรื่องนี้แล้ว หมอซูเคยบอกให้เธอไปรับการรักษาสัปดาห์ละครั้ง แต่เพราะมีหลายเรื่องเกิดขึ้นทั้งเธอยังตั้งท้องด้วยทำให้เธอไม่ได้ไปหาเขาเลยเธอสงสัยว่าถ้าไปหาหมอซูคราวนี้ เธอคงจะโดนโกรธแน่เลย“งั้นพรุ่งนี้ฉันจะไปกับเธอ” เขาพูด“ขอบคุณนะคะ แต่ไม่เป็นไร คุณมีงานต้องทำ ฉันไปเองได้ค่ะ” เธอกล่าว“ฉันจะไปกับเธอ” เขาพูดเมื่อได้ยินอย่างนั้นหลิงอี้กรานก็เลิกปฏิเสธ เธอกำลังจะทานต่อในตอนที่จู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นมาว่า “ให้ฉันป้อนสิ”“ป้อนเหรอคะ?” เธอตะลึงไปเล็กน้อย“เธอเจ็บมือไม่ใช่หรือไง? เธอถือตะเกียบไม่สะดวก ให้ฉันป้อนดีกว่า” เขาพูดเป็นเรื่องจริงที่เธอปวดนิดหน่อย แต่มันไม่ได้รุนแรงมากจนใช้ตะเกียบหยิบอาหารไม่ได้เสียหน่อยถึงอย่างนั้นเมื่อเห็นอี้จิ่นหลีดึงตะเกียบออกจากมือเธอไป หลิงอี้หรานก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและรับอาหารที่เขาป้อนให้ดังนั้นแล้วชายหนุ่มจึงตั้งอกตั้
“หยุดการรักษาเหรอ?” หมอซูขมวดคิ้วทันที “นี่เธอลืมเรื่องความร้ายแรงของการหยุดรักษากลางคันไปแล้วเหรอ? โชคดีที่เธอไม่ได้หยุดไปนานเลยไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ถ้าเป็นปี...”หลิงอี้หรานกล่าวว่า “ฉันท้องค่ะ ถ้าเรายังทำการรักษาต่อไป มันจะไม่ส่งผลต่อเด็กในท้องเหรอคะ? เพราะอย่างนั้นเราเลยทำได้แค่ต้องหยุดการรักษาไว้ก่อน”สีหน้าของหมอซูชะงักค้าง “อันที่จริงถ้าเธอตั้งท้องเราก็ใช้วิธีการรักษาแบบนั้นไม่ได้ แต่ถ้าเธอหยุดการรักษาไปตอนนี้ อาการที่มือของเธอก็จะยิ่งแย่ลง เธออาจจะไม่สามารถกำมือได้อีก”สีหน้าของอี้จิ่นหลีเปลี่ยนไปทันที “เป็นแบบนั้นไปได้ยังไง?”“อย่างแย่ที่สุดก็คือมือเธออาจพิการ” หมอซูกล่าวเสริมสีหน้าของอี้จิ่นหลีบูดบึ้งกว่าเดิม “เป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? ไม่มีทางอื่นแล้วเหรอ?”หมอซูยิ้มบาง ๆ “ผมอธิบายความเป็นไปได้สำคัญ ๆ ที่อาจเกิดขึ้นก่อนการรักษาให้เธอฟังแล้ว!”หลิงอี้หรานพูดว่า “จะบอกว่า ฉันเลื่อนการรักษาออกไปสักปีไม่ได้ใช่ไหมคะ?”“ไม่ใช่ว่าเธอจะรับการรักษาไม่ได้อีก แต่แค่ความเจ็บที่เกิดขึ้นจะมากกว่าที่เธอเคยเป็น อีกอย่างถ้าอาการของมือเธอแย่ลงจนใช้การไม่ได้แล้วก่อนการรักษา งั้นมันก็รักษ
หลังจากขึ้นรถอี้จิ่นหลีก็หยิบใบสั่งยาจากมือของหลิงอี้หรานไป เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ฉันจะให้คนไปตรวจใบสั่งยาทีหลัง”“คุณกลัวว่ามันจะมีอะไรผิดปกติเหรอคะ?” หลิงอี้หรานถาม“ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีอะไรผิดปกติ แต่มันก็ดีกว่าถ้าเราระวังเอาไว้” อี้จิ่นหลีกล่าว พอเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเธอเขาก็กังวลไปเสียหมดอี้จิ่นหลีจับมือของเหลิงอี้หรานไว้และก้มมองมันพลางพูด นิ้วของเธอเรียวบางเหมือนกับรูปร่างของเธอ แต่เพราะแบบนั้นข้อต่อที่ผิดรูปจึงสามารถมองเห็นได้ชัดเขารู้สึกถึงความเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นมือของเธอเขารู้สึกผิด รู้สึกเสียใจ ทั้งยังรู้สึกอับจนหนทางเขาร่ำรวยมากและสามารถมีทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย ทว่าเขากลับรู้สึกอับจนหนทางเมื่อเป็นเรื่องมือของเธอแม้ว่าเขาจะหาผู้เชี่ยวชาญสาขาที่เกี่ยวข้องหลายต่อหลายคนมาให้กับเธอ แต่พวกเขาก็ลงมติกันว่าทำได้เพียงทุเลาความเจ็บปวดที่มือของเธอลงได้เท่านั้น พวกเขาไม่สามารถทำให้มือของเธอเคลื่อนไหวลื่นไหลเหมือนคนปกติทั่วไปได้ถ้าเธอเลือกที่จะรักษามันในหนึ่งปีหลังจากนี้ เขาคงไม่สามารถยกโทษให้ตัวเองได้หากมีอะไรเกิดขึ้นกับมือของเธอ เขายอมเสียเด็กสามคนนี้
แม่ของอี้จิ่นหลีมีเขาก็เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลอี้ในฐานะแม่ของทายาทตระกูล แต่เมื่อเธอพบว่าตัวเองทำแบบนั้นไม่ได้ เขาก็ได้กลายเป็นเพียงหมากที่ไม่จำเป็นในกระดานผู้หญิงคนที่อยู่ตรงหน้าเขาเต็มใจที่จะเสียสละทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อลูกของเธอลูก ๆ ไม่ใช่หมากสำหรับเดินเกมของเธอดวงตาของเธอใสราวกับน้ำสะอาด แม้แต่ความลำบากในคุกก็ไม่สามารถส่งผลต่อความใสสะอาดในดวงตาของเธอได้และเพราะอย่างนี้... เขาถึงรักเธอมากเหลือเกิน!อยู่ดี ๆ อี้จิ่นหลีก็กอดหลิงอี้หรานไว้ “ฉันจะไม่ปล่อยให้มือของเธอใช้การไม่ได้ ฉันไม่อนุญาต!”เขาจะรักษามือเธอให้ได้ แม้ว่าจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตนี้ก็ตาม!หลิงอี้หรานยิ้มอย่างอ่อนโยน เธอยกมือขึ้นและกอดตอบอี้จิ่นหลี เธอใจเย็นกับสถานการณ์เกี่ยวกับมือเธอมาก “จิน คุณไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ก็ได้นะ! ถึงแม้มือนี้จะใช้การไม่ได้ แต่คุณก็จะเป็นมือให้ฉันใช่ไหมคะ?”เขาส่งเสียงขึ้นจมูกพลางตอบ “ได้สิ ฉันจะเป็นมือของเธอเอง...”‘ฉันจะให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม!’ ...อี้จิ่นหลีให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจใบสั่งยาที่หมอซูเขียนให้ พวกเขาสรุปว่าไม่มีอะไรผิดปกติ และยังเหมาะกับผ
เธอรีบก้มหน้าลงโดยไม่รู้ตัว“เป็นอะไรไป?” เขาถามอย่างค่อนข้างงุนงง“มะ-ไม่มีอะไร...” ไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกร้อนขึ้นกว่าตอนที่แช่เท้าในยาต้มเสียอีก ขนาดหน้ายังรู้สึกเหมือนจะเริ่มไหม้เลยเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและอุ้มเธอไปวางไว้บนเตียง“เอ่อ... ฉันจะนอนแล้วค่ะ” เธอรีบกล่าวและพยายามทำใจที่เต้นแรงเมื่อกี้ให้สงบลงถึงอย่างนั้นก่อนที่เธอจะได้ยกผ้าห่มขึ้น เขาก็โน้มตัวลงมาโดยใช้มือข้างหนึ่งเท้าไว้ข้างตัวเธอ และใช้มืออีกข้างจับเธอไว้ให้มองเขา “ทำไมอยู่ ๆ เธอถึงไม่มองฉันล่ะ? ฉันทำหรือพูดอะไรทำให้เธอไม่พอใจหรือเปล่า?”หลิงอี้หรานกะพริบตา ‘เอ่อ ทำไมเขาคิดไปทางนั้นได้ล่ะ? นี่เขา... เข้าใจผิดอะไรเหรอ?’“ไม่นะคะ” เธอพึมพำ“ไม่เหรอ งั้นทำไมอยู่ดี ๆ ถึงไม่มองฉันล่ะ?” เขาถาม‘เอาล่ะ ดูเหมือนเขาจะเข้าใจอะไรผิดไปจริง ๆ’ “ฉัน... เอ่อ... แค่...” เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยและรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นเรื่อย ๆ “แค่?” เขาหรี่ตาและขยับใบหน้าหล่อเหลาของเขามาใกล้เธอ “แค่อะไรเหรอ?”หลิงอี้หรานมองใบหน้าหล่อเหลาที่ขยายใหญ่ขึ้นเมื่อเข้ามาใกล้ตรงหน้าเธอ และรู้สึกราวกับว่าความตั้งใจจริงของเธอกำลังถูกทดสอบอีกครั
“คุณ..” ใบหน้าของเธอแดงขณะที่กัดริมฝีปากล่างไว้ ปอยผมบางส่วนตกลงบนแก้มของเธอ ใบหน้าที่สวยงามอ่อนหวานของเธอให้ความรู้สึกสงบอย่างน่าประหลาดใจ!ราวกับว่าการมองเธอเงียบ ๆ ก็ช่วยให้สงบลงได้แล้วอี้จิ่นหลีมองไปยังคนตรงหน้าด้วยความหลงใหล ความคิดที่เธออยากได้เขาและใบหน้าเขินอายจนเป็นสีแดงเพราะเขาทำให้เขามีความสุขเขาอยากให้เธอหลงเขามากกว่านี้ อยากให้เธอใจเต้นเพราะเขา และหลงใหลเขาทั้งกายและใจบางทีนี่อาจเป็นทางเดียวที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้น และทำให้เขามั่นใจว่าเธอจะอยู่ไม่ได้โดยไม่มีเขา“มัน... ไม่ใช่สิ่งที่ทำไม่ได้” เขาพึมพำพลางใช้มือข้างหนึ่งปลดกระดุมเสื้อของเธอขณะที่เขาใช้อีกมือจับมือของเธอไว้ เขาจับมือเธอลูบแก้มเขา จากนั้นก็สันกราม คอ กระดูกไหปลาร้า หน้าอก...หลิงอี้หรานตกใจเล็กน้อย ฝ่ามือของเธอก็รู้สึกร้อนขึ้นร้อนขึ้น“ชอบไหม?” เขายิ้มสวยราวกับต้องการจับสายตาเธอ เขาอยากจะโชว์ความสวยงามของเขาเพื่อดึงดูดสายตาของเธอไว้ใบหน้าของเธอร้อนผ่าว และรอยยิ้มของเขาก็ดูเหมือนไวน์ที่ทำให้มัวเมาจนโงหัวไม่ขึ้น“คะ... ค่ะ...” เสียงของเธอสั่นเล็กน้อย แต่ก็พูดเรื่องจริงเขาหายใจรดเธอเบา ๆ “ในเมื่