อี้จิ่นหลีจ้องมองนิ้วมือของหลิงอี้หราน “แน่ใจนะว่าไม่เจ็บเท่าไหร่?”“คุณคิดว่าฉันเจ็บมากแค่ไหนเหรอคะ?” หลิงอี้หรานยิ้มบาง ๆ “คุณก็รู้ว่าข้อนิ้วของฉันมันก็ปวดอย่างนี้แหละค่ะเวลาที่เย็นหรืออากาศชื้น ฉันจะไปหาหมอซูให้เขาดูให้พรุ่งนี้”พูดเรื่องนี้แล้ว หมอซูเคยบอกให้เธอไปรับการรักษาสัปดาห์ละครั้ง แต่เพราะมีหลายเรื่องเกิดขึ้นทั้งเธอยังตั้งท้องด้วยทำให้เธอไม่ได้ไปหาเขาเลยเธอสงสัยว่าถ้าไปหาหมอซูคราวนี้ เธอคงจะโดนโกรธแน่เลย“งั้นพรุ่งนี้ฉันจะไปกับเธอ” เขาพูด“ขอบคุณนะคะ แต่ไม่เป็นไร คุณมีงานต้องทำ ฉันไปเองได้ค่ะ” เธอกล่าว“ฉันจะไปกับเธอ” เขาพูดเมื่อได้ยินอย่างนั้นหลิงอี้กรานก็เลิกปฏิเสธ เธอกำลังจะทานต่อในตอนที่จู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นมาว่า “ให้ฉันป้อนสิ”“ป้อนเหรอคะ?” เธอตะลึงไปเล็กน้อย“เธอเจ็บมือไม่ใช่หรือไง? เธอถือตะเกียบไม่สะดวก ให้ฉันป้อนดีกว่า” เขาพูดเป็นเรื่องจริงที่เธอปวดนิดหน่อย แต่มันไม่ได้รุนแรงมากจนใช้ตะเกียบหยิบอาหารไม่ได้เสียหน่อยถึงอย่างนั้นเมื่อเห็นอี้จิ่นหลีดึงตะเกียบออกจากมือเธอไป หลิงอี้หรานก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและรับอาหารที่เขาป้อนให้ดังนั้นแล้วชายหนุ่มจึงตั้งอกตั้
“หยุดการรักษาเหรอ?” หมอซูขมวดคิ้วทันที “นี่เธอลืมเรื่องความร้ายแรงของการหยุดรักษากลางคันไปแล้วเหรอ? โชคดีที่เธอไม่ได้หยุดไปนานเลยไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ถ้าเป็นปี...”หลิงอี้หรานกล่าวว่า “ฉันท้องค่ะ ถ้าเรายังทำการรักษาต่อไป มันจะไม่ส่งผลต่อเด็กในท้องเหรอคะ? เพราะอย่างนั้นเราเลยทำได้แค่ต้องหยุดการรักษาไว้ก่อน”สีหน้าของหมอซูชะงักค้าง “อันที่จริงถ้าเธอตั้งท้องเราก็ใช้วิธีการรักษาแบบนั้นไม่ได้ แต่ถ้าเธอหยุดการรักษาไปตอนนี้ อาการที่มือของเธอก็จะยิ่งแย่ลง เธออาจจะไม่สามารถกำมือได้อีก”สีหน้าของอี้จิ่นหลีเปลี่ยนไปทันที “เป็นแบบนั้นไปได้ยังไง?”“อย่างแย่ที่สุดก็คือมือเธออาจพิการ” หมอซูกล่าวเสริมสีหน้าของอี้จิ่นหลีบูดบึ้งกว่าเดิม “เป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? ไม่มีทางอื่นแล้วเหรอ?”หมอซูยิ้มบาง ๆ “ผมอธิบายความเป็นไปได้สำคัญ ๆ ที่อาจเกิดขึ้นก่อนการรักษาให้เธอฟังแล้ว!”หลิงอี้หรานพูดว่า “จะบอกว่า ฉันเลื่อนการรักษาออกไปสักปีไม่ได้ใช่ไหมคะ?”“ไม่ใช่ว่าเธอจะรับการรักษาไม่ได้อีก แต่แค่ความเจ็บที่เกิดขึ้นจะมากกว่าที่เธอเคยเป็น อีกอย่างถ้าอาการของมือเธอแย่ลงจนใช้การไม่ได้แล้วก่อนการรักษา งั้นมันก็รักษ
หลังจากขึ้นรถอี้จิ่นหลีก็หยิบใบสั่งยาจากมือของหลิงอี้หรานไป เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ฉันจะให้คนไปตรวจใบสั่งยาทีหลัง”“คุณกลัวว่ามันจะมีอะไรผิดปกติเหรอคะ?” หลิงอี้หรานถาม“ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีอะไรผิดปกติ แต่มันก็ดีกว่าถ้าเราระวังเอาไว้” อี้จิ่นหลีกล่าว พอเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเธอเขาก็กังวลไปเสียหมดอี้จิ่นหลีจับมือของเหลิงอี้หรานไว้และก้มมองมันพลางพูด นิ้วของเธอเรียวบางเหมือนกับรูปร่างของเธอ แต่เพราะแบบนั้นข้อต่อที่ผิดรูปจึงสามารถมองเห็นได้ชัดเขารู้สึกถึงความเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นมือของเธอเขารู้สึกผิด รู้สึกเสียใจ ทั้งยังรู้สึกอับจนหนทางเขาร่ำรวยมากและสามารถมีทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย ทว่าเขากลับรู้สึกอับจนหนทางเมื่อเป็นเรื่องมือของเธอแม้ว่าเขาจะหาผู้เชี่ยวชาญสาขาที่เกี่ยวข้องหลายต่อหลายคนมาให้กับเธอ แต่พวกเขาก็ลงมติกันว่าทำได้เพียงทุเลาความเจ็บปวดที่มือของเธอลงได้เท่านั้น พวกเขาไม่สามารถทำให้มือของเธอเคลื่อนไหวลื่นไหลเหมือนคนปกติทั่วไปได้ถ้าเธอเลือกที่จะรักษามันในหนึ่งปีหลังจากนี้ เขาคงไม่สามารถยกโทษให้ตัวเองได้หากมีอะไรเกิดขึ้นกับมือของเธอ เขายอมเสียเด็กสามคนนี้
แม่ของอี้จิ่นหลีมีเขาก็เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลอี้ในฐานะแม่ของทายาทตระกูล แต่เมื่อเธอพบว่าตัวเองทำแบบนั้นไม่ได้ เขาก็ได้กลายเป็นเพียงหมากที่ไม่จำเป็นในกระดานผู้หญิงคนที่อยู่ตรงหน้าเขาเต็มใจที่จะเสียสละทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อลูกของเธอลูก ๆ ไม่ใช่หมากสำหรับเดินเกมของเธอดวงตาของเธอใสราวกับน้ำสะอาด แม้แต่ความลำบากในคุกก็ไม่สามารถส่งผลต่อความใสสะอาดในดวงตาของเธอได้และเพราะอย่างนี้... เขาถึงรักเธอมากเหลือเกิน!อยู่ดี ๆ อี้จิ่นหลีก็กอดหลิงอี้หรานไว้ “ฉันจะไม่ปล่อยให้มือของเธอใช้การไม่ได้ ฉันไม่อนุญาต!”เขาจะรักษามือเธอให้ได้ แม้ว่าจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตนี้ก็ตาม!หลิงอี้หรานยิ้มอย่างอ่อนโยน เธอยกมือขึ้นและกอดตอบอี้จิ่นหลี เธอใจเย็นกับสถานการณ์เกี่ยวกับมือเธอมาก “จิน คุณไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ก็ได้นะ! ถึงแม้มือนี้จะใช้การไม่ได้ แต่คุณก็จะเป็นมือให้ฉันใช่ไหมคะ?”เขาส่งเสียงขึ้นจมูกพลางตอบ “ได้สิ ฉันจะเป็นมือของเธอเอง...”‘ฉันจะให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม!’ ...อี้จิ่นหลีให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจใบสั่งยาที่หมอซูเขียนให้ พวกเขาสรุปว่าไม่มีอะไรผิดปกติ และยังเหมาะกับผ
