ทว่าครั้งนี้เธอผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว อี้จิ่นหลีลืมตาขึ้นมามองหญิงสาวที่นอนอยู่ข้าง ๆ เขา ลมหายใจสม่ำเสมอของเธอทำให้เขารู้ว่าเธอได้หลับไปแล้ว เธอไม่รู้เลยว่าเขาต้องใช้แรงใจขนาดไหนเพื่อหยุดมือเธอไม่ให้แตะลงบนหน้าอกของเขาเขากลัวจริง ๆ ว่าจะไม่สามารถอดทนอดกลั้นต่อความปรารถนาในตัวเธอทันทีที่เธอแตะหน้าอกเขา!เป็นเขาเองต่างหากที่อยากได้เธอ! ...รายงานผลการประเมินความเสี่ยงของแพทย์ยังคงแนะนำให้ทำหัตถการลดการตั้งครรภ์ซึ่งค่อนข้างปลอดภัยถึงอย่างนั้นรายงานผลการประเมินไม่ได้ตัดสินว่าต้องทำลายหนึ่งในแฝดสามไป แพทย์ยังระบุวิธีรับมือหากพวกเขาต้องการอุ้มท้องและคลอดออกเด็กทั้งสามออกมาอย่างปลอดภัยอีกด้วย แต่ก็แลกมาด้วยความเสี่ยงที่ค่อนข้างสูงที่อาจทำร้ายร่างกายของหลิงอี้หรานอย่างมากสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ... “มดลูกของคุณอาจจะเกิดอันตรายหากให้กำเนิดแฝดสามคน ระหว่างคลอดคุณอาจจะง่ายต่อการเสียเลือดมาก และอาจต้องตัดมดลูกทิ้งหากเลือดไหลไม่หยุด คุณยังอยากจะรับความเสี่ยงนี้ไหม?”แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกล่าวออกมาตรง ๆ อย่างไรเสียสำหรับผู้หญิงแล้ว มดลูกเป็นมากกว่าที่สำหรับให้กำเนิดทารก เมื่อพวกเธอเสียมดลู
ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเช้านี้ เธอแสดงออกซ้ำ ๆ ว่าไม่ต้องการผ่าตัดลดการตั้งครรภ์ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ เขาคง...ดวงตาของอี้จิ่นหลีฉายแววลึกซึ้ง “เธอคิดดีแล้วใช่ไหม?”“ฉันตัดสินใจดีแล้วค่ะ” หลิงอี้หรานตอบ“เธอจะไม่เสียใจกับผลลัพธ์สุดท้ายที่ออกมา แม้มันจะไม่เป็นไปตามที่เธอต้องการใช่ไหม?” เขาถามเธอตอบ “ค่ะ ฉันจะไม่เสียใจ!” อี้จิ่นหลีเม้มบางของเขาเข้าหากัน หลังจากนั้นเขาก็มองไปยังกลุ่มแพทย์ผู้เชี่ยวชาญซึ่งยืนอยู่หลายคน “ถ้าเราไม่ผ่าตัดลดการตั้งครรภ์และยืนกรานจะเก็บเด็กไว้ทั้งหมด โอกาสที่แม่และเด็กจะรอดแบบปลอดภัยมีอยู่เท่าไหร่?”“50%” พวกเขาตอบ อี้จิ่นหลีเม้มปากแน่นขึ้น ‘ไม่ถึง... 60% ด้วยซ้ำ’เขาไม่เคยอยากทำอะไรที่เขาเองยังไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้... “งั้นเก็บเด็กไว้ก่อน ถ้ามีอะไรเป็นอันตรายระหว่างที่พยายามให้พวกเขาปลอดภัยก็... ช่วยแม่ก่อน ไม่ว่ายังไงก็ตาม”“แต่...” หลิงอี้หรานอยากจะพูดอะไร แต่ก็ถูกขัดโดยอี้จิ่นหลี“อี้หราน นี่เป็นฟางเส้นสุดท้ายของฉัน ถ้าเธอไม่เต็มใจตกลงเงื่อนไขนี้ งั้นเธอก็เกลียดฉันไปตลอดชีวิตซะยังดีกว่า!”หลิงอี้หรานเข้าใจสิ่งที่เขาจะสื่อ หรืออีกนัยหนึ่งคือ ถ้าเธ
อี้จิ่นหลีนั่งอยู่ในรถและมองร่างของหลิงอี้หรานที่ค่อย ๆ เล็กลงเรื่อย ๆเธอไม่รู้เลยว่านอกจากชีวิตของเธอที่เป็นเดิมพันในครั้งนี้แล้ว ยังมีชีวิตของเขาด้วยถ้าเธออยู่ เขาก็อยู่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ เขาก็จะอยู่กับเธอ ในเมื่อเธออยากจะลองเสี่ยงดู ถ้าอย่างนั้นแล้วเขาก็จะเดิมพันอนาคตไปพร้อมกับเธอ! ...หลิงอี้หรานมาถึงยังห้องพักฟื้นของชินเหลียนอีซึ่งอยู่ในวอร์ดไอซียู ถึงอย่างนั้นห้องนี้ก็ค่อนข้างจะแยกออกมาและมีห้องข้าง ๆ สำหรับให้สมาชิกในครอบครัวนอนพัก ใครเห็นก็พูดได้ว่าสภาพแวดล้อมที่นี่ดีกว่าโรงพยาบาลก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัดพ่อและแม่ของชินเหลียนอีกล่าวขอบคุณหลิงอี้หรานซ้ำ ๆ เมื่อเห็นเธอ “คุณลุง คุณป้าคะ ไม่ต้องขอบคุณหนูขนาดนี้ก็ได้ค่ะ ตอนนั้นเหลียนอีเสียอะไรไปตั้งหลายอย่างก็เพื่อหนู หนูแค่ทำสิ่งที่ควรทำ” หลิงอี้หรานกล่าวด้วยความเป็นห่วงอาการของเพื่อนสนิท “หมอว่ายังไงบ้างคะ? พวกเขาบอกไหมคะว่าเหลียนอีจะพ้นขีดอันตรายเมื่อไหร่?”“พวกเขาไม่ได้บอกว่าเธอจะพ้นขีดอันตรายเมื่อไหร่ คงใช้เวลามากเลยล่ะ แต่พวกเขาบอกว่าจะปรึกษากับหมอที่ดีที่สุดทั้งในและต่างประเทศเลยนะ ดูเหมือนการรักษาจะดีกว
“ชุดเหรอคะ?” หลิงอี้หรานตะลึงไปเขาพูดว่า “ใช่ค่ะ ชุดเพื่อนเจ้าสาว คุณชินเหลียนอีจ่ายเงินไว้หมดแล้ว คุณแค่มารับไปได้เลยค่ะ คุณชินเหลียนอีให้เบอร์โทรเราไว้ด้วย แต่เราติดต่อเธอไม่ได้เลย”“ตอนนี้เธอ... อยู่โรงพยาบาลน่ะค่ะ เลยไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ฉันจะไปรับให้เองค่ะ” หลิงอี้หรานกล่าวจากนั้นก็วางสายหลังจากจดที่อยู่แล้ว‘ชุดเพื่อนเจ้าสาว...’ หลิงอี้หรานจำได้ว่าเหลียนอีเคยพูดเรื่องที่เธอสั่งชุดเพื่อนเจ้าสาวไว้สำหรับเซอร์ไพรส์เธอ ตอนที่บอกเรื่องนี้เหลียนอีดูมีความสุขมากหลิงอี้หรานไปยังร้านเสื้อผ้าตามที่อยู่ที่ได้มา เรียกได้ว่าร้านนี้เป็นร้านที่ค่อนข้างหรูในเมือง เสื้อผ้าในร้านจึงมีราคาแพง เหลียนอีน่าจะใช้เงินไปมากกับชุดเพื่อนเจ้าสาวที่ว่านี้หลิงอี้หรานเดินเข้าไปในร้านและบอกกับพนักงานผู้ช่วยในร้านซึ่งเดินเข้ามาหาว่า “ฉันหลิงอี้หรานค่ะ พนักงานของคุณบอกให้ฉันมารับชุด” “อ๋อค่ะ สักครู่นะคะ” เธอตอบและขอให้หลิงอี้หรานไปรอในเลานจ์มีคนอีกสามคนเดินเข้ามาในร้านในขณะที่หลิงอี้หรานกำลังนั่งรอ และหนึ่งในนั้นคือหวาลี่ฟาง หวาลี่ฟางในชุดที่ออกแบบมาจากดีไซเนอร์ตกตะลึงไปเมื่อเห็นหลิงอี้หราน เธอไม่คิ
“เอ่อ...” พนักงานที่อยู่ตรงนั้นรู้ว่าหวาลี่ฟางและเพื่อนของเธอเป็นใครแต่คุณหลิงคนนี้ต้องเป็นคนชั้นสูงแน่ เพราะเขาเห็นว่าเธอเดินทางมาด้วยรถเบนท์ลีย์ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะมีปัญญาหามาใช้ได้หวาลี่ฟางขยับริมฝีปากสีแดงสดของเธอเป็นรอยยิ้มเยาะ “อี้หราน ขอโทษจริง ๆ นะจ๊ะ เพื่อนฉันเป็นคนตรง ๆ น่ะ และไม่ชอบผู้หญิงเจ้าเล่ห์เท่าไหร่ อย่างที่เธอรู้ ชนชั้นสูงน่ะเกลียดคนเจ้าเล่ห์ที่เอาแต่ใส่ร้ายคนอื่นเพื่อไต่ไปหาเป้าหมายอย่างเธอเป็นที่สุด เพื่อนฉันมีเพื่อนเป็นคนชั้นสูงเยอะ ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป ฉันกลัวจังว่าร้านนี้คงจะไม่มีที่ยืนในวงการธุรกิจ!”แม้หวาลี่ฟางจะกำลังพูดกับหลิงอี้หราน แต่คำพูดของเธอกลับบอกพนักงานที่อยู่ใกล้เคียงหลิงอี้หรานมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา วันนั้นเธอได้บอกความจริงทุกอย่างที่กู้ลี่เฉินอยากรู้ไปแล้วแต่ตัดสินตามพฤติกรรมของหวาลี่ฟางแล้ว ดูเหมือนเธอจะไม่รู้เรื่องนั้นเลยแม้แต่นิดเดียวกู้ลี่เฉินยังไม่ถามหวาลี่ฟางอีกเหรอ? แต่ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเธอแล้ว!“หวาลี่ฟาง ก่อนหน้านี้ฉันไม่เปิดโปงเธอเรื่องที่ปลอมตัวเป็นฉัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะเหมือนกัน เธอโกหกต่อไปก็ได้
ถึงอย่างนั้นสิ่งที่น่าอับอายยิ่งกว่านั้นยังมาไม่ถึงหลิงอี้หรานกล่าวว่า “หยิบขึ้นมาสิ! ในเมื่อเธอเป็นคนโยนชุดนั่นไปบนพื้น ก็หยิบมันขึ้นมาเอง!”“ทำไมฉันต้องหยิบมันขึ้นมาตามที่เธอบอกด้วย?” หวาลี่ฟางถามด้วยความโกรธเคือง จากนั้นเธอก็พูดกับพนักงานใกล้ ๆ แถวนั้นว่า “พวกคุณไม่ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปเหรอ? ก็ได้ฉันทำเอง!”เธอเอื้อมมือไปจับหลิงอี้หรานไว้ขณะที่พูดอย่างนั้นทว่าก่อนที่หวาลี่ฟางจะได้แตะตัวหลิงอี้หราน เธอก็โดนหยุดไว้โดยผู้หญิงหน้าตาธรรมดาซึ่งยืนอยู่ข้างหลังเธอในพริบตาเดียวผู้หญิงคนนั้นก็หักข้อมือของหวาลี่ฟาง เธอโดนเอาชนะได้อย่างง่ายดายและกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด“นายหญิงคะ คุณอยากให้จัดการคนนี้ยังไง?” ผู้หญิงคนนั้นถามหลิงอี้หรานอย่างให้เกียรติหลิงอี้หรานพูดอย่างเย็นชาว่า “บอกให้หล่อนหยิบชุดขึ้นมา” นี่เป็นบอดี้การ์ดหญิงที่อี้จิ่นหลีจ้างมาปกป้องเธอ จึงเป็นธรรมดาที่จะมีทักษะการต่อสู้ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่มีเรื่องกับหวาลี่ฟางในขณะที่ตั้งท้องอยู่อย่างนี้หรอก“ค่ะ” บอดี้การ์ดสาวกล่าวแล้วพูดกับหวาลี่ฟาง “ได้ยินสิ่งที่นายหญิงพูดแล้วใช่ไหม หยิบชุดขึ้นมาสิ”“ทำไมฉันต้องทำด้วย?” หวา
ดูเหมือนว่าสถานการณ์ตรงนี้ที่เกือบจะกลายเป็นการปะทะ... ได้กลายเป็น... ละครรักไปเสียอย่างนั้น?ดวงตาของหวาลี่ฟางเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ‘ทำไม... อี้จิ่นหลีถึงอยู่กับหลิงอี้หราน? ไม่ใช่พวกเขาเลิกกันแล้วเหรอ?’อี้จิ่นหลีมองหวาลี่ฟางซึ่งถูกบอดี้การ์ดหญิงกดอยู่กับพื้นด้วยสายตาเย็นชา “อยากให้ฉันช่วยจัดการยัยคนนี้หรือเปล่า?”เขาพูดสบาย ๆ แต่หวาลี่ฟางกลับอึ้งไปก่อนจะรีบพูดว่า “อี้จิ่นหลี อย่า... อย่าโดนหลิงอี้หรานหลอกนะคะ ตอนนี้เธอกำลังคลั่งกวอซินหลี่มากถึงขนาดเป็นทนายให้เขา เธอยังยืนอยู่หน้าบ้านของลี่เฉินทั้งคืนเพื่อกวอซินหลี่ด้วย...”ตอนนี้เธอแค่ต้องการสร้างช่องว่างระหว่างอี้จิ่นหลีและหลิงอี้หราน หลิงอี้หรานตัวสั่นเมื่อคำพูดของหวาลี่ฟางย้ำเตือนให้เธอนึกถึงคืนอันสิ้นหวังนั้น!คนที่อยู่ใกล้ ๆ โดยรอบต่างก็ตกใจเมื่อหวาลี่ฟางเรียกชื่อของ ‘อี้จิ่นหลี’ ตรง ๆ ผู้หญิงมีฐานะสองคนที่ก่อนหน้านี้ช่วยพูดไม่ดีกับหลังอี้หรานเพื่อช่วยหวาลี่ฟางจำอี้จิ่นหลีได้ก่อน ดังนั้นพวกเธอจึงหน้าซีดขณะมองหน้าแล้วเห็นความหวาดกลัวในสายตาของกันและกันอี้จิ่นหลีหยุดถูมือของหลิงอี้หรานและชำเลืองมองหวาลี่ฟ
อี้จิ่นหลีหันไปมองหลิงอี้หรานอีกครั้งพลางพูดว่า “เกรงว่าคงไม่มีอะไรดี ๆ รอญาติของเธออยู่หรอกนะ เธอล่ะว่าไง? อยากช่วยยัยญาติคนนั้นของเธอหรือเปล่า?”หลิงอี้หรานพูดสียงเบา “ไม่ค่ะ”“แค่เพราะเธอจงใจใส่ร้ายกวอซินหลี่เหรอ?” เขาพูดราวกับเป็นเรื่องสบาย ๆ แต่ดวงตาสีเข้มของเขาไม่เคยพลาดการเปลี่ยนสีหน้าของเธอเลยแม้แต่น้อยหลิงอี้หรานกล่าวอย่างสงบว่า “นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของเหตุผล ฉันไม่ใช่แม่พระ ฉันไม่ช่วยคนที่พยายามทำร้ายฉันซ้ำ ๆ รวมถึงทำร้ายคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่หรอกนะคะ เธอไม่เคยสบายใจและอยากจะกำจัดฉันอยู่ตลอดตั้งแต่ที่เธอปลอมตัวเป็นฉัน ในเมื่อฉันบอกความจริงกับกู้ลี่เฉินแล้ว ฉันก็คิดถึงผลลัพธ์ที่ตามมาไว้แล้วล่ะค่ะ”“ไม่รู้อิโหน่อิเหน่?” อี้จิ่นหลีกล่าวเยาะ “นี่เธอเชื่อว่ากวอซินหลี่บริสุทธิ์เหรอ? เธอเป็นทนายไม่ใช่เหรอ? เธอไม่ต้องเชื่อในหลักฐานหรือไง? ตอนนี้หลักฐานทุกอย่างชี้ไปที่กวอซินหลี่หมดเลย”หลิงอี้หรานกล่าวอย่างมั่นใจ “ฉันรู้ค่ะ หลักฐานก็เป็นแค่สิ่งผิวเผิน ถ้าเราเชื่อมากเกินไปก็อาจนำไปสู่การตัดสินที่ผิดพลาดได้ เหมือนที่เคยเกิดกับคดีของฉัน ไม่ใช่เหรอคะ?”ดวงตาของอี้จิ่นหลีเป็นประกายเ