บรรยากาศในงานเลี้ยงยังคงดำเนินไปอย่างคึกคัก แขกผู้มีเกียรติต่างพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างออกรส ไอรีนพยายามรักษาท่าทีและอยู่ใกล้คิรันให้มากขึ้น หลังจากที่ถูกเตือนเมื่อครู่ แต่ก็ยังอดรู้สึกอึดอัดกับท่าทีที่เขาแสดงออกมาไม่ได้
เธอเดินหลบมุมออกมาจากกลุ่มลูกค้าคนสำคัญของบริษัท และบังเอิญได้พบกับกลุ่มนักธุรกิจที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรส พวกเขาเป็นกลุ่มสถาปนิกที่มีชื่อเสียง ซึ่งบังเอิญเป็นสายงานที่ไอรีนหลงใหลมาตลอด เธอเรียนสถาปัตย์ปีสุดท้ายแล้ว และมีความฝันที่จะเป็นสถาปนิกในอนาคต
“คุณสนใจด้านการออกแบบสถาปัตย์เหรอ?” หนึ่งในนักธุรกิจเอ่ยถามหลังจากที่เธอเริ่มสนทนาเกี่ยวกับโครงสร้างอาคารเชิงนิเวศอย่างลืมตัว
“ใช่ค่ะ ฉันกำลังศึกษาอยู่ปีสุดท้าย และหวังว่าจะได้ทำงานในสายนี้จริง ๆ” ไอรีนตอบด้วยดวงตาเป็นประกาย เสียงของเธอเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นและตื่นเต้น
กลุ่มนักธุรกิจหัวเราะอย่างเป็นมิตร “น่าสนใจมาก! เรากำลังมองหาคนรุ่นใหม่ไฟแรงแบบคุณอยู่พอดี”
เธอไม่รู้ตัวเลยว่าคำพูดของเธอและความสนใจของเธอไปกระทบสายตาของใครบางคนที่กำลังจับจ้องอยู่ไม่ไกล
คิรันมองเธออยู่
ดวงตาคมกริบของเขาจับจ้องไอรีนอย่างไม่ลดละ มือที่ถือแก้วไวน์บีบแน่นขึ้นขณะที่เห็นเธอพูดคุยกับกลุ่มนักธุรกิจชายด้วยความกระตือรือร้น ใบหน้าของเขานิ่งสนิท แต่ภายในกลับเดือดดาล
เธอกำลังท้าทายเขางั้นเหรอ?
คิรันก้าวเข้ามาใกล้โดยไม่ส่งเสียง ก่อนที่ไอรีนจะรู้ตัว ข้อมือของเธอก็ถูกคว้าไปอย่างแรง
“อ๊ะ!” เธอสะดุ้ง หันไปพบกับใบหน้าของคิรันที่เต็มไปด้วยความเคร่งขรึม ดวงตาของเขาฉายแววไม่พอใจอย่างชัดเจน
“คุณคิรัน!” เธอพยายามดึงมือกลับ แต่เขากลับบีบแน่นขึ้น
“เราต้องคุยกัน” เสียงของเขาต่ำและหนักแน่น
“เดี๋ยวก่อนค่ะ—” ไอรีนยังพูดไม่จบ คิรันก็กระชากข้อมือเธอเบา ๆ แต่หนักพอให้เธอต้องเดินตามโดยไม่อาจขัดขืน เขาพาเธอออกจากกลุ่มสถาปนิกตรงไปยังระเบียงด้านนอกที่เงียบสงบและห่างไกลจากสายตาของคนอื่น
“นี่คุณทำบ้าอะไร!” ไอรีนสะบัดมือออกทันทีที่พ้นสายตาผู้คน
“ฉันกำลังคุยเรื่องงานอยู่ คุณไม่มีสิทธิ์มาลากฉันออกมาแบบนี้!”
คิรันไม่ตอบอะไรทันที เขากลับมองเธอด้วยสายตาคมกริบและเต็มไปด้วยอารมณ์บางอย่างที่เธออ่านไม่ออก
“ฉันเตือนเธอแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่ให้ไปทำท่าสนิทกับใคร” เสียงของเขาเข้มขึ้นกว่าเดิม
“แล้วทำไมฉันต้องทำตามที่คุณบอกด้วย?” ไอรีนเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาไม่ยอมแพ้
“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันแค่คุยกับคนที่มีอาชีพเดียวกับที่ฉันอยากเป็น! แล้วคุณเป็นอะไร? ถึงต้องมาคอยบงการชีวิตฉันแบบนี้!”
คิรันจ้องเธอเขม็ง เสียงหายใจของเขาหนักขึ้น เขาก้าวเข้ามาใกล้จนไอรีนต้องถอยหลังโดยไม่รู้ตัว แผ่นหลังปะทะกับกำแพงระเบียงที่เย็นเฉียบ ทว่าความร้อนจากร่างของเขากลับแผ่ซ่านเข้ามาแทนที่ สายลมยามค่ำคืนพัดผ่าน แต่กลับไม่อาจดับความร้อนในใจเขาได้ แสงจันทร์สาดส่องอยู่ด้านหลังคิรัน เงาของเขาตกทอดลงมาทับตัวเธอ ราวกับนักล่าที่กำลังขังเหยื่อของตัวเอง
“ฉันไม่ชอบให้เธอไปสนิทกับใคร” เขาพูดช้า ๆ แต่หนักแน่น “โดยเฉพาะพวกผู้ชาย”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ? คุณเป็นเจ้านายฉัน ไม่ใช่เจ้าของชีวิตฉัน!”
คิรันยกมือขึ้นวางที่กำแพงข้างใบหน้าของเธอ ขังเธอไว้ในพื้นที่เล็ก ๆ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยประกายอันตราย
“อยากให้ฉันเป็นเจ้าของไหมล่ะ?”
ไอรีนตัวแข็งทื่อ เมื่อดวงตาคมกริบของคิรันจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของเธอ ราวกับต้องการจะฝังบางสิ่งเข้าไปให้ลึกถึงจิตใจ เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ความเงียบระหว่างพวกเขาเต็มไปด้วยแรงกดดันที่แทบทำให้เธอหายใจไม่ออก
“อยากให้ฉันเป็นเจ้าของไหมล่ะ?” เสียงของคิรันต่ำและเข้ม ราวกับคำเตือนที่ไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธ
ไอรีนกำมือแน่น พยายามบังคับตัวเองให้ไม่หลบสายตา “คุณไม่มีสิทธิ์พูดแบบนี้” เธอพยายามคุมเสียงให้มั่นคง
คิรันยกยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก แต่ไม่มีความอ่อนโยนใด ๆ ในรอยยิ้มนั้น “ฉันไม่มีสิทธิ์งั้นเหรอ?” เขาพึมพำ ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าใกล้เธอมากขึ้น ลมหายใจร้อนผ่าวของเขาแตะสัมผัสผิวแก้มเธอ “เธอเป็นของฉัน” เขาพูดชัดถ้อยชัดคำ
ก่อนที่ไอรีนจะทันได้โต้ตอบ ริมฝีปากของเขาก็ประกบลงมาบนริมฝีปากของเธออย่างรุนแรงและเอาแต่ใจ
“อื้อ!” ไอรีนเบิกตากว้าง หัวใจเต้นแรงจนแทบระเบิด เธอพยายามผลักเขาออก แต่คิรันกลับรั้งเธอไว้แน่น แขนแข็งแรงของเขาล็อกเธอเข้ากับผนัง ไม่ให้มีทางหนี
จูบของเขาร้อนแรงและดุเดือด ไม่มีความลังเลหรือความนุ่มนวล มีเพียงแรงปรารถนาและความเป็นเจ้าของที่ถูกส่งผ่านทุกสัมผัส
ไอรีนดิ้นขลุกขลัก แต่สัมผัสที่ร้อนแรงของเขากลับทำให้เธอรู้สึกแปลกประหลาด ราวกับว่าร่างกายของเธอกำลังทรยศต่อหัวใจ เธอพยายามใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักเขาออก
“คุณ...คิรัน! ปล่อยนะ!” เธอประท้วงทั้งที่เสียงของเธอสั่นระริก และอู้อี้
แต่คิรันไม่สนใจ เขาจูบลึกขึ้น เรียกร้องมากขึ้น ทุกสัมผัสของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์รุนแรงที่ควบคุมไม่ได้
เธอพยายามหันหน้าหนี แต่เขากลับจับปลายคางเธอไว้ บังคับให้รับจูบของเขา “อย่าหนี” เขาสั่งเสียงต่ำ
“ยิ่งเธอท้าทายฉันมากเท่าไหร่ ฉันก็จะยิ่งทำให้เธอจำ... ว่าเธอเป็นของใคร”
ไอรีนรู้สึกเหมือนกำลังจะจมลงในทะเลเพลิง มือของเธอกำเสื้อเชิ้ตของเขาแน่น พยายามทั้งผลักไสและดึงดูดในเวลาเดียวกัน เธอไม่เคยเจอใครที่มีพลังดึงดูดรุนแรงขนาดนี้มาก่อน
จูบของคิรันค่อย ๆ ช้าลง แต่ไม่ได้ลดความร้อนแรงลงเลยแม้แต่น้อย เขาผละออกเพียงเล็กน้อย มองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความต้องการและความพึงพอใจ
“เข้าใจรึยัง?”
ไอรีนหายใจหอบหนัก ใบหน้าร้อนฉ่า ดวงตาสั่นไหวระคนสับสนและโกรธจัด
“คุณมัน... บ้าไปแล้ว!” เธอผลักเขาออกสุดแรงจนเขาถอยไปหนึ่งก้าว
คิรันหัวเราะเบา ๆ “งั้นก็จำไว้... ว่าฉันบ้าแค่ไหนกับเรื่องของเธอ” เขายกมือขึ้น ลูบไล้ริมฝีปากตัวเองเบา ๆ ก่อนจะโน้มลงกระซิบที่ข้างหูเธอ
“และฉันจะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องสิ่งที่เป็นของฉัน... เข้าใจไหม ไอรีน?”
