“เอ่อ...” พนักงานที่อยู่ตรงนั้นรู้ว่าหวาลี่ฟางและเพื่อนของเธอเป็นใครแต่คุณหลิงคนนี้ต้องเป็นคนชั้นสูงแน่ เพราะเขาเห็นว่าเธอเดินทางมาด้วยรถเบนท์ลีย์ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะมีปัญญาหามาใช้ได้หวาลี่ฟางขยับริมฝีปากสีแดงสดของเธอเป็นรอยยิ้มเยาะ “อี้หราน ขอโทษจริง ๆ นะจ๊ะ เพื่อนฉันเป็นคนตรง ๆ น่ะ และไม่ชอบผู้หญิงเจ้าเล่ห์เท่าไหร่ อย่างที่เธอรู้ ชนชั้นสูงน่ะเกลียดคนเจ้าเล่ห์ที่เอาแต่ใส่ร้ายคนอื่นเพื่อไต่ไปหาเป้าหมายอย่างเธอเป็นที่สุด เพื่อนฉันมีเพื่อนเป็นคนชั้นสูงเยอะ ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป ฉันกลัวจังว่าร้านนี้คงจะไม่มีที่ยืนในวงการธุรกิจ!”แม้หวาลี่ฟางจะกำลังพูดกับหลิงอี้หราน แต่คำพูดของเธอกลับบอกพนักงานที่อยู่ใกล้เคียงหลิงอี้หรานมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา วันนั้นเธอได้บอกความจริงทุกอย่างที่กู้ลี่เฉินอยากรู้ไปแล้วแต่ตัดสินตามพฤติกรรมของหวาลี่ฟางแล้ว ดูเหมือนเธอจะไม่รู้เรื่องนั้นเลยแม้แต่นิดเดียวกู้ลี่เฉินยังไม่ถามหวาลี่ฟางอีกเหรอ? แต่ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเธอแล้ว!“หวาลี่ฟาง ก่อนหน้านี้ฉันไม่เปิดโปงเธอเรื่องที่ปลอมตัวเป็นฉัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะเหมือนกัน เธอโกหกต่อไปก็ได้
ถึงอย่างนั้นสิ่งที่น่าอับอายยิ่งกว่านั้นยังมาไม่ถึงหลิงอี้หรานกล่าวว่า “หยิบขึ้นมาสิ! ในเมื่อเธอเป็นคนโยนชุดนั่นไปบนพื้น ก็หยิบมันขึ้นมาเอง!”“ทำไมฉันต้องหยิบมันขึ้นมาตามที่เธอบอกด้วย?” หวาลี่ฟางถามด้วยความโกรธเคือง จากนั้นเธอก็พูดกับพนักงานใกล้ ๆ แถวนั้นว่า “พวกคุณไม่ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปเหรอ? ก็ได้ฉันทำเอง!”เธอเอื้อมมือไปจับหลิงอี้หรานไว้ขณะที่พูดอย่างนั้นทว่าก่อนที่หวาลี่ฟางจะได้แตะตัวหลิงอี้หราน เธอก็โดนหยุดไว้โดยผู้หญิงหน้าตาธรรมดาซึ่งยืนอยู่ข้างหลังเธอในพริบตาเดียวผู้หญิงคนนั้นก็หักข้อมือของหวาลี่ฟาง เธอโดนเอาชนะได้อย่างง่ายดายและกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด“นายหญิงคะ คุณอยากให้จัดการคนนี้ยังไง?” ผู้หญิงคนนั้นถามหลิงอี้หรานอย่างให้เกียรติหลิงอี้หรานพูดอย่างเย็นชาว่า “บอกให้หล่อนหยิบชุดขึ้นมา” นี่เป็นบอดี้การ์ดหญิงที่อี้จิ่นหลีจ้างมาปกป้องเธอ จึงเป็นธรรมดาที่จะมีทักษะการต่อสู้ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่มีเรื่องกับหวาลี่ฟางในขณะที่ตั้งท้องอยู่อย่างนี้หรอก“ค่ะ” บอดี้การ์ดสาวกล่าวแล้วพูดกับหวาลี่ฟาง “ได้ยินสิ่งที่นายหญิงพูดแล้วใช่ไหม หยิบชุดขึ้นมาสิ”“ทำไมฉันต้องทำด้วย?” หวา
