“ชุดเหรอคะ?” หลิงอี้หรานตะลึงไปเขาพูดว่า “ใช่ค่ะ ชุดเพื่อนเจ้าสาว คุณชินเหลียนอีจ่ายเงินไว้หมดแล้ว คุณแค่มารับไปได้เลยค่ะ คุณชินเหลียนอีให้เบอร์โทรเราไว้ด้วย แต่เราติดต่อเธอไม่ได้เลย”“ตอนนี้เธอ... อยู่โรงพยาบาลน่ะค่ะ เลยไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ฉันจะไปรับให้เองค่ะ” หลิงอี้หรานกล่าวจากนั้นก็วางสายหลังจากจดที่อยู่แล้ว‘ชุดเพื่อนเจ้าสาว...’ หลิงอี้หรานจำได้ว่าเหลียนอีเคยพูดเรื่องที่เธอสั่งชุดเพื่อนเจ้าสาวไว้สำหรับเซอร์ไพรส์เธอ ตอนที่บอกเรื่องนี้เหลียนอีดูมีความสุขมากหลิงอี้หรานไปยังร้านเสื้อผ้าตามที่อยู่ที่ได้มา เรียกได้ว่าร้านนี้เป็นร้านที่ค่อนข้างหรูในเมือง เสื้อผ้าในร้านจึงมีราคาแพง เหลียนอีน่าจะใช้เงินไปมากกับชุดเพื่อนเจ้าสาวที่ว่านี้หลิงอี้หรานเดินเข้าไปในร้านและบอกกับพนักงานผู้ช่วยในร้านซึ่งเดินเข้ามาหาว่า “ฉันหลิงอี้หรานค่ะ พนักงานของคุณบอกให้ฉันมารับชุด” “อ๋อค่ะ สักครู่นะคะ” เธอตอบและขอให้หลิงอี้หรานไปรอในเลานจ์มีคนอีกสามคนเดินเข้ามาในร้านในขณะที่หลิงอี้หรานกำลังนั่งรอ และหนึ่งในนั้นคือหวาลี่ฟาง หวาลี่ฟางในชุดที่ออกแบบมาจากดีไซเนอร์ตกตะลึงไปเมื่อเห็นหลิงอี้หราน เธอไม่คิ
“เอ่อ...” พนักงานที่อยู่ตรงนั้นรู้ว่าหวาลี่ฟางและเพื่อนของเธอเป็นใครแต่คุณหลิงคนนี้ต้องเป็นคนชั้นสูงแน่ เพราะเขาเห็นว่าเธอเดินทางมาด้วยรถเบนท์ลีย์ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะมีปัญญาหามาใช้ได้หวาลี่ฟางขยับริมฝีปากสีแดงสดของเธอเป็นรอยยิ้มเยาะ “อี้หราน ขอโทษจริง ๆ นะจ๊ะ เพื่อนฉันเป็นคนตรง ๆ น่ะ และไม่ชอบผู้หญิงเจ้าเล่ห์เท่าไหร่ อย่างที่เธอรู้ ชนชั้นสูงน่ะเกลียดคนเจ้าเล่ห์ที่เอาแต่ใส่ร้ายคนอื่นเพื่อไต่ไปหาเป้าหมายอย่างเธอเป็นที่สุด เพื่อนฉันมีเพื่อนเป็นคนชั้นสูงเยอะ ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป ฉันกลัวจังว่าร้านนี้คงจะไม่มีที่ยืนในวงการธุรกิจ!”แม้หวาลี่ฟางจะกำลังพูดกับหลิงอี้หราน แต่คำพูดของเธอกลับบอกพนักงานที่อยู่ใกล้เคียงหลิงอี้หรานมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา วันนั้นเธอได้บอกความจริงทุกอย่างที่กู้ลี่เฉินอยากรู้ไปแล้วแต่ตัดสินตามพฤติกรรมของหวาลี่ฟางแล้ว ดูเหมือนเธอจะไม่รู้เรื่องนั้นเลยแม้แต่นิดเดียวกู้ลี่เฉินยังไม่ถามหวาลี่ฟางอีกเหรอ? แต่ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเธอแล้ว!“หวาลี่ฟาง ก่อนหน้านี้ฉันไม่เปิดโปงเธอเรื่องที่ปลอมตัวเป็นฉัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะเหมือนกัน เธอโกหกต่อไปก็ได้
ถึงอย่างนั้นสิ่งที่น่าอับอายยิ่งกว่านั้นยังมาไม่ถึงหลิงอี้หรานกล่าวว่า “หยิบขึ้นมาสิ! ในเมื่อเธอเป็นคนโยนชุดนั่นไปบนพื้น ก็หยิบมันขึ้นมาเอง!”“ทำไมฉันต้องหยิบมันขึ้นมาตามที่เธอบอกด้วย?” หวาลี่ฟางถามด้วยความโกรธเคือง จากนั้นเธอก็พูดกับพนักงานใกล้ ๆ แถวนั้นว่า “พวกคุณไม่ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปเหรอ? ก็ได้ฉันทำเอง!”เธอเอื้อมมือไปจับหลิงอี้หรานไว้ขณะที่พูดอย่างนั้นทว่าก่อนที่หวาลี่ฟางจะได้แตะตัวหลิงอี้หราน เธอก็โดนหยุดไว้โดยผู้หญิงหน้าตาธรรมดาซึ่งยืนอยู่ข้างหลังเธอในพริบตาเดียวผู้หญิงคนนั้นก็หักข้อมือของหวาลี่ฟาง เธอโดนเอาชนะได้อย่างง่ายดายและกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด“นายหญิงคะ คุณอยากให้จัดการคนนี้ยังไง?” ผู้หญิงคนนั้นถามหลิงอี้หรานอย่างให้เกียรติหลิงอี้หรานพูดอย่างเย็นชาว่า “บอกให้หล่อนหยิบชุดขึ้นมา” นี่เป็นบอดี้การ์ดหญิงที่อี้จิ่นหลีจ้างมาปกป้องเธอ จึงเป็นธรรมดาที่จะมีทักษะการต่อสู้ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่มีเรื่องกับหวาลี่ฟางในขณะที่ตั้งท้องอยู่อย่างนี้หรอก“ค่ะ” บอดี้การ์ดสาวกล่าวแล้วพูดกับหวาลี่ฟาง “ได้ยินสิ่งที่นายหญิงพูดแล้วใช่ไหม หยิบชุดขึ้นมาสิ”“ทำไมฉันต้องทำด้วย?” หวา
ดูเหมือนว่าสถานการณ์ตรงนี้ที่เกือบจะกลายเป็นการปะทะ... ได้กลายเป็น... ละครรักไปเสียอย่างนั้น?ดวงตาของหวาลี่ฟางเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ‘ทำไม... อี้จิ่นหลีถึงอยู่กับหลิงอี้หราน? ไม่ใช่พวกเขาเลิกกันแล้วเหรอ?’อี้จิ่นหลีมองหวาลี่ฟางซึ่งถูกบอดี้การ์ดหญิงกดอยู่กับพื้นด้วยสายตาเย็นชา “อยากให้ฉันช่วยจัดการยัยคนนี้หรือเปล่า?”เขาพูดสบาย ๆ แต่หวาลี่ฟางกลับอึ้งไปก่อนจะรีบพูดว่า “อี้จิ่นหลี อย่า... อย่าโดนหลิงอี้หรานหลอกนะคะ ตอนนี้เธอกำลังคลั่งกวอซินหลี่มากถึงขนาดเป็นทนายให้เขา เธอยังยืนอยู่หน้าบ้านของลี่เฉินทั้งคืนเพื่อกวอซินหลี่ด้วย...”ตอนนี้เธอแค่ต้องการสร้างช่องว่างระหว่างอี้จิ่นหลีและหลิงอี้หราน หลิงอี้หรานตัวสั่นเมื่อคำพูดของหวาลี่ฟางย้ำเตือนให้เธอนึกถึงคืนอันสิ้นหวังนั้น!คนที่อยู่ใกล้ ๆ โดยรอบต่างก็ตกใจเมื่อหวาลี่ฟางเรียกชื่อของ ‘อี้จิ่นหลี’ ตรง ๆ ผู้หญิงมีฐานะสองคนที่ก่อนหน้านี้ช่วยพูดไม่ดีกับหลังอี้หรานเพื่อช่วยหวาลี่ฟางจำอี้จิ่นหลีได้ก่อน ดังนั้นพวกเธอจึงหน้าซีดขณะมองหน้าแล้วเห็นความหวาดกลัวในสายตาของกันและกันอี้จิ่นหลีหยุดถูมือของหลิงอี้หรานและชำเลืองมองหวาลี่ฟ
อี้จิ่นหลีหันไปมองหลิงอี้หรานอีกครั้งพลางพูดว่า “เกรงว่าคงไม่มีอะไรดี ๆ รอญาติของเธออยู่หรอกนะ เธอล่ะว่าไง? อยากช่วยยัยญาติคนนั้นของเธอหรือเปล่า?”หลิงอี้หรานพูดสียงเบา “ไม่ค่ะ”“แค่เพราะเธอจงใจใส่ร้ายกวอซินหลี่เหรอ?” เขาพูดราวกับเป็นเรื่องสบาย ๆ แต่ดวงตาสีเข้มของเขาไม่เคยพลาดการเปลี่ยนสีหน้าของเธอเลยแม้แต่น้อยหลิงอี้หรานกล่าวอย่างสงบว่า “นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของเหตุผล ฉันไม่ใช่แม่พระ ฉันไม่ช่วยคนที่พยายามทำร้ายฉันซ้ำ ๆ รวมถึงทำร้ายคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่หรอกนะคะ เธอไม่เคยสบายใจและอยากจะกำจัดฉันอยู่ตลอดตั้งแต่ที่เธอปลอมตัวเป็นฉัน ในเมื่อฉันบอกความจริงกับกู้ลี่เฉินแล้ว ฉันก็คิดถึงผลลัพธ์ที่ตามมาไว้แล้วล่ะค่ะ”“ไม่รู้อิโหน่อิเหน่?” อี้จิ่นหลีกล่าวเยาะ “นี่เธอเชื่อว่ากวอซินหลี่บริสุทธิ์เหรอ? เธอเป็นทนายไม่ใช่เหรอ? เธอไม่ต้องเชื่อในหลักฐานหรือไง? ตอนนี้หลักฐานทุกอย่างชี้ไปที่กวอซินหลี่หมดเลย”หลิงอี้หรานกล่าวอย่างมั่นใจ “ฉันรู้ค่ะ หลักฐานก็เป็นแค่สิ่งผิวเผิน ถ้าเราเชื่อมากเกินไปก็อาจนำไปสู่การตัดสินที่ผิดพลาดได้ เหมือนที่เคยเกิดกับคดีของฉัน ไม่ใช่เหรอคะ?”ดวงตาของอี้จิ่นหลีเป็นประกายเ
น้ำเสียงเย็นชาของเขาดังขึ้นอย่างแน่วแน่ภายในรถ และไม่ยอมรับการปฏิเสธใด ๆ ทั้งสิ้น! ...หวาลี่ฟางมาถึงบ้านของกู้ลี่เฉินด้วยใบหน้าบวมฉึ่ง เธอมาเพื่อฟ้องกู้ลี่เฉิน และแน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็เพื่อบอกกู้ลี่เฉินว่าหลิงอี้หรานแต่งงานกับอี้จิ่นหลีแล้ว!นั่นเป็นข่าวดีเล็กน้อยที่เธอได้ยินมาหลังจากโดนตบจนหน้าช้ำ แบบนี้แล้วความรู้สึกที่ลี่เฉินมีให้หลิงอี้หรานก็ต้องจบลง แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อคิดว่าหลิงอี้หรานแต่งงานกับอี้จิ่นหลีและกลายเป็นนายหญิงแห่งตระกูลที่ทั้งรวยและทรงอำนาจ เธอก็อิจฉาตาร้อนจนอกจะแตกตายแล้ว!เธอถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหยุดไว้โดยไม่คาดคิดในตอนที่เธอมาถึงคฤหาสน์“นายน้อยกู้ยังไม่กลับมา” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกล่าว “ถึงลี่เฉินจะยังไม่กลับมา แต่ฉันก็เข้าไปรอเขาข้างในก็ได้ เขาไม่เคยห้ามฉันเข้ามาก่อน” หวาลี่ฟางกล่าวอย่างหยิ่งยโส และระบายความไม่พอใจก่อนหน้านี้ไปกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย“นั่นมันก่อนหน้านี้ เมื่อวานนายน้อยกู้สั่งเราไว้ว่า คุณไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาที่นี่อีก” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตอบหวาลี่ฟางตะลึง “ไม่มีทาง!” “คุณหวา ถ้าไม่เชื่อก็
“ใครกัน... ใครกันที่พยายามจะทำร้ายฉัน?” หวาลี่ฟางขุ่นเคืองผู้จัดการพูดว่า “หลายคนอิจฉาเพราะสิ่งที่นายน้อยกู้มอบให้เธอ” อีกอย่างหวาลี่ฟางก็ชอบทำให้หลายคนไม่พอใจด้วย! ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเธอมีเจ้าชายคอยให้ท้าย ตอนนี้เธอคงมีชีวิตที่อนาถไปแล้วผู้จัดการดูถูกหวาลี่ฟาง ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าชาย เขาคงไม่มีทางยุ่งเกี่ยวกับนักแสดงหญิงแบบหวาลี่ฟางแน่! เธอไม่มีทั้งหน้าตาหรือความสามารถด้านการแสดง ทั้งยังขาดมารยาททางสังคมและอีคิวต่ำ เธอมักจะทำตัวเหมือนเศรษฐีใหม่ที่อยากให้คนอื่นมาคอยเอาใจ แถมยังชอบใช้ชื่อเจ้าชายมากดหัวคนอื่นเวลาที่อะไร ๆ ไม่เป็นดั่งใจดังนั้น ตอนนี้เมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นผู้จัดการจึงไม่ได้อยากช่วยหวาลี่ฟางด้วยใจจริงเลย!“ทำไมไม่คุยกับนายน้อยกู้แล้วขอให้เขาช่วยเอามันลงล่ะ?” ผู้จัดการพูดความเจ็บปวดนี้ของหวาลี่ฟางไม่สามารถอธิบายออกมาได้ง่าย ๆ ถ้าเธอหาตัวลี่เฉินเจอ มีเหรอเธอจะมาฟังคำพูดไร้สาระของผู้จัดการคนนี้? คำค้นหายอดนิยมนั่นก็คงจะหายไปตั้งนานแล้ว! เพราะแบบนั้นเธอจึงทำได้เพียงพึมพำว่า “ฉัน... จะไปหาเขาทีหลัง”เมื่อสายตัดลง หวาลี่ฟางก็โกรธมากจนตัวสั่นและขว้างโทรศัพท์ลงบนพื้
กู้ลี่เฉินก้มหน้ามองมือขวาของตัวเอง ซึ่ง... เคยจับหัวเข่าโชกเลือดในตอนนั้น และปลายนิ้วของเขาเองก็เปื้อนเลือดด้วยเช่นกัน! ‘นั่นเป็น... เลือดที่เธอหลั่งออกมาเพื่อฉัน...’ เขาถึงขั้นตกหลุมรักเธอด้วยซ้ำ แต่ทำไมเขาถึงคลาดกับเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้ล่ะ? เขายังคลาดกับเธอในครั้งสุดท้ายที่เธอมาขอความช่วยเหลือจากเขาด้วยซ้ำ!‘ถ้า... ฉันไม่ได้เข้าใจผิดว่าคนอื่นเป็นเธอ!‘และ... ถ้าฉันไม่ได้หึงจนหน้ามืดตามัว...‘ถ้าหวาลี่ฟางไม่ได้เข้ามาแทนที่ของอี้หราน ฉันก็คงจะสืบต่อไปและตรวจสอบทุกอย่างให้รอบคอบ จากนั้นทุกอย่างก็คงจะเปลี่ยนไป! ฉันโง่ขนาดนี้ได้ยังไง!‘ถ้าอย่างน้อยฉันตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบ ฉันก็คงไม่คลาดกับอี้หราน!’ในตอนนั้นเองที่กู้ลี่เฉินไม่รู้สึกอะไรอีกนอกจากความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงจนทำให้แทบจะหายใจไม่ออก ...หลิงอี้หรานไปยังสำนักงานทนายความในวันถัดมา เธอไม่ได้กลับไปที่บริษัทมาหลายวันจนถึงตอนนี้ แม้เธอจะขอลากับทนายกู้แล้ว แต่มันคงดูไม่เหมาะที่จะขอลาต่อไปอีกนอกจากนั้นตอนนี้เธอก็กำลังตั้งท้องแฝดสามอยู่ เธอจึงน่าจะไม่สามารถทำงานจำนวนมากตามที่ได้รับมอบหมายได้ ปกติแล้วคนคนหนึ่งคงไม่สามารถอุ้มท้อ