Share

บทที่4 ซบไหล่

“แกนี่มันไม่เปลี่ยนเลยนะไอ้แมวปากเสีย” อริสาเอ่ยตะคอกใส่ศารทูลด้วยความโมโห คำว่าถูกทิ้งที่ได้ยินจากใครต่อใครไม่เจ็บเลยสักนิดแต่เมื่อเป็นไอ้บ้านี่พูดเธอรู้สึกจี๊ดไปทั้งทรวง

“เธอก็ไม่เคยเปลี่ยนเหมือนกันนั่นแหละยัยเอเลี่ยน” ศารทูลที่เป็นประเภทแรงมาแรงไปสวนกลับทันที

“ไอ้ปีศาจ”

“ยัยแม่มด”

ทั้งสองต่างมองหน้ากันราวจะกินเลือดกินเนื้อแต่ก่อนที่ “ไอ้ปีศาจอย่างศารทูล” กับ “ยัยแม่มดอย่างอริสา” จะเปิดฉากทะเลาะกันกลางสนามบินให้ได้อายปริมาก็รีบห้ามทัพกันท่าไว้ก่อน เธอกลัวจะไปไม่ถึงภูเก็ตน่ะสิ

“พอแล้ว ๆ พวกแกเห็นป่ะเนี่ย...นี่มันกลางสนามบินนะ แกแยกเลยยัยคะนิ้ง หมอสิงห์ ก่อนที่ทริปภูเก็ตฉันจะเป็นหม้าย”

“ยัยแว่นเอายัยอลินไปทางโน่นเลย” สีหราชเอ่ยบอกหญิงสาวในดวงใจด้วยน้ำเสียงเฉยชาที่เขาเป็นกับเธอแค่คนเดียวพร้อมกับดึงแฝดผู้พี่มามายืนข้างเจตริน  ด้านนลินญาเธอส่งค้อนวงใหญ่ให้หมอหนุ่มก่อนจะดึงอริสามายืนข้างอารตี เธอไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขาโกรธเกลียดอะไรเธอถึงได้เฉยชานักทั้งที่พูดดีและกระล่อนกับทุกคนแต่กับเธอสีหราชมักพูดจริงจังและชอบเรียกเธอว่ายัยแว่น...แว่นแล้วผิดตรงไหน!!!

“ใจเย็นไว้อลิน โกรธคือโง่โมโหคือบ้าทั้งโกรธและโมโหคือโง่และบ้านะแก” สาวแว่นแสนสวยเอ่ยบอก อริสามองเพื่อนสาวที่เป็นกลางที่สุดในกลุ่มก่อนจะสะบัดหน้าหนีศารทูล ปริมาที่เห็นท่าไม่ดีรีบเอ่ยเปลี่ยนเรื่องก่อนจะเกิดโศกนาฏกรรมกลางสนามบิน

ขืนปล่อยให้ทะเลาะกันต่อนอกจากภูเก็ตไม่ได้ไปแล้วพรุ่งนี้อาจลงข่าวหน้าหนึ่งสุดอนาถว่า ‘ดับอนาถคู่ปรับตลอดกาลก่อเหตุวิวาทคนตายเกลื่อนกลางสนามบิน’ เป็นแน่แท้

“ขุ่นแม่ขาหนูปริมอยากเอาหน้าซุกซิกแพกสารวัตรค่ะ” ปริมาเอ่ยบอกแพนธีราทุกคนในกลุ่มรู้ดีว่าถ้าสัตวแพทย์สาวเรียก “ขุ่นแม่ขา” นั้นหมายถึงแพนธีราสาเหตุเพราะแพนธีรานั้นทำตัวเป็นแม่ที่คอยห่วงคอยปรามเพื่อน ๆ มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

“นอโพล่แล้วคุณลูกขา”

“แหม่ขุ่นแม่นอไม่โพล่เลย สามีไม่มามองเสือกะสิงห์ตาเป็นมันเชียว นายสองคนเนี่ยไม่ธรรมดาจริงจริ้ง” อาริตาเอ่ยขึ้นก่อนที่อารตีจะใช้มือตีแขนน้องสาวดังเปียะก่อนจะแย้งคำพูดของน้องสาว

“สองคนนี้มันต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้วขวัญใจมหาชนประจำโรงเรียนซะอย่าง”

“ชิ มาถึงไม่ถึง5นาทีสาวๆที่มองพวกฉันอยู่ดี ๆ หันไปจ้องพวกแกแทน เฮ้อเซ็ง” เตชินทร์แกล้งเอ่อย่างหมั่นไส้เพื่อปรับสถานการณ์ไม่ให้เกิดการวิวาทขึ้นตามที่สาว ๆ ต้องการ แต่ก็นึกหมั่นไส้จริง ๆ อยู่เหมือนกันก่อนที่ศารทูลและสีหราชจะมาสาวๆละแวกนี้มองพวกเขาสี่หนุ่มอย่างหลงใหลแต่พอทั้งคู่ปรากฏตัวเท่านั้นแหละสาวๆเกือบครึ่งสนามบินเปลี่ยนไปมองสองคนนี้อย่างคลั่งไคล้และหลงใหลแทน มันน่าหมั่นไส้มั้ยละ

“นั่นดิวะเซ็งชะมัด”  เจตรินเอ่ยเสริมคำพูดของเตชินทร์ก่อนจะด่าเพื่อนหนุ่มหล่อกว่าพวกเขาไปทีเล่นทีจริง “ไอ้พวกขโมยซีน ไอ้พวกหล่อไม่แบ่งปัน”

“พอเหอะจะหล่อน้อยหล่อมากหรือใครขโมยซีนตอนนี้พับเก็บไว้ก่อนเขาเรียกแล้วไปขึ้นเครื่องกัน” ปุริมปรัชญ์เอ่ยบอกก่อนจะเดินนำไป ตามด้วยสีหราชที่รีบดึงศารทูลไปก่อนจะมีเรื่องกับอริสาอีกรอบ

แต่ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะสงบลงง่าย ๆ คู่ปรับของแก็งเจอกันในรอบหลายปีทั้งทีไม่มีทางที่การทะเลาะเบาะแวงจะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวทันทีที่ขึ้นมาบนเครื่องก็มีวี่แววว่าจะวิวาทกันอีกครั้งจนได้

“นี่มันอะไรกันทำไมที่นั่งฉันถึงเป็นที่ข้างๆมัน” อริสาเอ่ยถามทันทีพร้อมกับมองที่นั่งของตัวเองอย่างไม่พอใจ ปริมาที่กำลังจะทิ้งตัวลงนั่งบนที่นั่งของตัวเองถึงกับชะงัก สาเหตุที่หญิงสาวไม่พอใจก็อันเนื่องมาจากตั๋วของหญิงสาวนั้นมีที่นั่งข้าง ๆ ที่นั่งของคู่ปรับนั่นเอง

“นั่นสิ ทำไมยัยนี่ถึงจะมานั่งตรงนี้” ศารทูลเองก็ไม่พอใจเช่นกัน มันเรื่องอะไรที่เขาต้องมานั่งข้าง ๆ ยัยเอเลี่ยนนี่ด้วยเล่า

“คือ คือตอนจองมันเป็นแบบนี้อ่ะแกนั่งๆไปเถอะนะ นะ” ปริมาเอ่ยบอกในใจอยากร้องไห้เธอให้น้องชายจองตั๋วให้เพราะน้องชายทำงานกับสายการบินนี้แต่ไม่นึกว่าแจ็กพอตจะแตกคู่ปรับจะต้องนั่งข้างกัน

ดับอนาถเครื่องบินสายการบินxxx แอรไลน์ตกทราบสาเหตุเกิดจากสองหนุ่มสาวคู่อริเปิดฉากวิวาทบนเครื่องบิน คงเป็นข่าวหน้าหนึ่งพรุ่งนี้...ปริมาอยากจะเป็นลม’

“นั่ง ๆ ไปเถอะนะ ไม่กี่ชั่วโมงเองถือว่าเห็นแก่พวกเรานะ” ปริมาเอ่ยบอกพลางหน้าเหมือนจะร้องไห้จนศารทูลและอริสาอดสงสารไม่ได้ ปริมาหวังกับทริปนี้มากเพราะกว่าจะมีเวลาว่างลงตัวพร้อมกับแบบนี้สำหรับแก็งใหญ่แก็งนี้ถือว่ายาก จะล่มไม่ได้นะ

“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิแก เอาเป็นว่าฉันนั่งนี่ก็ได้ จะนั่งเฉย ๆ นั่งเงียบ ๆ แต่มันก็ต้องเงียบด้วย” อริสาเอ่ยพร้อมกับเหลือบมอง ‘มัน’ ที่เธอต้องการจะสื่อถึง บ่งบอกว่าถ้านายคนนี้ไม่มาหาเรื่องตัวเธอก็จะอยู่เงียบ ๆ

ปริมาที่หน้าตาแทบจะร้องไห้เต็มทีส่งสายตาน่าเห็นใจไปให้ศารทูลทันทีที่สามารถจัดการกับอริสาได้ และแน่นอนกับเพื่อนแล้วสารวัตรหนุ่มไม่ค่อยจะใจแข็งได้สักเท่าไหร่

“อย่าทำหน้าแบบนั้นเลยปริม เอาเป็นว่าเราสองคนจะต่างคนต่างอยู่จนถึงภูเก็ตเลย” ศารทูลบอกอย่างนั้นก่อนจะนั่งลงในที่ท่ำเป็นต้องนั่งก่อนที่อริสาจะเข้ามานั่งบ้าง แม้ว่าทั้งคู่จะหันหน้าไปคนละทางราวกับจะต่างคนต่างอยู่แต่ปริมาก็โล่งใจได้ในบัดดล สัตวแพทย์สาวยิ้มอย่างดีใจก่อนจะไปนั่งที่นั่งของตัวเองพร้อมกับจินตนาการถึงทริปภูเก็ตอันแสนสนุก

เพราะเมื่อคืนที่ผ่านมาอริสาเฝ้าคิดถึงแต่เรื่องของนภิตราและตฤณกันต์ทำให้หญิงสาวนอนไม่หลับเมื่อขึ้นเครื่องได้ไม่นานก็เผลอหลับไปเช่นเดียวกับศารทูลที่นำทีมลูกน้องบุกจับแก็งค้ายาเสพติดจนถึงรุ่งสางกว่าจะจับหัวหน้าแก็งได้พอกลับมาถึงก็ได้นอนแค่งีบเดียวสีหราชก็มาเคาะประตูห้องทำให้ชายหนุ่มหลับไปเพราะความเพลียก่อนหน้าหญิงสาวไม่นาน  ภาพที่ปรากฏในสายตาของคนรอบข้างตอนนี้ดูคล้ายกับฉากในละครที่นางเอกเผลอหลับซบไหล่พระเอกส่วนพระเอกก็เผลอหลับใช้หัวนางเอกแทนหมอนแม้แต่แอร์โฮสเตรสสาวที่เดินผ่านมายังยิ้มและคิดว่าทั้งคู่เป็นคู่รักด้วยซ้ำ

“ดูมันดิ มีที่ไหนเกลียดกันแทบตายสุดท้ายมานอนซบไหล่กันซะงั้น” เตชินทร์ที่นั่งฝั่งขวาของทั้งสองถึงกับส่ายหน้าเอ่ยบอกสีหราชและนลินญาที่นั่งข้างๆ ส่วนเจตริน บรมรัตน์และปุริมปรัชญ์ที่นั่งข้างหน้าของศารทูลและอริสาก็หันกลับมามอง เช่นเดียวกับแพนธีรา อารตีและอาริตาที่นั่งด้านหน้าของพวกเจตริน

“อย่างกับในละครเลยคุณแม่” ปริมาที่นั่งใกล้อริสาและศารทูลที่สุดเอ่ยพร้อมยิ้มกว้าง เวลาสองคนนี้ไม่ทะเลาะกันเคมีความเหมาะสมกันมันพุ่งพล่านจนเธออดคิดไม่ได้ว่าถ้าสองคนนี้รักกันมันจะดีแค่ไหนและดูเป็นคู่ที่น่าอิจฉาแค่ไหน เลือดมโนของปริมามั่นพุ่งปรี๊ดเสียทุกครั้งเวลาที่สองคนนี้อยู่กันอย่างสงบ...ถึงมันจะน้อยก็เถอะนะ

แต่ได้คิดแล้วเธอก็ฟินเฟร่อเชียวละ ขอแอบมโนสักหน่อยนะ

“เวลาสองคนนี้ไม่ทะเลาะกันมันน่ารักนะ จับคู่ให้ดีมั้ยเนี่ย” แพนธีราเอ่ยบอกในใจคิดอะไรบางอย่างแล้วยิ้มอย่างมีนัยยะ “นั่นก็โสด นี่ก็โสด โสดกับโสดแหละ...จับเลยดีมั้ย”

“คุณแม่แพนขา ปล่อยให้เป็นเรื่องของบุพเพสันนิวาส และพรหมลิขิตไปเถอะ ถ้าสองคนนี้เป็นเนื้อคู่กันแล้วคงไม่แคล้วกันหรอก” อารตีเอ่ยขึ้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เพื่อนในกลุ่มคิดแบบนี้ หลายคนในกลุ่มเคยรำคาญทั้งคู่จนเชียร์ให้รักกันจะได้เลิกวิวาทซะทีมาแล้วหลายครั้งแต่แผนการของพวกเขาไม่เคยสำเร็จเลยจนนึกท้อใจปล่อยไปตามบุญวาสนาของทั้งคู่...แม้แต่ตอนนี้ก็คงจะเหมือนเดิม

“นั่นดิวะ อย่าเพิ่งคิดจับคู่เล้ยให้มันพูดกันดี ๆ เกินห้านาทีก่อนเถอะ” บรมรัตน์เสริม อย่าคิดจับคู่สองคนนี้เลยแค่มาเจอกันก็ทำให้ทริปภูเก็ตเกือบล่มไม่เป็นท่าตั้งแต่เครื่องยังไม่ขึ้นแล้ว

แพนธีราพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะถอนใจและตัดใจ “ก็จริงเนอะ เอาเถอะ ลูก ๆ ขาขุ่นแม่ง่วงนอนดีกว่า”

“คร๊าบคุณแม่/คร๊าคุณแม่” เพื่อนๆตอบกลับอย่างพร้อมเพียงแต่ไม่ได้ดังจนรบกวนผู้โดยสารท่านอื่น ๆก่อนจะเลิกสนใจอริสาและศารทูลที่ยังคงนอนซบกันอยู่อย่างสบายใจและฝันหวาน

เวลาต่อมา

“เสือ อลิน ตื่น ถึงแล้ว”

เสียงปลุกของนลินญาดังขึ้นหลังจากที่เครื่องลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตเป็นที่เรียบร้อยด้านคนถูกปลุกทั้งสองก็งัวเงียลืมตาขึ้นมาก่อนจะสะดุ้งตัวออกห่างกันราวกับโดนของร้อน    

“ยัยเอเลี่ยนใครอนุญาตให้เธอมาซบไหล่ฉันห๊า”

“ใครซบ แกมากกว่าที่บังอาจมาพิงหัวฉัน” อริสาสวนกลับทั้งที่ตนอาจผิดแต่เรื่องอะไรจะยอมรับ...ไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย

“ใครกันแน่ยัยบ้าไม่รู้ทำน้ำลายไหลใส่เสื้อฉันรึเปล่า” ศารทูลเอ่ยพร้อมใช้มือปัดไปมาที่ไหลข้างที่อริสาซบราวกับว่ารังเกียจ

“นี่ไอ้แมวโอหัง ฉันไม่ใช่พวกนอนน้ำลายยืดซะหน่อย” อริสาแหวใส่อย่างมีอารมณ์ ชิชะ เธอไม่ได้เป็นคนที่นอนน้ำไหลยืดซะหน่อย ทำงี้ได้ไงกัน

“พอแล้ว ๆ รีบลงไปกันเถอะคนอื่นลงไปหมดแล้ว” สีหราชที่ถูกสั่งให้ช่วยนลินญาปลุกพี่ชายฝาแฝดกับเพื่อนสาวเอ่ยขึ้นก่อนจะลากคอคนมีศักดิ์เป็นพี่ชายฝาแฝดเดินนำออกไปอย่างเซ็ง ๆ

ให้ตายเหอะตอนหลับนอนซบอย่างกับในละครตื่นมาจะฆ่ากันอีกแล้ว

“ไปกันเถอะอลิน” สาวแว่นมองตามคุณหมอหนุ่มที่มีอาการเหวี่ยง ๆ เซ็ง ๆ พาพี่ชายเดินนำหน้าไปก่อนจะหันกลับมาชักชวนอริสา

สองสาวจับจูงกันเดินตามออกมาอย่างสนิทสนมจนแทบจะคล้ายคู่พี่น้อง แม้ดูเหมือนแพนธีราจะอยู่ใกล้อริสาที่สุดแต่เพื่อนสนิทที่สุดที่สามารถพูดคุยได้ทุกเรื่องก็คือนลินญาส่วนแพนธีรานั้นเป็นเพื่อนสนิทและคุณแม่ของทุกคนในกลุ่มมากกว่าเพราะแพนธีราจะใส่ใจทุกคนส่วนยัยแว่นคนนี้มักจะเป็นคนเห็นความผิดปกติของเธอก่อนใคร

“หายไปไหนตั้งสามสี่เดือน โทรไปก็ปิดเครื่อง ไลน์ก็ไม่ตอบน้อยใจนะ” อริสาเอ่ยถามพร้อมทำท่างอน ๆในบรรดาเพื่อนนอกจากแพนธีราที่เจอหน้าเกือบทุกวันแล้วคนอื่นก็ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหรเพราะเวลาต่างไม่ตรงกันจะคุยกันทีก็ที่ไลน์กลุ่มที่เดือนละครั้งสองครั้งถึงจะได้พูดคุยกันแต่กับนลินญาทั้งสองมักจะติดต่อกันเสมอแม้ไม่ได้เจอกัน แต่มาช่วยหลายเดือนนี้ละที่นลินญาหายไปราวกับไร้ตัวตน ในวันที่เธอเจ็บที่สุดจนอยากโทรไปร้องไห้กับนลินญาอีกฝ่ายก็ไม่ตตอบกลับใด ๆ

“พอดีที่บ้านมีเรื่องอะแก รู้มั้ยว่าพ่อที่แม่บอกว่าตายไปแล้วจริง ๆเขายังอยู่...แต่แค่มีอีกครอบครัวและยังเป็นครอบครัวที่ถูกต้องตามกฎหมายอีกต่างหาก” นลินญาบอกเล่าให้เพื่อนสาวที่ขาดการติดต่อไปได้ฟังโดยไม่รู้เลยว่าสูตินารีแพทย์หนุ่มที่เดินนำหน้าแกล้งเดินช้าเพื่อฟังเรื่องราวของเธอ เขาอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเธอที่ผ่านมาตลอดหนึ่งปีที่ไม่ค่อยได้เจอ แค่เพียงแอบฟังก็ยังดี ศารทูลที่รู้ใจน้องชายเหมือนสื่อสารกันได้โดยไม่ต้องพูดได้แต่เดินไปช้า ๆ และแกล้งงัวเงีย

“อย่าคิดมากดิแกแล้ววันนั้นที่ว่าอกหักมันยังไงห๊ะ แกมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร” อริสาเอ่ยถาม ใช่ว่าเธอไม่รู้ว่าสีหราชคิดอย่างไรกับเพื่อนสาวเพราะตลอดเวลาที่เรียนด้วยกันเธอมักจะสนิทกับเขาพอ ๆ กับนลินญาและเหตุผลหลักที่สนิทด้วยก็คือการล้วงความลับจากฝาแฝดของคู่ปรับตามที่โบราณว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง นอกจากจะได้ความลับของศารทูลแล้วยังได้รับรู้ความรู้สึกของสีหราชที่มีต่อสาวแว่นด้วยเมื่อเห็นว่าสีหราชแกล้งเดินช้าเธอจึงไม่พลาดที่จะสอบถามเรื่องราวจากเพื่อนสาวให้สีหราชได้ยิน   

“ก็ไม่เรียกแฟนหรอกเขาเป็นลูกเลี้ยงของพ่อนะเรามีน้องร่วมกันสองคนตอนเจอครั้งแรกก็ชอบเลยแต่เขาไม่ค่อยชอบหน้าฉัน คงคิดว่าฉันมาแย่งความรักน้อง ๆ ของเขามั้งแถมยังมองว่าฉันเป็นผู้หญิงง่ายๆแต่ฉันก็ยังปลื้มเขาอยู่ดีจนสองอาทิตย์ก่อนเขาประกาศหมั้นกับเพื่อนที่ทำงานฉัน ยัยวิน่ะ...แกก็รู้ว่าฉันกับวิไม่ค่อยถูกกันฉันเลยยิ่งดูแย่และเลวในสายตาเขาอ่ะ” นลินญาพูดระบายให้เพื่อนฟังอย่างอัดอั้นด้านคนฟังอย่างอริสาได้แต่ลูบหลัง หึ...คนนึงอกหักอีกคนถูกหักหลังอะไรจะขนาดนั้น

ส่วนคนแอบฟังถึงกับโมโหหึงที่เธอในดวงใจพูดว่าชอบชายคนอื่นจนรีบกระชากคอเสื้อพี่ชายเดินออกไปอย่างรวดเร็วจนศารทูลต้องแย้งขึ้น

“ไอ้นี่เบา ๆ ก็ได้คอจะขาด”

“ขอโทษมันโมโห” สีหราชเอ่ยบอกก่อนจะเดินไปร่วมกับกลุ่มเพื่อนที่รออยู่ 

“ในที่สุดก็ถึงภูเก็ตแล้วทริปนี่ไม่ล่มแน่ขุ่นแม่ขา” ปริมาเอ่ยบอกหลังจากอริสากับนลินญาเดินมาร่วมวงด้วย   ปริมาดีใจเป็นที่สุด ในที่สุดทริปที่เธอจัดไว้ก็พูดได้ว่าไม่ล่มแล้ว จากนี้ไปก็คือการชาร์จแบตซะที

“นั่นนะสิโล่งเลยแก นานแล้วนะเราไม่ได้มาด้วยกันครบทีม” แพนธีราเอ่ยบอกพลางนึกไปถึงระยะเวลาต่าง ๆหลังเริ่มทำงานแต่ละคนไม่ค่อยมีเวลาทีตรงกันสักเท่าไหร เจอกันครบทีมครั้งล่าสุดก็เมื่อตอนงานแต่งงานของเธอซึ่งก็ผ่านมาตั้ง5ปีแล้ว วันนี้ถือว่าเป็นวันพิเศษเชียวนะ

“นั่นสินะทำให้นึกถึงตอนเที่ยวด้วยกันครบทีมครั้งล่าสุด ไม่น่าเชื่อว่าเราจะคบกันมาได้นานขนาดนี้” ปุริมปรัชญ์เอ่ยขึ้นนึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ ภูเก็ตเป็นสถานที่ที่ทุกคนมาเที่ยวด้วยกันครบทีมครั้งล่าสุดเมื่อ5ปีก่อนทำให้นึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ ขึ้นมาได้

“นั้นสิ ไม่อยากจะเชื่อว่าเราจะดึงยัยอลินกับไอ้เสืออยู่ในกลุ่มได้กว่า20ปี” เตชินทร์เอ่ยขึ้น เขากำลังคิดถึงเรื่องในอดีตที่ผ่านมาและแน่นอนว่าไม่ใช่แค่เขาที่คิดถึงความหลัง เพื่อน ๆ คนอื่น ๆ เองก็เช่นกัน

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status