ไอรีนเม้มปากแน่น ดวงตาของเธอมีทั้งความโกรธ ความสับสน และบางอย่างที่เธอไม่อยากยอมรับว่ากำลังก่อตัวขึ้นในใจ
และเธอรู้ดีว่า... เรื่องระหว่างเธอกับเขา มันจะไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป
เสียงดนตรีจากงานเลี้ยงยังคงก้องอยู่ในหัวของไอรีน แม้ว่าจะผ่านมาหลายวันแล้ว แต่ภาพคืนนั้นยังคงชัดเจนโดยเฉพาะ… คำพูดของเขา "เธอเป็นของฉัน"และรอยจูบที่จู่โจมอย่างเร่าร้อน…เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคิรันถึงทำแบบนั้น เขาไม่เคยแสดงออกถึงความสนใจในตัวเธอมาก่อนเลยสักครั้ง มีแต่ความเย็นชาและคำพูดเฉียบคมที่กดดันเธอตลอดเวลา แต่คืนนั้นเขากลับทำราวกับว่าเธอเป็นของเขาจริง ๆ คำพูดที่หนักแน่นและสายตาที่ไม่ยอมให้เธอปฏิเสธได้ยังคงตามหลอกหลอนเธอมันทำให้เธอรู้สึกสับสน… และหวั่นไหวเพราะแบบนั้น ไอรีนจึงตัดสินใจว่าเธอจะต้องตีตัวออกห่างจากเขาตั้งแต่เช้าวันแรกที่กลับมาทำงานหลังงานเลี้ยง ไอรีนก็เริ่มต้นแผนการหลีกเลี่ยงคิรัน เธอพยายามไม่เข้าไปในห้องทำงานของเขาโดยไม่จำเป็น และหากเขาเรียกพบ เธอจะพาธันวาเข้าไปด้วยเสมอเพื่อไม่ให้ต้องอยู่กับเขาตามลำพัง“พี่ธันวาคะ วันนี้ช่วยเข้าไปกับฉันหน่อยได้ไหมคะ?” ไอรีนถามพลางยิ้มหวานธันวาขมวดคิ้วก่อนจะพยักหน้า “ได้สิ แต่ทำไม—”“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่คิดว่าเราควรทำงา
ภายในห้องประชุมใหญ่ของบริษัท ทีมบริหารระดับสูงกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมสำคัญ ไอรีนเดินเข้ามาพร้อมกับแฟ้มเอกสารและตัวอย่างสินค้าหลายชิ้นในมือ เธอกัดฟันแน่น ขณะที่พยายามแบกรับน้ำหนักทั้งหมดไว้คนเดียว ไม่ต้องให้ใครช่วย — เธอทำได้แต่ยังไม่ทันจะถึงโต๊ะดี เท้าเล็กพลันสะดุดกับขอบพรมที่ไม่เรียบ สมดุลในร่างเธอเริ่มเสียไป หัวใจเธอหล่นวูบ แต่ยังไม่ทันจะล้มลง ร่างสูงของคิรันก็ก้าวเข้ามาทันเวลา มือหนาคว้าเอวของเธอไว้มั่นก่อนที่ร่างเธอจะกระแทกพื้นไอรีนเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มสบกับดวงตาคมกริบของเขา เธอรู้สึกถึงแรงกดเบา ๆ จากมือของเขาบนหน้าท้องของเธอ ร้อนจนเธอเผลอกลืนน้ำลายลงคอคิรันขมวดคิ้วเล็กน้อย กรามของเขากระตุกคล้ายกับกำลังหงุดหงิดอะไรบางอย่าง ก่อนที่เขาจะรีบปล่อยมือออกอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าไม่อยากแตะต้องเธอเกินความจำเป็น"เดินให้มันดี ๆ" คิรันเอ่ยเสียงต่ำไอรีนเม้มปาก เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรจะขอบคุณหรือไม่ แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร ธันวาเข้ามารับเอกสารจากมือเธอไป"คุณไอรีน ให้ผมช่วยเถอะครับ คุณถือเยอะเกินไปแล้ว"เธอขมวดคิ้ว ก่อ
เช้าวันแรกหลังจากที่คิรันกลับมาจากต่างประเทศ เขามาถึงบริษัทแต่เช้าตรู่ ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางแทบไม่อยู่ในสายตา เพราะสิ่งเดียวที่เขาสนใจคือ ‘เธอ’แต่ภาพตรงหน้าทำให้กรามของเขากระตุกแน่นไอรีนยืนคุยอยู่กับเพื่อนร่วมงานชายสองสามคน ท่าทางผ่อนคลาย รอยยิ้มของเธอดูสดใสในแบบที่เขาไม่เคยเห็นเวลาคุยกับเขา เธอหัวเราะเบา ๆ กับคำพูดของใครสักคน ร่างบางดูเป็นธรรมชาติ และแน่นอนว่าเป็นศูนย์กลางของบทสนทนามือของคิรันที่กำแฟ้มเอกสารแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ความไม่พอใจพุ่งขึ้นมาอย่างฉับพลัน ดวงตาคมกริบจับจ้องไปที่เธอและผู้ชายพวกนั้น มันควรจะเป็นเขาที่ได้รับรอยยิ้มแบบนั้น ไม่ใช่คนอื่นธันวาที่เดินมาพอดีสังเกตเห็นบรรยากาศรอบตัวเจ้านายของเขาเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน คิรันแทบไม่ได้ละสายตาจากไอรีนเลย แต่สิ่งที่ทำให้เลขาหนุ่มสะดุ้งคือไอเย็นยะเยือกในดวงตาของเขา“บอส…?” ธันวาเอ่ยเสียงเบาอย่างระมัดระวัง“พวกนั้นเป็นใคร” เสียงต่ำเย็นเฉียบดังขึ้น“อ่า… พนักงานแผนกออกแบบครับ พวกเขาเป็นรุ่นพี่ หรือไม่ก็เรียนสาขาเดียว
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ทุกอย่างรอบตัวไอรีนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงคิรันไม่ได้เอ่ยอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องทำงาน แต่วันถัดมา เขากลับออกคำสั่งให้เธอย้ายมานั่งทำงานในห้องของเขาอย่างถาวร โดยให้เหตุผลกับพนักงานคนอื่นว่าเป็นมาตรการรักษาความลับของโปรเจ็กต์สำคัญที่เธอต้องรับผิดชอบ“ผมเข้าใจครับบอส โปรเจ็กต์ใหญ่ ข้อมูลสำคัญ” ธันวาพูดเสียงเรียบ ก่อนจะพึมพำเบา ๆ จนแทบไม่ได้ยิน“แต่ผมว่าคุณแค่หวง…”ไอรีนรู้สึกอึดอัดกับการเปลี่ยนแปลงนี้สุด ๆ นี่มันไม่ต่างอะไรกับการถูกจับขังอยู่ใต้สายตาของคิรันเลยสักนิด! เธอไม่สามารถพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานได้อย่างอิสระ ไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนโดยไม่มีสายตาคมกริบของเขาจับจ้อง และแน่นอน—ไม่สามารถใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนได้โดยไม่รู้สึกถึงแรงกดดันแปลก ๆแต่ต่อให้เธอจะพยายามบ่นหรืออ้อนวอนขนาดไหน คิรันก็ยังคงนิ่งเฉยและยืนยันคำสั่งของเขาค่ำวันหนึ่ง คิรันพาไอรีนไปทานอาหารเย็นกับลูกค้ารายสำคัญที่ห้องอาหารส่วนตัวแห่งหนึ่ง ร้านอาหารตกแต่งอย่างหรูหรา แสงไฟสลัวสร้างบรรยากาศผ่อน
แสงไฟนีออนจากเมืองใหญ่ทอดยาวออกไปสุดสายตา ตึกสูงระฟ้าเป็นเงาสะท้อนบนกระจกใสบานใหญ่ของห้องอาหารชั้นดาดฟ้า โรงแรมหรูระดับห้าดาวใจกลางเมืองเป็นสถานที่ที่คิรันเลือกสำหรับมื้อค่ำคืนนี้ไอรีนยืนอยู่หน้าประตูห้องอาหาร หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะอย่างไม่อาจควบคุมได้ สาเหตุไม่ใช่เพราะสถานที่หรูหรารอบตัว แต่เป็นเพราะบุคคลที่ยืนอยู่ข้างเธอ… คิรันเขาอยู่ในชุดสูทสีดำเข้ารูป ทรงผมเรียบเนี้ยบ ดวงตาคมกริบภายใต้แสงไฟสลัวดูทรงอำนาจและเย็นชาเหมือนเคย แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือพฤติกรรมของเขานับตั้งแต่คืนวันนั้น—คืนที่เขาใช้กำปั้นตัดขาดธุรกิจเพียงเพราะเธอ—เขาก็เริ่มเปลี่ยนไป คิรันไม่ใช่ผู้ชายที่ใครจะเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ๆ แล้วทำไม… ทำไมเธอถึงรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นข้อยกเว้นเดียวของเขา?ไม่ใช่ว่าเขาอ่อนโยนเหมือนผู้ชายแสนดีทั่วไป คิรันยังคงเป็นคิรัน—เย็นชา เจ้าระเบียบ และเอาแต่ใจ แต่คำพูดของเขาเริ่มอ่อนลงเล็กน้อย การกระทำหลายอย่างดูเหมือนจะใส่ใจมากขึ้น และนั่น… ทำให้เธอสับสน“มองอะไร” น้ำเสียงเข้มต่ำกระซิบถามข้างหู เธอสะดุ้
แสงแดดยามบ่ายส่องกระทบโครงสร้างเหล็กของไซต์ก่อสร้าง เสียงเครื่องจักรดังประสานไปกับเสียงพูดคุยของเหล่าวิศวกรและคนงาน คิรันก้าวลงจากรถอย่างสง่างาม ดวงตาคมเข้มกวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนจะหันไปทางไอรีนที่เดินตามลงมา"อย่าหลงทาง" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเตือนสั้น ๆไอรีนกลอกตาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ตอบอะไร เธอรู้ดีว่าเขาหมายความตามนั้นจริง ๆ และแน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมให้เธอหายไปจากสายตาแม้แต่นิดเดียวเมื่อเข้ามาภายในห้องประชุม การประชุมไซต์งานเป็นไปอย่างราบรื่น คิรันยังคงเป็นคิรัน—นิ่ง เฉียบขาด และทรงอำนาจ ทุกคำพูดของเขาทำให้ผู้บริหารบริษัทก่อสร้างต้องให้ความเคารพ ไอรีนนั่งฟังเงียบ ๆ และจดบันทึกรายละเอียดตามหน้าที่ แม้จะไม่ได้มีส่วนร่วมมากนัก แต่เธอรับรู้ได้ว่าผู้บริหารที่นี่ให้ความเกรงใจคิรันอย่างเห็นได้ชัด บางคนถึงกับนั่งตัวตรงขึ้นเมื่อเขาพูดเมื่อประชุมจบลง ไอรีนขอตัวออกจากห้องเพื่อไปเข้าห้องน้ำ เธอยืดตัวขึ้นและสูดหายใจลึก พลางคิดว่ามื้อค่ำสุดหรูเมื่อคืนทำให้เธอยังรู้สึกประหลาดใจไม่หาย คิรันดูอ่อนโยนขึ้น แม้จะยังคงเย็นชา แต่การกระทำของเขาทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวอย่างไม่อาจห้าม
เสียงฝีเท้าหนักแน่นกระแทกพื้นดังก้องไปทั่วโถงทางเดินของบริษัท ทุกสายตาของพนักงานที่กำลังทำงานอยู่ต่างหยุดนิ่ง เมื่อเห็นร่างสูงของคิรันลากไอรีนผ่านเข้ามาโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ใบหน้าของเขาเย็นชา สายตาคมกริบเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ที่อัดแน่นจนแทบระเบิดไอรีนพยายามขืนตัว ดึงแขนออกจากการเกาะกุม แต่เปล่าประโยชน์ แรงของเขามากเกินไป"คุณคิรัน! ปล่อยฉันเถอะ!" เธอเอ่ยเสียงแข็ง แต่เขาไม่สนใจแม้แต่น้อยพนักงานหลายคนมองตามด้วยความตกใจและหวาดหวั่น แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากหรือขยับตัวเข้าไปขวาง แม้แต่ธันวา เลขาส่วนตัวของคิรัน ที่มักจะเป็นคนกล้าพูดกับเจ้านายก็ยังได้แต่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ'สงสัยคงไปหึงหวงอะไรมาอีกแล้วแน่ ๆ' ธันวาคิดในใจ พลางส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่ายกับความขี้หึงของเจ้านายตัวเองพนักงานบางคนเริ่มกระซิบกันเบา ๆ"นี่มันเรื่องอะไรกัน…""คุณไอรีนไปทำอะไรให้บอสโกรธขนาดนี้?"ธันวาส่ายหน้าเบา ๆ "ไม่ต้องเดาหรอก หึงแน่ ๆ ฉันพนันได้เลย"คิรันกระชากประตูห้องทำงานออกอย่างแรง ก่อนจะผลักไอรีนเข้าไปข้างในและปิด
หลังจากเหตุการณ์ในห้องทำงานวันนั้น ไอรีนก็เริ่มกลับมาหลบหน้าคิรันอีกครั้ง เธอเลือกเส้นทางเดินที่หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า หลีกเลี่ยงการสบตา และพยายามรักษาระยะห่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เขากลับไม่ยอมให้เธอหลุดมือเช้าวันจันทร์ รถยนต์คันหรูจอดนิ่งอยู่หน้าคอนโดของเธออีกครั้ง คนขับไม่ใช่ใครอื่น—คิรัน เขายืนพิงรถด้วยท่าทีเย็นชาตามแบบฉบับของเขา ใบหน้าสงบนิ่งแต่แววตาทิ่มแทงเหมือนจับจ้องเธออยู่ตลอดเวลา"คุณมาทำอะไรที่นี่?" ไอรีนถามเสียงแข็งเมื่อเดินออกมาพบเขา"มารับ" เขาตอบเรียบ ๆ"ฉันไปเองได้ ไม่จำเป็นต้อง—""จำเป็น เพราะฉันสั่ง"เขาเปิดประตูรถฝั่งผู้โดยสารโดยไม่รอฟังคำเถียง แล้วพูดสั้น ๆ แต่เด็ดขาด"ขึ้นรถ"แม้จะขัดใจแค่ไหน แต่ไอรีนก็รู้ว่าเถียงไปไม่มีประโยชน์ เธอยอมขึ้นรถไปกับเขาโดยไม่พูดอะไรอีกแต่สิ่งที่ทำให้เธอเริ่มตื่นตระหนกจริง ๆ คือพฤติกรรมของเขาหลังจากนั้นก่อนที่เธอจะได้เอื้อมไปคาดเข็มขัด คิรันก็โน้มตัวเข้ามา มือข้างหนึ่งเอื้อมจับสายเข็มขัดแล้วดึงมาคาดให้เธออย่างแนบชิดกลิ่นน้ำหอมราคาแพงจ
หลังจากเหตุการณ์ในห้องทำงานวันนั้น ไอรีนก็เริ่มกลับมาหลบหน้าคิรันอีกครั้ง เธอเลือกเส้นทางเดินที่หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า หลีกเลี่ยงการสบตา และพยายามรักษาระยะห่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เขากลับไม่ยอมให้เธอหลุดมือเช้าวันจันทร์ รถยนต์คันหรูจอดนิ่งอยู่หน้าคอนโดของเธออีกครั้ง คนขับไม่ใช่ใครอื่น—คิรัน เขายืนพิงรถด้วยท่าทีเย็นชาตามแบบฉบับของเขา ใบหน้าสงบนิ่งแต่แววตาทิ่มแทงเหมือนจับจ้องเธออยู่ตลอดเวลา"คุณมาทำอะไรที่นี่?" ไอรีนถามเสียงแข็งเมื่อเดินออกมาพบเขา"มารับ" เขาตอบเรียบ ๆ"ฉันไปเองได้ ไม่จำเป็นต้อง—""จำเป็น เพราะฉันสั่ง"เขาเปิดประตูรถฝั่งผู้โดยสารโดยไม่รอฟังคำเถียง แล้วพูดสั้น ๆ แต่เด็ดขาด"ขึ้นรถ"แม้จะขัดใจแค่ไหน แต่ไอรีนก็รู้ว่าเถียงไปไม่มีประโยชน์ เธอยอมขึ้นรถไปกับเขาโดยไม่พูดอะไรอีกแต่สิ่งที่ทำให้เธอเริ่มตื่นตระหนกจริง ๆ คือพฤติกรรมของเขาหลังจากนั้นก่อนที่เธอจะได้เอื้อมไปคาดเข็มขัด คิรันก็โน้มตัวเข้ามา มือข้างหนึ่งเอื้อมจับสายเข็มขัดแล้วดึงมาคาดให้เธออย่างแนบชิดกลิ่นน้ำหอมราคาแพงจ
เสียงฝีเท้าหนักแน่นกระแทกพื้นดังก้องไปทั่วโถงทางเดินของบริษัท ทุกสายตาของพนักงานที่กำลังทำงานอยู่ต่างหยุดนิ่ง เมื่อเห็นร่างสูงของคิรันลากไอรีนผ่านเข้ามาโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ใบหน้าของเขาเย็นชา สายตาคมกริบเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ที่อัดแน่นจนแทบระเบิดไอรีนพยายามขืนตัว ดึงแขนออกจากการเกาะกุม แต่เปล่าประโยชน์ แรงของเขามากเกินไป"คุณคิรัน! ปล่อยฉันเถอะ!" เธอเอ่ยเสียงแข็ง แต่เขาไม่สนใจแม้แต่น้อยพนักงานหลายคนมองตามด้วยความตกใจและหวาดหวั่น แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากหรือขยับตัวเข้าไปขวาง แม้แต่ธันวา เลขาส่วนตัวของคิรัน ที่มักจะเป็นคนกล้าพูดกับเจ้านายก็ยังได้แต่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ'สงสัยคงไปหึงหวงอะไรมาอีกแล้วแน่ ๆ' ธันวาคิดในใจ พลางส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่ายกับความขี้หึงของเจ้านายตัวเองพนักงานบางคนเริ่มกระซิบกันเบา ๆ"นี่มันเรื่องอะไรกัน…""คุณไอรีนไปทำอะไรให้บอสโกรธขนาดนี้?"ธันวาส่ายหน้าเบา ๆ "ไม่ต้องเดาหรอก หึงแน่ ๆ ฉันพนันได้เลย"คิรันกระชากประตูห้องทำงานออกอย่างแรง ก่อนจะผลักไอรีนเข้าไปข้างในและปิด
แสงแดดยามบ่ายส่องกระทบโครงสร้างเหล็กของไซต์ก่อสร้าง เสียงเครื่องจักรดังประสานไปกับเสียงพูดคุยของเหล่าวิศวกรและคนงาน คิรันก้าวลงจากรถอย่างสง่างาม ดวงตาคมเข้มกวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนจะหันไปทางไอรีนที่เดินตามลงมา"อย่าหลงทาง" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเตือนสั้น ๆไอรีนกลอกตาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ตอบอะไร เธอรู้ดีว่าเขาหมายความตามนั้นจริง ๆ และแน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมให้เธอหายไปจากสายตาแม้แต่นิดเดียวเมื่อเข้ามาภายในห้องประชุม การประชุมไซต์งานเป็นไปอย่างราบรื่น คิรันยังคงเป็นคิรัน—นิ่ง เฉียบขาด และทรงอำนาจ ทุกคำพูดของเขาทำให้ผู้บริหารบริษัทก่อสร้างต้องให้ความเคารพ ไอรีนนั่งฟังเงียบ ๆ และจดบันทึกรายละเอียดตามหน้าที่ แม้จะไม่ได้มีส่วนร่วมมากนัก แต่เธอรับรู้ได้ว่าผู้บริหารที่นี่ให้ความเกรงใจคิรันอย่างเห็นได้ชัด บางคนถึงกับนั่งตัวตรงขึ้นเมื่อเขาพูดเมื่อประชุมจบลง ไอรีนขอตัวออกจากห้องเพื่อไปเข้าห้องน้ำ เธอยืดตัวขึ้นและสูดหายใจลึก พลางคิดว่ามื้อค่ำสุดหรูเมื่อคืนทำให้เธอยังรู้สึกประหลาดใจไม่หาย คิรันดูอ่อนโยนขึ้น แม้จะยังคงเย็นชา แต่การกระทำของเขาทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวอย่างไม่อาจห้าม
แสงไฟนีออนจากเมืองใหญ่ทอดยาวออกไปสุดสายตา ตึกสูงระฟ้าเป็นเงาสะท้อนบนกระจกใสบานใหญ่ของห้องอาหารชั้นดาดฟ้า โรงแรมหรูระดับห้าดาวใจกลางเมืองเป็นสถานที่ที่คิรันเลือกสำหรับมื้อค่ำคืนนี้ไอรีนยืนอยู่หน้าประตูห้องอาหาร หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะอย่างไม่อาจควบคุมได้ สาเหตุไม่ใช่เพราะสถานที่หรูหรารอบตัว แต่เป็นเพราะบุคคลที่ยืนอยู่ข้างเธอ… คิรันเขาอยู่ในชุดสูทสีดำเข้ารูป ทรงผมเรียบเนี้ยบ ดวงตาคมกริบภายใต้แสงไฟสลัวดูทรงอำนาจและเย็นชาเหมือนเคย แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือพฤติกรรมของเขานับตั้งแต่คืนวันนั้น—คืนที่เขาใช้กำปั้นตัดขาดธุรกิจเพียงเพราะเธอ—เขาก็เริ่มเปลี่ยนไป คิรันไม่ใช่ผู้ชายที่ใครจะเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ๆ แล้วทำไม… ทำไมเธอถึงรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นข้อยกเว้นเดียวของเขา?ไม่ใช่ว่าเขาอ่อนโยนเหมือนผู้ชายแสนดีทั่วไป คิรันยังคงเป็นคิรัน—เย็นชา เจ้าระเบียบ และเอาแต่ใจ แต่คำพูดของเขาเริ่มอ่อนลงเล็กน้อย การกระทำหลายอย่างดูเหมือนจะใส่ใจมากขึ้น และนั่น… ทำให้เธอสับสน“มองอะไร” น้ำเสียงเข้มต่ำกระซิบถามข้างหู เธอสะดุ้
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ทุกอย่างรอบตัวไอรีนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงคิรันไม่ได้เอ่ยอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องทำงาน แต่วันถัดมา เขากลับออกคำสั่งให้เธอย้ายมานั่งทำงานในห้องของเขาอย่างถาวร โดยให้เหตุผลกับพนักงานคนอื่นว่าเป็นมาตรการรักษาความลับของโปรเจ็กต์สำคัญที่เธอต้องรับผิดชอบ“ผมเข้าใจครับบอส โปรเจ็กต์ใหญ่ ข้อมูลสำคัญ” ธันวาพูดเสียงเรียบ ก่อนจะพึมพำเบา ๆ จนแทบไม่ได้ยิน“แต่ผมว่าคุณแค่หวง…”ไอรีนรู้สึกอึดอัดกับการเปลี่ยนแปลงนี้สุด ๆ นี่มันไม่ต่างอะไรกับการถูกจับขังอยู่ใต้สายตาของคิรันเลยสักนิด! เธอไม่สามารถพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานได้อย่างอิสระ ไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนโดยไม่มีสายตาคมกริบของเขาจับจ้อง และแน่นอน—ไม่สามารถใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนได้โดยไม่รู้สึกถึงแรงกดดันแปลก ๆแต่ต่อให้เธอจะพยายามบ่นหรืออ้อนวอนขนาดไหน คิรันก็ยังคงนิ่งเฉยและยืนยันคำสั่งของเขาค่ำวันหนึ่ง คิรันพาไอรีนไปทานอาหารเย็นกับลูกค้ารายสำคัญที่ห้องอาหารส่วนตัวแห่งหนึ่ง ร้านอาหารตกแต่งอย่างหรูหรา แสงไฟสลัวสร้างบรรยากาศผ่อน
เช้าวันแรกหลังจากที่คิรันกลับมาจากต่างประเทศ เขามาถึงบริษัทแต่เช้าตรู่ ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางแทบไม่อยู่ในสายตา เพราะสิ่งเดียวที่เขาสนใจคือ ‘เธอ’แต่ภาพตรงหน้าทำให้กรามของเขากระตุกแน่นไอรีนยืนคุยอยู่กับเพื่อนร่วมงานชายสองสามคน ท่าทางผ่อนคลาย รอยยิ้มของเธอดูสดใสในแบบที่เขาไม่เคยเห็นเวลาคุยกับเขา เธอหัวเราะเบา ๆ กับคำพูดของใครสักคน ร่างบางดูเป็นธรรมชาติ และแน่นอนว่าเป็นศูนย์กลางของบทสนทนามือของคิรันที่กำแฟ้มเอกสารแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ความไม่พอใจพุ่งขึ้นมาอย่างฉับพลัน ดวงตาคมกริบจับจ้องไปที่เธอและผู้ชายพวกนั้น มันควรจะเป็นเขาที่ได้รับรอยยิ้มแบบนั้น ไม่ใช่คนอื่นธันวาที่เดินมาพอดีสังเกตเห็นบรรยากาศรอบตัวเจ้านายของเขาเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน คิรันแทบไม่ได้ละสายตาจากไอรีนเลย แต่สิ่งที่ทำให้เลขาหนุ่มสะดุ้งคือไอเย็นยะเยือกในดวงตาของเขา“บอส…?” ธันวาเอ่ยเสียงเบาอย่างระมัดระวัง“พวกนั้นเป็นใคร” เสียงต่ำเย็นเฉียบดังขึ้น“อ่า… พนักงานแผนกออกแบบครับ พวกเขาเป็นรุ่นพี่ หรือไม่ก็เรียนสาขาเดียว
ภายในห้องประชุมใหญ่ของบริษัท ทีมบริหารระดับสูงกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมสำคัญ ไอรีนเดินเข้ามาพร้อมกับแฟ้มเอกสารและตัวอย่างสินค้าหลายชิ้นในมือ เธอกัดฟันแน่น ขณะที่พยายามแบกรับน้ำหนักทั้งหมดไว้คนเดียว ไม่ต้องให้ใครช่วย — เธอทำได้แต่ยังไม่ทันจะถึงโต๊ะดี เท้าเล็กพลันสะดุดกับขอบพรมที่ไม่เรียบ สมดุลในร่างเธอเริ่มเสียไป หัวใจเธอหล่นวูบ แต่ยังไม่ทันจะล้มลง ร่างสูงของคิรันก็ก้าวเข้ามาทันเวลา มือหนาคว้าเอวของเธอไว้มั่นก่อนที่ร่างเธอจะกระแทกพื้นไอรีนเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มสบกับดวงตาคมกริบของเขา เธอรู้สึกถึงแรงกดเบา ๆ จากมือของเขาบนหน้าท้องของเธอ ร้อนจนเธอเผลอกลืนน้ำลายลงคอคิรันขมวดคิ้วเล็กน้อย กรามของเขากระตุกคล้ายกับกำลังหงุดหงิดอะไรบางอย่าง ก่อนที่เขาจะรีบปล่อยมือออกอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าไม่อยากแตะต้องเธอเกินความจำเป็น"เดินให้มันดี ๆ" คิรันเอ่ยเสียงต่ำไอรีนเม้มปาก เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรจะขอบคุณหรือไม่ แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร ธันวาเข้ามารับเอกสารจากมือเธอไป"คุณไอรีน ให้ผมช่วยเถอะครับ คุณถือเยอะเกินไปแล้ว"เธอขมวดคิ้ว ก่อ
เสียงดนตรีจากงานเลี้ยงยังคงก้องอยู่ในหัวของไอรีน แม้ว่าจะผ่านมาหลายวันแล้ว แต่ภาพคืนนั้นยังคงชัดเจนโดยเฉพาะ… คำพูดของเขา "เธอเป็นของฉัน"และรอยจูบที่จู่โจมอย่างเร่าร้อน…เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคิรันถึงทำแบบนั้น เขาไม่เคยแสดงออกถึงความสนใจในตัวเธอมาก่อนเลยสักครั้ง มีแต่ความเย็นชาและคำพูดเฉียบคมที่กดดันเธอตลอดเวลา แต่คืนนั้นเขากลับทำราวกับว่าเธอเป็นของเขาจริง ๆ คำพูดที่หนักแน่นและสายตาที่ไม่ยอมให้เธอปฏิเสธได้ยังคงตามหลอกหลอนเธอมันทำให้เธอรู้สึกสับสน… และหวั่นไหวเพราะแบบนั้น ไอรีนจึงตัดสินใจว่าเธอจะต้องตีตัวออกห่างจากเขาตั้งแต่เช้าวันแรกที่กลับมาทำงานหลังงานเลี้ยง ไอรีนก็เริ่มต้นแผนการหลีกเลี่ยงคิรัน เธอพยายามไม่เข้าไปในห้องทำงานของเขาโดยไม่จำเป็น และหากเขาเรียกพบ เธอจะพาธันวาเข้าไปด้วยเสมอเพื่อไม่ให้ต้องอยู่กับเขาตามลำพัง“พี่ธันวาคะ วันนี้ช่วยเข้าไปกับฉันหน่อยได้ไหมคะ?” ไอรีนถามพลางยิ้มหวานธันวาขมวดคิ้วก่อนจะพยักหน้า “ได้สิ แต่ทำไม—”“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่คิดว่าเราควรทำงา
บรรยากาศในงานเลี้ยงยังคงดำเนินไปอย่างคึกคัก แขกผู้มีเกียรติต่างพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างออกรส ไอรีนพยายามรักษาท่าทีและอยู่ใกล้คิรันให้มากขึ้น หลังจากที่ถูกเตือนเมื่อครู่ แต่ก็ยังอดรู้สึกอึดอัดกับท่าทีที่เขาแสดงออกมาไม่ได้เธอเดินหลบมุมออกมาจากกลุ่มลูกค้าคนสำคัญของบริษัท และบังเอิญได้พบกับกลุ่มนักธุรกิจที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรส พวกเขาเป็นกลุ่มสถาปนิกที่มีชื่อเสียง ซึ่งบังเอิญเป็นสายงานที่ไอรีนหลงใหลมาตลอด เธอเรียนสถาปัตย์ปีสุดท้ายแล้ว และมีความฝันที่จะเป็นสถาปนิกในอนาคต“คุณสนใจด้านการออกแบบสถาปัตย์เหรอ?” หนึ่งในนักธุรกิจเอ่ยถามหลังจากที่เธอเริ่มสนทนาเกี่ยวกับโครงสร้างอาคารเชิงนิเวศอย่างลืมตัว“ใช่ค่ะ ฉันกำลังศึกษาอยู่ปีสุดท้าย และหวังว่าจะได้ทำงานในสายนี้จริง ๆ” ไอรีนตอบด้วยดวงตาเป็นประกาย เสียงของเธอเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นและตื่นเต้นกลุ่มนักธุรกิจหัวเราะอย่างเป็นมิตร “น่าสนใจมาก! เรากำลังมองหาคนรุ่นใหม่ไฟแรงแบบคุณอยู่พอดี”เธอไม่รู้ตัวเลยว่าคำพูดของเธอและความสนใจของเธอไปกระทบสายตาของใครบางคนที่กำลั