ดูเหมือนว่าสถานการณ์ตรงนี้ที่เกือบจะกลายเป็นการปะทะ... ได้กลายเป็น... ละครรักไปเสียอย่างนั้น?ดวงตาของหวาลี่ฟางเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ‘ทำไม... อี้จิ่นหลีถึงอยู่กับหลิงอี้หราน? ไม่ใช่พวกเขาเลิกกันแล้วเหรอ?’อี้จิ่นหลีมองหวาลี่ฟางซึ่งถูกบอดี้การ์ดหญิงกดอยู่กับพื้นด้วยสายตาเย็นชา “อยากให้ฉันช่วยจัดการยัยคนนี้หรือเปล่า?”เขาพูดสบาย ๆ แต่หวาลี่ฟางกลับอึ้งไปก่อนจะรีบพูดว่า “อี้จิ่นหลี อย่า... อย่าโดนหลิงอี้หรานหลอกนะคะ ตอนนี้เธอกำลังคลั่งกวอซินหลี่มากถึงขนาดเป็นทนายให้เขา เธอยังยืนอยู่หน้าบ้านของลี่เฉินทั้งคืนเพื่อกวอซินหลี่ด้วย...”ตอนนี้เธอแค่ต้องการสร้างช่องว่างระหว่างอี้จิ่นหลีและหลิงอี้หราน หลิงอี้หรานตัวสั่นเมื่อคำพูดของหวาลี่ฟางย้ำเตือนให้เธอนึกถึงคืนอันสิ้นหวังนั้น!คนที่อยู่ใกล้ ๆ โดยรอบต่างก็ตกใจเมื่อหวาลี่ฟางเรียกชื่อของ ‘อี้จิ่นหลี’ ตรง ๆ ผู้หญิงมีฐานะสองคนที่ก่อนหน้านี้ช่วยพูดไม่ดีกับหลังอี้หรานเพื่อช่วยหวาลี่ฟางจำอี้จิ่นหลีได้ก่อน ดังนั้นพวกเธอจึงหน้าซีดขณะมองหน้าแล้วเห็นความหวาดกลัวในสายตาของกันและกันอี้จิ่นหลีหยุดถูมือของหลิงอี้หรานและชำเลืองมองหวาลี่ฟ
อี้จิ่นหลีหันไปมองหลิงอี้หรานอีกครั้งพลางพูดว่า “เกรงว่าคงไม่มีอะไรดี ๆ รอญาติของเธออยู่หรอกนะ เธอล่ะว่าไง? อยากช่วยยัยญาติคนนั้นของเธอหรือเปล่า?”หลิงอี้หรานพูดสียงเบา “ไม่ค่ะ”“แค่เพราะเธอจงใจใส่ร้ายกวอซินหลี่เหรอ?” เขาพูดราวกับเป็นเรื่องสบาย ๆ แต่ดวงตาสีเข้มของเขาไม่เคยพลาดการเปลี่ยนสีหน้าของเธอเลยแม้แต่น้อยหลิงอี้หรานกล่าวอย่างสงบว่า “นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของเหตุผล ฉันไม่ใช่แม่พระ ฉันไม่ช่วยคนที่พยายามทำร้ายฉันซ้ำ ๆ รวมถึงทำร้ายคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่หรอกนะคะ เธอไม่เคยสบายใจและอยากจะกำจัดฉันอยู่ตลอดตั้งแต่ที่เธอปลอมตัวเป็นฉัน ในเมื่อฉันบอกความจริงกับกู้ลี่เฉินแล้ว ฉันก็คิดถึงผลลัพธ์ที่ตามมาไว้แล้วล่ะค่ะ”“ไม่รู้อิโหน่อิเหน่?” อี้จิ่นหลีกล่าวเยาะ “นี่เธอเชื่อว่ากวอซินหลี่บริสุทธิ์เหรอ? เธอเป็นทนายไม่ใช่เหรอ? เธอไม่ต้องเชื่อในหลักฐานหรือไง? ตอนนี้หลักฐานทุกอย่างชี้ไปที่กวอซินหลี่หมดเลย”หลิงอี้หรานกล่าวอย่างมั่นใจ “ฉันรู้ค่ะ หลักฐานก็เป็นแค่สิ่งผิวเผิน ถ้าเราเชื่อมากเกินไปก็อาจนำไปสู่การตัดสินที่ผิดพลาดได้ เหมือนที่เคยเกิดกับคดีของฉัน ไม่ใช่เหรอคะ?”ดวงตาของอี้จิ่นหลีเป็นประกายเ
น้ำเสียงเย็นชาของเขาดังขึ้นอย่างแน่วแน่ภายในรถ และไม่ยอมรับการปฏิเสธใด ๆ ทั้งสิ้น! ...หวาลี่ฟางมาถึงบ้านของกู้ลี่เฉินด้วยใบหน้าบวมฉึ่ง เธอมาเพื่อฟ้องกู้ลี่เฉิน และแน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็เพื่อบอกกู้ลี่เฉินว่าหลิงอี้หรานแต่งงานกับอี้จิ่นหลีแล้ว!นั่นเป็นข่าวดีเล็กน้อยที่เธอได้ยินมาหลังจากโดนตบจนหน้าช้ำ แบบนี้แล้วความรู้สึกที่ลี่เฉินมีให้หลิงอี้หรานก็ต้องจบลง แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อคิดว่าหลิงอี้หรานแต่งงานกับอี้จิ่นหลีและกลายเป็นนายหญิงแห่งตระกูลที่ทั้งรวยและทรงอำนาจ เธอก็อิจฉาตาร้อนจนอกจะแตกตายแล้ว!เธอถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหยุดไว้โดยไม่คาดคิดในตอนที่เธอมาถึงคฤหาสน์“นายน้อยกู้ยังไม่กลับมา” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกล่าว “ถึงลี่เฉินจะยังไม่กลับมา แต่ฉันก็เข้าไปรอเขาข้างในก็ได้ เขาไม่เคยห้ามฉันเข้ามาก่อน” หวาลี่ฟางกล่าวอย่างหยิ่งยโส และระบายความไม่พอใจก่อนหน้านี้ไปกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย“นั่นมันก่อนหน้านี้ เมื่อวานนายน้อยกู้สั่งเราไว้ว่า คุณไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาที่นี่อีก” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตอบหวาลี่ฟางตะลึง “ไม่มีทาง!” “คุณหวา ถ้าไม่เชื่อก็
“ใครกัน... ใครกันที่พยายามจะทำร้ายฉัน?” หวาลี่ฟางขุ่นเคืองผู้จัดการพูดว่า “หลายคนอิจฉาเพราะสิ่งที่นายน้อยกู้มอบให้เธอ” อีกอย่างหวาลี่ฟางก็ชอบทำให้หลายคนไม่พอใจด้วย! ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเธอมีเจ้าชายคอยให้ท้าย ตอนนี้เธอคงมีชีวิตที่อนาถไปแล้วผู้จัดการดูถูกหวาลี่ฟาง ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าชาย เขาคงไม่มีทางยุ่งเกี่ยวกับนักแสดงหญิงแบบหวาลี่ฟางแน่! เธอไม่มีทั้งหน้าตาหรือความสามารถด้านการแสดง ทั้งยังขาดมารยาททางสังคมและอีคิวต่ำ เธอมักจะทำตัวเหมือนเศรษฐีใหม่ที่อยากให้คนอื่นมาคอยเอาใจ แถมยังชอบใช้ชื่อเจ้าชายมากดหัวคนอื่นเวลาที่อะไร ๆ ไม่เป็นดั่งใจดังนั้น ตอนนี้เมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นผู้จัดการจึงไม่ได้อยากช่วยหวาลี่ฟางด้วยใจจริงเลย!“ทำไมไม่คุยกับนายน้อยกู้แล้วขอให้เขาช่วยเอามันลงล่ะ?” ผู้จัดการพูดความเจ็บปวดนี้ของหวาลี่ฟางไม่สามารถอธิบายออกมาได้ง่าย ๆ ถ้าเธอหาตัวลี่เฉินเจอ มีเหรอเธอจะมาฟังคำพูดไร้สาระของผู้จัดการคนนี้? คำค้นหายอดนิยมนั่นก็คงจะหายไปตั้งนานแล้ว! เพราะแบบนั้นเธอจึงทำได้เพียงพึมพำว่า “ฉัน... จะไปหาเขาทีหลัง”เมื่อสายตัดลง หวาลี่ฟางก็โกรธมากจนตัวสั่นและขว้างโทรศัพท์ลงบนพื้
กู้ลี่เฉินก้มหน้ามองมือขวาของตัวเอง ซึ่ง... เคยจับหัวเข่าโชกเลือดในตอนนั้น และปลายนิ้วของเขาเองก็เปื้อนเลือดด้วยเช่นกัน! ‘นั่นเป็น... เลือดที่เธอหลั่งออกมาเพื่อฉัน...’ เขาถึงขั้นตกหลุมรักเธอด้วยซ้ำ แต่ทำไมเขาถึงคลาดกับเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้ล่ะ? เขายังคลาดกับเธอในครั้งสุดท้ายที่เธอมาขอความช่วยเหลือจากเขาด้วยซ้ำ!‘ถ้า... ฉันไม่ได้เข้าใจผิดว่าคนอื่นเป็นเธอ!‘และ... ถ้าฉันไม่ได้หึงจนหน้ามืดตามัว...‘ถ้าหวาลี่ฟางไม่ได้เข้ามาแทนที่ของอี้หราน ฉันก็คงจะสืบต่อไปและตรวจสอบทุกอย่างให้รอบคอบ จากนั้นทุกอย่างก็คงจะเปลี่ยนไป! ฉันโง่ขนาดนี้ได้ยังไง!‘ถ้าอย่างน้อยฉันตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบ ฉันก็คงไม่คลาดกับอี้หราน!’ในตอนนั้นเองที่กู้ลี่เฉินไม่รู้สึกอะไรอีกนอกจากความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงจนทำให้แทบจะหายใจไม่ออก ...หลิงอี้หรานไปยังสำนักงานทนายความในวันถัดมา เธอไม่ได้กลับไปที่บริษัทมาหลายวันจนถึงตอนนี้ แม้เธอจะขอลากับทนายกู้แล้ว แต่มันคงดูไม่เหมาะที่จะขอลาต่อไปอีกนอกจากนั้นตอนนี้เธอก็กำลังตั้งท้องแฝดสามอยู่ เธอจึงน่าจะไม่สามารถทำงานจำนวนมากตามที่ได้รับมอบหมายได้ ปกติแล้วคนคนหนึ่งคงไม่สามารถอุ้มท้อ
เธอไม่ได้แพ้ท้องบ่อยนัก แต่ทุกครั้งก็ค่อนข้างจะรุนแรงราวกับจะอาเจียนเอาทุกอย่างในตัวออกมาขณะที่ออกมาจากห้องน้ำ เธอก็ประจันหน้ากับกวานลี่หลี่ตรง ๆตั้งแต่ที่วิดีโอของกวานลี่หลี่นอกใจและโดนดาราหน้าใหม่ตบเป็นไวรัลในโลกออนไลน์ ลี่หลี่ก็เจียมเนื้อเจียมตัวและไม่ค่อยมาวุ่นวายกับเธอเท่าไหร่แต่สายตาที่กวานลี่หลี่มองเธอตอนนี้ ไม่รู้ว่าทำไมถึงทำให้หลิงอี้หรานรู้สึกไม่สบายใจหลิงอี้หรานเดินผ่านกวานลี่หลี่ไปยังซิงค์เพื่อล้างมือจู่ ๆ กวานลี่หลี่ก็พูดขึ้นมาว่า “หลิงอี้หราน เธออ้วกเยอะนะ ทำไมเหมือนคนแพ้ท้องเลยล่ะ?” เธอถามลวก ๆ“ถ้าใช่แล้วมันยังไงเหรอ?” หลิงอี้หรานยอมรับออกมาตรง ๆเนื่องจากเธอท้องแล้ววันหนึ่งหน้าท้องของเธอก็จะยื่นออกมาอยู่ดี ดังนั้นเธอก็ซ่อนเรื่องนี้ไม่ได้ อีกอย่างเธอก็ไม่มีความตั้งใจจะเก็บเป็นความลับอยู่แล้วกวานลี่หลี่ชะงักไป เธอไม่คิดว่าอีกฝ่านจะยอมรับออกมาตรง ๆ แบบนี้“นี่เธอ... ท้องจริงเหรอ? ท้องก่อนแต่งเหรอ?” กวานลี่หลี่พูดตามตรงหลิงอี้หรานเมินกวานลี่หลี่และเดินออกไปจากห้องน้ำถึงอย่างนั้นเรื่องที่เธอท้องก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งสำนักงานตั้งแต่ก่อนเที่นง เพื่อนร่วมงานบ
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค