เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในเวลาใกล้เที่ยงคืน ไอรีนสะดุ้งตื่นจากการเคลิ้มหลับไปทั้งที่ยังสวมเสื้อเชิ้ตทำงานไม่ถอด โทรศัพท์หน้าจอสว่างขึ้นพร้อมชื่อที่ทำให้หัวใจเธอหล่นวูบ—“แม่”
“ฮัลโหล แม่ เป็นอะไรหรือเปล่า?”
เสียงแม่ที่ปลายสายสั่นเครือ ไม่เหมือนปกติ
“ไอรีน...พ่อเขา...เขาไปกู้เงินมาอีกแล้วลูก คราวนี้มันไม่ใช่แค่ห้าหกพัน แต่เกือบแสน เจ้าหนี้มาขู่จะให้เอาบ้านไปจำนอง ถ้าไม่หาเงินคืนให้มันภายในอาทิตย์นี้…”
เลือดในกายไอรีนเย็นเฉียบลงทันที เธอกัดริมฝีปากแน่น พยายามควบคุมเสียง
“แม่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวไอรีนจะหาทางเอง”
เธอกดวางสาย ก่อนจะเอนตัวพิงหัวเตียง หัวใจหนักอึ้งจนเหมือนแบกร่างตัวเองไว้ไม่ไหว...
วันถัดมา
หลังจากทำงานในบริษัทจนถึงช่วงเย็น ไอรีนก็แอบไปหานัท รุ่นพี่จากสถาบันเดียวกัน ที่เธอเคยเจอในงานเลี้ยงลูกค้าเมื่อเดือนก่อน
“พี่นัท...คือ...หนูมีเรื่องอยากรบกวนค่ะ พอจะมีงานพิเศษให้ทำบ้างไหม งานออกแบบก็ได้...อะไรก็ได้เลยค่ะ”
รุ่นพี่หนุ่มมองหน้าเธอครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มอย่างใจดี
“โชคดีนะ มีพอดีเลย พี่เพิ่งรับโปรเจกต์จากบริษัทใหญ่มา ออกแบบอาคารจอดรถให้โรงพยาบาลเอกชน เดี๋ยวพี่ให้ไอรีนช่วยทำร่างเบื้องต้นละกัน งานนี้รีบด้วยนะ ต้องส่งต้นแบบภายในสัปดาห์นี้เลย”
ไอรีนพยักหน้าแรง น้ำตาเกือบไหลด้วยความโล่งใจโดยไม่รู้เลยว่า...เบื้องหลังงานนี้ ผู้ว่าจ้างตัวจริงคือใคร
ตลอดสัปดาห์นั้น
คิรันเริ่มสังเกตว่าไอรีนหลีกเลี่ยงจะกลับพร้อมเขาในตอนเย็น
“วันนี้ฉันต้องอยู่เคลียร์งานค่ะ”
“งานอะไร ทำไมช่วงนี้มีทุกวัน”
“โปรเจกต์ของทีมค่ะ กำลังเร่งปิดงบ”
คิรันมองเธอนิ่ง ไม่พูดอะไรต่อ แต่แววตานั้นเหมือนกรีดลึกลงไปในใจเธอ
คืนนั้น ไอรีนไม่กลับคอนโดฯ เธออยู่ที่บริษัทจนดึก เพื่อเร่งทำแบบร่างให้ทันตามสัญญา นิ้วมือเธอพิมพ์ลากเส้น ตาแทบจะปิดลงทุกวินาที
เวลาเกือบตีสอง – ห้องทำงานเงียบงัน
คิรันเปิดประตูเข้ามาช้า ๆ ก้าวเท้าหนักแน่นของเขาทำลายความเงียบรอบตัวโดยไม่ตั้งใจ กลิ่นกาแฟเย็นที่เหลือครึ่งแก้ว กับเสียงเครื่องปรับอากาศที่ยังทำงานอยู่ เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้รู้ว่าเธออยู่ที่นี่มาทั้งคืน
สายตาคมกริบของเขาหยุดที่ร่างเล็ก ๆ ที่ฟุบอยู่บนโต๊ะ มือข้างหนึ่งยังจับเมาส์ค้างไว้ ส่วนอีกมือรองใต้แก้มเล็ก ๆ ที่ตอนนี้ซบลงกับแขนตัวเองหลับใหลไปแล้ว หน้าจอคอมพิวเตอร์ยังเปิดค้างอยู่...แสดงภาพร่างของอาคารจอดรถอย่างละเอียด
คิรันเดินเข้าไปใกล้ จนกระทั่งได้ยินเสียงลมหายใจแผ่ว ๆ ของเธอ สม่ำเสมอ และเหนื่อยอ่อนอย่างชัดเจน
เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้นนานเกินกว่าจะเรียกว่าบังเอิญ
ในอกของเขาเหมือนถูกบีบไว้แน่น
มือหนาเอื้อมไปหยิบผ้าคลุมไหล่จากเบาะข้าง แล้วค่อย ๆ ก้มลง ห่มมันลงบนไหล่บางของเธออย่างเบามือ
แต่ยังไม่ทันจะผละออก สายตาเขาก็สะดุดที่เส้นผมของเธอที่หล่นลงมาปรกหน้า
…ยุ่งเหยิง เหมือนเจ้าตัวรีบจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง
นิ้วเรียวยาวเอื้อมไปเกลี่ยเส้นผมนั้นออกจากใบหน้าเธอช้า ๆ
ปลายนิ้วสัมผัสผ่านแก้มเนียนเย็นนิด ๆ จากอุณหภูมิห้อง…
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ยังไม่ตื่น
คิรันหยุดมือตัวเองไว้ชั่ววินาที แล้วค่อย ๆ ถอนออกเหมือนไม่อยากปลุกเธอ
เขายืนนิ่งอยู่อย่างนั้นอีกพักใหญ่ มองดูใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า...แต่กลับทำให้เขารู้สึกอบอุ่นแปลก ๆ ในใจ
“เธอเหนื่อยขนาดนี้...แล้วทำไมไม่ยอมบอกฉัน...”
เขาคิดในใจ แววตาที่เคยเย็นชา กลับแฝงไปด้วยความอ่อนโยนลึก ๆ ที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ทันได้รู้ตัว
บ่ายวันถัดมา — ห้องประชุมใหญ่
ทีมสถาปนิกจากบริษัทของพี่นัทเข้ามาพรีเซนท์งานให้กับคณะผู้บริหาร และหนึ่งในนั้นคือ คิรัน
“...และนี่คือแบบร่างอาคารจอดรถที่เรานำเสนอครับ”
พี่นัทพูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนกดรีโมตเปลี่ยนภาพขึ้นจอ
คิรันมองภาพแบบนั้นอย่างพินิจ รู้ทันทีในเสี้ยววินาทีว่าใครเป็นคนออกแบบ
เขาหันขวับไปมองไอรีนที่ยืนอยู่ด้านหลังสุดของห้อง... แววตาเขาไม่พอใจอย่างชัดเจน
ไอรีนสบตาเขาแล้วใจสั่นวูบ เธอไม่เคยเห็นเขามองเธอแบบนั้นมาก่อน—ผิดหวัง ผิดใจ และ...หึงหวง?
ภายในห้องประชุมเงียบกริบ อึดอัดจนแทบไม่มีใครกล้าหายใจแรง
เสียงพรีเซนเทชั่นจบลงพร้อมกับการปรบมือบางเบา
แต่ชายคนเดียวที่นั่งหัวโต๊ะ กลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ
คิรันเอนหลังพิงเก้าอี้ แขนข้างหนึ่งยกขึ้นวางใต้คาง ดวงตาคมกริบจับจ้องที่แบบร่างในสไลด์ตรงหน้าโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
ไอรีนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม พลันรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง… ไม่ใช่แค่บรรยากาศ แต่เป็นแววตาของเขา
แววตาที่ราวกับอ่านทะลุทุกอย่าง และกำลังเดือดจัดอยู่ภายใน
เมื่อการประชุมจบลง ทุกคนเริ่มทยอยลุกออกจากห้อง ทิ้งให้คิรันเดินออกเป็นคนกลุ่มสุดท้าย แต่ก่อนที่เขาจะพ้นประตูไป เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหลัง
“ไอรีน! รบกวนมาคุยด้วยแป๊บได้ไหม?”
พี่นัท รุ่นพี่จากมหาวิทยาลัยยิ้มให้เธออย่างใจดี พร้อมชูซองเอกสารขึ้น
ไอรีนพยักหน้าแล้วเดินตามออกไปด้วยท่าทางระวัง ไม่ทันได้สังเกตเลยว่า ธันวา ผู้ช่วยส่วนตัวของคิรันยังไม่ได้ออกจากห้อง และกำลังเปิดไมโครโฟนเล็กที่เชื่อมตรงกับหูฟังของเจ้านายอย่างเงียบงัน....
ภายในห้องอีกฝั่ง พี่นัทส่งซองเงินให้ไอรีนพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น
“ขอบใจมากนะไอรีน งานออกแบบออกมาดีมากเลย ในที่ประชุมชอบกันมาก พี่ก็เลยอยากจ่ายให้เองโดยตรงเลย จะได้ไม่ต้องผ่านบัญชีบริษัทให้วุ่นวาย”
“ขอบคุณค่ะพี่นัท”
เธอรับเงินด้วยความรู้สึกผิดบางอย่างในใจ แม้จะไม่ได้ทำอะไรผิดจริง ๆ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเธอ ‘หลบ’ เขามาตลอด
“ถ้ามีงานอีกพี่จะติดต่อไปนะ—”
“ไม่ต้อง”
เสียงทุ้มต่ำแทรกขึ้นอย่างเฉียบคม
ทั้งสองหันขวับกลับไปทันที… คิรันยืนอยู่ตรงประตู ดวงตาเย็นเยียบ
พี่นัทหน้าเจื่อนไปทันที “อ-อ้าว คุณคิรัน...”
“คุณควรกลับไปที่บริษัทของคุณได้แล้ว”
คำพูดเรียบง่าย แต่แรงกดดันกลับหนักจนห้องเล็ก ๆ แทบจะไร้อากาศ
พี่นัทรีบโค้งเล็กน้อยแล้วเดินเลี่ยงออกไป
คิรันไม่มองเขาแม้แต่นิด… เขาจ้องไอรีนอย่างเดียว
“กลับไปที่ห้องทำงานกับฉัน”
น้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่น่ากลัวอย่างประหลาด
ประตูห้องทำงานปิดลงดัง ปัง!
ไอรีนยังไม่ทันหายใจเต็มปอด คิรันก็ดึงข้อมือเธออย่างแรง ดึงเธอให้เซถลาเข้ามาใกล้จนแทบจะชนอกเขา
“คุณ...เป็นคนออกแบบงานนี้ใช่ไหม”
เขาถามเสียงเย็น มือยังจับแน่นจนเธอเจ็บ
ไอรีนเบี่ยงสายตา “ฉัน...แค่อยากช่วย—”
“เธอรับงานนอกโดยไม่บอกฉัน”
เสียงเขาทุ่มต่ำและกดอารมณ์ไว้อย่างหนัก เธอไม่เคยเห็นเขาโกรธขนาดนี้มาก่อน
“คุณไม่มีสิทธิ์มาโกรธนะคะ ฉันไม่ได้เอางานบริษัทมาเกี่ยว—”
“แล้วไปสนิทกับมันตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงยอมอดหลับอดนอนทำงานให้ขนาดนี้?”
เสียงเขาเข้มจัด ราวกับจะระเบิดออกมาได้ทุกวินาที
เธอถอยหลัง แต่เขากลับตามเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเดิม
“คุณคิรัน… ฉันไม่ได้คิดอะไรกับพี่นัท—”
“แต่เขาคิดอะไรกับเธอหรือเปล่า?”
เขาขบกรามแน่น ดวงตาเข้มราวกับไฟที่ถูกจุดขึ้นโดยแรงหึงหวง
“ฉันไม่ใช่ของคุณนะคะ ถึงจะต้องมารายงานทุกอย่าง!”
เธอเผลอตวาดกลับไปด้วยความโมโหและเสียหน้า
คิรันกดมือทั้งสองข้างไว้ที่พนักเก้าอี้ จนเธอเหมือนถูกกักไว้ระหว่างตัวเขากับเก้าอี้หนัง
ไอรีนเม้มปากแน่น ใจเต้นแรงจนแทบระเบิด เธอพยายามเบี่ยงหน้าหนี แต่สายตาของเขาบังคับให้เธอต้องยอมเงยหน้าขึ้นสบตา
“แม่ฉันโทรมาบอกว่า... พ่อมีหนี้”
เธอกลั้นใจพูดออกมา
“หนี้ที่เขาไปกู้มารักษาตัวเอง แต่ตอนนี้ไม่มีจ่าย... คนพวกนั้นเริ่มข่มขู่แม่ฉันแล้ว”
คิรันนิ่ง ฟังโดยไม่ขัด ไม่ถามซ้ำ
“ฉันก็แค่... อยากช่วยครอบครัว”
เสียงเธอสั่นเมื่อพูดประโยคสุดท้ายออกมา
“แล้วทำไมไม่บอกฉัน?”
เขาถามเสียงต่ำกว่าเดิม ดวงตานั้นจ้องเธอแน่นิ่งอย่างโกรธจัด... แต่ไม่ใช่โกรธที่เธอรับงานนอก
มันคือโกรธที่เธอ ไม่พึ่งเขาเลยแม้แต่น้อย
ไอรีนก้มหน้า เสียงเบาหวิวเหมือนลมหายใจ
“ฉันไม่อยากเป็นภาระของคุณ...”
เงียบงัน
ในห้วงเวลานั้น มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งสองคน และระยะห่างที่ค่อย ๆ ลดลงอย่างเงียบเชียบ
คิรันยื่นมือออกไปช้า ๆ แล้วแตะเบา ๆ ที่หลังมือเธอ
ไอรีนสะดุ้งเล็กน้อย แต่ไม่ได้ผละหนี
มือของเขาอุ่นและมั่นคง ราวกับจะถ่ายทอดอะไรบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายเป็นคำพูด
เขาก้มตัวลงเล็กน้อย กระซิบเสียงนุ่มแต่หนักแน่นใกล้ข้างหูเธอ
“เธอไม่ใช่ภาระของฉัน”
ไอรีนเงยหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความลังเล และไม่คุ้นชินกับความอ่อนโยนแบบนี้จากเขา
คิรันจ้องตาเธอแน่นิ่ง แล้วใช้ปลายนิ้วเชยคางเธอขึ้นเบา ๆ ให้เธอสบตาเขาตรง ๆ
น้ำเสียงของเขาเข้มลึก... ดุดันแต่ไม่กดดัน
“เธอสำคัญสำหรับฉัน”
หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะ ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน
ไม่ใช่เพราะคำพูด...
แต่เป็นเพราะสายตาของเขา—ที่บอกชัดว่าคำพูดนั้น จริงทุกคำ
คิรันยันตัวออก แล้วหยิบโทรศัพท์มากดไม่กี่ครั้ง จากนั้นก็หันกลับมามองเธออีกครั้ง
“ฉันจะจัดการหนี้ทั้งหมดให้”
เขาพูดเหมือนมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่สายตานั้นบ่งบอกว่าเขา ‘ตั้งใจ’ ทำจริง
“ไม่ต้อง... ฉันจะหาเงินใช้คืนคุณแน่นอน—”
“เธอไม่ต้องคืนอะไรทั้งนั้น”
“แต่มันคือปัญหาของครอบครัวฉัน—”
“และตอนนี้มันก็เป็นปัญหาของฉันด้วย”
เขาขัดเธอทันที ด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดที่สุด
“เธอไม่ต้องรับทุกอย่างไว้คนเดียวอีก”
เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ไม่กล้ามองตาเขาตรง ๆ
ในขณะที่ภายในอก... อะไรบางอย่างมันสั่นไหว
หัวใจเธอกำลังหลุดจากกำแพงที่เคยสร้างไว้
เขากำลังรุกเข้ามาเต็มหัวใจ — และเธอก็เริ่มไม่รู้จะหนีไปไหนอีกแล้ว
เสียงเครื่องบดกาแฟทำงานดังครืดคราด ผสมกับเสียงพนักงานพูดคุยกันเบา ๆ ในร้านกาแฟของบริษัท ‘วัชรานนท์ กรุ๊ป’ ตึกสูงระฟ้ากลางใจเมืองที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจระดับประเทศไอรีน วรากร นักศึกษาปีสุดท้าย คณะสถาปัตย์ ทำงานพาร์ทไทม์ในคาเฟ่เพื่อส่งตัวเองเรียน เจ้าของความสูง 165 ซม. หุ่นดี ผิวขาวอมชมพู ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อน ผมยาวตรงสีดำขลับ สาวน้อยกำลังง่วนอยู่กับการชงลาเต้ให้ลูกค้า มือเรียวสั่นเล็กน้อยจากความเหนื่อยล้า เพราะนี่เป็นกะเช้าของเธอที่เริ่มตั้งแต่หกโมงตรงเธอไม่รู้เลยว่าในวินาทีต่อมา โชคชะตาจะพลิกผันไปอย่างสิ้นเชิง…บรรยากาศในร้านที่เคยสงบเงียบเปลี่ยนไปทันทีเมื่อ ร่างสูงสง่าในชุดสูทแบรนด์หรู ก้าวเข้ามาในร้าน พร้อมกับออร่าอันเยือกเย็นและทรงพลัง พนักงานหลายคนรีบยืนตัวตรงแทบจะทันที บางคนก้มหน้า บางคนถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาด ๆคิรัน วัชรานนท์ วิศวกรหนุ่มหล่อ เจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์อันดับต้น ๆ ของประเทศ ‘วัชรานนท์ กรุ๊ป’ นักธุรกิจหนุ่มผู้ขึ้นชื่อเรื่องความโหด เถื่อน และไร
เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นกระเบื้องแกรนิตของตึก ‘วัชรานนท์ กรุ๊ป’ อย่างต่อเนื่อง ไอรีนเดินตามหลังร่างสูงสง่าไปด้วยความกดดัน แม้เธอจะมีความสูงพอสมควร แต่เมื่อเดินข้างคิรัน เธอกลับรู้สึกตัวเล็กลงไปถนัดตา ชายหนุ่มไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเลยตั้งแต่ออกจากร้านกาแฟ ทำให้บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความเงียบงันที่น่าอึดอัด“จะพาฉันไปไหนคะ?” ไอรีนอดถามขึ้นมาไม่ได้ ขณะที่กำลังขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนสุดของตึก“ห้องทำงานของฉัน” คิรันตอบเสียงเรียบ พลางกดรหัสลับเพื่อเข้าไปยังชั้นพิเศษไอรีนเม้มริมฝีปากแน่น ไม่กล้าถามอะไรต่อ แต่สมองของเธอเริ่มหาทางออกจากสถานการณ์นี้ต้องทำยังไงก็ได้… ให้ไม่ต้องทำงานกับเขา!เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก สายตาของเธอก็ปะทะเข้ากับสำนักงานที่กว้างขวาง หรูหรา เต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพง กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของไม้สนและหนังจากโซฟาหรูแตะจมูกของเธอ“คุณคิรัน?” เสียงทุ้มของชายอีกคนดังขึ้นมาจากห้องทำงานห้องเล็กห้องหนึ่งไอรีนหันไปมอง ก่อนจะพบกับชายหนุ่มร่างสูงอีกคนที่สวมสูทสีกรมท่า ดูภูมิฐานแต่อ่อนโย
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันของยามเช้า ไอรีนสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างตกใจ ร่างกายของเธอหนักอึ้งจากความเครียดและความกังวลเกี่ยวกับวันแรกของการทำงาน เธอถอนหายใจยาวก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวันใหม่เมื่อเธอมาถึงบริษัทซึ่งเป็นตึกสูงระฟ้าในย่านธุรกิจ หัวใจของเธอเต้นแรง เธอก้าวเข้าไปในลิฟต์พร้อมกับพนักงานคนอื่น ๆ ที่ดูยุ่งอยู่กับโทรศัพท์มือถือหรือเอกสารในมือ บรรยากาศเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีใครพูดคุยกันมากนักไอรีนเดินเข้าไปในแผนกบริหาร ซึ่งเป็นพื้นที่ทำงานหลักของผู้ช่วยส่วนตัวของคิรัน เธอพบกับธันวา ผู้ช่วยคนเก่งของคิรันที่คอยแนะนำเธออย่างเป็นมิตร“คุณไอรีน คุณต้องเข้าไปพบคุณคิรันก่อนนะครับ” ธันวากล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ แต่แฝงด้วยความเห็นใจไอรีนพยักหน้าก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องทำงานของคิรัน ซึ่งกว้างขวางแต่กลับให้ความรู้สึกเย็นชา โต๊ะทำงานของเขาถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบไร้ที่ติ ไม่มีอะไรเกินจำเป็น ทุกอย่างดูเป็นทางการและสมบูรณ์แบบคิรันนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานของเขา ดวงตาคมกริบของเขาเงยขึ้นมามองเธอเพียงชั่วคร
วันถัดมาหลังจากการประชุมที่ตึงเครียดในบริษัท คิรันตัดสินใจให้ไอรีนเดินทางไปต่างประเทศด้วยกันเพื่อช่วยงานในโปรเจกต์สำคัญกับลูกค้ารายใหญ่ ไอรีนรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย เพราะไม่เคยคิดว่าเธอจะมีโอกาสได้ไปทำงานต่างประเทศกับคิรันและลูกค้าระดับนี้มาก่อนเช้าวันนั้น ไอรีนตื่นขึ้นมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ความตื่นเต้นปะปนกับความกังวลทำให้เธอรู้สึกเหมือนร่างกายต้องการจะออกวิ่งไปข้างหน้า แต่ใจกลับเต็มไปด้วยความกลัวว่าจะทำอะไรผิดพลาด การเดินทางครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งไหนๆ เพราะไม่เพียงแค่ต้องทำงานให้สำเร็จ แต่เธอยังต้องเจอกับคิรันที่เข้มงวดอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนเธอลุกจากเตียงอย่างรวดเร็วและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวันสำคัญ ไอรีนเลือกใส่ชุดเดรสเรียบง่ายสีดำเข้มที่ดูสง่างาม ไม่หวือหวาเกินไปแต่ก็ยังคงดูดึงดูด สะท้อนความมั่นใจในตัวเอง แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับลูกค้าระดับสูงและคิรันที่เข้มงวด แต่เธอก็มั่นใจว่านี่คือการเลือกที่ดีที่สุดในการสะท้อนภาพลักษณ์ที่เธอต้องการแสดงออกการเดินทางไปสนามบินนั้นค่อนข้างเงียบสงัด บรรยากาศในรถเต็มไปด้วยความเงียบที่ไม่สามารถหลบหลีกได้ เสียงเครื่องปรับอ
บรรยากาศในงานเลี้ยงยังคงดำเนินไปอย่างคึกคัก แขกผู้มีเกียรติต่างพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างออกรส ไอรีนพยายามรักษาท่าทีและอยู่ใกล้คิรันให้มากขึ้น หลังจากที่ถูกเตือนเมื่อครู่ แต่ก็ยังอดรู้สึกอึดอัดกับท่าทีที่เขาแสดงออกมาไม่ได้เธอเดินหลบมุมออกมาจากกลุ่มลูกค้าคนสำคัญของบริษัท และบังเอิญได้พบกับกลุ่มนักธุรกิจที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรส พวกเขาเป็นกลุ่มสถาปนิกที่มีชื่อเสียง ซึ่งบังเอิญเป็นสายงานที่ไอรีนหลงใหลมาตลอด เธอเรียนสถาปัตย์ปีสุดท้ายแล้ว และมีความฝันที่จะเป็นสถาปนิกในอนาคต“คุณสนใจด้านการออกแบบสถาปัตย์เหรอ?” หนึ่งในนักธุรกิจเอ่ยถามหลังจากที่เธอเริ่มสนทนาเกี่ยวกับโครงสร้างอาคารเชิงนิเวศอย่างลืมตัว“ใช่ค่ะ ฉันกำลังศึกษาอยู่ปีสุดท้าย และหวังว่าจะได้ทำงานในสายนี้จริง ๆ” ไอรีนตอบด้วยดวงตาเป็นประกาย เสียงของเธอเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นและตื่นเต้นกลุ่มนักธุรกิจหัวเราะอย่างเป็นมิตร “น่าสนใจมาก! เรากำลังมองหาคนรุ่นใหม่ไฟแรงแบบคุณอยู่พอดี”เธอไม่รู้ตัวเลยว่าคำพูดของเธอและความสนใจของเธอไปกระทบสายตาของใครบางคนที่กำลั
เสียงดนตรีจากงานเลี้ยงยังคงก้องอยู่ในหัวของไอรีน แม้ว่าจะผ่านมาหลายวันแล้ว แต่ภาพคืนนั้นยังคงชัดเจนโดยเฉพาะ… คำพูดของเขา "เธอเป็นของฉัน"และรอยจูบที่จู่โจมอย่างเร่าร้อน…เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคิรันถึงทำแบบนั้น เขาไม่เคยแสดงออกถึงความสนใจในตัวเธอมาก่อนเลยสักครั้ง มีแต่ความเย็นชาและคำพูดเฉียบคมที่กดดันเธอตลอดเวลา แต่คืนนั้นเขากลับทำราวกับว่าเธอเป็นของเขาจริง ๆ คำพูดที่หนักแน่นและสายตาที่ไม่ยอมให้เธอปฏิเสธได้ยังคงตามหลอกหลอนเธอมันทำให้เธอรู้สึกสับสน… และหวั่นไหวเพราะแบบนั้น ไอรีนจึงตัดสินใจว่าเธอจะต้องตีตัวออกห่างจากเขาตั้งแต่เช้าวันแรกที่กลับมาทำงานหลังงานเลี้ยง ไอรีนก็เริ่มต้นแผนการหลีกเลี่ยงคิรัน เธอพยายามไม่เข้าไปในห้องทำงานของเขาโดยไม่จำเป็น และหากเขาเรียกพบ เธอจะพาธันวาเข้าไปด้วยเสมอเพื่อไม่ให้ต้องอยู่กับเขาตามลำพัง“พี่ธันวาคะ วันนี้ช่วยเข้าไปกับฉันหน่อยได้ไหมคะ?” ไอรีนถามพลางยิ้มหวานธันวาขมวดคิ้วก่อนจะพยักหน้า “ได้สิ แต่ทำไม—”“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่คิดว่าเราควรทำงา
ภายในห้องประชุมใหญ่ของบริษัท ทีมบริหารระดับสูงกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมสำคัญ ไอรีนเดินเข้ามาพร้อมกับแฟ้มเอกสารและตัวอย่างสินค้าหลายชิ้นในมือ เธอกัดฟันแน่น ขณะที่พยายามแบกรับน้ำหนักทั้งหมดไว้คนเดียว ไม่ต้องให้ใครช่วย — เธอทำได้แต่ยังไม่ทันจะถึงโต๊ะดี เท้าเล็กพลันสะดุดกับขอบพรมที่ไม่เรียบ สมดุลในร่างเธอเริ่มเสียไป หัวใจเธอหล่นวูบ แต่ยังไม่ทันจะล้มลง ร่างสูงของคิรันก็ก้าวเข้ามาทันเวลา มือหนาคว้าเอวของเธอไว้มั่นก่อนที่ร่างเธอจะกระแทกพื้นไอรีนเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มสบกับดวงตาคมกริบของเขา เธอรู้สึกถึงแรงกดเบา ๆ จากมือของเขาบนหน้าท้องของเธอ ร้อนจนเธอเผลอกลืนน้ำลายลงคอคิรันขมวดคิ้วเล็กน้อย กรามของเขากระตุกคล้ายกับกำลังหงุดหงิดอะไรบางอย่าง ก่อนที่เขาจะรีบปล่อยมือออกอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าไม่อยากแตะต้องเธอเกินความจำเป็น"เดินให้มันดี ๆ" คิรันเอ่ยเสียงต่ำไอรีนเม้มปาก เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรจะขอบคุณหรือไม่ แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร ธันวาเข้ามารับเอกสารจากมือเธอไป"คุณไอรีน ให้ผมช่วยเถอะครับ คุณถือเยอะเกินไปแล้ว"เธอขมวดคิ้ว ก่อ
เช้าวันแรกหลังจากที่คิรันกลับมาจากต่างประเทศ เขามาถึงบริษัทแต่เช้าตรู่ ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางแทบไม่อยู่ในสายตา เพราะสิ่งเดียวที่เขาสนใจคือ ‘เธอ’แต่ภาพตรงหน้าทำให้กรามของเขากระตุกแน่นไอรีนยืนคุยอยู่กับเพื่อนร่วมงานชายสองสามคน ท่าทางผ่อนคลาย รอยยิ้มของเธอดูสดใสในแบบที่เขาไม่เคยเห็นเวลาคุยกับเขา เธอหัวเราะเบา ๆ กับคำพูดของใครสักคน ร่างบางดูเป็นธรรมชาติ และแน่นอนว่าเป็นศูนย์กลางของบทสนทนามือของคิรันที่กำแฟ้มเอกสารแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ความไม่พอใจพุ่งขึ้นมาอย่างฉับพลัน ดวงตาคมกริบจับจ้องไปที่เธอและผู้ชายพวกนั้น มันควรจะเป็นเขาที่ได้รับรอยยิ้มแบบนั้น ไม่ใช่คนอื่นธันวาที่เดินมาพอดีสังเกตเห็นบรรยากาศรอบตัวเจ้านายของเขาเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน คิรันแทบไม่ได้ละสายตาจากไอรีนเลย แต่สิ่งที่ทำให้เลขาหนุ่มสะดุ้งคือไอเย็นยะเยือกในดวงตาของเขา“บอส…?” ธันวาเอ่ยเสียงเบาอย่างระมัดระวัง“พวกนั้นเป็นใคร” เสียงต่ำเย็นเฉียบดังขึ้น“อ่า… พนักงานแผนกออกแบบครับ พวกเขาเป็นรุ่นพี่ หรือไม่ก็เรียนสาขาเดียว
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในเวลาใกล้เที่ยงคืน ไอรีนสะดุ้งตื่นจากการเคลิ้มหลับไปทั้งที่ยังสวมเสื้อเชิ้ตทำงานไม่ถอด โทรศัพท์หน้าจอสว่างขึ้นพร้อมชื่อที่ทำให้หัวใจเธอหล่นวูบ—“แม่”“ฮัลโหล แม่ เป็นอะไรหรือเปล่า?”เสียงแม่ที่ปลายสายสั่นเครือ ไม่เหมือนปกติ“ไอรีน...พ่อเขา...เขาไปกู้เงินมาอีกแล้วลูก คราวนี้มันไม่ใช่แค่ห้าหกพัน แต่เกือบแสน เจ้าหนี้มาขู่จะให้เอาบ้านไปจำนอง ถ้าไม่หาเงินคืนให้มันภายในอาทิตย์นี้…”เลือดในกายไอรีนเย็นเฉียบลงทันที เธอกัดริมฝีปากแน่น พยายามควบคุมเสียง“แม่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวไอรีนจะหาทางเอง”เธอกดวางสาย ก่อนจะเอนตัวพิงหัวเตียง หัวใจหนักอึ้งจนเหมือนแบกร่างตัวเองไว้ไม่ไหว...วันถัดมาหลังจากทำงานในบริษัทจนถึงช่วงเย็น ไอรีนก็แอบไปหานัท รุ่นพี่จากสถาบันเดียวกัน ที่เธอเคยเจอในงานเลี้ยงลูกค้าเมื่อเดือนก่อน“พี่นัท...คือ...หนูมีเรื่องอยากรบกวนค่ะ พอจะมีงานพิเศษให้ทำบ้างไหม งานออกแบบก็ได้...อะไรก็ได้เลยค่ะ”รุ่นพี่หนุ่มมองหน้าเธอครู่หนึ่ง ก
หลังจากเหตุการณ์ในห้องทำงานวันนั้น ไอรีนก็เริ่มกลับมาหลบหน้าคิรันอีกครั้ง เธอเลือกเส้นทางเดินที่หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า หลีกเลี่ยงการสบตา และพยายามรักษาระยะห่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เขากลับไม่ยอมให้เธอหลุดมือเช้าวันจันทร์ รถยนต์คันหรูจอดนิ่งอยู่หน้าคอนโดของเธออีกครั้ง คนขับไม่ใช่ใครอื่น—คิรัน เขายืนพิงรถด้วยท่าทีเย็นชาตามแบบฉบับของเขา ใบหน้าสงบนิ่งแต่แววตาทิ่มแทงเหมือนจับจ้องเธออยู่ตลอดเวลา"คุณมาทำอะไรที่นี่?" ไอรีนถามเสียงแข็งเมื่อเดินออกมาพบเขา"มารับ" เขาตอบเรียบ ๆ"ฉันไปเองได้ ไม่จำเป็นต้อง—""จำเป็น เพราะฉันสั่ง"เขาเปิดประตูรถฝั่งผู้โดยสารโดยไม่รอฟังคำเถียง แล้วพูดสั้น ๆ แต่เด็ดขาด"ขึ้นรถ"แม้จะขัดใจแค่ไหน แต่ไอรีนก็รู้ว่าเถียงไปไม่มีประโยชน์ เธอยอมขึ้นรถไปกับเขาโดยไม่พูดอะไรอีกแต่สิ่งที่ทำให้เธอเริ่มตื่นตระหนกจริง ๆ คือพฤติกรรมของเขาหลังจากนั้นก่อนที่เธอจะได้เอื้อมไปคาดเข็มขัด คิรันก็โน้มตัวเข้ามา มือข้างหนึ่งเอื้อมจับสายเข็มขัดแล้วดึงมาคาดให้เธออย่างแนบชิดกลิ่นน้ำหอมราคาแพงจ
เสียงฝีเท้าหนักแน่นกระแทกพื้นดังก้องไปทั่วโถงทางเดินของบริษัท ทุกสายตาของพนักงานที่กำลังทำงานอยู่ต่างหยุดนิ่ง เมื่อเห็นร่างสูงของคิรันลากไอรีนผ่านเข้ามาโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ใบหน้าของเขาเย็นชา สายตาคมกริบเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ที่อัดแน่นจนแทบระเบิดไอรีนพยายามขืนตัว ดึงแขนออกจากการเกาะกุม แต่เปล่าประโยชน์ แรงของเขามากเกินไป"คุณคิรัน! ปล่อยฉันเถอะ!" เธอเอ่ยเสียงแข็ง แต่เขาไม่สนใจแม้แต่น้อยพนักงานหลายคนมองตามด้วยความตกใจและหวาดหวั่น แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากหรือขยับตัวเข้าไปขวาง แม้แต่ธันวา เลขาส่วนตัวของคิรัน ที่มักจะเป็นคนกล้าพูดกับเจ้านายก็ยังได้แต่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ'สงสัยคงไปหึงหวงอะไรมาอีกแล้วแน่ ๆ' ธันวาคิดในใจ พลางส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่ายกับความขี้หึงของเจ้านายตัวเองพนักงานบางคนเริ่มกระซิบกันเบา ๆ"นี่มันเรื่องอะไรกัน…""คุณไอรีนไปทำอะไรให้บอสโกรธขนาดนี้?"ธันวาส่ายหน้าเบา ๆ "ไม่ต้องเดาหรอก หึงแน่ ๆ ฉันพนันได้เลย"คิรันกระชากประตูห้องทำงานออกอย่างแรง ก่อนจะผลักไอรีนเข้าไปข้างในและปิด
แสงแดดยามบ่ายส่องกระทบโครงสร้างเหล็กของไซต์ก่อสร้าง เสียงเครื่องจักรดังประสานไปกับเสียงพูดคุยของเหล่าวิศวกรและคนงาน คิรันก้าวลงจากรถอย่างสง่างาม ดวงตาคมเข้มกวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนจะหันไปทางไอรีนที่เดินตามลงมา"อย่าหลงทาง" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเตือนสั้น ๆไอรีนกลอกตาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ตอบอะไร เธอรู้ดีว่าเขาหมายความตามนั้นจริง ๆ และแน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมให้เธอหายไปจากสายตาแม้แต่นิดเดียวเมื่อเข้ามาภายในห้องประชุม การประชุมไซต์งานเป็นไปอย่างราบรื่น คิรันยังคงเป็นคิรัน—นิ่ง เฉียบขาด และทรงอำนาจ ทุกคำพูดของเขาทำให้ผู้บริหารบริษัทก่อสร้างต้องให้ความเคารพ ไอรีนนั่งฟังเงียบ ๆ และจดบันทึกรายละเอียดตามหน้าที่ แม้จะไม่ได้มีส่วนร่วมมากนัก แต่เธอรับรู้ได้ว่าผู้บริหารที่นี่ให้ความเกรงใจคิรันอย่างเห็นได้ชัด บางคนถึงกับนั่งตัวตรงขึ้นเมื่อเขาพูดเมื่อประชุมจบลง ไอรีนขอตัวออกจากห้องเพื่อไปเข้าห้องน้ำ เธอยืดตัวขึ้นและสูดหายใจลึก พลางคิดว่ามื้อค่ำสุดหรูเมื่อคืนทำให้เธอยังรู้สึกประหลาดใจไม่หาย คิรันดูอ่อนโยนขึ้น แม้จะยังคงเย็นชา แต่การกระทำของเขาทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวอย่างไม่อาจห้าม
แสงไฟนีออนจากเมืองใหญ่ทอดยาวออกไปสุดสายตา ตึกสูงระฟ้าเป็นเงาสะท้อนบนกระจกใสบานใหญ่ของห้องอาหารชั้นดาดฟ้า โรงแรมหรูระดับห้าดาวใจกลางเมืองเป็นสถานที่ที่คิรันเลือกสำหรับมื้อค่ำคืนนี้ไอรีนยืนอยู่หน้าประตูห้องอาหาร หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะอย่างไม่อาจควบคุมได้ สาเหตุไม่ใช่เพราะสถานที่หรูหรารอบตัว แต่เป็นเพราะบุคคลที่ยืนอยู่ข้างเธอ… คิรันเขาอยู่ในชุดสูทสีดำเข้ารูป ทรงผมเรียบเนี้ยบ ดวงตาคมกริบภายใต้แสงไฟสลัวดูทรงอำนาจและเย็นชาเหมือนเคย แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือพฤติกรรมของเขานับตั้งแต่คืนวันนั้น—คืนที่เขาใช้กำปั้นตัดขาดธุรกิจเพียงเพราะเธอ—เขาก็เริ่มเปลี่ยนไป คิรันไม่ใช่ผู้ชายที่ใครจะเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ๆ แล้วทำไม… ทำไมเธอถึงรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นข้อยกเว้นเดียวของเขา?ไม่ใช่ว่าเขาอ่อนโยนเหมือนผู้ชายแสนดีทั่วไป คิรันยังคงเป็นคิรัน—เย็นชา เจ้าระเบียบ และเอาแต่ใจ แต่คำพูดของเขาเริ่มอ่อนลงเล็กน้อย การกระทำหลายอย่างดูเหมือนจะใส่ใจมากขึ้น และนั่น… ทำให้เธอสับสน“มองอะไร” น้ำเสียงเข้มต่ำกระซิบถามข้างหู เธอสะดุ้
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ทุกอย่างรอบตัวไอรีนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงคิรันไม่ได้เอ่ยอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องทำงาน แต่วันถัดมา เขากลับออกคำสั่งให้เธอย้ายมานั่งทำงานในห้องของเขาอย่างถาวร โดยให้เหตุผลกับพนักงานคนอื่นว่าเป็นมาตรการรักษาความลับของโปรเจ็กต์สำคัญที่เธอต้องรับผิดชอบ“ผมเข้าใจครับบอส โปรเจ็กต์ใหญ่ ข้อมูลสำคัญ” ธันวาพูดเสียงเรียบ ก่อนจะพึมพำเบา ๆ จนแทบไม่ได้ยิน“แต่ผมว่าคุณแค่หวง…”ไอรีนรู้สึกอึดอัดกับการเปลี่ยนแปลงนี้สุด ๆ นี่มันไม่ต่างอะไรกับการถูกจับขังอยู่ใต้สายตาของคิรันเลยสักนิด! เธอไม่สามารถพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานได้อย่างอิสระ ไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนโดยไม่มีสายตาคมกริบของเขาจับจ้อง และแน่นอน—ไม่สามารถใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนได้โดยไม่รู้สึกถึงแรงกดดันแปลก ๆแต่ต่อให้เธอจะพยายามบ่นหรืออ้อนวอนขนาดไหน คิรันก็ยังคงนิ่งเฉยและยืนยันคำสั่งของเขาค่ำวันหนึ่ง คิรันพาไอรีนไปทานอาหารเย็นกับลูกค้ารายสำคัญที่ห้องอาหารส่วนตัวแห่งหนึ่ง ร้านอาหารตกแต่งอย่างหรูหรา แสงไฟสลัวสร้างบรรยากาศผ่อน
เช้าวันแรกหลังจากที่คิรันกลับมาจากต่างประเทศ เขามาถึงบริษัทแต่เช้าตรู่ ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางแทบไม่อยู่ในสายตา เพราะสิ่งเดียวที่เขาสนใจคือ ‘เธอ’แต่ภาพตรงหน้าทำให้กรามของเขากระตุกแน่นไอรีนยืนคุยอยู่กับเพื่อนร่วมงานชายสองสามคน ท่าทางผ่อนคลาย รอยยิ้มของเธอดูสดใสในแบบที่เขาไม่เคยเห็นเวลาคุยกับเขา เธอหัวเราะเบา ๆ กับคำพูดของใครสักคน ร่างบางดูเป็นธรรมชาติ และแน่นอนว่าเป็นศูนย์กลางของบทสนทนามือของคิรันที่กำแฟ้มเอกสารแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ความไม่พอใจพุ่งขึ้นมาอย่างฉับพลัน ดวงตาคมกริบจับจ้องไปที่เธอและผู้ชายพวกนั้น มันควรจะเป็นเขาที่ได้รับรอยยิ้มแบบนั้น ไม่ใช่คนอื่นธันวาที่เดินมาพอดีสังเกตเห็นบรรยากาศรอบตัวเจ้านายของเขาเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน คิรันแทบไม่ได้ละสายตาจากไอรีนเลย แต่สิ่งที่ทำให้เลขาหนุ่มสะดุ้งคือไอเย็นยะเยือกในดวงตาของเขา“บอส…?” ธันวาเอ่ยเสียงเบาอย่างระมัดระวัง“พวกนั้นเป็นใคร” เสียงต่ำเย็นเฉียบดังขึ้น“อ่า… พนักงานแผนกออกแบบครับ พวกเขาเป็นรุ่นพี่ หรือไม่ก็เรียนสาขาเดียว
ภายในห้องประชุมใหญ่ของบริษัท ทีมบริหารระดับสูงกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมสำคัญ ไอรีนเดินเข้ามาพร้อมกับแฟ้มเอกสารและตัวอย่างสินค้าหลายชิ้นในมือ เธอกัดฟันแน่น ขณะที่พยายามแบกรับน้ำหนักทั้งหมดไว้คนเดียว ไม่ต้องให้ใครช่วย — เธอทำได้แต่ยังไม่ทันจะถึงโต๊ะดี เท้าเล็กพลันสะดุดกับขอบพรมที่ไม่เรียบ สมดุลในร่างเธอเริ่มเสียไป หัวใจเธอหล่นวูบ แต่ยังไม่ทันจะล้มลง ร่างสูงของคิรันก็ก้าวเข้ามาทันเวลา มือหนาคว้าเอวของเธอไว้มั่นก่อนที่ร่างเธอจะกระแทกพื้นไอรีนเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มสบกับดวงตาคมกริบของเขา เธอรู้สึกถึงแรงกดเบา ๆ จากมือของเขาบนหน้าท้องของเธอ ร้อนจนเธอเผลอกลืนน้ำลายลงคอคิรันขมวดคิ้วเล็กน้อย กรามของเขากระตุกคล้ายกับกำลังหงุดหงิดอะไรบางอย่าง ก่อนที่เขาจะรีบปล่อยมือออกอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าไม่อยากแตะต้องเธอเกินความจำเป็น"เดินให้มันดี ๆ" คิรันเอ่ยเสียงต่ำไอรีนเม้มปาก เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรจะขอบคุณหรือไม่ แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร ธันวาเข้ามารับเอกสารจากมือเธอไป"คุณไอรีน ให้ผมช่วยเถอะครับ คุณถือเยอะเกินไปแล้ว"เธอขมวดคิ้ว ก่อ
เสียงดนตรีจากงานเลี้ยงยังคงก้องอยู่ในหัวของไอรีน แม้ว่าจะผ่านมาหลายวันแล้ว แต่ภาพคืนนั้นยังคงชัดเจนโดยเฉพาะ… คำพูดของเขา "เธอเป็นของฉัน"และรอยจูบที่จู่โจมอย่างเร่าร้อน…เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคิรันถึงทำแบบนั้น เขาไม่เคยแสดงออกถึงความสนใจในตัวเธอมาก่อนเลยสักครั้ง มีแต่ความเย็นชาและคำพูดเฉียบคมที่กดดันเธอตลอดเวลา แต่คืนนั้นเขากลับทำราวกับว่าเธอเป็นของเขาจริง ๆ คำพูดที่หนักแน่นและสายตาที่ไม่ยอมให้เธอปฏิเสธได้ยังคงตามหลอกหลอนเธอมันทำให้เธอรู้สึกสับสน… และหวั่นไหวเพราะแบบนั้น ไอรีนจึงตัดสินใจว่าเธอจะต้องตีตัวออกห่างจากเขาตั้งแต่เช้าวันแรกที่กลับมาทำงานหลังงานเลี้ยง ไอรีนก็เริ่มต้นแผนการหลีกเลี่ยงคิรัน เธอพยายามไม่เข้าไปในห้องทำงานของเขาโดยไม่จำเป็น และหากเขาเรียกพบ เธอจะพาธันวาเข้าไปด้วยเสมอเพื่อไม่ให้ต้องอยู่กับเขาตามลำพัง“พี่ธันวาคะ วันนี้ช่วยเข้าไปกับฉันหน่อยได้ไหมคะ?” ไอรีนถามพลางยิ้มหวานธันวาขมวดคิ้วก่อนจะพยักหน้า “ได้สิ แต่ทำไม—”“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่คิดว่าเราควรทำงา