‘เธอกลัวเหรอ นี่ฉันทำเธอกลัวเหรอ?’เขาอยากทำให้เธอตกใจเพื่อสอนเธอ และแสดงให้ดูว่าเขาใจดีแค่ไหน เขาแค่ต้องการให้เธอรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าเขาไม่ให้เกียรติเธอจริง ๆแต่เมื่อเขาเห็นเธอในสภาพนี้ เขาก็รู้สึกเหมือนมีก้อนหนัก ๆ กดทับอยู่ในอกของเขา นี่มันไม่ต่างอะไรกับการลงโทษตัวเขาเองเลย! เขายกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของเธออย่างอ่อนโยน “ก็ได้ ๆ ฉันจะไม่บังคับเธอแล้ว ไม่มีแล้ว ไม่มีอีก”เธอมองตรงไปที่เขาราวกับไม่อยากเชื่อว่าเขาจะพูดอะไรแบบนี้เธอไม่คิดว่า จู่ ๆ ตัวเองจะร้องไห้ออกมาหนักขนาดนี้ เธอเคยบอกตัวเองว่าต่อให้เธอโดน ‘ข่มขืน’ เธอก็จะไม่เก็บมาใส่ใจ เธอจะคิดว่าตัวเองโดนผีอำก็เท่านั้น!ถึงอย่างนั้น... เมื่อเธอติดอยู่ในสถานการณ์ที่เธอต่อต้านไม่ได้ ช่วงเวลาที่เธอเคยอยู่ในคุกก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ในตอนนั้นราวกับว่า ไม่ว่าเธอจะดิ้นรนขัดขืนมากแค่ไหน ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับเธอก็ไม่ลดน้อยลงเลยเหมือนกับเธอไม่ใช่มนุษย์คนหนึ่งในสายตาของพวกเขา เธอเป็นเพียงแค่อะไรบางอย่างที่พวกเขาเตะ และใช้หาประโยชน์ให้ตัวเองสิ่งที่เรียกกันว่าสิทธิมนุษยชน ศักดิ์ศรี... ต่างก็ถูกเหยียบย่ำไปจนหมดสิ้น!ดว
นายท่านกู้มองไปยังข้อมือขวาของลูกชายเขาที่ยังมีผ้าพันแผลอยู่ขณะที่เขาพูดนี่มันเรื่องตลกอะไรที่ต้องมาข้อมือหักเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง!“ถึงผมจะแขนหักอีกจะเป็นอะไรไป? ตราบใดที่ผมตามหาเธอเจอ!” กู้ลี่เฉินเอ่ย“นี่ลูก...” นายท่านกู้รู้สึกโกรธขึ้นมาในทันทีทันใด นายหญิงกู้รีบเข้ามาปลอบสามีของเธอในทันที และพูดกับลูกชายว่า “อย่าทำให้พ่อเขาโกรธสิ อี้จิ่นหลีปฏิบัติกับผู้หญิงคนนั้นต่างออกไปเสียชัดเจนขนาดนี้ ลูกจะเข้าไปยุ่งทำไม?”แม้ว่าตระกูลอี้จะมีอิทธิพลในเมืองเฉินมาก แต่ตระกูลกู้ก็ไม่น้อยหน้าไปกว่ากันเท่าไหร่ นายหญิงกู้ไม่ได้หวาดกลัวที่จะต้องปะทะกับตระกูลอี้ ในความเห็นเธอแล้ว หญิงสาวคนนั้นก็เป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง และเธอก็ไม่ใช่เด็กผู้หญิงคนนั้นที่ลูกชายของเธอหมกมุ่นมาตั้งแต่เด็กอีกต่อไปแล้ว มีอีกตั้งหลายคนที่เข้ามาแทนที่เธอได้อย่างไรวงการบันเทิงก็ไม่เคยขาดสาวสวยเสียหน่อย!‘ลูกชายฉันอยากได้ผู้หญิงคนไหนก็ได้ แต่ทำไมเขาต้องอยากได้ผู้หญิงที่อี้จิ่นหลีไม่ยอมปล่อยด้วยล่ะเนี่ย?’ถึงอย่างนั้นสิ่งที่กู้ลี่เฉินกล่าวต่อมาก็ทำให้นายหญิงกู้ต้องตกตะลึง“แม่ครับ ที่ผมต้องเขามายุ่งก็เพาะผมรักอี้หรานไงค
เธอคิดว่าจะออกไปจากที่นี่ด้วยการแกล้งทำเป็นรักเขาแต่ว่า... เธอจะ ‘แกล้งทำ’ ไปได้นานแค่ไหน? ถึงเธอจะทำได้ตลอดไป แต่ทุกอย่างจะต้องจบไม่สวยแน่ถ้าหากอี้จิ่นหลีรู้ว่าเธอโกหกเขาและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เธอไม่อยากใช้ความรู้สึกของตัวเองไปเพื่อหลอกลวงความรู้สึกของเขา! คฤหาสน์นี้ใหญ่มาก ทั้งตัวบ้านและศาลาประดับในบริเวณคล้ายกับบ้านของพวกครอบครัวร่ำรวยทรงอำนาจที่ปรากฏในหนังและละคร มีสิ่งของหลายอย่างที่มีลักษณะเกี่ยวข้องกับดอกบัวยกตัวอย่างเช่น เครื่องเคลือบลายดอกบัว เสาและคานที่แกะสลักเป็นลายดอกบัว เฟอร์นิเจอร์บางชิ้นเองก็แกะสลักด้วยลวดลายของดอกบัว นี่ยังไม่พูดถึงสระบัวในสวนด้วยนะดอกบัวของที่นี่ยังคงบานสะพรั่งอยู่ แม้ว่าจะหมดฤดูของมันแล้ว ซึ่งทำให้มันดูประหลาดบางทีเจ้าของคฤหาสน์นี้คงจะชอบดอกบัวมาก‘หรือบางที... ผู้หญิงที่ถูกขังไว้ในตอนนั้นอาจจะเป็นคนที่ชอบดอกบัว?’ หลิงอี้หรานคิดกับตัวเองตัวเธอเองก็ค่อนข้างชอบดอกบัว อาจเพราะดอกบัวยังคงดูบริสุทธิ์ได้แม้จะเติบโตมาในโคลนตมก็ตาม!หลิงอี้หรานเดินไปทั่วทั้งบ้าน เพื่อหาอี้จิ่นหลี แม้ว่าเขาจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์ แต่เขาก็ไม่ได้ห้ามเธอเดินไ
“ก็จริง ถึงพวกเขาจะเจอที่นี่แต่พวกเขาก็พาเธอไปไม่ได้หรอก” เขาพูดขณะที่ดึงมือถือของเขาออกมาและส่งมันให้เธอไม่ใช่มือถือของเธอ แต่เป็นของเขา!โชคดีที่เธอเป็นคนความจำดี เธอจำได้ทั้งเบอร์ของเหลียนอีและพี่โจวดังนั้น หลิงอี้หรานจึงโทรหาชินเหลียนอีก่อน เมื่อชินเหลียนอีรับสาย เธอก็มือไม้สั่นจนเกือบทำมือถือตกในตอนที่เธอได้ยินเสียงของหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอ... เธออยู่ไหน? รู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงเธอแค่ไหนตอนที่อี้จิ่นหลีพาตัวเธอไปน่ะ? อี้จิ่นหลีทำร้ายเธอหรือเปล่า? ผู้ชายสารเลวแบบเขาพาเธอไปได้ยังไง?! นี่มันเป็นการลักพาตัวแล้วนะ ลักพาตัวน่ะ!”หลิงอี้หรานรู้สึกอึดอัดขึ้นมาในทันที โทรศัพท์ของเธอเปิดสปีกเกอร์โฟนไว้ หรือหมายความว่า อี้จิ่นหลีเองก็ได้ยินทุกอย่างที่เพื่อนรักของเธอพูด อี้จิ่นหลีมองโทรศัพท์ด้วยรอยยิ้มมุมปาก หลิงอี้หรานกลัวว่าเพื่อนรักของเธอจะพูดอะไรที่ทำให้อี้จิ่นหลีไม่พอใจ ดังนั้นเธอจึงรีบพูดขึ้นทันทีว่า “ฉัน... ฉันสบายดี เหลียนอี ฉันโทรมาหาเธอเพื่อบอกว่าเธอไม่ต้องเป็นห่วงฉันนะ แล้วก็เรื่องพี่โจว ฉันควรจะเป็นคนช่วยเรื่องคดีความของเธอ แต่ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่แถวนี้ ถ้า... ถ้าฉันไม่ได้
อี้จิ่นหลียื่นมือออกไปหยิบดาบโบราณออกมาหลิงอี้หรานถอยกรูดในทันที ดาบเล่มนี้... ให้ความรู้สึกไม่ปลอดภัย“จำตอนที่ฉันเล่าให้เธอฟังว่าใครบางคนในตระกูลอี้เคยใช้ที่นี่กักขังผู้หญิงเอาไว้ได้ไหม? ผู้หญิงคนนั้นตกหลุมรักเขา แต่เธอก็ยังฆ่าผู้ชายคนนั้นด้วยดาบเล่มนี้” อี้จิ่นหลีกล่าวเบา ๆ ราวกับว่ากำลังเล่านิทานให้เธอฟัง‘แต่นี่มัน... ก็เกิดขึ้นจริง ๆ!’ หลิงอี้หรานตกตะลึงไปแล้ว สิ่งที่เขาพูดออกมาตอนนี้ราวกับเป็นเรื่องหักมุมจากสิ่งที่เขาเล่าเมื่อคราวที่แล้วเธอคิดว่า ผู้หญิงคนนั้นจะออกไปจากที่นี่หลังจากที่ตกหลุมรักผู้ชายตระกูลอี้คนนั้นเสียอีกเธอไม่คิดเลยว่าผู้หญิงคนนั้น... จะใช้ดาบเล่มนี้ฆ่าผู้ชายที่รัก!‘เหตุผลคืออะไร? อับอาย? สำนึกผิด? เสียใจ?‘เพราะว่าเธอตกหลุมรักกับผู้ชายอีกคนทั้ง ๆ ที่เธอมีคนที่รักสุดหัวใจอยู่แล้วอย่างนั้นเหรอ?‘เพราะเหตุผลนั้นเหรอที่ทำให้เธอเลือกแบบนั้น?‘รอยด่างบนดาบนั้น... เป็นรอยเลือดเหรอ? รอยเลือดจากตอนนั้นยังอยู่บนดาบอีกเหรอ?’“มันถูกเรียกว่า... เลือดกระเซ็น ก็เพราะว่าเลือดที่กระเซ็นอยู่บนดาบงั้นเหรอ?” เธอถามตะกุกตะกัก“ก็ไม่เชิง” เขาพูดและเดินไปยังผนังที่มี
เธอรู้สึกได้เพียงหัวใจที่หดตัวอย่างต่อเนื่องของตัวเอง ความมั่นใจของเขาทำให้เธอตื่นตระหนกเขาจะเดิมพันด้วยชีวิตที่เหลือของเขา แล้วเธอล่ะจะเดิมพันด้วยอะไร? ...โจวเชียนหยุนโทรคุยกับชินเหลียนอี และได้รู้ว่าอี้จิ่นหลีเอาตัวหลิงอี้หรานไป ไม่มีใครรู้ว่าเธอถูกพาตัวไปที่ไหน และพวกเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าเมื่อไรเธอจะกลับมาถึงอย่างนั้น ตามที่ชินเหลียนอีบอก ถ้าอี้หรานยังโทรมาหาได้ แสดงว่าอย่างน้อย ๆ ตอนนี้อี้หรานก็คงไม่ได้ตกที่นั่งลำบากมากนักชินเหลียนอีกล่าวว่า “ตอนนี้เราก็ทำได้เท่านี้ ฉันจะพยายามตามหาว่าอี้จิ่นหลีพาตัวอี้หรานไปไว้ไหน เพราะอย่างนั้นพี่โจวไม่ต้องห่วงเรื่องคดีความนะคะ ฉันจะขอให้ทิงซินหาทนายคนอื่นให้ ถ้าอี้หรานยังไม่ออกมาหลังจากสัปดาห์นี้”“ขอบคุณมากนะ” โจวเชียนหยุนกล่าวอย่างนึกขอบคุณ“ไม่เป็นไรเลยค่ะ ตราบใดที่พี่กับหยันน้อยจะยังสบายดี!” ชินเหลียนอีกล่าวเมื่อโจวเชียนหยุนไปรับลูกชายที่โรงเรียนอนุบาลในตอนบ่าย เธอก็ยังคงเป็นกังวลเรื่องของหลิงอี้หรานอยู่ เธอไม่รู้ว่ามันดีหรือไม่ดีกันแน่ที่ถูกผู้ชายแบบอี้จิ่นหลีรัก!‘หลังจากเลิกกันแล้ว ตอนนี้อี้จิ่นหลีต้องการคืนดีกับอี้หราน แล้วอี
“ฉันมาที่นี่เพื่อหาหยันน้อย ยังไงเขาก็เป็นลูกชายของฉันไม่ใช่เหรอ?” เย่เหวินหมิงกล่าวเบา ๆ ความรู้สึกหลายอย่างผสมกันในทันที เขาพูดอย่างเป็นธรรมชาติเหมือนตอนที่เธอท้องแล้วเขาบอกให้เธอไปเอาเด็กคนนี้ออก!ถึงอย่างนั้นเธอไม่อยากให้ลูกชายเห็นความขัดแย้งระหว่างพวกเขา“ไปกันเถอะ อาหยันน้อย” โจวเชียนหยุนกล่าว เธอต้องพาลูกชายกลับไปฝากไว้กับแม่ของเธอเพราะเธอต้องไปตั้งร้านแผงลอยเจ้าตัวน้อยกล่าวว่า “คุณพ่อบอกว่าวันนี้จะไปส่งเรากลับบ้านฮะ”ในใจของโจวเชียนหยุนอยากจะกล่าวปฏิเสธในทันที แต่สิ่งที่เย่เหวินหมิงกล่าวต่อมาได้หยุดทุกอย่างที่เธออยากจะพูดลง“อาหยันน้อย อยากให้คุณพ่อไปส่งบ้านเหรอครับ?”“ฮะ” อาหยันน้อยตอบด้วยเสียงเล็ก ๆ ของเขาที่ฟังดูไร้เดียงสาและมีความสุขโจวเชียนหยุนมองไปยังสีหน้ามีความสุขของลูกชายเธอแล้วก็ได้แต่กัดฟันไม่พูดอะไรออกมาพ่อแม่หลายคนที่มารับลูก ๆ ของเขาตรงหน้าประตูทางเข้าโรงเรียนอนุบาลต่างมองมาทางพวกเขา เย่เหวินหมิงรูปงามกับโจวเชียนหยุนผู้น่าเวทนาเป็นภาพที่ทำให้เกิดความแตกต่างอย่างชัดเจนราวกับว่าพวกเขาไม่สมควรจะยืนอยู่ด้วยกันเลยแม้แต่นิดโจวเชียนหยุนไม่ชินกับการเป็นจุ
“ใช่จ้ะ แม่บอกไปแล้วครั้งก่อนว่าเขาเป็นพ่อของลูกจริง ๆ ไม่ใช่เหรอจ๊ะ?” โจวเชียนหยุนพูด เธอไม่เคยมีความตั้งใจจะปกปิดความจริงจากลูกชายไปตลอดทั้งชีวิตถึงอย่างนั้นเธอก็ตั้งใจไว้ว่าจะรอจนกว่าเด็กชายจะอายุ 18 ปี แล้วค่อยบอกเขา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะล่วงหน้ามาไกลเลยทีเดียว“ทำไมคุณพ่อถึงกลับมาจากสวรรค์ได้ในตอนนี้เหรอครับ?” เด็กน้อยถามขณะที่มองไปยังเย่เหวินหมิง เย่เหวินหมิงแทบจะสำลัก เขากลอกตาและมองไปยังโจวเชียนหยุนโจวเชียนหยุนรู้สึกอับอายเล็กน้อย ‘ทำไมฉันต้องบอกลูกว่าพ่อเขาขึ้นสวรรค์ไปแล้วด้วยเนี่ย?’“ตอนนั้นพ่อไม่รู้ว่าลูกอยู่ไหน แต่ตอนนี้พ่อรู้แล้ว พ่อจะคอยอยู่เคียงข้างอาหยันน้อยเองนะ” เย่เหวินหมิงกล่าวจะว่าไปก็แปลก เขามักดูเฉยชาอยู่เสมอ แต่กับเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงหนึ่งเดียวของเขา เขากลับอ่อนโยนด้วยอย่างไม่รู้ตัว เขารู้สึกเสียใจ โดยเฉพาะเมื่อเห็นเครื่องช่วยฟังที่ลูกชายของเขาสวมอยู่แม้ว่าลูกชายของเขาจะเกิดมาพิการด้านการฟัง แต่เขาจะไม่ยอมให้อาหยันน้อยด้อยกว่าใคร เขาอยากทำให้ลูกชายของเขาอยู่เหนือกว่าคนอื่นจนไม่มีใครกล้าล้อเลียน!เด็กน้อยแสดงความเขินอายออกมาแต่ก็ยิ้มอย่างคาดหวั
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค