“ฉันจะรักษาสัญญา และเธอต้องไม่ลืมมันนะ เข้าใจไหม?”ราวกับว่าเสียงเด็กน้อยเหล่านั้นได้กลับมาดังห้อมล้อมเธอไว้อีกครั้งถึงอย่างนั้นเธอก็ลืมเรื่องนั้นไปและจำเขาไม่ได้หลังจากนั้นหลิงอี้หรานคุกเข่าลงต่อหน้าของอี้จิ่นหลีเสียงดัง การคุกเข่าของเธอทำให้ชายหนุ่มทั้งสองที่อยู่ตรงนั้นประหลาดใจ“เธอ...” ดวงตาของอี้จิ่นหลีเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ “เธอทำอะไร? นี่เธอคุกเข่าเพื่อกู้ลี่เฉินเหรอ? ฉันไม่หยุดหรอกนะถึงเธอจะคุกเข่าลงมาก็เถอะ!”“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับกู้ลี่เฉินเลย!” หลิงอี้หรานสูดลมหายใจเข้าลึกและพูดอย่างใจเย็นว่า ในทันทีที่เธอคุกเข่าลง ความตระหนกและความลังเลใจใด ๆ ก็จางหายไปในทันที “เรื่องระหว่างคุณกับฉันไม่เกี่ยวกับคนอื่น แม้ว่าคุณจะบอกว่าคุณยังรักฉัน แต่ฉันก็ไม่สามารถรับความรักของคุณไว้ได้ เพราะอย่างนั้น อี้จิ่นหลี... ปล่อยฉันไปเถอะ”“ปล่อยเธอไป... งั้นเหรอ?” ร่างกายของอี้จิ่นหลีเจ็บปวดจากแรงสั่นสะเทือนที่มองไม่เห็นจนใบหน้าของเขาซีดเซียวในทันทีจนถึงตอนนี้เองที่เขาอยากจะให้เธอขอร้องให้เขาปล่อยกู้ลี่เฉินแทนเธอ!“เธอรู้หรือเปล่าว่ากำลังพูดอะไรอยู่?” เขาพึมพำพลางคลายมือที่จับกู้ลี่เฉิ
ถึงอย่างนั้น... ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเป็นเพียง ‘ความผิดพลาด’ สำหรับเธอผู้หญิงที่เขารักที่สุดกำลังขอร้องให้เขาปล่อยเธอไป จะมีอะไรน่าหัวเราะเยาะมากไปกว่านี้อีกไหม?“ก็ได้ ฉันจะปล่อยเธอไป” เขาได้ยินเสียงพูดของตัวเอง “หลังจากนี้เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”ไม่ว่าจะเป็นคนรักหรือพี่สาว ไม่มีความสัมพันธ์อะไรหลงเหลืออยู่ระหว่างพวกเขาต่อจากนี้อีกต่อไปเหมือนกับเส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบกันได้ ...กู้ลี่เฉินพาหลิงอี้หรานกลับไปที่ห้องเช่าของเธอ เธอไม่ได้กลับมาเป็นสัปดาห์และภายในก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปนอกจากฝุ่นที่หนาขึ้นในบางจุดกู้ลี่เฉินกล่าว “คุณ... ไม่ต้องคุกเข่าลงต่อหน้าจิ่นหลีก็ได้ ผมจะหาทางอื่นให้ได้แม้ว่าคุณจะไม่ได้คุกเข่าก็ตาม”หลิงอี้หรานส่งยิ้มแห้ง ‘ฉันแค่คิดว่านี่คือการชดใช้เรื่องที่เขาคุกเข่าต่อหน้าฉันก่อนหน้านี้ต่างหาก’เมื่อวานนี้อี้จิ่นหลีคุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ขอร้องเธอให้รักเขา! วันนี้เธอคุกเข่าลงต่อหน้าอี้จิ่นหลี ขอร้องเขาให้ปล่อยเธอไป!“กู้ลี่เฉิน ขอบคุณนะคะ แต่...” เธอชะงักและมองไปยังมือของเขาด้วยสายตาซับซ้อน โชคดีที่อี้จิ่นหลีไม่ได้หักมือซ้ายของกู้ลี่เฉินไปด้วย ไม่
หลิงอี้หรานส่งยิ้มเจื่อน ๆ หลังจากที่กู้ลี่เฉินจากไป โทรศัพท์ของเธอก็ยังอยู่ในมือของอี้จิ่นหลีอยู่ดีอี้จิ่นหลีเอาโทรศัพท์ของเธอไปเมื่อตอนที่เธอถูกขังไว้ในคฤหาสน์และเธอก็ไม่เคยเห็นมันอีกเลยดูเหมือนว่าเธอควรไปแจ้งว่าโทรศัพท์และซิมหาย เธอจะได้รับซิมใหม่พร้อมกับซื้อมือถือเครื่องใหม่ด้วยราคาของซิมใหม่เบอร์เดิมไม่ได้แพงมาก แต่โทรศัพท์เครื่องใหม่นี่สิ... ตอนที่เธอกำลังคิดเรื่องนี้อยู่ เธอก็ได้ยินเสียงเคาะประตู‘กู้ลี่เฉินกลับมาเหรอ?’ หลิงอี้หรานลุกขึ้นและเปิดประตูห้องเช่าแต่เธอกลับต้องประหลาดใจเมื่อเห็นเกาฉงหมิงยืนอยู่หน้าประตู“สวัสดีครับ คุณหลิง นี่มือถือของคุณ นายน้อยอี้ให้ผมเอามาคืนคุณ” เกาฉงหมิงกล่าวขณะที่ยื่นมือถือให้หลิงอี้หรานหลิงอี้หรานรับมือถือมาแล้วเกาฉงหมิงก็จากไปโดยไม่ได้พูดอะไรอีกหลิงอี้หรานเปิดมือถือของเธอขึ้นมาเมื่อกลับเข้ามาในบ้าน มันยังมีแบตเตอรี่เหลืออยู่ เธอเห็นสายที่ไม่ได้รับซึ่งส่วนใหญ่เป็นสายที่มาจากชินเหลียนอีและอีกส่วนหนึ่งที่มาจากสำนักงานทนายความหลิงอี้หรานโทรกลับหาชินเหลียนอีเพื่อบอกให้รู้ว่าเธอปลอดภัยชินเหลียนอีตื่นเต้นมากเมื่อได้รับสายจากเพื่อนสน
ถึงอย่างนั้นบางครั้งทุกอย่างก็เปลี่ยนไปในทันที เหมือนอย่างตอนที่พวกเขาเลิกกันในตอนนั้นมีเพียงเขาที่ต้องการเลิกกับเธอ ในตอนนี้มีเพียงเธอที่ต้องการจะจากไป“อี้จิ่นหลี ครั้งนี้ฉันควรจะต้องตัดใจจากคุณจริง ๆ เสียที” หลิงอี้หรานพึมพำ ...ชินเหลียนอีตั้งใจว่าจะไปหาหลิงอี้หรานที่ห้องเช่าในทันทีที่เธอเลิกงานวันถัดมาแม้ว่าพวกเธอจะได้พูดคุยกันผ่านโทรศัพท์เมื่อวานนี้แล้ว และอี้หรานก็บอกว่าเธอไม่เป็นอะไร แต่ชินเหลียนอีก็ยังคงเป็นห่วงอยู่เล็กน้อยทว่ากลับมีร่างหนึ่งหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอในตอนที่เธอกำลังจะไปเอารถตรงลานจอดรถ“เธอคงเป็นชินเหลียนอีสินะ” เขาคนนั้นกล่าวเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่สวมชุดใหม่จากคอลเลคชั่นฤดูใบไม้ร่วงของหลายแบรนด์หรู เธอคนนั้นแต่งหน้าอย่างประณีตและมองมาที่ชินเหลียนอีอย่างหยิ่งยโสชินเหลียนอีอึ้งไป “คุณเป็นใครคะ?”“ฉัน เกาจิ้งหรง คนที่กำลังจะแต่งงานกับไป๋ทิงซินไงล่ะ ฉันได้ยินมาว่าเธอกับทิงซินเคยคบกันช่วงหนึ่ง ฉันเลยอยากเจอเธอหน่อย คิดว่าไง? ทำไมเราไม่ไปหาที่คุยกันสักหน่อยล่ะ?” เธอพูด แม้จะเป็นประโยคคำถาม แต่น้ำเสียงฟังดูคล้ายกับคำสั่งที่ไม่มีช่องให้ปฏิเสธ ขณะที่ดวงตาของ
ชินเหลียนอีกะพริบตา เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาและค้นหาเรื่องโฟร์ซีส์ พร็อพเพอร์ตีเมื่อเห็นอย่างนั้นจิ้งหรงก็โมโหจนจะเป็นลม‘ยัยผู้หญิงคนนี้จะบอกว่าตัวเองไม่เคยได้ยินชื่อโฟร์ซีส์ พร็อพเพอร์ตีงั้นเหรอ?’เกาจิ้งหรงรู้สึกเหมือนตัวเองโดนตบหน้า เธอคิดว่าชินเหลียนอีจะตื่นตกใจเมื่อได้ยินเธอพูดถึงโฟร์ซีส์ พร็อพเพอร์ตี แต่กลับกลายเป็นว่า... อีกฝ่ายกำลังค้นหามันในอินเทอร์เน็ตหลังจากอ่านบทความแนะนำโฟร์ซีส์ พร็อพเพอร์ตีแบบออนไลน์จบ ชินเหลียนอีก็ยิ้ม “โอเคค่ะ ฉันรู้ประวัติคุณแล้ว แต่คุณบอกว่าคุณเป็นคนที่ตระกูลไป๋เลือกให้มาแต่งงาน แล้วคุณก็บอกว่าคุณกับทิงซินกำลังจะหมั้นกัน งั้นหมายความว่าคุณก็ยังไม่หมั้นน่ะสิ ใช่ไหมคะ? คุณเป็นคนที่นายหญิงของตระกูลไป๋เลือกมา แต่ไป๋ทิงซินอาจจะยังไม่ได้เลือก เพราะฉะนั้น คุณก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาเลยสิ ถูกไหมคะ?”ชินเหลียนอีไม่เชื่อว่าไป๋ทิงซินจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้เลยสักนิด ไม่ว่าอย่างไรเธอก็เชื่อใจไป๋ทิงซิน‘หรือนี่คือสิ่งที่เขาเรียกกันว่าพลังแห่งรักกันนะ!’ ชินเหลียนอีคิดเกาจิ้งหรงขบฟันแน่นด้วยความโกรธเกลียดขณะที่มองไปยังชินเหลียนอี ผู้หญิงคนนั้นพูดถูก การ
เธอกำลังทำสิ่งที่ชินเหลียนอีพูดอยู่จริง ๆ เธอไม่ได้จะให้เงินห้าล้านอะไรนั่นด้วยซ้ำ เธอแค่ตั้งใจว่าจะให้ไป๋ทิงซินกำจัดผู้หญิงตรงหน้าเธอไปซะทว่าเธอไม่คาดคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะรอบคอบและถึงขั้นเดาเจตนาของเธอได้ถูกต้องในทันใดนั้นเองที่โทรศัพท์ของชินเหลียนอีก็ดังขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาและเห็นว่าคนที่โทรมาเป็นไป๋ทิงซิน ดังนั้นเธอจึงกดรับ“คุณอยู่ไหน?” เสียงนุ่ม ๆ ของไป๋ทิงซินดังมาจากโทรศัพท์“ฉันกำลังเจรจาต่อรองกับลูกสาวเจ้าของโฟร์ซีส์ พร็อพเพอตีอยู่ค่ะ เขาบอกว่าตระกูลไป๋เลือกให้เขาแต่งงานกับคุณ” ชินเหลียนอีตอบ“เจรจาต่อรอง?” ไป๋ทิงซินอึ้งไปและวิตกขึ้นมาทันที “ผู้หญิงคนนั้นไปหาคุณเหรอ? เขาทำอะไรคุณหรือเปล่า?”“เธอพยายามที่จะเอาผลประโยชน์โดยที่ตัวเองไม่ต้องเสียอะไรอยู่ค่ะ เธอบอกว่าจะจ่ายเงินให้ฉันทิ้งคุณ แต่ที่จริงเธอไม่เคยคิดจะให้ฉันสักแดงเดียว” ชินเหลียนอีเล่าใบหน้าที่ตกแต่งมาอย่างสวยงามของเกาจิ้งหรงบูดเบี้ยวเมื่อได้ยินแบบนั้น ‘ชินเหลียนอีเล่นตุกติก ถ้าฉันยังอยู่ต่อ ฉันก็จะยิ่งอับอายขายขี้หน้า!’เกาจิ้งหรงลุกขึ้นด้วยท่าทางโกรธเคือง เธอมองชินเหลียนอีด้วยสายตาที่บอกว่า ‘เธอจะต้องเสียใ
“อี้จิ่นหลีเองก็อยู่ที่นั่นด้วยเหรอ? เขาไม่ได้... เอ่อ... ทำอะไรเธอใช่ไหม?” ชินเหลียนอีถามอย่างระมัดระวัง“เปล่า” หลิงอี้หรานตอบชินเหลียนอีโล่งใจ “งั้นเขาก็ยังมีความเป็นสุภาพบุรุษอยู่สินะ”ชินเหลียนอีดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างก่อนจะพูดออกมา “ว่าแต่ เธอหมายความว่าไงที่บอกว่าเธอกับอี้จิ่นหลีไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้วน่ะ? เธอ..”“ก็ตามที่บอกนั่นแหละ เขาก็คือเขา ฉันก็คือฉัน ที่เคยเล่นเป็นพี่สาวน้องชายตอนนี้ก็จบไปแล้ว เขากับฉันตอนนี้เป็นคนแปลกหน้ากันจริง ๆ” หลิงอี้หรานกล่าวอย่างสงบถึงอย่างนั้นชินเหลียนอีก็เป็นกังวลกับความสงบของเธอเธอไม่ชอบอี้จิ่นหลี เธอคิดว่าอี้จิ่นหลีทำให้อี้หรานเจ็บปวดมากเกินไป แต่... เมื่อได้ยินว่าอี้จิ่นหลีและอี้หรานได้กลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน เธอกลับปวดใจขึ้นมาเสียอย่างนั้นบางที ชินเหลียนอีอาจคิดว่าอี้จิ่นหลีและเพื่อนรักของเธอยังคงมีโอกาสอยู่ไม่มากก็น้อย“อี้จิ่นหลีไม่ใช่ผู้ชายคนเดียวบนโลกนี้สักหน่อย เธอหาได้ดีกว่านี้แน่” ชินเหลียนอีให้กำลังใจเพื่อนสนิทหลิงอี้หรานยิ้มบาง ๆ และไม่ได้ปฏิเสธน้ำใจของเพื่อนรัก เธอรู้ว่าชินเหลียนอีเป็นห่วงว่าในอนาคตเธอจะเหลือ
อย่างไรก็ตาม เพราะอี้หรานตั้งใจที่จะปิดบังความจริงจากกู้ลี่เฉินต่อไป ดังนั้นเธอจึงพูดความจริงออกไปไม่ได้แม้ว่าเธออยากจะพูดมากแค่ไหนก็ตาม!หลิงอี้หรานยิ้มบาง ๆ ในตอนนั้นเองที่แจ้งเตือน WeChat ของชินเหลียนอีดังขึ้น นั่นเป็นข้อความจากไป๋ทิงซิน ชินเหลียนอีอ่านมันและเห็นว่าไป๋ทิงซินถามว่าเธอจะไปหาเขาเมื่อไหร่หลิงอี้หรานบังเอิญเหลือบไปเห็นจึงพูดว่า “เอาล่ะ ๆ ไป๋ทิงซินรอเธออยู่นะ ไปหาเขาก่อนสิ ไว้เราค่อยเจอกันอีกทีหลังก็ได้”“งั้นก้ได้ ถ้าอยากได้อะไรก็โทรหาฉันนะ ไม่ต้องลำบากใจ” ชินเหลียนอีพูดอย่างเป็นกังวลเล็กน้อย“ได้เลย รับทราบ!” หลิงอี้หรานยิ้ม การได้อยู่กับเหลียนอีเท่านั้นที่ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายและได้เป็นตัวของตัวเองเพราะเธอรู้ว่าเหลียนอีจะอยู่ข้างเธอไม่ว่าอย่างไรก็ตามเมื่อชินเหลียนอีออกไปจากบ้านของหลิงอี้หราน เธอก็รู้สึกหนักอึ้งในใจ เธอไม่รู้เลยว่าแบบไหนดีต่ออี้หรานมากกว่ากันเพื่อนของเธอเลิกกับอี้จิ่นหลีไปแล้ว และตอนนี้ก็ยังมาเจอกับกู้ลี่เฉินอีกถึงอย่างนั้นอี้หรานก็ไม่ได้รักกู้ลี่เฉินและไม่อยากจะครอบครองเขาด้วยดูเหมือนว่าในความสัมพันธ์นั้น การที่สามารถแบ่งปันความรักซึ่งก