“ขอบคุณนะ อี้หราน” กวอซิ่นหลี่กล่าวหลิงอี้หรานพูดอย่างรู้สึกผิด “ฉันไม่ค่อยได้ช่วยอะไรเลย ส่วนใหญ่เป็นเพราะวิดีโอที่ถูกปล่อยออกมา อีกอย่างคุณโดนใส่ร้ายก็เพราะฉัน เรื่องนี้คงไม่เกิดขึ้นถ้าคุณไม่รู้จักฉัน”‘แต่วิดีโอนั่นมาได้ยังไง? เท่าที่ดูกล้องน่าจะถูกแอบติดไว้ในตัวรถ ใครเป็นคนติดตั้งมันไว้ในรถหวาลี่ฟาง? พวกเขามีเป้าหมายที่จะทำอะไร?’หลิงอี้หรานยังไม่มีเบาะแสเรื่องนี้เลยกวอซิ่นหลี่รีบพูดว่า “ไม่เลย ไม่เลย! คุณช่วยได้มากเลยล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ผมคงเครียดตายในคุกไปแล้ว!”หลิงอี้หรานรู้ว่ากวอซิ่นหลี่ไม่อยากให้เธอรู้สึกผิดกับเรื่องนี้เธอไม่ได้พูดอะไรอีกและช่วยกวอซิ่นหลี่จัดการตามขั้นตอนก่อนจะเดินออกมาจากศูนย์กักกันพร้อมเขา“อี้หราน กู้ลี่เฉินฟ้องญาติคุณข้อหาฉ้อโกงจริงเหรอ?” กวอซิ่นหลี่ถาม“น่าจะอย่างนั้นนะ แต่ฉันก็อ่านมาจากข่าวซุบซิบในเน็ตเหมือนกัน ฉันไม่รู้รายละเอียดมาก แล้วก็ไม่ได้คุยกับกู้ลี่เฉินแล้วด้วย” หลิงอี้หรานกล่าว“เป็นเพราะ... คดีของผมเหรอ?” กวอซิ่นหลี่ถามด้วยความรู้สึกที่ค่อนข้างไม่สบายใจ“ไม่ใช่เลย อย่าคิดมาก เขากับฉันก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น” หลิงอี้หรานพูดกวอ
หลิงอี้หรานบอกชื่อโรงพยาบาลกับเธอแล้วพูดว่า “ทำไมไม่ให้ฉันไปรับพี่ตอนนี้เลยล่ะคะ? ยังไงฉันก็ว่างอยู่แล้ว”หลังจากนั้นไม่นานโจวเชียนหยุนก็แปลกใจเล็กน้อยเมื่อรถสีดำปรากฏขึ้นในบริเวณชุมชนที่เธออาศัย บอดี้การ์ดและคนขับรถเดินตามหลิงอี้หรานมา เธอมองหลิงอี้หรานด้วยความงุนงง “นี่คือ...”หลิงอี้หรานพูดว่า “จินเป็นคนจัดการให้ค่ะ ตอนนี้ฉันแต่งงานกับเขาแล้ว และฉันก็ท้องได้สามเดือนแล้วค่ะ”โจวเชียนหยุนเบิกตากว้างและมองเธออย่างประหลาดใจ “เธอ... แต่งงานและท้องแล้ว? กับอี้จิ่นหลีเหรอ?”หลิงอี้หรานตอบว่า “ค่ะ มาสิคะ ขึ้นรถก่อน”โจวเชียนหยุนยังคงมองหลิงอี้หรานอยู่หลังจากที่ขึ้นรถไปแล้ว ราวกับว่าเธอกำลังพยายามย่อยข้อมูลที่เพิ่งได้รับมา ใครจะไปคิดว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้นมากมายขนาดนี้ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เจอหน้ากันไม่กี่วัน!“ว่าแต่พี่โจวคะ คดีของพี่จะถูกไต่สวนในศาลในอีกหนึ่งเดือน นอกจากฉันแล้ว ฉันจะหาทนายอีกคนที่เก่งคดีแบบนี้มาเพื่อให้พี่มีโอกาสชนะมากขึ้น แต่ว่า...” หลิงอี้หรานลังเลเล็กน้อย “ฉันก็ไม่แน่ใจว่าฉันจะชนะคดีนี้ได้ไหม แต่ฉันน่าจะจัดการความคิดเห็นของคนทั่วไปได้ และสามารถจัดการคดีนี้กับอาหยันน้อยไม่
อย่างไรก็ตามข่าวดีในวันนี้ก็คือ อาการของเหลียนอีดีขึ้นแล้วและน่าจะย้ายออกจากไอซียูได้ในอีกสองวัน จากนั้นอีกไม่นานเธอก็น่าจะเข้ารับการผ่าตัดครั้งที่สองได้หลิงอี้หรานไปส่งโจวเชียนหยุนหลังจากไปเยี่ยมชินเหลียนอี ถึงอย่างนั้นจู่ ๆ คนขับก็หยุดรถลงเมื่อพวกเขานั่งมาได้ครึ่งทาง หลิงอี้หรานตกตะลึงในทันที ไม่นานหลังจากนั้นเธอก็พบว่ารถของพวกเธอโดนล้อมไว้ด้วยรถคันสีดำเสียแล้วในตอนนั้นร่างหนึ่งก็ลงมาจากรถและเดินตรงมายังรถของหลิงอี้หราน บอดี้การ์ดซึ่งนั่งอยู่ตรงด้านหน้าเองก็ลงจากรถไปเพื่อหยุดกู้ลี่เฉินที่เดินมาถึงประตูรถกู้ลี่เฉินชำเลืองมองบอดี้การ์ดเล็กน้อย คนที่อยู่ข้างหลังเขาตรงเข้ามา และหลายคนก็เริ่มต่อสู้กันแม้ว่าบอดี้การ์ดที่อี้จิ่นหลีส่งมาตามหลิงอี้หรานจะได้รับการคัดเลือกมาอย่างดี แต่เพราะกู้ลี่เฉินมีคนมามากกว่า ดังนั้นคนของหลิงอี้หรานจึงอ่อนกำลังลงในทันทีกู้ลี่เฉินเดินเข้ามาใกล้ประตูรถฝั่งที่หลิงอี้หรานอยู่และเปิดมันออก หลิงอี้หรานมองเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่ซีดเซียวของเขา “อี้หราน ผมมีเรื่องอยากพูดกับคุณ” เขาพูดด้วยเสียงแหบแห้งหลิงอี้หรานขมวดคิ้วและพูดว่า “คุณพูดอะไรที่อยากพูดได้นะ แ
แต่เขารู้สึกเจ็บแปล๊บในหัวใจเมื่อเธอพูดคำพวกนั้นออกมา ‘ทั้งหมดเป็นอดีตไปแล้วล่ะค่ะ’“แล้วผมล่ะ... เป็นอดีตไปแล้วเหมือนกันเหรอ?” หลิงอี้หรานหันไปมองชายที่นั่งอยู่ข้างเธอ “ทั้งหมดเป็นอดีตไปแล้วสำหรับฉัน เพราะฉะนั้นคุณไม่จำเป็นต้องอยู่กับมันอีกแล้ว” เขาหัวเราะเบา ๆ “ไม่จำเป็นต้องอยู่...” ทั้งความเจ็บปวด เสียใจ เสียดาย ต่างไม่จำเป็นเลยอย่างนั้นสิ?รถหยุดลงตรงหน้าทางเข้าบ้านหลัก และกู้ลี่เฉินก็กล่าวว่า “ลงรถก่อนสิ ผมมีอะไรอยากให้คุณดู”หลิงอี้หรานเดินตามกู้ลี่เฉินไปยังบ้านหลังและไม่ช้าหลังจากนั้นพวกเขาก็เข้าไปในสตูดิโอข้างในนั้นมีรูปวาดของเขา พวกนั้นเป็นรูปวาดของ... เธอตอนเด็ก ภาพของพวกเขาตอนอยู่ในป่า ภาพที่เธอจับมือไว้เพื่อไม่ให้เขาตกลงไปจากหน้าผาได้ทันเวลา... และภาพที่เธอเดินลงจากเขาโดยมีเขาอยู่บนหลัง...เขาวาดภาพในความทรงจำของเขาไว้ และวางมันไว้ในห้องนี้ มากจนไม่รู้ว่ามีจำนวนเท่าไหร่กู้ลี่เฉินกล่าวอย่างขมขื่นว่า “ผมวาดรูปพวกนี้มาตลอดหลายปี วาดมันทุกครั้งที่คิดถึงคุณ เหมือนกับว่าผมจะรู้สึกดีขึ้นถ้าได้วาดออกมา”หลังจากเงียบไปสายตาของเขาก็มองมาที่เธอ “อี้หราน ในที่สุดผมก็พบคุ
ทันใดนั้นปลายจมูกของเธอก็รู้สึกระคายเคืองขึ้นมา เธอซาบซึ้งในสิ่งที่เขาทำเพื่อเธอ แต่... บางทีอาจพูดได้ว่าในตอนที่เจอเขาครั้งแรกเธอไม่รู้ว่ารักคืออะไร เธอคิดกับเขาแค่เพื่อนคนหนึ่งเท่านั้นเมื่อเธอจำเรื่องทุกอย่างหลังจากนั้นได้ หัวใจของเธอก็ถูกครอบครองด้วยใครอีกคนไปแล้ว เธอจึงไม่เหลือความรู้สึกพิเศษให้รักใครอีก“ค่ะ” เธอให้คำตอบอย่างตรงไปตรงมาเขาดูเหมือนคนโดนฟ้าผ่า และดวงตานกฟินิกซ์ของเขาก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด “ทำไมคุณถึงมั่นใจนักล่ะ? คุณพูดอย่างนั้นเพื่อให้ผมตัดใจใช่ไหม? เพราะว่าคุณแต่งงานกับอี้จิ่นหลีแล้ว และอุ้มท้องลูกของเขา คุณเลยพูดกับผมแบบนั้นใช่ไหม?”“ไม่ใช่ค่ะ ถึงไม่ได้แต่งงานกับจินและไม่มีลูก ฉันก็คงบอกคุณแบบนั้นอยู่ดี” หลิงอี้หรานพูด“งั้นคุณรักเขาเหรอ? คุณรักจิ่นหลีเหรอ?” ดวงตาทั้งคู่ของเขาจ้องมองที่เธอไม่วางตา ราวกับว่าเขาหวังด้วยใจทั้งหมดว่าเธอจะปฏิเสธมันถึงอย่างนั้นก่อนที่อี้หรานจะได้พูดอะไร เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “เธอจะรักหรือไม่รักฉันแล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ?” หลิงอี้หรานขนลุกและรีบหันไปมองต้นเสียง เธอเห็นอี้จิ่นหลีเดินเข้ามาในสตูดิโอด้วยใบหน้าโกรธเคือง “ลี่เฉิน กล
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เธอก็มองไปรอบห้องซึ่งเต็มไปด้วยรูปวาด “ฉันเป็นเพียงความหมกมุ่นหนึ่งในชีวิตของคุณเท่านั้น เป็นเพราะข้อตกลงที่เราทำกันไว้ตอนเด็กที่ทำให้คุณตามหาฉันมาตลอดหลายปี บางครั้งคนเราก็เป็นแบบนั้น ยิ่งเอามาไม่ได้ก็ยิ่งอยากได้ เริ่มแรกพวกเขาอาจจะมองทุกอย่างดีเกินกว่าความเป็นจริง แต่ฉันเป็นแค่คนธรรมดา”ขณะที่หลิงอี้หรานพูด เธอก็หันไปมองอี้จิ่นหลีซึ่งยืนอยู่ข้างเธอ และยกมือของตัวเองวางรอบคอของเขาใบหน้าของอี้จิ่นหลีเคร่งขรึม ดวงตาดอกท้อคู่นั้นมองหลิงอี้หรานขณะที่เธอเขย่งเท้าเพื่อจูบริมฝีปากของเขาเธอเป็นคนเริ่มจูบเขา และเขาก็ยอมรับจูบนั้นแต่โดยดีดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น ๆ จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ หลับตาและไหลไปกับจูบของเธอเวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่รู้ ในที่สุดเธอก็จูบเสร็จ และมองกู้ลี่เฉินขณะหอบหายใจเล็กน้อย “จินเป็นคนเดียวในหัวใจของฉัน กู้ลี่เฉิน คุณหาฉันเจอแล้ว เพราะฉะนั้นเราก็ทำตามสัญญาแล้วนะ!”ดวงตานกฟินิกซ์สีดำคู่นั้นค่อย ๆ ปกคลุมไปด้วยความสิ้นหวัง ‘ทำตามสัญญาแล้ว... สัญญานั่น... ดังนั้น... ตอนนี้เราก็ไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกันอีกแล้ว...’สิ่งที่เขาและเธอมีต่อกันตลอดหลา
“ไม่ได้โกหก?” เขาพูดเย้ย “ถ้าเธอไม่ได้โกหก ก็แปลว่าเธอยังคงมีฉันอยู่ในใจเหรอ? เธอยังรักฉันอยู่เหรอ? เธอไม่เคยลืมฉันได้ใช่ไหม?” “ค่ะ” เธอตอบความเย้ยหยันบนมุมปากของเขาชัดเจนยิ่งขึ้น “งั้นทำไมเธอไม่พิสูจน์ให้ฉันดูล่ะว่าเธอยังมีฉันในใจ ว่าเธอยังรักฉัน และไม่เคยลืมฉันเลย? ว่าไงล่ะ?” หลิงอี้หรานจ้องมองชายตรงหน้าของเธอ สิ่งที่กู้ลี่เฉินพูดหลังจากที่พาเธอไปคฤหาสน์ของเขาทำให้เธอตระหนักได้ว่าเธอรักผู้ชายคนที่อยู่ตรงหน้าเธอตลอดมาแม้กู้ลี่เฉินจะพูดถึงเรื่องการคลาดกันหรือได้พบกัน แต่เธอก็รู้แล้วว่า อย่างไรเธอก็ยังรักอี้จิ่นหลีอยู่ดีสิ่งที่เธอรู้สึกกับกู้ลี่เฉินนั้นหยุดอยู่ที่มิตรภาพในวัยเด็กระหว่างพวกเขา และรู้สึกขอบคุณที่เขาช่วยชีวิตเธอไว้ เธอรู้สึกซาบซึ้ง แต่... นั่นไม่ใช่ความรักเธอเต็มใจที่จะสาบานว่าจะอยู่กับจินไปตลอดชั่วชีวิต ไม่ใช่เพื่อเด็ก ๆ เท่านั้น แต่ก็เพื่อตัวเธอเองด้วยถ้าเธอไม่รักเขา เธออาจจะไม่มีความคาดหวังใด ๆ กับชีวิตคู่ในอนาคต และคงพูดอย่างหนักแน่นไม่ได้ว่าเธอไม่เคยตกหลุมรักกู้ลี่เฉิน ในตอนที่เขาถามเธอถึงเรื่อง ‘ถ้าหากว่า’ พวกนั้นผู้หญิงแบบไหนจะไม่ตกหลุมรักผู้ชายแบบกู
แม้ว่าโจวเชียนหยุนจะได้ยินบอดี้การ์ดของอี้จิ่นหลีรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและรู้ความสามรถของอี้จิ่นหลีเป็นอย่างดีว่าเขาจะสามารถพาหลิงอี้หรานกลับมาได้อย่างปลอดภัย แต่เธอก็ยังต้องการได้ยินจากปากของหลิงอี้หรานเองเพื่อความสบายใจอยู่ดี“ฉันไม่เป็นไรค่ะพี่โจว ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” หลิงอี้หรานกล่าว“ดีแล้ว” โจวเชียนหยุนถอนหายใจอย่างโล่งอก“แล้วอาหยันน้อยเป็นไงบ้างคะ? ถ้าฉันว่างฉันจะไปหาเขาสักหน่อย” หลิงอี้หรานกล่าว สักพักแล้วที่เธอไม่ได้ไปเยี่ยมเจ้าตัวน้อยโจวเชียนหยุนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “อาหยันน้อยสบายดี เขาคิดถึงเธอเหมือนกัน เอาล่ะ ฉันต้องกลับไปทำงานแล้ว มีลูกค้ามาพอดี ไว้ค่อยคุยกันนะ”โจวชินหยุนพูดจบแล้วรีบกดวางสายและเก็บมือถือลง ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีลูกค้าใหม่เข้าร้านของเธออย่างที่พูดเลยเธอยิ้มเจื่อนขณะก้มหน้าลง เธอแค่ไม่รู้ว่าต้องบอกอี้หรานยังไงดี ช่วงนี้มีหลายอย่างเกิดขึ้น อี้หรานตั้งท้อง และเธอก็ไม่อยากให้เพื่อนต้องมากังวลเรื่องของเธออีกหลังจากวันที่อาหยันน้อยออกจากโรงพยาบาล ลูกชายของเธอยังมีรอยฟกช้ำและบาดแผลเล็ก ๆ ตามร่างกาย ครูโรงเรียนอนุบาลยังพูดว่าเด็กคนนี้มักมีปั