เธอรีบก้มหน้าลงโดยไม่รู้ตัว“เป็นอะไรไป?” เขาถามอย่างค่อนข้างงุนงง“มะ-ไม่มีอะไร...” ไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกร้อนขึ้นกว่าตอนที่แช่เท้าในยาต้มเสียอีก ขนาดหน้ายังรู้สึกเหมือนจะเริ่มไหม้เลยเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและอุ้มเธอไปวางไว้บนเตียง“เอ่อ... ฉันจะนอนแล้วค่ะ” เธอรีบกล่าวและพยายามทำใจที่เต้นแรงเมื่อกี้ให้สงบลงถึงอย่างนั้นก่อนที่เธอจะได้ยกผ้าห่มขึ้น เขาก็โน้มตัวลงมาโดยใช้มือข้างหนึ่งเท้าไว้ข้างตัวเธอ และใช้มืออีกข้างจับเธอไว้ให้มองเขา “ทำไมอยู่ ๆ เธอถึงไม่มองฉันล่ะ? ฉันทำหรือพูดอะไรทำให้เธอไม่พอใจหรือเปล่า?”หลิงอี้หรานกะพริบตา ‘เอ่อ ทำไมเขาคิดไปทางนั้นได้ล่ะ? นี่เขา... เข้าใจผิดอะไรเหรอ?’“ไม่นะคะ” เธอพึมพำ“ไม่เหรอ งั้นทำไมอยู่ดี ๆ ถึงไม่มองฉันล่ะ?” เขาถาม‘เอาล่ะ ดูเหมือนเขาจะเข้าใจอะไรผิดไปจริง ๆ’ “ฉัน... เอ่อ... แค่...” เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยและรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นเรื่อย ๆ “แค่?” เขาหรี่ตาและขยับใบหน้าหล่อเหลาของเขามาใกล้เธอ “แค่อะไรเหรอ?”หลิงอี้หรานมองใบหน้าหล่อเหลาที่ขยายใหญ่ขึ้นเมื่อเข้ามาใกล้ตรงหน้าเธอ และรู้สึกราวกับว่าความตั้งใจจริงของเธอกำลังถูกทดสอบอีกครั
“คุณ..” ใบหน้าของเธอแดงขณะที่กัดริมฝีปากล่างไว้ ปอยผมบางส่วนตกลงบนแก้มของเธอ ใบหน้าที่สวยงามอ่อนหวานของเธอให้ความรู้สึกสงบอย่างน่าประหลาดใจ!ราวกับว่าการมองเธอเงียบ ๆ ก็ช่วยให้สงบลงได้แล้วอี้จิ่นหลีมองไปยังคนตรงหน้าด้วยความหลงใหล ความคิดที่เธออยากได้เขาและใบหน้าเขินอายจนเป็นสีแดงเพราะเขาทำให้เขามีความสุขเขาอยากให้เธอหลงเขามากกว่านี้ อยากให้เธอใจเต้นเพราะเขา และหลงใหลเขาทั้งกายและใจบางทีนี่อาจเป็นทางเดียวที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้น และทำให้เขามั่นใจว่าเธอจะอยู่ไม่ได้โดยไม่มีเขา“มัน... ไม่ใช่สิ่งที่ทำไม่ได้” เขาพึมพำพลางใช้มือข้างหนึ่งปลดกระดุมเสื้อของเธอขณะที่เขาใช้อีกมือจับมือของเธอไว้ เขาจับมือเธอลูบแก้มเขา จากนั้นก็สันกราม คอ กระดูกไหปลาร้า หน้าอก...หลิงอี้หรานตกใจเล็กน้อย ฝ่ามือของเธอก็รู้สึกร้อนขึ้นร้อนขึ้น“ชอบไหม?” เขายิ้มสวยราวกับต้องการจับสายตาเธอ เขาอยากจะโชว์ความสวยงามของเขาเพื่อดึงดูดสายตาของเธอไว้ใบหน้าของเธอร้อนผ่าว และรอยยิ้มของเขาก็ดูเหมือนไวน์ที่ทำให้มัวเมาจนโงหัวไม่ขึ้น“คะ... ค่ะ...” เสียงของเธอสั่นเล็กน้อย แต่ก็พูดเรื่องจริงเขาหายใจรดเธอเบา ๆ “ในเมื่
“พ่อกับแม่จะมอบบ้านอันอบอุ่นให้กับพวกหนูเอง!” หลิงอี้หรานก้มหน้าพูดกับท้องของตัวเองเสียงอ่อนโยนเธอไม่รู้ว่าลูกในท้องของเธอจะมีเพศอะไรหรือหน้าตาของพวกเขาจะเป็นอย่างไรแต่เธอก็จะดูแลให้ทั้งสามคนออกมาอย่างปลอดภัยแข็งแรง!สองสามวันหลังจากนั้น หลิงอี้หรานก็จดจ่ออยู่กับคดีฟ้องสิทธิ์ในการเลี้ยงดูบุตรของโจวเชียนหยุน อี้จิ่นหลีเองก็หาทนายที่เชี่ยวชาญในด้านนี้มาให้เธอ พวกเขาได้จัดการคดีฟ้องสิทธิ์เลี้ยงดูบุตรบ่อย ๆ และมีโอกาสชนะสูงหลิงอี้หรานเองก็คุยเรื่องคดีความกับพวกเขาหลายต่อหลายครั้ง แม้ว่าจะเป็นทนายความที่มากประสบการณ์ แต่พวกเขาก็มีความมั่นใจเพียง 20 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น หรือกล่าวคือพวกเขามีโอกาสแพ้คดีนี้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์“ไม่มีทางอื่นทำให้โอกาสชนะสูงขึ้นเลยเหรอคะ?” หลิงอี้หรานถาม“เว้นแต่ว่าเราจะสามารถพิสูจน์ได้ว่าคดีของเธอมีการตัดสินผิดพลาด” พวกเขาพูดหลิงอี้หรานเองก็รู้ปัญหาหลัก ๆ นี้ดี เธอจึงพูดว่า “ได้ค่ะ ฉันขอคิดอะไรหน่อย”บางทีเบาะแสเดียวที่ก้าวหน้าในตอนนี้คงจะเป็นหมอที่ทำแท้งให้คงจื่ออินหลังจากที่เธอตกบันได!หลังจากที่คงจื่ออินออกจากโรงพยาบาลและโจวเชียนหยุนติดคุก หมอคนนั้
เมื่อหลิงอี้หรานวิเคราะห์สถานการณ์เสร็จ เธอก็พบว่าอี้จิ่นหลีกำลังมองมาที่เธอไม่วางตา“มอง... มองอะไรคะ?” เธอถาม“ฉันแค่คิดว่าเธอสวยดีนะ” เขาพูดหัวใจของเธอเต้นเร็วอีกครั้ง ‘เขาเป็นคนปากหวานแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? เขาต่างหากที่เป็นคนสวย'“ว่าแต่ มีข่าวคราวจากไป๋ทิงซินไหมคะ?” หลิงอี้หรานถามหลังจากที่สงบสติอารมณ์ตัวเองลง เหลียนอีกำลังจะได้รับการผ่าตัดครั้งที่สองในอีกสองวัน หมอยังบอกอีกด้วยว่า เหลียนอีน่าจะฟื้นขึ้นมาถ้าทุกอย่างหลังการผ่าตัดผ่านไปด้วยดีเหลียนอีจะรู้สึกแย่แค่ไหนถ้าเธอตื่นขึ้นมาและรู้ว่าไป๋ทิงซินยังคงหายตัวไปอี้จิ่นหลีพูดว่า “ยังเลย ตระกูลไป๋ไม่ยอมให้ใครพูดถึงไป๋ทิงซิน พวกเขาปิดกั้นข่าวเรื่องเขา และประกาศให้รู้เพียงว่าเขาหายตัวไปเท่านั้น เรื่องในบ้านตระกูลไป๋เลยอยู่ในมือของภรรยาใหญ่ตระกูลไป๋ชั่วคราว ทั้งคนของไป๋ทิงซินก็ถูกปลดออกทั้งหมด”ความกังวลปรากฏบนใบหน้าของหลิงอี้หรานเมื่อได้ยินอย่างนั้น “เป็นไปได้ไหมว่าไป๋ทิงซิน...”อี้จิ่นหลีกล่าวว่า “เขาน่าจะยังมีชีวิตอยู่ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับไป๋ทิงซินจริง ภรรยาใหญ่บ้านไป๋คงจะประกาศออกมาหมดแล้ว เพราะแบบนั้นพวกเขาก็สามารถยึดต
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค