ราวกับเขาพยายามพิสูจน์ว่า ผู้หญิงตรงหน้าไม่มีผลอะไรกับเขาทั้งนั้น!โจวเชียนหยุนสัมผัสได้ถึงร่องรอยของความขมปร่าในปากของเธอ แม้ว่าเธอจะจบกับผู้ชายคนนั้นไปแล้ว และไม่มีความรู้สึกอื่นใดกับเขาหลงเหลืออยู่อีก แต่เธอก็หยุดความรู้สึกขมขื่นที่กระจายออกมาหลังจากที่ได้ยินเขาพูดแบบนี้ไม่ได้เลย“ถ้า... ฉันบอกว่าไม่ได้เป็นคนผลักคงจื่ออินตกบันได และคงจื่ออินตั้งใจทำแบบนั้นเอง คุณจะ... คุณจะเชื่อฉันไหม?”โจวเชียนหยุนพูดด้วยน้ำเสียงค่อนข้างจะนอบน้อมอ้อนวอน เธอกำลังขอร้องผู้ชายคนนี้ให้เชื่อใจและไม่เรียกเธอว่าอาชญากร เธอไม่สนใจว่าตัวเองจะเป็นอาชญากรไหม เพราะไม่ว่าเธอจะเป็นอาชญากรหรือไม่ นั่นก็ไม่สามารถเรียกคืนช่วงเวลาที่เธออยู่ในคุกกลับมาได้อยู่ดี! ถึงอย่างนั้น เธอก็ไม่ต้องการให้คำนิยามว่าเป็น ‘อาชญากร’ ทำให้อาหยันน้อยต้องเจ็บปวด!เย่เหวินหมิงเหมือนได้ยินเรื่องตลก “เชื่อเธอ? เธออยากให้ฉันเชื่อเธอเนี่ยนะ? โจวเชียนหยุน พูดเรื่องนั้นออกมาตอนนี้ เธอไม่รู้สึกว่ามันตลกเหรอ? จื่ออินเสียลูกไปเพราะเธอ และประสบกับภาวะมีลูกยากไปตลอดชีวิต แล้วเธอล่ะ มีสิทธิ์อะไรมาเลี้ยงลูกของฉัน?”“ฉันไม่เคยทำอะไรพวกนั้นเล
เขาเคยบอกไว้ว่าดวงตาของเธอสดใส และเมื่อเธอมองไปยังผู้คนด้วยดวงตาเสี้ยวพระจันทร์ที่โค้งขึ้นยามยิ้ม ผู้คนเหล่านั้นต่างก็รู้สึกเปี่ยมสุขเขายังบอกด้วยว่า ดวงตาของเธอมีเสน่ห์ที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาปลายนิ้วของเขามักจะลูบไล้ดวงตาของเธอเมื่อพวกเขาใกล้ชิดกันครั้งหนึ่งเธอเคยภาคภูมิใจในดวงตาของตัวเองแค่เพราะ... เขาชอบมันตอนนี้เขาต้องการให้เธอเป็นคนทำลายมัน ตลกสิ้นดี!โจวเชียนหยุนลืมตาและมองไปยังเย่เหวินหมิงตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ตรงหน้าเธอ และพวกเขาก็อยู่ใกล้กัน เธอเงยหน้า และรู้สึกราวกับว่าได้ย้อนกลับไปอยู่ในช่วงเวลาที่พวกเขาเคยใกล้ชิดสนิทสนมกัน เพียงแค่ตอนนี้เขาไม่ได้วางแขนลงบนเอวของเธอ และเธอก็ไม่ได้โอบรอบคอของเขา หรือมีความรักใคร่ในตัวเขาเลยโจวเชียนหยุนจ้องผู้ชายตรงหน้าเงียบ ๆ ครั้งหนึ่งเธอเคยรักเขา เกลียดเขา และในท้ายที่สุดอารมณ์ความรู้สึกของเธอก็สงบลง เขาหน้าตาดี และมีเสน่ห์ดึงดูด ไม่อย่างนั้นเธอจะตกหลุมรักเขาได้ง่ายดายขนาดนั้นได้อย่างไร?บางทีนี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้เห็นเขา!จู่ ๆ เธอก็รู้สึกเสียดายขึ้นมา เธอน่าจะมองอ่หยันน้อยให้นานกว่านี้ก่อนที่เธอจะออกมาคืนนี้ แ
ถึงอย่างนั้นตอนนี้ เย่เหวินหมิงก็ได้ประกาศกร้าวแล้วว่า เธอไม่มีโอกาสแม้แต่จะลองเสี่ยง!“เย่เหวินหมิง คุณต้องเอาหยันน้อยไปจากฉันด้วยเหรอ?” โจวเชียนหยุนเงยหน้าและจ้องมองไปที่เขาเขาดูค่อนข้างจะประหม่ากับสายตาของเธอ!‘ทำไมฉันต้องประหม่าด้วยล่ะ? มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ฉันจะได้รับสิทธิ์ในการดูแลลูกชายตัวเองสิ!’“ใช่แล้วล่ะ โจวเชียนหยุน ฉันจะไม่ยอมให้อาหยันน้อยอยู่กับเธอ ถ้าต้องอยู่กับเธอ เขามีแต่จะต้องลำบาก เธอให้อะไรเขาได้บ้างล่ะ? เธอคิดว่าตั้งแผงขายอาหารจะพอเลี้ยงเขาหรือไง?” เย่เหวินหมิงตะโกนถึงอย่างนั้นโจวเชียนหยุนก็ฝืนพยักหน้า “โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”เธอก้าวถอยหลังด้วยความใจเย็นที่ผิดปกติและก้มลงมองมือของเธอที่ยังอยู่ในกำมือของเขา “คุณเย่ ปล่อยได้ไหมคะ? ฉันไม่พยายามทำให้ตัวเองตาบอดแล้ว เพราะถึงฉันตาบอด ก็คงไม่มีประโยชน์อะไรเลย ใช่ไหมคะ?”ใบหน้าของเย่เหวินหมิงบูดบึ้ง และเขาก็คลายมือออก หลังจากนั้นเขาถึงรู้ตัวว่าทั้งฝ่ามือและแผ่นหลังของเขาถูกปกคลุมไปด้วยเหงื่อเย็น ๆ เสียแล้วผู้หญิงคนนั้นทำให้เขาเหงื่อแตกซิกอีกครั้ง เหมือนกับครั้งนั้นที่เธอแทงเข้าที่ท้องของตัวเองโจวเชียนหยุนเดินถอย
‘นี่ผู้หญิงคนนี้บอกว่าจะยอมเอาตัวของเธอเข้าแลกเพื่อแลกกับสิทธิ์การเลี้ยงดูอาหยันน้อยงั้นเหรอ? เธอสามารถทำข้อแลกเปลี่ยนเรื่องแบบนี้ได้ยังไง?’เย่เหวินหมิงหัวเราะอย่างโกรธเคือง “ได้ ฉันจะลองคิดดู ถ้าเธอถอดเสื้อผ้าและขึ้นเตียงกับฉัน”เขาพูดอย่างนั้นก็เพื่อทำให้เธออับอาย ทว่าเธอกลับยิ่งสงบเสียยิ่งกว่าเดิมและกระซิบว่า “ได้สิ” จากนั้นเธอก็ยกมือขึ้นมาถอดเสื้อผ้าเย่เหวินหมิงมองโจวเชียนหยุนราวกับไม่อยากจะเชื่อและตะคอกว่า “รู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่?” “ค่ะ” โจวเชียนหยุนตอบห้วน ๆเธอรู้ด้วยซ้ำว่าเย่เหวินหมิงน่าจะพูดเล่น แม้เธอจะทำสิ่งที่เขาต้องการ อย่างไรเขาก็คงสู้เรื่องสิทธิ์ในการเลี้ยงดูอาหยันน้อยอยู่ดี แค่เพราะเธอไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ดังนั้นในสถานการณ์นี้เธอจึงทำได้เพียงต้องวางเดิมพันเท่านั้นเพราะว่าเธอไม่มีอะไรต้องเสียอีกแล้ว...รูม่านตาของเย่เหวินหมิงหดลงในทันที ทันใดนั้นเขาก็จับตัวโจวเชียนหยุนไว้อีกครั้งและผลักเธอออกจากประตูไป “ออกไป ออกไปเดี๋ยวนี้! ร่างกายของเธอทำให้ฉันเวียนหัว!”ประตูปิดลงเสียงดังหลังจากจบประโยคของเขาโจวเชียนหยุนยิ้มเจื่อนและมองประตูที่ปิดสนิท วันนี้เธอ
“ได้ยินอย่างนั้นก็ดีใจค่ะ” ชินเหลียนอีกล่าวพลางหยิบของเล่นที่เธอซื้อมาเพื่อมอบความสุขให้เจ้าตัวเล็กโดยเฉพาะออกมา“ขอบคุณฮะ น้าชิน” เจ้าตัวเล็กกล่าวและดูเหมือนจะชอบของเล่นนั้นในตอนนั้นเองที่จู่ ๆ โทรศัพท์ของชินเหลียนอีก็ดังขึ้น เธอกดรับ และมันเป็นสายมาจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาล “สวัสดีครับ คุณเป็นเจ้าของรถทะเบียน XXX หรือเปล่า? สัญญาณเตือนรถของคุณที่จอดอยู่ในลานจอดรถของโรงพยาบาลซิตี้เฟิร์สดังไม่หยุดเลย ช่วยมาจัดการทีครับ”“โอ้ ได้ค่ะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้!” ชินเหลียนอีกล่าว เธอพูดกับหลิงอี้หรานว่า “อี้หราน ฉันลงไปข้างล่างแป๊บนะ ดูเหมือนสัญญาณเตือนของรถฉันจะมีปัญหา”“โอเค” หลิงอี้หรานตอบ เมื่อชินเหลียนอีออกไปจากห้อง ก็มีพยาบาลเข้ามาและขอให้โจวเชียนหยุนไปพบหมอ ดังนั้นตอนนี้จึงเหลือเพียงหลิงอี้หรานที่อยู่ข้างเตียงหลังจากโจวเชียนหยุนเดินออกไปจากห้องพักผู้ป่วย อาหยันน้อยก็ก้มหน้าและเลิกเล่นกับของเล่นใหม่ในมือ“ทำไมเลิกเล่นแล้วล่ะ?” หลิงอี้หรานถาม“คุณน้าฮะ ผม... เป็นเด็กไม่ดีเหรอครับ?” อาหยันน้อยถามซื่อ ๆ“อะไรทำให้คิดอย่างนั้นล่ะ?” หลิงอี้หรานถามด้วยความสงสัย“ผมมีเรื่
เมื่อโจวเชียนหยุนกลับมายังห้องพักผู้ป่วย ทั้งสองคนคุยกับเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะจากไปเมื่อพวกเขาเดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วย ชินเหลียนอีก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาด้วยอารมณ์ว่า “ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเด็กแบบอาหยันน้อยจะไปมีเรื่องชกต่อยกับใครเขาด้วย” สุดท้ายแล้วในความเห็นของชินเหลียนอี เจ้าตัวเล็กเป็นเด็กขี้อายและเงียบ ๆ บางครั้งแค่การหยอกเล่นเขาก็หน้าแดงและเขินอายแล้ว”“แม้แต่กระต่ายก็กัดนะถ้าโดนแหย่น่ะ อีกอย่างอาหยันน้อยก็สู้เพื่อแม่ของเขา แม้ว่าเขาจะเป็นเด็กฉลาด แต่เขาก็ไม่กลัวที่จะสู้” หลิวอี้หรานกล่าวเพราะเธอรู้ว่าเด็กน้อยเป็นคนขยันขันแข็ง เขาหูหนวกมาตั้งแต่ยังเด็ก และนั่นทำให้เขาทนทานและอดทนได้มากกว่าเด็กวัยเดียวกัน นอกจากนั้นเขายังสามารถพูดได้อย่างคล่องแคล่วหลังจากที่สวมเครื่องช่วยฟัง ทั้งยังพูดเก่งกว่าเด็กคนอื่น ๆ ในวัยเดียวกันด้วย นอกจากฉลาดแล้ว เขาก็เป็นเด็กขยันอีกด้วยทุกอย่างดูดีเมื่อคนแบบนั้นสงบเสงี่ยม แต่เมื่อพวกเขาระเบิดขึ้นมา พวกเขาก็ดุร้ายเลยทีเดียว!หลิงอี้หรานรู้ว่าเด็กที่ชกต่อยกับอาหยันน้อยเองก็คงสภาพไม่ได้ดีไปกว่ากันนัก“นั่นสินะ” ชินเหลียนอีพึมพำทั้งสองคนไปถึงทางเข้า
ยกตัวอย่างเช่น เซเลบชื่อดังที่เป็นที่รู้จักกันดี ครั้งหนึ่งเคยขอให้กู้ลี่เฉินจูบเพื่อเติมเต็มความปรารถนาของเธอ แค่ที่แก้มก็ยอมแต่กู้ลี่เฉินไม่ตกลง เขาพูดเบา ๆ เพียงว่า “คุณไม่ใช่คนที่ผมต้องการ”อีกหนึ่งตัวอย่างคือ กู้ลี่เฉินเป็นคนที่เก่งเรื่องการวาดภาพ นอกจากนั้นยังพูดได้ว่า เขามีสตูดิโอที่เต็มไปด้วยรูปวาดของเขา แต่เขาไม่เคยเปิดเผยให้สาธารณชนได้เห็นเลยนอกจากนั้น กู้ลี่เฉินไม่เคยให้ใครเรียกเขาว่า ‘เฉินเฉิน’ เลย ชื่อเล่นนี้ดูเหมือนจะเป็นสิ่งต้องห้ามของเขา มีเซเลบหญิงคนหนึ่งพยายามปีนขึ้นไปด้วยการเรียกเขาอย่างรักใคร่ว่า ‘เฉินเฉิน’ หลังจากนั้นเธอก็โดนขึ้นบัญชีดำจนกระทั่งออกจากวงการบันเทิงไป!หลิงอี้หรานฟังเรื่องซุบซิบที่ชินเหลียนอีเล่าให้ฟังจนเผลอแป๊บเดียวพวกเธอก็มาถึงหน้าประตูทางเข้าหมู่บ้านโดยไม่รู้ตัว ชินเหลียนอีหมุนพวงมาลัยและเหยียบเบรกเพื่อค่อย ๆ หยุดรถ แต่น่าแปลกที่เบรกดูเหมือนจะไม่ทำงาน และรถก็ไม่มีทีม่าว่าจะหยุดเลยใบหน้าของชินเหลียนอีเปลี่ยนเป็นสีขาวซีนและตัวแข็งทื่อไปในทันทีหลิงอี้หรานซึ่งนั่งอยู่ตรงที่นั่งผู้โดยสารรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติกับเพื่อนของเธอจึงรีบถามว่า
ทั้งสองรีบปลดเข็มขัดนิรภัยขณะที่พูดคุยกัน ตอนนี้รถเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 70 ไมล์ต่อชั่วโมง และกำลังเคลื่อนที่ไปยังพื้นที่ห่างไกลอย่างต่อเนื่องพวกเขาควรจะต้องหาโอกาสเพื่อกระโดดออกจากรถ แต่จู่ ๆ ก็มีรถขนทรายขับเข้ามาจากถนนด้านข้าง คนขับรถขนทรายเองก็เห็นรถของชินเหลียนอีแล้วและเริ่มลดความเร็ว แต่เขาไม่ได้หยุด อย่างไรเสีย ตามกฎการจราจรแล้ว ชินเหลียนอีต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายหยุดแต่ชินเหลียนอีไม่สามารถหยุดรถของเธอได้ถ้าพวกเธอชนกับรถบรรทุกทรายก็จะร่วงลงมา และแม้พวกเธอจะเอาตัวรอดออกจากการชนได้ แต่ก็คงไม่สามารถเอาตัวรอดจากทราบพวกนั้นได้!ตอนนี้ชินเหลียนอีหมุนพวงมาลัยอย่างสิ้นหวัง และพยายามประคองรถให้หนีออกจากรถขนทราย แต่รถบรรทุกที่ขนทรายมาเต็มคันรถและคนขับไม่ได้หยุดรถลงเลย แม้ว่าเขาจะสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติกับรถของชินเหลียนอี แต่ตอนนี้ก็สายเกินกว่าจะเหยียบเบรคแล้วเมื่อเห็นว่ารถสองคันกำลังจะชนกัน ชินเหลียนอีก็ร้องออกมาด้วยความหมดหวัง “อี้หราน กระโดด! เร็วเข้า!”ในตอนนั้นเองที่อยู่ดี ๆ ก็มีรถอีกคันขับเข้ามาหาพวกเขาจากนั้นก็เกิดเสียงชนกันดังก้องและเสียงเบรกที่เสียดหู ด้านหน้าของรถ