ด้วยความมั่งคั่งและมั่นคงของตระกูลอี้แล้ว แม้เด็ก ๆ จะคลอดก่อนกำหนด พวกเขาก็จะได้รับการดูแลที่ดีที่สุด เพราะอย่างนั้นแล้วโอกาสในการรอดของพวกเขาจึงสูงตามไปด้วย “แต่เธอนึกถึงร่างกายของตัวเองบ้างไหม?” เขาขึ้นเสียงโดยไม่รู้ตัว “ไม่ว่ายังไงฉันก็จะยอมเสี่ยง ฉันยอมเสี่ยงไปพร้อมกับพวกเขา ฉันเป็นแม่พวกเขานะ ทำไมพวกเขาต้องรับความเสี่ยงในขณะที่ฉันปลอดภัยดีด้วย?”เขาตัวแข็งทื่อไปเมื่อได้ยินคว่า ‘แม่’แม่เขาทิ้งเขาไว้ตามลำพังในตอนที่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสทว่าผู้หญิงตรงหน้าเขากำลังยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อลูก ๆ ของเธอ‘เธอช่างต่างกับแม่ของฉันจริง ๆ ... เธอคงจะเป็นแม่ที่ดีได้ และลูกของเราก็คงจะไม่เป็นแบบฉันใช่ไหม?’ “จิน ฉันอยากเก็บเด็กทั้งสามคนนี้ไว้จริง ๆ นะ"“คุณจะบอกว่าฉันเพ้อเจ้อ หรือใช้อารมณ์และไม่มีเหตุผลก็ได้ แต่... คุณไม่รู้หรอกว่าฉันสิ้นหวังแค่ไหนตอนที่หมอบอกว่าฉันตั้งท้องไม่ได้แล้ว ฉันกลัว กลัวว่าตัวเองจะตัวคนเดียวและตายไปโดยที่ไม่มีใครในครอบครัวเลยสักคน!“แต่ตอนนี้ในที่สุดฉันก็มีลูกสามคน สมาชิกในครอบครัวตั้งสามคนที่เป็นสายเลือดเดียวกันกับฉัน ฉัน... ฉันยอมทิ้งใครสักคนไปไม่ได้ ฉันรู้ว่
มีบางครั้งที่เธอสามารถนอนหลับได้ทั้งที่ปิดไฟแต่เธอก็กลับไปนอนเปิดไฟอีกครั้งหลังจากเลิกกับเขา! หลิงอี้หรานหลับตาลงและนับแกะเงียบ ๆ ในใจ เธอหวังว่าตัวเองจะผล็อยหลับลงไปได้อย่างรวดเร็วแต่ไม่ว่าจะยังไงเธอก็หลับไม่ลงเลยแม้แต่นิดเดียวโดยเฉพาะ... เมื่อมีอีกคนนอนอยู่ข้างเธอ แม้ว่าเธอจะหลับตา แต่ดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกได้ถึงกลิ่นลมหายใจของเขา และ... เธอคงจะโดนตัวเขาได้เพียงขยับตัวแค่เล็กน้อยแม้เตียงจะมีขนาดใหญ่ แต่ดูเหมือนเธอจะโดนร่างกายของเขาได้อย่างง่ายดายเมื่อนับไปจนถึงแกะตัวที่ 1,000 หลิงอี้หรานก็ยังนอนไม่หลับ ดังนั้นเธอจึงลืมตาขึ้นเพราะตอนนี้เธอนอนตะแคงอยู่ ใบหน้าหล่อเหลานั้นจึงกล้ำกรายเข้ามาในสายตาของเธอดวงตาของเขาปิดสนิท และขนตายาวเป็นแพของเขาทำให้เกิดเงาตกกระทบลงบนเปลือกตาสันจมูกโด่ง ใบหน้าคมคาย และริมฝีปากบางสุดเซ็กซี่น่ามองการมองเขาตอนหลับนั้นสร้างความลำบากใจน้อยกว่าตอนที่เขาลืมตาเขาเป็นนายน้อยอี้แห่งเมืองเฉินที่สูงส่งและทรงอำนาจ ตอนนี้เขากำลังนอนอยู่ข้าง ๆ เธอ และเขาก็กลายเป็นสามีของเธอซึ่งเป็นสิ่งที่หนึ่งปีก่อนหน้านี้เธอไม่เคยคิดมาก่อน‘เราจะเถียงกันเรื่องจะทำห
ทว่าครั้งนี้เธอผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว อี้จิ่นหลีลืมตาขึ้นมามองหญิงสาวที่นอนอยู่ข้าง ๆ เขา ลมหายใจสม่ำเสมอของเธอทำให้เขารู้ว่าเธอได้หลับไปแล้ว เธอไม่รู้เลยว่าเขาต้องใช้แรงใจขนาดไหนเพื่อหยุดมือเธอไม่ให้แตะลงบนหน้าอกของเขาเขากลัวจริง ๆ ว่าจะไม่สามารถอดทนอดกลั้นต่อความปรารถนาในตัวเธอทันทีที่เธอแตะหน้าอกเขา!เป็นเขาเองต่างหากที่อยากได้เธอ! ...รายงานผลการประเมินความเสี่ยงของแพทย์ยังคงแนะนำให้ทำหัตถการลดการตั้งครรภ์ซึ่งค่อนข้างปลอดภัยถึงอย่างนั้นรายงานผลการประเมินไม่ได้ตัดสินว่าต้องทำลายหนึ่งในแฝดสามไป แพทย์ยังระบุวิธีรับมือหากพวกเขาต้องการอุ้มท้องและคลอดออกเด็กทั้งสามออกมาอย่างปลอดภัยอีกด้วย แต่ก็แลกมาด้วยความเสี่ยงที่ค่อนข้างสูงที่อาจทำร้ายร่างกายของหลิงอี้หรานอย่างมากสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ... “มดลูกของคุณอาจจะเกิดอันตรายหากให้กำเนิดแฝดสามคน ระหว่างคลอดคุณอาจจะง่ายต่อการเสียเลือดมาก และอาจต้องตัดมดลูกทิ้งหากเลือดไหลไม่หยุด คุณยังอยากจะรับความเสี่ยงนี้ไหม?”แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกล่าวออกมาตรง ๆ อย่างไรเสียสำหรับผู้หญิงแล้ว มดลูกเป็นมากกว่าที่สำหรับให้กำเนิดทารก เมื่อพวกเธอเสียมดลู
ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเช้านี้ เธอแสดงออกซ้ำ ๆ ว่าไม่ต้องการผ่าตัดลดการตั้งครรภ์ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ เขาคง...ดวงตาของอี้จิ่นหลีฉายแววลึกซึ้ง “เธอคิดดีแล้วใช่ไหม?”“ฉันตัดสินใจดีแล้วค่ะ” หลิงอี้หรานตอบ“เธอจะไม่เสียใจกับผลลัพธ์สุดท้ายที่ออกมา แม้มันจะไม่เป็นไปตามที่เธอต้องการใช่ไหม?” เขาถามเธอตอบ “ค่ะ ฉันจะไม่เสียใจ!” อี้จิ่นหลีเม้มบางของเขาเข้าหากัน หลังจากนั้นเขาก็มองไปยังกลุ่มแพทย์ผู้เชี่ยวชาญซึ่งยืนอยู่หลายคน “ถ้าเราไม่ผ่าตัดลดการตั้งครรภ์และยืนกรานจะเก็บเด็กไว้ทั้งหมด โอกาสที่แม่และเด็กจะรอดแบบปลอดภัยมีอยู่เท่าไหร่?”“50%” พวกเขาตอบ อี้จิ่นหลีเม้มปากแน่นขึ้น ‘ไม่ถึง... 60% ด้วยซ้ำ’เขาไม่เคยอยากทำอะไรที่เขาเองยังไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้... “งั้นเก็บเด็กไว้ก่อน ถ้ามีอะไรเป็นอันตรายระหว่างที่พยายามให้พวกเขาปลอดภัยก็... ช่วยแม่ก่อน ไม่ว่ายังไงก็ตาม”“แต่...” หลิงอี้หรานอยากจะพูดอะไร แต่ก็ถูกขัดโดยอี้จิ่นหลี“อี้หราน นี่เป็นฟางเส้นสุดท้ายของฉัน ถ้าเธอไม่เต็มใจตกลงเงื่อนไขนี้ งั้นเธอก็เกลียดฉันไปตลอดชีวิตซะยังดีกว่า!”หลิงอี้หรานเข้าใจสิ่งที่เขาจะสื่อ หรืออีกนัยหนึ่งคือ ถ้าเธ
อี้จิ่นหลีนั่งอยู่ในรถและมองร่างของหลิงอี้หรานที่ค่อย ๆ เล็กลงเรื่อย ๆเธอไม่รู้เลยว่านอกจากชีวิตของเธอที่เป็นเดิมพันในครั้งนี้แล้ว ยังมีชีวิตของเขาด้วยถ้าเธออยู่ เขาก็อยู่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ เขาก็จะอยู่กับเธอ ในเมื่อเธออยากจะลองเสี่ยงดู ถ้าอย่างนั้นแล้วเขาก็จะเดิมพันอนาคตไปพร้อมกับเธอ! ...หลิงอี้หรานมาถึงยังห้องพักฟื้นของชินเหลียนอีซึ่งอยู่ในวอร์ดไอซียู ถึงอย่างนั้นห้องนี้ก็ค่อนข้างจะแยกออกมาและมีห้องข้าง ๆ สำหรับให้สมาชิกในครอบครัวนอนพัก ใครเห็นก็พูดได้ว่าสภาพแวดล้อมที่นี่ดีกว่าโรงพยาบาลก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัดพ่อและแม่ของชินเหลียนอีกล่าวขอบคุณหลิงอี้หรานซ้ำ ๆ เมื่อเห็นเธอ “คุณลุง คุณป้าคะ ไม่ต้องขอบคุณหนูขนาดนี้ก็ได้ค่ะ ตอนนั้นเหลียนอีเสียอะไรไปตั้งหลายอย่างก็เพื่อหนู หนูแค่ทำสิ่งที่ควรทำ” หลิงอี้หรานกล่าวด้วยความเป็นห่วงอาการของเพื่อนสนิท “หมอว่ายังไงบ้างคะ? พวกเขาบอกไหมคะว่าเหลียนอีจะพ้นขีดอันตรายเมื่อไหร่?”“พวกเขาไม่ได้บอกว่าเธอจะพ้นขีดอันตรายเมื่อไหร่ คงใช้เวลามากเลยล่ะ แต่พวกเขาบอกว่าจะปรึกษากับหมอที่ดีที่สุดทั้งในและต่างประเทศเลยนะ ดูเหมือนการรักษาจะดีกว
“ชุดเหรอคะ?” หลิงอี้หรานตะลึงไปเขาพูดว่า “ใช่ค่ะ ชุดเพื่อนเจ้าสาว คุณชินเหลียนอีจ่ายเงินไว้หมดแล้ว คุณแค่มารับไปได้เลยค่ะ คุณชินเหลียนอีให้เบอร์โทรเราไว้ด้วย แต่เราติดต่อเธอไม่ได้เลย”“ตอนนี้เธอ... อยู่โรงพยาบาลน่ะค่ะ เลยไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ฉันจะไปรับให้เองค่ะ” หลิงอี้หรานกล่าวจากนั้นก็วางสายหลังจากจดที่อยู่แล้ว‘ชุดเพื่อนเจ้าสาว...’ หลิงอี้หรานจำได้ว่าเหลียนอีเคยพูดเรื่องที่เธอสั่งชุดเพื่อนเจ้าสาวไว้สำหรับเซอร์ไพรส์เธอ ตอนที่บอกเรื่องนี้เหลียนอีดูมีความสุขมากหลิงอี้หรานไปยังร้านเสื้อผ้าตามที่อยู่ที่ได้มา เรียกได้ว่าร้านนี้เป็นร้านที่ค่อนข้างหรูในเมือง เสื้อผ้าในร้านจึงมีราคาแพง เหลียนอีน่าจะใช้เงินไปมากกับชุดเพื่อนเจ้าสาวที่ว่านี้หลิงอี้หรานเดินเข้าไปในร้านและบอกกับพนักงานผู้ช่วยในร้านซึ่งเดินเข้ามาหาว่า “ฉันหลิงอี้หรานค่ะ พนักงานของคุณบอกให้ฉันมารับชุด” “อ๋อค่ะ สักครู่นะคะ” เธอตอบและขอให้หลิงอี้หรานไปรอในเลานจ์มีคนอีกสามคนเดินเข้ามาในร้านในขณะที่หลิงอี้หรานกำลังนั่งรอ และหนึ่งในนั้นคือหวาลี่ฟาง หวาลี่ฟางในชุดที่ออกแบบมาจากดีไซเนอร์ตกตะลึงไปเมื่อเห็นหลิงอี้หราน เธอไม่คิ
“เอ่อ...” พนักงานที่อยู่ตรงนั้นรู้ว่าหวาลี่ฟางและเพื่อนของเธอเป็นใครแต่คุณหลิงคนนี้ต้องเป็นคนชั้นสูงแน่ เพราะเขาเห็นว่าเธอเดินทางมาด้วยรถเบนท์ลีย์ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะมีปัญญาหามาใช้ได้หวาลี่ฟางขยับริมฝีปากสีแดงสดของเธอเป็นรอยยิ้มเยาะ “อี้หราน ขอโทษจริง ๆ นะจ๊ะ เพื่อนฉันเป็นคนตรง ๆ น่ะ และไม่ชอบผู้หญิงเจ้าเล่ห์เท่าไหร่ อย่างที่เธอรู้ ชนชั้นสูงน่ะเกลียดคนเจ้าเล่ห์ที่เอาแต่ใส่ร้ายคนอื่นเพื่อไต่ไปหาเป้าหมายอย่างเธอเป็นที่สุด เพื่อนฉันมีเพื่อนเป็นคนชั้นสูงเยอะ ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป ฉันกลัวจังว่าร้านนี้คงจะไม่มีที่ยืนในวงการธุรกิจ!”แม้หวาลี่ฟางจะกำลังพูดกับหลิงอี้หราน แต่คำพูดของเธอกลับบอกพนักงานที่อยู่ใกล้เคียงหลิงอี้หรานมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา วันนั้นเธอได้บอกความจริงทุกอย่างที่กู้ลี่เฉินอยากรู้ไปแล้วแต่ตัดสินตามพฤติกรรมของหวาลี่ฟางแล้ว ดูเหมือนเธอจะไม่รู้เรื่องนั้นเลยแม้แต่นิดเดียวกู้ลี่เฉินยังไม่ถามหวาลี่ฟางอีกเหรอ? แต่ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเธอแล้ว!“หวาลี่ฟาง ก่อนหน้านี้ฉันไม่เปิดโปงเธอเรื่องที่ปลอมตัวเป็นฉัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะเหมือนกัน เธอโกหกต่อไปก็ได้
ถึงอย่างนั้นสิ่งที่น่าอับอายยิ่งกว่านั้นยังมาไม่ถึงหลิงอี้หรานกล่าวว่า “หยิบขึ้นมาสิ! ในเมื่อเธอเป็นคนโยนชุดนั่นไปบนพื้น ก็หยิบมันขึ้นมาเอง!”“ทำไมฉันต้องหยิบมันขึ้นมาตามที่เธอบอกด้วย?” หวาลี่ฟางถามด้วยความโกรธเคือง จากนั้นเธอก็พูดกับพนักงานใกล้ ๆ แถวนั้นว่า “พวกคุณไม่ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปเหรอ? ก็ได้ฉันทำเอง!”เธอเอื้อมมือไปจับหลิงอี้หรานไว้ขณะที่พูดอย่างนั้นทว่าก่อนที่หวาลี่ฟางจะได้แตะตัวหลิงอี้หราน เธอก็โดนหยุดไว้โดยผู้หญิงหน้าตาธรรมดาซึ่งยืนอยู่ข้างหลังเธอในพริบตาเดียวผู้หญิงคนนั้นก็หักข้อมือของหวาลี่ฟาง เธอโดนเอาชนะได้อย่างง่ายดายและกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด“นายหญิงคะ คุณอยากให้จัดการคนนี้ยังไง?” ผู้หญิงคนนั้นถามหลิงอี้หรานอย่างให้เกียรติหลิงอี้หรานพูดอย่างเย็นชาว่า “บอกให้หล่อนหยิบชุดขึ้นมา” นี่เป็นบอดี้การ์ดหญิงที่อี้จิ่นหลีจ้างมาปกป้องเธอ จึงเป็นธรรมดาที่จะมีทักษะการต่อสู้ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่มีเรื่องกับหวาลี่ฟางในขณะที่ตั้งท้องอยู่อย่างนี้หรอก“ค่ะ” บอดี้การ์ดสาวกล่าวแล้วพูดกับหวาลี่ฟาง “ได้ยินสิ่งที่นายหญิงพูดแล้วใช่ไหม หยิบชุดขึ้นมาสิ”“ทำไมฉันต้องทำด้วย?” หวา
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค