เสียงนุ่มนวลของเขาฟังดูอ่อนโยนและสบาย ๆ แต่ดวงตาของเขากำลังมองมาที่เธอโดยไม่ปล่อยให้สีหน้าของเธอคลาดไปจากสายตาของเขาแม้แต่นิดเดียวหลิงอี้หรานเม้มปากล่างของตัวเอง “ไม่มีอะไรต้องเสียใจค่ะ ในเมื่อนี่เป็นการตัดสินใจของฉัน ฉันก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจ”‘อีกอย่าง ถึงจะบอกเขาไป แต่ฉันก็มอบสิ่งที่กู้ลี่เฉินต้องการไม่ได้อยู่ดี ไม่ว่ายังไง คนที่ฉันรักก็คือ...’ ดวงตาของหลิงอี้หรานหม่นลงเมื่อคิดเรื่องนี้ตอนนั้นเธอรักเขามาก แล้วตอนนี้ล่ะ? เธอยังคงมีความรู้สึกรักให้เขาไหม?“คิดอะไรอยู่?” เขาถามขณะที่ใช้นิ้วจับกรามของเธอไว้ในทันใด เขาไม่ชอบสายตาอ้างว้างและเศร้าสร้อยในดวงตาของเธอ ราวกับว่ามันมีบางสิ่งที่เขาไม่สามารถเข้าใจได้“ไม่มีอะไรค่ะ” หลิงอี้หรานพูด“ฉันอยากได้ยินความจริง” เขาพูดพลางหรี่ตาเธอลังเลไปครู่หนึ่งก่อนสุดท้ายจพูดว่า “ฉันแค่กำลังสงสัยว่า ตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนกับคุณ”ดวงตาดอกท้อสีดำขลับของเขาหรี่ลง เขามองเธอและอ้าปากเล็กน้อยก่อนเสียงที่เจือความแหบแห้งของเขาจะเล็ดลอดออกมา “งั้นบอกมาสิว่าเธอรู้สึกแบบไหนกับฉัน?”“ฉันไม่รู้ค่ะ” หลิงอี้หรานยกยิ้มมุมปากอย่างนึกหัวเราะเยาะตนเอง “ยังไง
นิ้วของเขาจับกรามของเธอไว้แน่นโดยไม่ปล่อยให้เธอหลบเลี่ยง และริมฝีปากของเขาก็เย็นเล็กน้อยซึ่งต่างจากของเธอจูบของเขาครอบงำ แต่ครอบครองโดยสมบูรณ์ด้วยความอ่อนโยนและความปรารถนาจากครั้งก่อนหลิงอี้หรานรู้สึกได้เพียงหัวใจที่เต้นเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ของตนเอง ในตอนนี้เธอไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเธอถึงไม่อยากดิ้นรนหรือต่อต้านอีกแล้วเธอค่อย ๆ หลับตาและไหลไปกับรสจูบของเขา ทันใดนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตปรากฏในหัวของเธออีกครั้ง กลายเป็นว่าบางความรู้สึกนั้นไม่สามารถลืมเลือนไปได้แม้ว่าจะผ่านไปนานหลายปีแล้วก็ตามเธอบอกกับตัวเองให้ลืมมันไป แต่ก็ไม่เคยลืมได้สักอย่างเมื่อจูบนั้นสิ้นสุดลง หลิงอี้หรานก็ลืมตาขึ้นมองคนที่อยู่ตรงหน้า“ทำไมเธอไม่ต่อต้านฉัน?” เสียงของเขาพึมพำ เธอไม่รู้ว่าต้องตอบเขาอย่างไรเพราะเธอเองก็ไม่รู้คำตอบเช่นกัน“เพราะว่าเธออยากเป็นครอบครัวเดียวกับฉัน ดังนั้นถ้าฉันจะจูบหรือทำอะไรที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับเธอมากกว่านี้ เธอก็จะทนกับมันเพื่อลูก ๆ ใช่ไหม?” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย และดูเหมือนจะมีความไม่พอใจปรากฏอยู่ในดวงตาของเขาเล็กน้อยเธอแต่งงานกับเขาก็เพื่อเด็ก ๆ เท่านั้น แต่เขาไม่อยากให้เธอทำทั้
เขายกมือขึ้นและใช้ปลายนิ้วเช็ดหยดน้ำที่เปื้อนริมฝีปากเธอ “แต่ไม่สำคัญหรอก ว่าเธอเกลียดมันหรือเปล่า! เราเป็นสามีภรรยากัน การแตะเนื้อต้องตัวกันก็ต้องมีบ้างไม่ใช่หรือไง? ถึงเธอจะไม่เต็มใจ แต่เธอก็คงจะทนเพื่อลูกใช่ไหมล่ะ?”พูดจบเขาก็เดินออกไปราวกับว่าเขาไม่มีความตั้งใจจะอยู่ฟังคำตอบของเธอ “เอาเถอะ ดึกแล้ว ไปนอนเถอะ ฉันยังมีเรื่องต้องทำในห้องทำงาน”ถึงอย่างนั้นก่อนที่เขาจะก้าวไปอีกหนึ่งก้าว ทันใดนั้นแขนเรียวคู่หนึ่งก็โอบเขาไว้จากข้างหลัง “ฉันไม่ได้เกลียดนะคะ” หลิงอี้หรานพูดขณะฝังใบหน้าลงบนแผ่นหลังกว้างของอี้จิ่นหลี “ฉันแค่แพ้ท้อง ฉันควบคุมมันไม่ได้ แต่อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้เกลียดจูบก่อนหน้านี้ของคุณ”เขาตัวแข็งทื่อไปในทันทีขณะที่ไม่คิดว่าเธอจะพูดอะไรแบบนั้นออกมาหลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเธอก็กล่าวต่อไปว่า “บางทีก็มีสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้วระหว่างคู่แต่งงาน แต่ถ้าเราไม่มีความรักความรู้สึกต่อกัน และแค่ตอบสนองความต้องการของตัวเองเท่านั้น แล้วเราจะต่างอะไรจากสัตว์ล่ะคะ? อย่างน้อย ฉันคิดว่าความสัมพันธ์... ใกล้ชิดระหว่างคู่แต่งงานก็ต้องการความรู้สึกบ้าง... ฉันไม่อยากทำมันไปเพื่อลูก และฉันก็ไม่
“ขอบคุณนะ อี้หราน” กวอซิ่นหลี่กล่าวหลิงอี้หรานพูดอย่างรู้สึกผิด “ฉันไม่ค่อยได้ช่วยอะไรเลย ส่วนใหญ่เป็นเพราะวิดีโอที่ถูกปล่อยออกมา อีกอย่างคุณโดนใส่ร้ายก็เพราะฉัน เรื่องนี้คงไม่เกิดขึ้นถ้าคุณไม่รู้จักฉัน”‘แต่วิดีโอนั่นมาได้ยังไง? เท่าที่ดูกล้องน่าจะถูกแอบติดไว้ในตัวรถ ใครเป็นคนติดตั้งมันไว้ในรถหวาลี่ฟาง? พวกเขามีเป้าหมายที่จะทำอะไร?’หลิงอี้หรานยังไม่มีเบาะแสเรื่องนี้เลยกวอซิ่นหลี่รีบพูดว่า “ไม่เลย ไม่เลย! คุณช่วยได้มากเลยล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ผมคงเครียดตายในคุกไปแล้ว!”หลิงอี้หรานรู้ว่ากวอซิ่นหลี่ไม่อยากให้เธอรู้สึกผิดกับเรื่องนี้เธอไม่ได้พูดอะไรอีกและช่วยกวอซิ่นหลี่จัดการตามขั้นตอนก่อนจะเดินออกมาจากศูนย์กักกันพร้อมเขา“อี้หราน กู้ลี่เฉินฟ้องญาติคุณข้อหาฉ้อโกงจริงเหรอ?” กวอซิ่นหลี่ถาม“น่าจะอย่างนั้นนะ แต่ฉันก็อ่านมาจากข่าวซุบซิบในเน็ตเหมือนกัน ฉันไม่รู้รายละเอียดมาก แล้วก็ไม่ได้คุยกับกู้ลี่เฉินแล้วด้วย” หลิงอี้หรานกล่าว“เป็นเพราะ... คดีของผมเหรอ?” กวอซิ่นหลี่ถามด้วยความรู้สึกที่ค่อนข้างไม่สบายใจ“ไม่ใช่เลย อย่าคิดมาก เขากับฉันก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น” หลิงอี้หรานพูดกวอ
หลิงอี้หรานบอกชื่อโรงพยาบาลกับเธอแล้วพูดว่า “ทำไมไม่ให้ฉันไปรับพี่ตอนนี้เลยล่ะคะ? ยังไงฉันก็ว่างอยู่แล้ว”หลังจากนั้นไม่นานโจวเชียนหยุนก็แปลกใจเล็กน้อยเมื่อรถสีดำปรากฏขึ้นในบริเวณชุมชนที่เธออาศัย บอดี้การ์ดและคนขับรถเดินตามหลิงอี้หรานมา เธอมองหลิงอี้หรานด้วยความงุนงง “นี่คือ...”หลิงอี้หรานพูดว่า “จินเป็นคนจัดการให้ค่ะ ตอนนี้ฉันแต่งงานกับเขาแล้ว และฉันก็ท้องได้สามเดือนแล้วค่ะ”โจวเชียนหยุนเบิกตากว้างและมองเธออย่างประหลาดใจ “เธอ... แต่งงานและท้องแล้ว? กับอี้จิ่นหลีเหรอ?”หลิงอี้หรานตอบว่า “ค่ะ มาสิคะ ขึ้นรถก่อน”โจวเชียนหยุนยังคงมองหลิงอี้หรานอยู่หลังจากที่ขึ้นรถไปแล้ว ราวกับว่าเธอกำลังพยายามย่อยข้อมูลที่เพิ่งได้รับมา ใครจะไปคิดว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้นมากมายขนาดนี้ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เจอหน้ากันไม่กี่วัน!“ว่าแต่พี่โจวคะ คดีของพี่จะถูกไต่สวนในศาลในอีกหนึ่งเดือน นอกจากฉันแล้ว ฉันจะหาทนายอีกคนที่เก่งคดีแบบนี้มาเพื่อให้พี่มีโอกาสชนะมากขึ้น แต่ว่า...” หลิงอี้หรานลังเลเล็กน้อย “ฉันก็ไม่แน่ใจว่าฉันจะชนะคดีนี้ได้ไหม แต่ฉันน่าจะจัดการความคิดเห็นของคนทั่วไปได้ และสามารถจัดการคดีนี้กับอาหยันน้อยไม่
อย่างไรก็ตามข่าวดีในวันนี้ก็คือ อาการของเหลียนอีดีขึ้นแล้วและน่าจะย้ายออกจากไอซียูได้ในอีกสองวัน จากนั้นอีกไม่นานเธอก็น่าจะเข้ารับการผ่าตัดครั้งที่สองได้หลิงอี้หรานไปส่งโจวเชียนหยุนหลังจากไปเยี่ยมชินเหลียนอี ถึงอย่างนั้นจู่ ๆ คนขับก็หยุดรถลงเมื่อพวกเขานั่งมาได้ครึ่งทาง หลิงอี้หรานตกตะลึงในทันที ไม่นานหลังจากนั้นเธอก็พบว่ารถของพวกเธอโดนล้อมไว้ด้วยรถคันสีดำเสียแล้วในตอนนั้นร่างหนึ่งก็ลงมาจากรถและเดินตรงมายังรถของหลิงอี้หราน บอดี้การ์ดซึ่งนั่งอยู่ตรงด้านหน้าเองก็ลงจากรถไปเพื่อหยุดกู้ลี่เฉินที่เดินมาถึงประตูรถกู้ลี่เฉินชำเลืองมองบอดี้การ์ดเล็กน้อย คนที่อยู่ข้างหลังเขาตรงเข้ามา และหลายคนก็เริ่มต่อสู้กันแม้ว่าบอดี้การ์ดที่อี้จิ่นหลีส่งมาตามหลิงอี้หรานจะได้รับการคัดเลือกมาอย่างดี แต่เพราะกู้ลี่เฉินมีคนมามากกว่า ดังนั้นคนของหลิงอี้หรานจึงอ่อนกำลังลงในทันทีกู้ลี่เฉินเดินเข้ามาใกล้ประตูรถฝั่งที่หลิงอี้หรานอยู่และเปิดมันออก หลิงอี้หรานมองเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่ซีดเซียวของเขา “อี้หราน ผมมีเรื่องอยากพูดกับคุณ” เขาพูดด้วยเสียงแหบแห้งหลิงอี้หรานขมวดคิ้วและพูดว่า “คุณพูดอะไรที่อยากพูดได้นะ แ
แต่เขารู้สึกเจ็บแปล๊บในหัวใจเมื่อเธอพูดคำพวกนั้นออกมา ‘ทั้งหมดเป็นอดีตไปแล้วล่ะค่ะ’“แล้วผมล่ะ... เป็นอดีตไปแล้วเหมือนกันเหรอ?” หลิงอี้หรานหันไปมองชายที่นั่งอยู่ข้างเธอ “ทั้งหมดเป็นอดีตไปแล้วสำหรับฉัน เพราะฉะนั้นคุณไม่จำเป็นต้องอยู่กับมันอีกแล้ว” เขาหัวเราะเบา ๆ “ไม่จำเป็นต้องอยู่...” ทั้งความเจ็บปวด เสียใจ เสียดาย ต่างไม่จำเป็นเลยอย่างนั้นสิ?รถหยุดลงตรงหน้าทางเข้าบ้านหลัก และกู้ลี่เฉินก็กล่าวว่า “ลงรถก่อนสิ ผมมีอะไรอยากให้คุณดู”หลิงอี้หรานเดินตามกู้ลี่เฉินไปยังบ้านหลังและไม่ช้าหลังจากนั้นพวกเขาก็เข้าไปในสตูดิโอข้างในนั้นมีรูปวาดของเขา พวกนั้นเป็นรูปวาดของ... เธอตอนเด็ก ภาพของพวกเขาตอนอยู่ในป่า ภาพที่เธอจับมือไว้เพื่อไม่ให้เขาตกลงไปจากหน้าผาได้ทันเวลา... และภาพที่เธอเดินลงจากเขาโดยมีเขาอยู่บนหลัง...เขาวาดภาพในความทรงจำของเขาไว้ และวางมันไว้ในห้องนี้ มากจนไม่รู้ว่ามีจำนวนเท่าไหร่กู้ลี่เฉินกล่าวอย่างขมขื่นว่า “ผมวาดรูปพวกนี้มาตลอดหลายปี วาดมันทุกครั้งที่คิดถึงคุณ เหมือนกับว่าผมจะรู้สึกดีขึ้นถ้าได้วาดออกมา”หลังจากเงียบไปสายตาของเขาก็มองมาที่เธอ “อี้หราน ในที่สุดผมก็พบคุ
ทันใดนั้นปลายจมูกของเธอก็รู้สึกระคายเคืองขึ้นมา เธอซาบซึ้งในสิ่งที่เขาทำเพื่อเธอ แต่... บางทีอาจพูดได้ว่าในตอนที่เจอเขาครั้งแรกเธอไม่รู้ว่ารักคืออะไร เธอคิดกับเขาแค่เพื่อนคนหนึ่งเท่านั้นเมื่อเธอจำเรื่องทุกอย่างหลังจากนั้นได้ หัวใจของเธอก็ถูกครอบครองด้วยใครอีกคนไปแล้ว เธอจึงไม่เหลือความรู้สึกพิเศษให้รักใครอีก“ค่ะ” เธอให้คำตอบอย่างตรงไปตรงมาเขาดูเหมือนคนโดนฟ้าผ่า และดวงตานกฟินิกซ์ของเขาก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด “ทำไมคุณถึงมั่นใจนักล่ะ? คุณพูดอย่างนั้นเพื่อให้ผมตัดใจใช่ไหม? เพราะว่าคุณแต่งงานกับอี้จิ่นหลีแล้ว และอุ้มท้องลูกของเขา คุณเลยพูดกับผมแบบนั้นใช่ไหม?”“ไม่ใช่ค่ะ ถึงไม่ได้แต่งงานกับจินและไม่มีลูก ฉันก็คงบอกคุณแบบนั้นอยู่ดี” หลิงอี้หรานพูด“งั้นคุณรักเขาเหรอ? คุณรักจิ่นหลีเหรอ?” ดวงตาทั้งคู่ของเขาจ้องมองที่เธอไม่วางตา ราวกับว่าเขาหวังด้วยใจทั้งหมดว่าเธอจะปฏิเสธมันถึงอย่างนั้นก่อนที่อี้หรานจะได้พูดอะไร เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “เธอจะรักหรือไม่รักฉันแล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ?” หลิงอี้หรานขนลุกและรีบหันไปมองต้นเสียง เธอเห็นอี้จิ่นหลีเดินเข้ามาในสตูดิโอด้วยใบหน้าโกรธเคือง “ลี่เฉิน กล
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค