“ที่จริง... ไม่ใช่ว่าเธอรักฉันไม่ได้อีกแล้ว แต่เป็นเพราะเธอกลัวว่าฉันจะทำให้เธอเจ็บอีกใช่ไหม?” อี้จิ่นหลีถามเสียงอ่อนเธอรู้สึกได้ว่าเขามองเธอออก บางทีคงจะเป็นอย่างที่เขาพูด เธอกลัว เธอกลัวมากเสียจนไม่กล้ามีรักอีกแล้ว “อี้หราน ฉันจะไม่ทำร้ายเธออีก!” อี้จิ่นหลีกำจัดแววตาหลงใหลทิ้งไป และเหลือไว้แค่เพียงความจริงจัง เขาค่อย ๆ ก้าวเท้าเข้ามาหาเธอช้า ๆ ขณะที่ดวงตาของเขาจ้องมายังดวงตาผลอัลมอนด์ของเธอ “เธอไม่เชื่อฉันเหรอ?”เธอกล่าวตอบว่า “เรื่องแบบนี้ไม่มีใครรับประกันได้หรอกนะ”“ถ้าเธอไม่เชื่อ ฉันจะสาบานเลย”“ไม่ต้อง...” ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร เขาก็ย่อตัวลง และคุกเข่าข้างหนึ่งต่อหน้าเธอ ใบหน้าของเขาเคร่งขรึม จริงจัง และแสดงความตั้งใจจริง “ฉัน จิ่นหลี ขอสาบานว่า ถ้าฉันทำให้เธอเจ็บอีกในอนาคต ฉันจะชดใช้คืนให้เธอสิบเท่า ถ้าฉันทำให้เธอร้องไห้ ความเจ็บปวดนั้นจะต้องบาดลึกถึงกระดูกและเผาไหม้หัวใจของฉันจนเป็นผุยผง”ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความตกตะลึง เธอไม่เคยคาดคิดเลยว่าเขาจะคุกเข่าลงตรงหน้าเธอแบบนี้ และพูดอะไรพวกนั้นด้วย!เธอก้มมองลงไปที่เขา ขณะที่เขาหลบตา ก้มหน้าลง และพึมพำว่า “รู้อะไรไหม?
“คุณ... มาทำอะไรที่นี่?” หลิงอี้หรานมองไปยังกู้ลี่เฉินด้วยความประหลาดใจ เธอสังเกตเห็นว่าเขาซูบผอมลงไปเมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้มือขวาของเขายังคงมีผ้าพันแผลพันไว้ หลิงอี้หรานจำตอนที่อี้จิ่นหลีหักข้อมือของกู้ลี่เฉินก่อนจะพาตัวเธอมาได้ “ข้อมือเป็นไงบ้างคะ?”เขาพูดเสียงเบา “ไม่เป็นไรครับ เจ็บนิดหน่อย แต่ที่นี่หายากมากเลยนะ ถ้าไม่ใช่เมื่อวานหมอซูถูกพาตัวมาที่นี่เราคงจะไม่ได้เบาะแสอะไรเลย”เมื่อพูดถึงเรื่องนั้น ความกังวลก็ปรากฏในดวงตาของกู้ลี่เฉินอีกครั้ง “หลังจากที่เขาพาคุณมาที่นี่ เขาได้ทำอะไรให้คุณลำบากใจหรือเปล่า?”“ไม่เลยค่ะ” หลิงอี้หรานตอบพลางส่ายหน้า แต่สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อคิดถึงช่วงนี้ที่เธอใช้เวลาร่วมกับอี้จิ่นหลีกู้ลี่เฉินรู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นแบบนี้ ราวกับว่าความเป็นไปได้ที่เขาไม่อยากจะคิดถึงกำลังค่อย ๆ เป็นจริงขึ้นมา จู่ ๆ กู้ลี่เฉินก็ดึงมือของหลิงอี้หรานไว้ด้วยมือซ้ายของเขา และกล่าวว่า “ผมจะพาคุณออกไปเดี๋ยวนี้ คฤหาสน์นี้มีระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนาในทุกจุด ผมให้คนแฮ็คเข้าไปในระบบและปิดการรักษาความปลอดภัยบางจุดไว้ชั่วคราว อีกไม่นานมันก็จะกลับไปทำงานเหมือนเดิ
‘เกิดอะไรขึ้น?’ ก่อนที่หลิงอี้หรานจะได้รู้คำตอบ เสียงเย็นชาจากคนอีกคนก็ดังขึ้น“วันนี้ถ้าฉันไม่ยอมให้ออกไปก็จะไม่มีใครได้ออกไปทั้งนั้น!”ในชั่ววินาทีนั้นหลิงอี้หรานรู้สึกราวกับว่าเลือดในกายของเธอกลายเป็นน้ำแข็งไปแล้ว นี่มัน... เสียงของอี้จิ่นหลี!เธอเงยหน้าขึ้นและมองเห็นร่างสูงที่ยืนห่างจากพวกเขาไปไม่กี่สิบเมตรพร้อมด้วยกลุ่มคนที่ยืนเรียงกันเป็นแถวอยู่ด้านหลังของเขาราวกับว่า... พวกเขารออยู่นานแล้วและตอนนี้ก็อัญเชิญให้เข้ามาติดกับ!“ดูเหมือนฉันจะประมาทไปสินะ” กู้ลี่เฉินมองไปยังอี้จิ่นหลีซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลอย่างเย็นชา “นายตั้งใจทำอย่างนี้เหรอ? เพื่อล่อให้ฉันมาที่นี่สินะ?”ถ้าไม่ใช่เพราะหมอซู เขาคงไม่เจอที่นี่ง่าย ๆ แบบนี้แน่!อี้จิ่นหลีไม่ได้ตอบอะไร แต่มองไปยังหลิงอี้หรานซึ่งยืนอยู่หลังกู้ลี่เฉินแทน “เธอล่ะ? เธอยังอยากตามกู้ลี่เฉินออกไป แม้ว่าฉันจะให้เธอทุกอย่างแล้วงั้นเหรอ?”หลิงอี้หรานมองอี้จิ่นหลีที่เดินเข้ามมาทีละก้าว ๆ ใบหน้างดงามของเขาตอนนี้เย็นชาราวน้ำแข็ง ขณะที่ดวงตาซึ่งเคยมองเธออย่างอ่อนโยนเมื่อเช้านี้กลับกำลังอึมครึมและแผ่รังสีอันตรายออกมา“ถ้าฉันบอกว่าฉันไม่ได้จะออกไปแล
“ฉันก็น่าจะลองดู” กู้ลี่เฉินกล่าวโดยปราศจากความตระหนกชายหนุ่มสองคนที่ทั้งสูงส่ง มีพลังอำนาจ และต่างมีอิทธิพลในเมืองเฉิน ตอนนี้พวกเขากำลังเผชิญหน้าซึ่งกันและกัน“ถ้าอี้หรานไม่อยากอยู่ที่นี่ ฉันก็จะพาเธอออกไปไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม!” กูลี่เฉินกล่าว“แล้วฉันก็จะหักมืออีกข้างของนายซะ” อี้จิ่นหลีพูดอย่างเย็นชา และโจมตีกู้ลี่เฉินในทันทีกู้ลี่เฉินเห็นแบบนั้นจึงกระโดดหลบ ชายหนุ่มสองคนสู้กันไปมา แต่กู้ลี่เฉินโจมตีไม่ได้เลยเพราะอาการบาดเจ็บตรงมือขวาของเขาอี้จิ่นหลีตรึงกู้ลี่เฉินไว้กับพื้นและจับมือซ้ายที่ยังไม่บาดเจ็บมาเพื่อจะหักมัน ในขณะนั้นเองที่หลิงอี้หรานก็รีบเข้ามาแล้วจับมือของอี้จิ่นหลีไว้แน่น “หยุด! อย่าทำร้ายกู้ลี่เฉิน!”สีหน้าของอี้จิ่นหลีเปลี่ยนเป็นซีดเผือดในทันที “แล้วถ้าฉันบอกว่ายังไงฉันก็จะหักมือมันล่ะ?”“การหักมือคนอื่นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับคุณเลยสินะ?” หลิงอี้หรานถาม ห่าวอี้เหมิงและเซียวจื่อฉีเองก็เคยพูดเรื่องมือที่ใช้การไม่ได้ของเธอว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยพวกเขาตัดสินกันง่าย ๆ แต่ส่งผลกับเธออย่างมหาศาล“นี่เธอปกป้องมันเหรอ?” อี้จิ่นหลีพูดสวนกลับมา“ใช่” หลิงอี้หรานต
“ฉันจะรักษาสัญญา และเธอต้องไม่ลืมมันนะ เข้าใจไหม?”ราวกับว่าเสียงเด็กน้อยเหล่านั้นได้กลับมาดังห้อมล้อมเธอไว้อีกครั้งถึงอย่างนั้นเธอก็ลืมเรื่องนั้นไปและจำเขาไม่ได้หลังจากนั้นหลิงอี้หรานคุกเข่าลงต่อหน้าของอี้จิ่นหลีเสียงดัง การคุกเข่าของเธอทำให้ชายหนุ่มทั้งสองที่อยู่ตรงนั้นประหลาดใจ“เธอ...” ดวงตาของอี้จิ่นหลีเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ “เธอทำอะไร? นี่เธอคุกเข่าเพื่อกู้ลี่เฉินเหรอ? ฉันไม่หยุดหรอกนะถึงเธอจะคุกเข่าลงมาก็เถอะ!”“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับกู้ลี่เฉินเลย!” หลิงอี้หรานสูดลมหายใจเข้าลึกและพูดอย่างใจเย็นว่า ในทันทีที่เธอคุกเข่าลง ความตระหนกและความลังเลใจใด ๆ ก็จางหายไปในทันที “เรื่องระหว่างคุณกับฉันไม่เกี่ยวกับคนอื่น แม้ว่าคุณจะบอกว่าคุณยังรักฉัน แต่ฉันก็ไม่สามารถรับความรักของคุณไว้ได้ เพราะอย่างนั้น อี้จิ่นหลี... ปล่อยฉันไปเถอะ”“ปล่อยเธอไป... งั้นเหรอ?” ร่างกายของอี้จิ่นหลีเจ็บปวดจากแรงสั่นสะเทือนที่มองไม่เห็นจนใบหน้าของเขาซีดเซียวในทันทีจนถึงตอนนี้เองที่เขาอยากจะให้เธอขอร้องให้เขาปล่อยกู้ลี่เฉินแทนเธอ!“เธอรู้หรือเปล่าว่ากำลังพูดอะไรอยู่?” เขาพึมพำพลางคลายมือที่จับกู้ลี่เฉิ
ถึงอย่างนั้น... ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเป็นเพียง ‘ความผิดพลาด’ สำหรับเธอผู้หญิงที่เขารักที่สุดกำลังขอร้องให้เขาปล่อยเธอไป จะมีอะไรน่าหัวเราะเยาะมากไปกว่านี้อีกไหม?“ก็ได้ ฉันจะปล่อยเธอไป” เขาได้ยินเสียงพูดของตัวเอง “หลังจากนี้เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”ไม่ว่าจะเป็นคนรักหรือพี่สาว ไม่มีความสัมพันธ์อะไรหลงเหลืออยู่ระหว่างพวกเขาต่อจากนี้อีกต่อไปเหมือนกับเส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบกันได้ ...กู้ลี่เฉินพาหลิงอี้หรานกลับไปที่ห้องเช่าของเธอ เธอไม่ได้กลับมาเป็นสัปดาห์และภายในก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปนอกจากฝุ่นที่หนาขึ้นในบางจุดกู้ลี่เฉินกล่าว “คุณ... ไม่ต้องคุกเข่าลงต่อหน้าจิ่นหลีก็ได้ ผมจะหาทางอื่นให้ได้แม้ว่าคุณจะไม่ได้คุกเข่าก็ตาม”หลิงอี้หรานส่งยิ้มแห้ง ‘ฉันแค่คิดว่านี่คือการชดใช้เรื่องที่เขาคุกเข่าต่อหน้าฉันก่อนหน้านี้ต่างหาก’เมื่อวานนี้อี้จิ่นหลีคุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ขอร้องเธอให้รักเขา! วันนี้เธอคุกเข่าลงต่อหน้าอี้จิ่นหลี ขอร้องเขาให้ปล่อยเธอไป!“กู้ลี่เฉิน ขอบคุณนะคะ แต่...” เธอชะงักและมองไปยังมือของเขาด้วยสายตาซับซ้อน โชคดีที่อี้จิ่นหลีไม่ได้หักมือซ้ายของกู้ลี่เฉินไปด้วย ไม่
หลิงอี้หรานส่งยิ้มเจื่อน ๆ หลังจากที่กู้ลี่เฉินจากไป โทรศัพท์ของเธอก็ยังอยู่ในมือของอี้จิ่นหลีอยู่ดีอี้จิ่นหลีเอาโทรศัพท์ของเธอไปเมื่อตอนที่เธอถูกขังไว้ในคฤหาสน์และเธอก็ไม่เคยเห็นมันอีกเลยดูเหมือนว่าเธอควรไปแจ้งว่าโทรศัพท์และซิมหาย เธอจะได้รับซิมใหม่พร้อมกับซื้อมือถือเครื่องใหม่ด้วยราคาของซิมใหม่เบอร์เดิมไม่ได้แพงมาก แต่โทรศัพท์เครื่องใหม่นี่สิ... ตอนที่เธอกำลังคิดเรื่องนี้อยู่ เธอก็ได้ยินเสียงเคาะประตู‘กู้ลี่เฉินกลับมาเหรอ?’ หลิงอี้หรานลุกขึ้นและเปิดประตูห้องเช่าแต่เธอกลับต้องประหลาดใจเมื่อเห็นเกาฉงหมิงยืนอยู่หน้าประตู“สวัสดีครับ คุณหลิง นี่มือถือของคุณ นายน้อยอี้ให้ผมเอามาคืนคุณ” เกาฉงหมิงกล่าวขณะที่ยื่นมือถือให้หลิงอี้หรานหลิงอี้หรานรับมือถือมาแล้วเกาฉงหมิงก็จากไปโดยไม่ได้พูดอะไรอีกหลิงอี้หรานเปิดมือถือของเธอขึ้นมาเมื่อกลับเข้ามาในบ้าน มันยังมีแบตเตอรี่เหลืออยู่ เธอเห็นสายที่ไม่ได้รับซึ่งส่วนใหญ่เป็นสายที่มาจากชินเหลียนอีและอีกส่วนหนึ่งที่มาจากสำนักงานทนายความหลิงอี้หรานโทรกลับหาชินเหลียนอีเพื่อบอกให้รู้ว่าเธอปลอดภัยชินเหลียนอีตื่นเต้นมากเมื่อได้รับสายจากเพื่อนสน
ถึงอย่างนั้นบางครั้งทุกอย่างก็เปลี่ยนไปในทันที เหมือนอย่างตอนที่พวกเขาเลิกกันในตอนนั้นมีเพียงเขาที่ต้องการเลิกกับเธอ ในตอนนี้มีเพียงเธอที่ต้องการจะจากไป“อี้จิ่นหลี ครั้งนี้ฉันควรจะต้องตัดใจจากคุณจริง ๆ เสียที” หลิงอี้หรานพึมพำ ...ชินเหลียนอีตั้งใจว่าจะไปหาหลิงอี้หรานที่ห้องเช่าในทันทีที่เธอเลิกงานวันถัดมาแม้ว่าพวกเธอจะได้พูดคุยกันผ่านโทรศัพท์เมื่อวานนี้แล้ว และอี้หรานก็บอกว่าเธอไม่เป็นอะไร แต่ชินเหลียนอีก็ยังคงเป็นห่วงอยู่เล็กน้อยทว่ากลับมีร่างหนึ่งหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอในตอนที่เธอกำลังจะไปเอารถตรงลานจอดรถ“เธอคงเป็นชินเหลียนอีสินะ” เขาคนนั้นกล่าวเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่สวมชุดใหม่จากคอลเลคชั่นฤดูใบไม้ร่วงของหลายแบรนด์หรู เธอคนนั้นแต่งหน้าอย่างประณีตและมองมาที่ชินเหลียนอีอย่างหยิ่งยโสชินเหลียนอีอึ้งไป “คุณเป็นใครคะ?”“ฉัน เกาจิ้งหรง คนที่กำลังจะแต่งงานกับไป๋ทิงซินไงล่ะ ฉันได้ยินมาว่าเธอกับทิงซินเคยคบกันช่วงหนึ่ง ฉันเลยอยากเจอเธอหน่อย คิดว่าไง? ทำไมเราไม่ไปหาที่คุยกันสักหน่อยล่ะ?” เธอพูด แม้จะเป็นประโยคคำถาม แต่น้ำเสียงฟังดูคล้ายกับคำสั่งที่ไม่มีช่องให้ปฏิเสธ ขณะที่ดวงตาของ
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค