“คุณ... มาทำอะไรที่นี่?” หลิงอี้หรานมองไปยังกู้ลี่เฉินด้วยความประหลาดใจ เธอสังเกตเห็นว่าเขาซูบผอมลงไปเมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้มือขวาของเขายังคงมีผ้าพันแผลพันไว้ หลิงอี้หรานจำตอนที่อี้จิ่นหลีหักข้อมือของกู้ลี่เฉินก่อนจะพาตัวเธอมาได้ “ข้อมือเป็นไงบ้างคะ?”เขาพูดเสียงเบา “ไม่เป็นไรครับ เจ็บนิดหน่อย แต่ที่นี่หายากมากเลยนะ ถ้าไม่ใช่เมื่อวานหมอซูถูกพาตัวมาที่นี่เราคงจะไม่ได้เบาะแสอะไรเลย”เมื่อพูดถึงเรื่องนั้น ความกังวลก็ปรากฏในดวงตาของกู้ลี่เฉินอีกครั้ง “หลังจากที่เขาพาคุณมาที่นี่ เขาได้ทำอะไรให้คุณลำบากใจหรือเปล่า?”“ไม่เลยค่ะ” หลิงอี้หรานตอบพลางส่ายหน้า แต่สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อคิดถึงช่วงนี้ที่เธอใช้เวลาร่วมกับอี้จิ่นหลีกู้ลี่เฉินรู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นแบบนี้ ราวกับว่าความเป็นไปได้ที่เขาไม่อยากจะคิดถึงกำลังค่อย ๆ เป็นจริงขึ้นมา จู่ ๆ กู้ลี่เฉินก็ดึงมือของหลิงอี้หรานไว้ด้วยมือซ้ายของเขา และกล่าวว่า “ผมจะพาคุณออกไปเดี๋ยวนี้ คฤหาสน์นี้มีระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนาในทุกจุด ผมให้คนแฮ็คเข้าไปในระบบและปิดการรักษาความปลอดภัยบางจุดไว้ชั่วคราว อีกไม่นานมันก็จะกลับไปทำงานเหมือนเดิ
‘เกิดอะไรขึ้น?’ ก่อนที่หลิงอี้หรานจะได้รู้คำตอบ เสียงเย็นชาจากคนอีกคนก็ดังขึ้น“วันนี้ถ้าฉันไม่ยอมให้ออกไปก็จะไม่มีใครได้ออกไปทั้งนั้น!”ในชั่ววินาทีนั้นหลิงอี้หรานรู้สึกราวกับว่าเลือดในกายของเธอกลายเป็นน้ำแข็งไปแล้ว นี่มัน... เสียงของอี้จิ่นหลี!เธอเงยหน้าขึ้นและมองเห็นร่างสูงที่ยืนห่างจากพวกเขาไปไม่กี่สิบเมตรพร้อมด้วยกลุ่มคนที่ยืนเรียงกันเป็นแถวอยู่ด้านหลังของเขาราวกับว่า... พวกเขารออยู่นานแล้วและตอนนี้ก็อัญเชิญให้เข้ามาติดกับ!“ดูเหมือนฉันจะประมาทไปสินะ” กู้ลี่เฉินมองไปยังอี้จิ่นหลีซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลอย่างเย็นชา “นายตั้งใจทำอย่างนี้เหรอ? เพื่อล่อให้ฉันมาที่นี่สินะ?”ถ้าไม่ใช่เพราะหมอซู เขาคงไม่เจอที่นี่ง่าย ๆ แบบนี้แน่!อี้จิ่นหลีไม่ได้ตอบอะไร แต่มองไปยังหลิงอี้หรานซึ่งยืนอยู่หลังกู้ลี่เฉินแทน “เธอล่ะ? เธอยังอยากตามกู้ลี่เฉินออกไป แม้ว่าฉันจะให้เธอทุกอย่างแล้วงั้นเหรอ?”หลิงอี้หรานมองอี้จิ่นหลีที่เดินเข้ามมาทีละก้าว ๆ ใบหน้างดงามของเขาตอนนี้เย็นชาราวน้ำแข็ง ขณะที่ดวงตาซึ่งเคยมองเธออย่างอ่อนโยนเมื่อเช้านี้กลับกำลังอึมครึมและแผ่รังสีอันตรายออกมา“ถ้าฉันบอกว่าฉันไม่ได้จะออกไปแล
“ฉันก็น่าจะลองดู” กู้ลี่เฉินกล่าวโดยปราศจากความตระหนกชายหนุ่มสองคนที่ทั้งสูงส่ง มีพลังอำนาจ และต่างมีอิทธิพลในเมืองเฉิน ตอนนี้พวกเขากำลังเผชิญหน้าซึ่งกันและกัน“ถ้าอี้หรานไม่อยากอยู่ที่นี่ ฉันก็จะพาเธอออกไปไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม!” กูลี่เฉินกล่าว“แล้วฉันก็จะหักมืออีกข้างของนายซะ” อี้จิ่นหลีพูดอย่างเย็นชา และโจมตีกู้ลี่เฉินในทันทีกู้ลี่เฉินเห็นแบบนั้นจึงกระโดดหลบ ชายหนุ่มสองคนสู้กันไปมา แต่กู้ลี่เฉินโจมตีไม่ได้เลยเพราะอาการบาดเจ็บตรงมือขวาของเขาอี้จิ่นหลีตรึงกู้ลี่เฉินไว้กับพื้นและจับมือซ้ายที่ยังไม่บาดเจ็บมาเพื่อจะหักมัน ในขณะนั้นเองที่หลิงอี้หรานก็รีบเข้ามาแล้วจับมือของอี้จิ่นหลีไว้แน่น “หยุด! อย่าทำร้ายกู้ลี่เฉิน!”สีหน้าของอี้จิ่นหลีเปลี่ยนเป็นซีดเผือดในทันที “แล้วถ้าฉันบอกว่ายังไงฉันก็จะหักมือมันล่ะ?”“การหักมือคนอื่นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับคุณเลยสินะ?” หลิงอี้หรานถาม ห่าวอี้เหมิงและเซียวจื่อฉีเองก็เคยพูดเรื่องมือที่ใช้การไม่ได้ของเธอว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยพวกเขาตัดสินกันง่าย ๆ แต่ส่งผลกับเธออย่างมหาศาล“นี่เธอปกป้องมันเหรอ?” อี้จิ่นหลีพูดสวนกลับมา“ใช่” หลิงอี้หรานต
“ฉันจะรักษาสัญญา และเธอต้องไม่ลืมมันนะ เข้าใจไหม?”ราวกับว่าเสียงเด็กน้อยเหล่านั้นได้กลับมาดังห้อมล้อมเธอไว้อีกครั้งถึงอย่างนั้นเธอก็ลืมเรื่องนั้นไปและจำเขาไม่ได้หลังจากนั้นหลิงอี้หรานคุกเข่าลงต่อหน้าของอี้จิ่นหลีเสียงดัง การคุกเข่าของเธอทำให้ชายหนุ่มทั้งสองที่อยู่ตรงนั้นประหลาดใจ“เธอ...” ดวงตาของอี้จิ่นหลีเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ “เธอทำอะไร? นี่เธอคุกเข่าเพื่อกู้ลี่เฉินเหรอ? ฉันไม่หยุดหรอกนะถึงเธอจะคุกเข่าลงมาก็เถอะ!”“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับกู้ลี่เฉินเลย!” หลิงอี้หรานสูดลมหายใจเข้าลึกและพูดอย่างใจเย็นว่า ในทันทีที่เธอคุกเข่าลง ความตระหนกและความลังเลใจใด ๆ ก็จางหายไปในทันที “เรื่องระหว่างคุณกับฉันไม่เกี่ยวกับคนอื่น แม้ว่าคุณจะบอกว่าคุณยังรักฉัน แต่ฉันก็ไม่สามารถรับความรักของคุณไว้ได้ เพราะอย่างนั้น อี้จิ่นหลี... ปล่อยฉันไปเถอะ”“ปล่อยเธอไป... งั้นเหรอ?” ร่างกายของอี้จิ่นหลีเจ็บปวดจากแรงสั่นสะเทือนที่มองไม่เห็นจนใบหน้าของเขาซีดเซียวในทันทีจนถึงตอนนี้เองที่เขาอยากจะให้เธอขอร้องให้เขาปล่อยกู้ลี่เฉินแทนเธอ!“เธอรู้หรือเปล่าว่ากำลังพูดอะไรอยู่?” เขาพึมพำพลางคลายมือที่จับกู้ลี่เฉิ
ถึงอย่างนั้น... ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเป็นเพียง ‘ความผิดพลาด’ สำหรับเธอผู้หญิงที่เขารักที่สุดกำลังขอร้องให้เขาปล่อยเธอไป จะมีอะไรน่าหัวเราะเยาะมากไปกว่านี้อีกไหม?“ก็ได้ ฉันจะปล่อยเธอไป” เขาได้ยินเสียงพูดของตัวเอง “หลังจากนี้เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”ไม่ว่าจะเป็นคนรักหรือพี่สาว ไม่มีความสัมพันธ์อะไรหลงเหลืออยู่ระหว่างพวกเขาต่อจากนี้อีกต่อไปเหมือนกับเส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบกันได้ ...กู้ลี่เฉินพาหลิงอี้หรานกลับไปที่ห้องเช่าของเธอ เธอไม่ได้กลับมาเป็นสัปดาห์และภายในก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปนอกจากฝุ่นที่หนาขึ้นในบางจุดกู้ลี่เฉินกล่าว “คุณ... ไม่ต้องคุกเข่าลงต่อหน้าจิ่นหลีก็ได้ ผมจะหาทางอื่นให้ได้แม้ว่าคุณจะไม่ได้คุกเข่าก็ตาม”หลิงอี้หรานส่งยิ้มแห้ง ‘ฉันแค่คิดว่านี่คือการชดใช้เรื่องที่เขาคุกเข่าต่อหน้าฉันก่อนหน้านี้ต่างหาก’เมื่อวานนี้อี้จิ่นหลีคุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ขอร้องเธอให้รักเขา! วันนี้เธอคุกเข่าลงต่อหน้าอี้จิ่นหลี ขอร้องเขาให้ปล่อยเธอไป!“กู้ลี่เฉิน ขอบคุณนะคะ แต่...” เธอชะงักและมองไปยังมือของเขาด้วยสายตาซับซ้อน โชคดีที่อี้จิ่นหลีไม่ได้หักมือซ้ายของกู้ลี่เฉินไปด้วย ไม่
หลิงอี้หรานส่งยิ้มเจื่อน ๆ หลังจากที่กู้ลี่เฉินจากไป โทรศัพท์ของเธอก็ยังอยู่ในมือของอี้จิ่นหลีอยู่ดีอี้จิ่นหลีเอาโทรศัพท์ของเธอไปเมื่อตอนที่เธอถูกขังไว้ในคฤหาสน์และเธอก็ไม่เคยเห็นมันอีกเลยดูเหมือนว่าเธอควรไปแจ้งว่าโทรศัพท์และซิมหาย เธอจะได้รับซิมใหม่พร้อมกับซื้อมือถือเครื่องใหม่ด้วยราคาของซิมใหม่เบอร์เดิมไม่ได้แพงมาก แต่โทรศัพท์เครื่องใหม่นี่สิ... ตอนที่เธอกำลังคิดเรื่องนี้อยู่ เธอก็ได้ยินเสียงเคาะประตู‘กู้ลี่เฉินกลับมาเหรอ?’ หลิงอี้หรานลุกขึ้นและเปิดประตูห้องเช่าแต่เธอกลับต้องประหลาดใจเมื่อเห็นเกาฉงหมิงยืนอยู่หน้าประตู“สวัสดีครับ คุณหลิง นี่มือถือของคุณ นายน้อยอี้ให้ผมเอามาคืนคุณ” เกาฉงหมิงกล่าวขณะที่ยื่นมือถือให้หลิงอี้หรานหลิงอี้หรานรับมือถือมาแล้วเกาฉงหมิงก็จากไปโดยไม่ได้พูดอะไรอีกหลิงอี้หรานเปิดมือถือของเธอขึ้นมาเมื่อกลับเข้ามาในบ้าน มันยังมีแบตเตอรี่เหลืออยู่ เธอเห็นสายที่ไม่ได้รับซึ่งส่วนใหญ่เป็นสายที่มาจากชินเหลียนอีและอีกส่วนหนึ่งที่มาจากสำนักงานทนายความหลิงอี้หรานโทรกลับหาชินเหลียนอีเพื่อบอกให้รู้ว่าเธอปลอดภัยชินเหลียนอีตื่นเต้นมากเมื่อได้รับสายจากเพื่อนสน
ถึงอย่างนั้นบางครั้งทุกอย่างก็เปลี่ยนไปในทันที เหมือนอย่างตอนที่พวกเขาเลิกกันในตอนนั้นมีเพียงเขาที่ต้องการเลิกกับเธอ ในตอนนี้มีเพียงเธอที่ต้องการจะจากไป“อี้จิ่นหลี ครั้งนี้ฉันควรจะต้องตัดใจจากคุณจริง ๆ เสียที” หลิงอี้หรานพึมพำ ...ชินเหลียนอีตั้งใจว่าจะไปหาหลิงอี้หรานที่ห้องเช่าในทันทีที่เธอเลิกงานวันถัดมาแม้ว่าพวกเธอจะได้พูดคุยกันผ่านโทรศัพท์เมื่อวานนี้แล้ว และอี้หรานก็บอกว่าเธอไม่เป็นอะไร แต่ชินเหลียนอีก็ยังคงเป็นห่วงอยู่เล็กน้อยทว่ากลับมีร่างหนึ่งหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอในตอนที่เธอกำลังจะไปเอารถตรงลานจอดรถ“เธอคงเป็นชินเหลียนอีสินะ” เขาคนนั้นกล่าวเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่สวมชุดใหม่จากคอลเลคชั่นฤดูใบไม้ร่วงของหลายแบรนด์หรู เธอคนนั้นแต่งหน้าอย่างประณีตและมองมาที่ชินเหลียนอีอย่างหยิ่งยโสชินเหลียนอีอึ้งไป “คุณเป็นใครคะ?”“ฉัน เกาจิ้งหรง คนที่กำลังจะแต่งงานกับไป๋ทิงซินไงล่ะ ฉันได้ยินมาว่าเธอกับทิงซินเคยคบกันช่วงหนึ่ง ฉันเลยอยากเจอเธอหน่อย คิดว่าไง? ทำไมเราไม่ไปหาที่คุยกันสักหน่อยล่ะ?” เธอพูด แม้จะเป็นประโยคคำถาม แต่น้ำเสียงฟังดูคล้ายกับคำสั่งที่ไม่มีช่องให้ปฏิเสธ ขณะที่ดวงตาของ
ชินเหลียนอีกะพริบตา เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาและค้นหาเรื่องโฟร์ซีส์ พร็อพเพอร์ตีเมื่อเห็นอย่างนั้นจิ้งหรงก็โมโหจนจะเป็นลม‘ยัยผู้หญิงคนนี้จะบอกว่าตัวเองไม่เคยได้ยินชื่อโฟร์ซีส์ พร็อพเพอร์ตีงั้นเหรอ?’เกาจิ้งหรงรู้สึกเหมือนตัวเองโดนตบหน้า เธอคิดว่าชินเหลียนอีจะตื่นตกใจเมื่อได้ยินเธอพูดถึงโฟร์ซีส์ พร็อพเพอร์ตี แต่กลับกลายเป็นว่า... อีกฝ่ายกำลังค้นหามันในอินเทอร์เน็ตหลังจากอ่านบทความแนะนำโฟร์ซีส์ พร็อพเพอร์ตีแบบออนไลน์จบ ชินเหลียนอีก็ยิ้ม “โอเคค่ะ ฉันรู้ประวัติคุณแล้ว แต่คุณบอกว่าคุณเป็นคนที่ตระกูลไป๋เลือกให้มาแต่งงาน แล้วคุณก็บอกว่าคุณกับทิงซินกำลังจะหมั้นกัน งั้นหมายความว่าคุณก็ยังไม่หมั้นน่ะสิ ใช่ไหมคะ? คุณเป็นคนที่นายหญิงของตระกูลไป๋เลือกมา แต่ไป๋ทิงซินอาจจะยังไม่ได้เลือก เพราะฉะนั้น คุณก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาเลยสิ ถูกไหมคะ?”ชินเหลียนอีไม่เชื่อว่าไป๋ทิงซินจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้เลยสักนิด ไม่ว่าอย่างไรเธอก็เชื่อใจไป๋ทิงซิน‘หรือนี่คือสิ่งที่เขาเรียกกันว่าพลังแห่งรักกันนะ!’ ชินเหลียนอีคิดเกาจิ้งหรงขบฟันแน่นด้วยความโกรธเกลียดขณะที่มองไปยังชินเหลียนอี ผู้หญิงคนนั้นพูดถูก การ