เสียงดนตรีจากงานเลี้ยงยังคงก้องอยู่ในหัวของไอรีน แม้ว่าจะผ่านมาหลายวันแล้ว แต่ภาพคืนนั้นยังคงชัดเจนโดยเฉพาะ… คำพูดของเขา "เธอเป็นของฉัน"
และรอยจูบที่จู่โจมอย่างเร่าร้อน…
เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคิรันถึงทำแบบนั้น เขาไม่เคยแสดงออกถึงความสนใจในตัวเธอมาก่อนเลยสักครั้ง มีแต่ความเย็นชาและคำพูดเฉียบคมที่กดดันเธอตลอดเวลา แต่คืนนั้นเขากลับทำราวกับว่าเธอเป็นของเขาจริง ๆ คำพูดที่หนักแน่นและสายตาที่ไม่ยอมให้เธอปฏิเสธได้ยังคงตามหลอกหลอนเธอ
มันทำให้เธอรู้สึกสับสน… และหวั่นไหว
เพราะแบบนั้น ไอรีนจึงตัดสินใจว่าเธอจะต้องตีตัวออกห่างจากเขา
ตั้งแต่เช้าวันแรกที่กลับมาทำงานหลังงานเลี้ยง ไอรีนก็เริ่มต้นแผนการหลีกเลี่ยงคิรัน เธอพยายามไม่เข้าไปในห้องทำงานของเขาโดยไม่จำเป็น และหากเขาเรียกพบ เธอจะพาธันวาเข้าไปด้วยเสมอเพื่อไม่ให้ต้องอยู่กับเขาตามลำพัง
“พี่ธันวาคะ วันนี้ช่วยเข้าไปกับฉันหน่อยได้ไหมคะ?” ไอรีนถามพลางยิ้มหวาน
ธันวาขมวดคิ้วก่อนจะพยักหน้า “ได้สิ แต่ทำไม—”
“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่คิดว่าเราควรทำงานเป็นทีม” เธอรีบพูดก่อนที่ธันวาจะสงสัยไปมากกว่านี้
เมื่อเข้าไปในห้อง คิรันนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานของเขา สายตาคมกริบตวัดขึ้นมองเธอทันที ดวงตาสีน้ำตาลเข้มนั้นเย็นชาแต่แฝงไปด้วยความกดดันเหมือนทุกครั้ง
ทว่า วันนี้มีบางอย่างแตกต่างออกไป
เขาดูหงุดหงิด
“ไอรีน” เสียงของเขาต่ำและเรียบนิ่ง แต่กลับทำให้เธอรู้สึกถึงแรงกดดันมากขึ้น
“ฉันเรียกเธอ ไม่ได้เรียกเขา” เขาเหลือบตามองธันวาอย่างไม่พอใจ
ไอรีนยืดหลังตรง พยายามทำให้ตัวเองดูปกติที่สุด
“พี่ธันวาจะช่วยฉันสรุปรายงานค่ะ ฉันคิดว่ามันจะเร็วขึ้นถ้าเราเข้าไปด้วยกัน”
“ฉันไม่ต้องการให้ใครเข้ามายกเว้นเธอ” คิรันพูดเสียงเรียบแต่น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความเย็นยะเยือกที่ทำให้บรรยากาศในห้องหนาวเยือกขึ้นทันที “ออกไป”
ธันวารีบหันไปมองไอรีนเหมือนจะถามว่าเขาควรทำอย่างไร เธอได้แต่พยายามกลืนความกลัวลงไป ก่อนจะพยักหน้าให้ธันวาออกไปจากห้อง
แผนการแรกของเธอ… ล้มเหลว
ไอรีนยังคงพยายามหลีกเลี่ยงเขาในทุกโอกาสที่เป็นไปได้
หากมีงานที่ต้องส่ง เธอจะให้ธันวาเป็นคนไปแทน หากมีประชุม เธอจะเลือกที่นั่งให้ห่างจากเขามากที่สุด และ
หากเธอหลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ เธอจะพยายามทำตัวให้เป็นมืออาชีพที่สุด ไม่สบตาเขาเกินความจำเป็น ไม่พูดคุยมากเกินไป
แต่ทุกครั้งที่เธอพยายามทำแบบนั้น… คิรันก็ยิ่งหงุดหงิด
“ไอรีน”
เสียงของเขาทำให้เธอสะดุ้ง เธอกำลังเดินผ่านทางเดินที่เงียบสงบเพียงลำพัง แต่เขากลับยืนขวางหน้าเธอ ดวงตาคมกริบจ้องเธออย่างไม่ลดละ
“คุณคิรัน” เธอพยายามรักษาน้ำเสียงให้เป็นปกติ
เขาก้าวเข้ามาใกล้จนเธอสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากร่างกายของเขา
กลิ่นน้ำหอมของเขาอบอวลอยู่ในอากาศ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกกักขัง
ไอรีนถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แต่ก็ต้องชะงักเมื่อแผ่นหลังชนเข้ากับผนัง
“เธอหลีกเลี่ยงฉัน” คำพูดนั้นไม่ใช่คำถาม แต่มันเป็นคำประกาศ
“ฉันเปล่าค่ะ” เธอปฏิเสธทันที แต่เขากลับก้าวเข้ามาใกล้ ร่างสูงของเขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกกักขัง
“โกหก” เขากระซิบ “ตั้งแต่คืนนั้น เธอไม่ยอมอยู่กับฉันตามลำพังเลย”
หัวใจของไอรีนเต้นแรงจนเธอคิดว่าเขาน่าจะได้ยินมันด้วยซ้ำ เธอถอยหลังเล็กน้อย แต่คิรันไม่ยอมปล่อยให้เธอหนีง่าย ๆ มือหนาของเขายกขึ้นมากั้นทางออกของเธอ ราวกับไม่ยอมให้เธอหลุดไปไหน
“ทำไม?” คำถามของเขาเต็มไปด้วยแรงกดดัน “เธอกลัวอะไร?”
ไอรีนเม้มปากแน่น พยายามรวบรวมสติ
“ฉันแค่… ฉันแค่คิดว่าการรักษาระยะห่างมันจะดีกว่าค่ะ”
คิรันจ้องมองเธอนิ่ง ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะกระตุกเป็นรอยยิ้มเย็นชา
“ดีกว่าสำหรับใคร? สำหรับฉัน? หรือสำหรับเธอ?”
เธอเงียบ… ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร
“ไอรีน” เสียงของเขาต่ำลง “เธอคิดว่าแค่หนีฉัน แล้วทุกอย่างจะจบงั้นเหรอ?”
เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา สายตาของเขาเต็มไปด้วยความแน่วแน่ ดุดัน และเป็นประกายบางอย่างที่เธอไม่สามารถอ่านออก
“ฉันพูดไปแล้วในคืนนั้น” เขากระซิบข้างหูเธอ ก่อนจะโน้มตัวเข้ามาใกล้จนเธอแทบลืมหายใจ “เธอเป็นของฉัน”
ลมหายใจของเธอสะดุด หัวใจเต้นระรัว
“และฉันไม่เคยพูดอะไรเล่น ๆ” เขาพูดชัดถ้อยชัดคำ “หนีไปเถอะไอรีน ถ้าเธอคิดว่าเธอจะหนีฉันพ้น”
หลังจากที่ไอรีนพยายามหลบเลี่ยงคิรันมาหลายวัน เธอคิดว่าทุกอย่างกำลังจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ แต่แล้วเขาก็ทำลายความหวังของเธอด้วยคำสั่งที่ปฏิเสธไม่ได้
“คืนนี้ไปงานเลี้ยงกับฉัน” คิรันพูดเสียงเรียบขณะยืนอยู่ตรงหน้าห้องทำงานของเธอ
ไอรีนเงยหน้าขึ้นจากเอกสารที่กำลังตรวจสอบ ดวงตาของเธอฉายแววไม่พอใจอย่างชัดเจน “แต่ฉัน—”
“ฉันไม่ได้ขอความเห็น” เขาตัดบท ก่อนจะวางบัตรเชิญลงบนโต๊ะของเธอ “เจอกันที่งาน ห้ามสาย”
เธอเม้มปากแน่น รู้ดีว่าเถียงไปก็ไม่มีประโยชน์ นี่เป็นการบังคับชัด ๆ และเธอไม่สามารถหาทางหนีได้เลย
งานเลี้ยงคืนนี้จัดขึ้นในโรงแรมหรูใจกลางเมือง แขกเหรื่อเต็มไปด้วยนักธุรกิจระดับสูงและนักลงทุนจากหลายประเทศ ไอรีนสวมชุดเดรสยาวสีกรมเข้ารูป ดูสง่างามแต่ไม่โอ้อวดเกินไป เธอพยายามรักษาท่าทีสงบ แม้ว่าจะรู้สึกอึดอัดที่ต้องมาอยู่ใกล้คิรันอีกครั้ง
คิรันในชุดสูทสีดำดูสมบูรณ์แบบเช่นเคย ท่าทีของเขานิ่งสงบ พูดน้อย แต่ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยอำนาจ เขาคอยแนะนำเธอให้รู้จักกับลูกค้ารายใหญ่ของบริษัท ซึ่งเธอพยายามวางตัวให้เป็นมืออาชีพที่สุด แม้จะรู้สึกได้ว่าสายตาของเขาจับจ้องเธออยู่เกือบตลอดเวลา
ในขณะที่เธอพยายามรักษาระยะห่าง ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เข้ามาทักเธอ เขาเป็นนักลงทุนชาวต่างชาติ รูปร่างสูงโปร่ง ดวงตาสีฟ้าเป็นประกาย พร้อมรอยยิ้มอบอุ่นที่ทำให้บรรยากาศรอบตัวดูผ่อนคลาย
“คุณไอรีนใช่ไหมครับ? ผมเคยได้ยินชื่อคุณจากพนักงานที่นี่ ดูเหมือนคุณจะเป็นคนเก่งมาก” เขาเอ่ยชมอย่างเป็นมิตร
ไอรีนยิ้มบาง ๆ “คุณพูดเกินไปแล้วค่ะ ฉันยังมีอะไรต้องเรียนรู้อีกมาก”
“ถ้าอย่างนั้น ให้ผมแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการ ผมอีธาน เป็นนักลงทุนจากนิวยอร์ก ยินดีที่ได้รู้จักครับ” เขาพูดพลางยื่นมือมาให้เธอจับ
เธอยื่นมือไปแตะเบา ๆ อย่างสุภาพ
อีธานยิ้มบาง ๆ ก่อนจะยกแก้วไวน์ขึ้น “ดื่มกับผมสักแก้วไหมครับ?”
“ฉันไม่ค่อยดื่มเท่าไหร่ค่ะ” ไอรีนตอบสุภาพ
“งั้นก็ยิ่งดีเลย ผมจะได้แนะนำไวน์ที่ดีที่สุดให้คุณ” เขาพูดอย่างร่าเริง พร้อมกับยื่นแก้วมาให้เธอ
ไอรีนหัวเราะเบา ๆ “ดูเหมือนคุณจะมีประสบการณ์เรื่องนี้เยอะเลยนะคะ”
อีธานยักไหล่ “ผมแค่รู้ว่าผู้หญิงที่มีเสน่ห์แบบคุณควรได้รับไวน์ที่ดีที่สุด”
คิรันเมื่อเห็นฉากนี้ ร่างสูงก้าวเข้ามายืนข้างไอรีน ดวงตาคมกริบของเขาสบเข้ากับอีธานอย่างเย็นชา
“ฉันไม่รู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงกฎในบริษัทตั้งแต่เมื่อไหร่” กรามของเขากระตุกเล็กน้อย ขณะที่ดวงตาเย็นชาของเขาคุกรุ่นไปด้วยบางสิ่งที่เธออ่านไม่ออก
มือของเขากำแน่นข้างตัว ราวกับกำลังสะกดกลั้นอะไรบางอย่าง
เสียงของเขายังคงเรียบนิ่ง แต่ทุกคำพูดแฝงไปด้วยแรงกดดันที่ทำให้บรรยากาศรอบตัวเย็นยะเยือกแต่แฝงไปด้วยแรงกดดัน
“ผู้ช่วยส่วนตัวของฉัน ไม่จำเป็นต้องสนิทสนมกับใครเป็นพิเศษ”
อีธานเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะยิ้มบาง ๆ อย่างไม่ใส่ใจ
“ผมแค่พูดคุยกันตามปกติ ไม่คิดว่ามันจะเป็นปัญหานะครับ”
“ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอ ฉันเป็นคนตัดสินใจ” คิรันกล่าวเสียงเย็น ก่อนจะหันมามองไอรีน สายตาของเขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกกักขังโดยที่เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ
เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก่อนที่เธอจะทันได้เอ่ยปาก คิรันก็คว้าข้อมือเธอและดึงเธอออกจากงานเลี้ยง ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่จับจ้อง
ภายในรถ โรลส์-รอยซ์สีดำเงาวาวแล่นไปบนท้องถนนด้วยความเร็วที่มากกว่าปกติ บรรยากาศภายในเงียบสงัด แต่เต็มไปด้วยความตึงเครียด ไอรีนพยายามสะบัดมือออกจากการจับกุมของเขา
“นี่คุณเป็นบ้าไปแล้วเหรอคุณคิรัน!?” เธอระเบิดเสียงออกมา “คุณไม่มีสิทธิ์มาลากฉันออกมาแบบนี้!”
คิรันเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงกดต่ำ “ฉันมีสิทธิ์ทุกอย่าง”
“สิทธิ์บ้าอะไร!? เพราะสัญญาบ้า ๆ นั่นงั้นเหรอ?”
เขากระชากพวงมาลัยเลี้ยวเข้าจอดข้างทาง ก่อนจะโน้มตัวเข้ามาใกล้เธอ ดวงตาของเขามืดครึ้มและเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ควบคุมไม่อยู่
“เธอเป็นของฉัน ไอรีน” เขาพูดช้า ๆ เน้นทุกถ้อยคำ “จำคำพูดฉันไว้ดี ๆ”
ไอรีนกัดริมฝีปากแน่น เสียงของเขาก้องอยู่ในหัวของเธออีกครั้ง
"ทำไมเขาถึงพูดแบบนี้อีก? เขาคิดว่าเธอเป็นอะไร… ตุ๊กตาหรือ?"
เธออยากเถียงกลับ อยากตอกใส่หน้าเขาว่าเธอมีสิทธิ์ในชีวิตของตัวเอง แต่ร่างสูงตรงหน้านั้นเหมือนกับกำแพงที่เธอไม่สามารถผลักออกไปได้
หัวใจของเธอเต้นแรง เธอจ้องเขาด้วยความโกรธปนหวาดหวั่น แต่ไม่ยอมหลบสายตา
“ฉันไม่ใช่ของคุณ” เธอกัดฟันพูด “ฉันเป็นคน ไม่ใช่สิ่งของที่คุณจะมาครอบครอง”
คิรันจ้องเธออย่างพิจารณา ก่อนจะคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย—รอยยิ้มที่ไม่ได้มีความอ่อนโยนแม้แต่น้อย
“งั้นก็เตรียมตัวให้ดี เพราะฉันจะทำให้เธอเป็นของฉัน...อย่างสมบูรณ์แบบ”
เธอกลั้นหายใจ ความหมายของคำพูดเขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกไล่ต้อนจนจนมุม
คิรันถอนสายตาออกจากเธอ ก่อนจะออกรถอีกครั้งและขับไปส่งเธอถึงที่พักโดยไม่พูดอะไรอีก
เมื่อถึงที่หมาย ไอรีนเปิดประตูรถอย่างรวดเร็วและก้าวลงมา แต่ก่อนที่เธอจะปิดประตู เสียงของคิรันก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“อย่าคิดจะหนีจากฉัน” เขาพูดโดยไม่มองเธอ “เพราะฉันไม่มีวันยอม”
เธอเม้มปากแน่น หัวใจเต้นแรงอย่างห้ามไม่ได้ ก่อนจะรีบปิดประตูและเดินเข้าไปในที่พักของตัวเอง โดยที่รู้ดีว่าคืนนี้...เธอคงนอนไม่หลับแน่
ภายในห้องประชุมใหญ่ของบริษัท ทีมบริหารระดับสูงกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมสำคัญ ไอรีนเดินเข้ามาพร้อมกับแฟ้มเอกสารและตัวอย่างสินค้าหลายชิ้นในมือ เธอกัดฟันแน่น ขณะที่พยายามแบกรับน้ำหนักทั้งหมดไว้คนเดียว ไม่ต้องให้ใครช่วย — เธอทำได้แต่ยังไม่ทันจะถึงโต๊ะดี เท้าเล็กพลันสะดุดกับขอบพรมที่ไม่เรียบ สมดุลในร่างเธอเริ่มเสียไป หัวใจเธอหล่นวูบ แต่ยังไม่ทันจะล้มลง ร่างสูงของคิรันก็ก้าวเข้ามาทันเวลา มือหนาคว้าเอวของเธอไว้มั่นก่อนที่ร่างเธอจะกระแทกพื้นไอรีนเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มสบกับดวงตาคมกริบของเขา เธอรู้สึกถึงแรงกดเบา ๆ จากมือของเขาบนหน้าท้องของเธอ ร้อนจนเธอเผลอกลืนน้ำลายลงคอคิรันขมวดคิ้วเล็กน้อย กรามของเขากระตุกคล้ายกับกำลังหงุดหงิดอะไรบางอย่าง ก่อนที่เขาจะรีบปล่อยมือออกอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าไม่อยากแตะต้องเธอเกินความจำเป็น"เดินให้มันดี ๆ" คิรันเอ่ยเสียงต่ำไอรีนเม้มปาก เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรจะขอบคุณหรือไม่ แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร ธันวาเข้ามารับเอกสารจากมือเธอไป"คุณไอรีน ให้ผมช่วยเถอะครับ คุณถือเยอะเกินไปแล้ว"เธอขมวดคิ้ว ก่อ
เช้าวันแรกหลังจากที่คิรันกลับมาจากต่างประเทศ เขามาถึงบริษัทแต่เช้าตรู่ ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางแทบไม่อยู่ในสายตา เพราะสิ่งเดียวที่เขาสนใจคือ ‘เธอ’แต่ภาพตรงหน้าทำให้กรามของเขากระตุกแน่นไอรีนยืนคุยอยู่กับเพื่อนร่วมงานชายสองสามคน ท่าทางผ่อนคลาย รอยยิ้มของเธอดูสดใสในแบบที่เขาไม่เคยเห็นเวลาคุยกับเขา เธอหัวเราะเบา ๆ กับคำพูดของใครสักคน ร่างบางดูเป็นธรรมชาติ และแน่นอนว่าเป็นศูนย์กลางของบทสนทนามือของคิรันที่กำแฟ้มเอกสารแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ความไม่พอใจพุ่งขึ้นมาอย่างฉับพลัน ดวงตาคมกริบจับจ้องไปที่เธอและผู้ชายพวกนั้น มันควรจะเป็นเขาที่ได้รับรอยยิ้มแบบนั้น ไม่ใช่คนอื่นธันวาที่เดินมาพอดีสังเกตเห็นบรรยากาศรอบตัวเจ้านายของเขาเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน คิรันแทบไม่ได้ละสายตาจากไอรีนเลย แต่สิ่งที่ทำให้เลขาหนุ่มสะดุ้งคือไอเย็นยะเยือกในดวงตาของเขา“บอส…?” ธันวาเอ่ยเสียงเบาอย่างระมัดระวัง“พวกนั้นเป็นใคร” เสียงต่ำเย็นเฉียบดังขึ้น“อ่า… พนักงานแผนกออกแบบครับ พวกเขาเป็นรุ่นพี่ หรือไม่ก็เรียนสาขาเดียว
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ทุกอย่างรอบตัวไอรีนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงคิรันไม่ได้เอ่ยอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องทำงาน แต่วันถัดมา เขากลับออกคำสั่งให้เธอย้ายมานั่งทำงานในห้องของเขาอย่างถาวร โดยให้เหตุผลกับพนักงานคนอื่นว่าเป็นมาตรการรักษาความลับของโปรเจ็กต์สำคัญที่เธอต้องรับผิดชอบ“ผมเข้าใจครับบอส โปรเจ็กต์ใหญ่ ข้อมูลสำคัญ” ธันวาพูดเสียงเรียบ ก่อนจะพึมพำเบา ๆ จนแทบไม่ได้ยิน“แต่ผมว่าคุณแค่หวง…”ไอรีนรู้สึกอึดอัดกับการเปลี่ยนแปลงนี้สุด ๆ นี่มันไม่ต่างอะไรกับการถูกจับขังอยู่ใต้สายตาของคิรันเลยสักนิด! เธอไม่สามารถพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานได้อย่างอิสระ ไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนโดยไม่มีสายตาคมกริบของเขาจับจ้อง และแน่นอน—ไม่สามารถใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนได้โดยไม่รู้สึกถึงแรงกดดันแปลก ๆแต่ต่อให้เธอจะพยายามบ่นหรืออ้อนวอนขนาดไหน คิรันก็ยังคงนิ่งเฉยและยืนยันคำสั่งของเขาค่ำวันหนึ่ง คิรันพาไอรีนไปทานอาหารเย็นกับลูกค้ารายสำคัญที่ห้องอาหารส่วนตัวแห่งหนึ่ง ร้านอาหารตกแต่งอย่างหรูหรา แสงไฟสลัวสร้างบรรยากาศผ่อน
แสงไฟนีออนจากเมืองใหญ่ทอดยาวออกไปสุดสายตา ตึกสูงระฟ้าเป็นเงาสะท้อนบนกระจกใสบานใหญ่ของห้องอาหารชั้นดาดฟ้า โรงแรมหรูระดับห้าดาวใจกลางเมืองเป็นสถานที่ที่คิรันเลือกสำหรับมื้อค่ำคืนนี้ไอรีนยืนอยู่หน้าประตูห้องอาหาร หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะอย่างไม่อาจควบคุมได้ สาเหตุไม่ใช่เพราะสถานที่หรูหรารอบตัว แต่เป็นเพราะบุคคลที่ยืนอยู่ข้างเธอ… คิรันเขาอยู่ในชุดสูทสีดำเข้ารูป ทรงผมเรียบเนี้ยบ ดวงตาคมกริบภายใต้แสงไฟสลัวดูทรงอำนาจและเย็นชาเหมือนเคย แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือพฤติกรรมของเขานับตั้งแต่คืนวันนั้น—คืนที่เขาใช้กำปั้นตัดขาดธุรกิจเพียงเพราะเธอ—เขาก็เริ่มเปลี่ยนไป คิรันไม่ใช่ผู้ชายที่ใครจะเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ๆ แล้วทำไม… ทำไมเธอถึงรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นข้อยกเว้นเดียวของเขา?ไม่ใช่ว่าเขาอ่อนโยนเหมือนผู้ชายแสนดีทั่วไป คิรันยังคงเป็นคิรัน—เย็นชา เจ้าระเบียบ และเอาแต่ใจ แต่คำพูดของเขาเริ่มอ่อนลงเล็กน้อย การกระทำหลายอย่างดูเหมือนจะใส่ใจมากขึ้น และนั่น… ทำให้เธอสับสน“มองอะไร” น้ำเสียงเข้มต่ำกระซิบถามข้างหู เธอสะดุ้
แสงแดดยามบ่ายส่องกระทบโครงสร้างเหล็กของไซต์ก่อสร้าง เสียงเครื่องจักรดังประสานไปกับเสียงพูดคุยของเหล่าวิศวกรและคนงาน คิรันก้าวลงจากรถอย่างสง่างาม ดวงตาคมเข้มกวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนจะหันไปทางไอรีนที่เดินตามลงมา"อย่าหลงทาง" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเตือนสั้น ๆไอรีนกลอกตาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ตอบอะไร เธอรู้ดีว่าเขาหมายความตามนั้นจริง ๆ และแน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมให้เธอหายไปจากสายตาแม้แต่นิดเดียวเมื่อเข้ามาภายในห้องประชุม การประชุมไซต์งานเป็นไปอย่างราบรื่น คิรันยังคงเป็นคิรัน—นิ่ง เฉียบขาด และทรงอำนาจ ทุกคำพูดของเขาทำให้ผู้บริหารบริษัทก่อสร้างต้องให้ความเคารพ ไอรีนนั่งฟังเงียบ ๆ และจดบันทึกรายละเอียดตามหน้าที่ แม้จะไม่ได้มีส่วนร่วมมากนัก แต่เธอรับรู้ได้ว่าผู้บริหารที่นี่ให้ความเกรงใจคิรันอย่างเห็นได้ชัด บางคนถึงกับนั่งตัวตรงขึ้นเมื่อเขาพูดเมื่อประชุมจบลง ไอรีนขอตัวออกจากห้องเพื่อไปเข้าห้องน้ำ เธอยืดตัวขึ้นและสูดหายใจลึก พลางคิดว่ามื้อค่ำสุดหรูเมื่อคืนทำให้เธอยังรู้สึกประหลาดใจไม่หาย คิรันดูอ่อนโยนขึ้น แม้จะยังคงเย็นชา แต่การกระทำของเขาทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวอย่างไม่อาจห้าม
เสียงฝีเท้าหนักแน่นกระแทกพื้นดังก้องไปทั่วโถงทางเดินของบริษัท ทุกสายตาของพนักงานที่กำลังทำงานอยู่ต่างหยุดนิ่ง เมื่อเห็นร่างสูงของคิรันลากไอรีนผ่านเข้ามาโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ใบหน้าของเขาเย็นชา สายตาคมกริบเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ที่อัดแน่นจนแทบระเบิดไอรีนพยายามขืนตัว ดึงแขนออกจากการเกาะกุม แต่เปล่าประโยชน์ แรงของเขามากเกินไป"คุณคิรัน! ปล่อยฉันเถอะ!" เธอเอ่ยเสียงแข็ง แต่เขาไม่สนใจแม้แต่น้อยพนักงานหลายคนมองตามด้วยความตกใจและหวาดหวั่น แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากหรือขยับตัวเข้าไปขวาง แม้แต่ธันวา เลขาส่วนตัวของคิรัน ที่มักจะเป็นคนกล้าพูดกับเจ้านายก็ยังได้แต่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ'สงสัยคงไปหึงหวงอะไรมาอีกแล้วแน่ ๆ' ธันวาคิดในใจ พลางส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่ายกับความขี้หึงของเจ้านายตัวเองพนักงานบางคนเริ่มกระซิบกันเบา ๆ"นี่มันเรื่องอะไรกัน…""คุณไอรีนไปทำอะไรให้บอสโกรธขนาดนี้?"ธันวาส่ายหน้าเบา ๆ "ไม่ต้องเดาหรอก หึงแน่ ๆ ฉันพนันได้เลย"คิรันกระชากประตูห้องทำงานออกอย่างแรง ก่อนจะผลักไอรีนเข้าไปข้างในและปิด
หลังจากเหตุการณ์ในห้องทำงานวันนั้น ไอรีนก็เริ่มกลับมาหลบหน้าคิรันอีกครั้ง เธอเลือกเส้นทางเดินที่หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า หลีกเลี่ยงการสบตา และพยายามรักษาระยะห่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เขากลับไม่ยอมให้เธอหลุดมือเช้าวันจันทร์ รถยนต์คันหรูจอดนิ่งอยู่หน้าคอนโดของเธออีกครั้ง คนขับไม่ใช่ใครอื่น—คิรัน เขายืนพิงรถด้วยท่าทีเย็นชาตามแบบฉบับของเขา ใบหน้าสงบนิ่งแต่แววตาทิ่มแทงเหมือนจับจ้องเธออยู่ตลอดเวลา"คุณมาทำอะไรที่นี่?" ไอรีนถามเสียงแข็งเมื่อเดินออกมาพบเขา"มารับ" เขาตอบเรียบ ๆ"ฉันไปเองได้ ไม่จำเป็นต้อง—""จำเป็น เพราะฉันสั่ง"เขาเปิดประตูรถฝั่งผู้โดยสารโดยไม่รอฟังคำเถียง แล้วพูดสั้น ๆ แต่เด็ดขาด"ขึ้นรถ"แม้จะขัดใจแค่ไหน แต่ไอรีนก็รู้ว่าเถียงไปไม่มีประโยชน์ เธอยอมขึ้นรถไปกับเขาโดยไม่พูดอะไรอีกแต่สิ่งที่ทำให้เธอเริ่มตื่นตระหนกจริง ๆ คือพฤติกรรมของเขาหลังจากนั้นก่อนที่เธอจะได้เอื้อมไปคาดเข็มขัด คิรันก็โน้มตัวเข้ามา มือข้างหนึ่งเอื้อมจับสายเข็มขัดแล้วดึงมาคาดให้เธออย่างแนบชิดกลิ่นน้ำหอมราคาแพงจ
เสียงเครื่องบดกาแฟทำงานดังครืดคราด ผสมกับเสียงพนักงานพูดคุยกันเบา ๆ ในร้านกาแฟของบริษัท ‘วัชรานนท์ กรุ๊ป’ ตึกสูงระฟ้ากลางใจเมืองที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจระดับประเทศไอรีน วรากร นักศึกษาปีสุดท้าย คณะสถาปัตย์ ทำงานพาร์ทไทม์ในคาเฟ่เพื่อส่งตัวเองเรียน เจ้าของความสูง 165 ซม. หุ่นดี ผิวขาวอมชมพู ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อน ผมยาวตรงสีดำขลับ สาวน้อยกำลังง่วนอยู่กับการชงลาเต้ให้ลูกค้า มือเรียวสั่นเล็กน้อยจากความเหนื่อยล้า เพราะนี่เป็นกะเช้าของเธอที่เริ่มตั้งแต่หกโมงตรงเธอไม่รู้เลยว่าในวินาทีต่อมา โชคชะตาจะพลิกผันไปอย่างสิ้นเชิง…บรรยากาศในร้านที่เคยสงบเงียบเปลี่ยนไปทันทีเมื่อ ร่างสูงสง่าในชุดสูทแบรนด์หรู ก้าวเข้ามาในร้าน พร้อมกับออร่าอันเยือกเย็นและทรงพลัง พนักงานหลายคนรีบยืนตัวตรงแทบจะทันที บางคนก้มหน้า บางคนถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาด ๆคิรัน วัชรานนท์ วิศวกรหนุ่มหล่อ เจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์อันดับต้น ๆ ของประเทศ ‘วัชรานนท์ กรุ๊ป’ นักธุรกิจหนุ่มผู้ขึ้นชื่อเรื่องความโหด เถื่อน และไร
หลังจากเหตุการณ์ในห้องทำงานวันนั้น ไอรีนก็เริ่มกลับมาหลบหน้าคิรันอีกครั้ง เธอเลือกเส้นทางเดินที่หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า หลีกเลี่ยงการสบตา และพยายามรักษาระยะห่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เขากลับไม่ยอมให้เธอหลุดมือเช้าวันจันทร์ รถยนต์คันหรูจอดนิ่งอยู่หน้าคอนโดของเธออีกครั้ง คนขับไม่ใช่ใครอื่น—คิรัน เขายืนพิงรถด้วยท่าทีเย็นชาตามแบบฉบับของเขา ใบหน้าสงบนิ่งแต่แววตาทิ่มแทงเหมือนจับจ้องเธออยู่ตลอดเวลา"คุณมาทำอะไรที่นี่?" ไอรีนถามเสียงแข็งเมื่อเดินออกมาพบเขา"มารับ" เขาตอบเรียบ ๆ"ฉันไปเองได้ ไม่จำเป็นต้อง—""จำเป็น เพราะฉันสั่ง"เขาเปิดประตูรถฝั่งผู้โดยสารโดยไม่รอฟังคำเถียง แล้วพูดสั้น ๆ แต่เด็ดขาด"ขึ้นรถ"แม้จะขัดใจแค่ไหน แต่ไอรีนก็รู้ว่าเถียงไปไม่มีประโยชน์ เธอยอมขึ้นรถไปกับเขาโดยไม่พูดอะไรอีกแต่สิ่งที่ทำให้เธอเริ่มตื่นตระหนกจริง ๆ คือพฤติกรรมของเขาหลังจากนั้นก่อนที่เธอจะได้เอื้อมไปคาดเข็มขัด คิรันก็โน้มตัวเข้ามา มือข้างหนึ่งเอื้อมจับสายเข็มขัดแล้วดึงมาคาดให้เธออย่างแนบชิดกลิ่นน้ำหอมราคาแพงจ
เสียงฝีเท้าหนักแน่นกระแทกพื้นดังก้องไปทั่วโถงทางเดินของบริษัท ทุกสายตาของพนักงานที่กำลังทำงานอยู่ต่างหยุดนิ่ง เมื่อเห็นร่างสูงของคิรันลากไอรีนผ่านเข้ามาโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ใบหน้าของเขาเย็นชา สายตาคมกริบเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ที่อัดแน่นจนแทบระเบิดไอรีนพยายามขืนตัว ดึงแขนออกจากการเกาะกุม แต่เปล่าประโยชน์ แรงของเขามากเกินไป"คุณคิรัน! ปล่อยฉันเถอะ!" เธอเอ่ยเสียงแข็ง แต่เขาไม่สนใจแม้แต่น้อยพนักงานหลายคนมองตามด้วยความตกใจและหวาดหวั่น แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากหรือขยับตัวเข้าไปขวาง แม้แต่ธันวา เลขาส่วนตัวของคิรัน ที่มักจะเป็นคนกล้าพูดกับเจ้านายก็ยังได้แต่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ'สงสัยคงไปหึงหวงอะไรมาอีกแล้วแน่ ๆ' ธันวาคิดในใจ พลางส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่ายกับความขี้หึงของเจ้านายตัวเองพนักงานบางคนเริ่มกระซิบกันเบา ๆ"นี่มันเรื่องอะไรกัน…""คุณไอรีนไปทำอะไรให้บอสโกรธขนาดนี้?"ธันวาส่ายหน้าเบา ๆ "ไม่ต้องเดาหรอก หึงแน่ ๆ ฉันพนันได้เลย"คิรันกระชากประตูห้องทำงานออกอย่างแรง ก่อนจะผลักไอรีนเข้าไปข้างในและปิด
แสงแดดยามบ่ายส่องกระทบโครงสร้างเหล็กของไซต์ก่อสร้าง เสียงเครื่องจักรดังประสานไปกับเสียงพูดคุยของเหล่าวิศวกรและคนงาน คิรันก้าวลงจากรถอย่างสง่างาม ดวงตาคมเข้มกวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนจะหันไปทางไอรีนที่เดินตามลงมา"อย่าหลงทาง" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเตือนสั้น ๆไอรีนกลอกตาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ตอบอะไร เธอรู้ดีว่าเขาหมายความตามนั้นจริง ๆ และแน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมให้เธอหายไปจากสายตาแม้แต่นิดเดียวเมื่อเข้ามาภายในห้องประชุม การประชุมไซต์งานเป็นไปอย่างราบรื่น คิรันยังคงเป็นคิรัน—นิ่ง เฉียบขาด และทรงอำนาจ ทุกคำพูดของเขาทำให้ผู้บริหารบริษัทก่อสร้างต้องให้ความเคารพ ไอรีนนั่งฟังเงียบ ๆ และจดบันทึกรายละเอียดตามหน้าที่ แม้จะไม่ได้มีส่วนร่วมมากนัก แต่เธอรับรู้ได้ว่าผู้บริหารที่นี่ให้ความเกรงใจคิรันอย่างเห็นได้ชัด บางคนถึงกับนั่งตัวตรงขึ้นเมื่อเขาพูดเมื่อประชุมจบลง ไอรีนขอตัวออกจากห้องเพื่อไปเข้าห้องน้ำ เธอยืดตัวขึ้นและสูดหายใจลึก พลางคิดว่ามื้อค่ำสุดหรูเมื่อคืนทำให้เธอยังรู้สึกประหลาดใจไม่หาย คิรันดูอ่อนโยนขึ้น แม้จะยังคงเย็นชา แต่การกระทำของเขาทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวอย่างไม่อาจห้าม
แสงไฟนีออนจากเมืองใหญ่ทอดยาวออกไปสุดสายตา ตึกสูงระฟ้าเป็นเงาสะท้อนบนกระจกใสบานใหญ่ของห้องอาหารชั้นดาดฟ้า โรงแรมหรูระดับห้าดาวใจกลางเมืองเป็นสถานที่ที่คิรันเลือกสำหรับมื้อค่ำคืนนี้ไอรีนยืนอยู่หน้าประตูห้องอาหาร หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะอย่างไม่อาจควบคุมได้ สาเหตุไม่ใช่เพราะสถานที่หรูหรารอบตัว แต่เป็นเพราะบุคคลที่ยืนอยู่ข้างเธอ… คิรันเขาอยู่ในชุดสูทสีดำเข้ารูป ทรงผมเรียบเนี้ยบ ดวงตาคมกริบภายใต้แสงไฟสลัวดูทรงอำนาจและเย็นชาเหมือนเคย แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือพฤติกรรมของเขานับตั้งแต่คืนวันนั้น—คืนที่เขาใช้กำปั้นตัดขาดธุรกิจเพียงเพราะเธอ—เขาก็เริ่มเปลี่ยนไป คิรันไม่ใช่ผู้ชายที่ใครจะเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ๆ แล้วทำไม… ทำไมเธอถึงรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นข้อยกเว้นเดียวของเขา?ไม่ใช่ว่าเขาอ่อนโยนเหมือนผู้ชายแสนดีทั่วไป คิรันยังคงเป็นคิรัน—เย็นชา เจ้าระเบียบ และเอาแต่ใจ แต่คำพูดของเขาเริ่มอ่อนลงเล็กน้อย การกระทำหลายอย่างดูเหมือนจะใส่ใจมากขึ้น และนั่น… ทำให้เธอสับสน“มองอะไร” น้ำเสียงเข้มต่ำกระซิบถามข้างหู เธอสะดุ้
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ทุกอย่างรอบตัวไอรีนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงคิรันไม่ได้เอ่ยอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องทำงาน แต่วันถัดมา เขากลับออกคำสั่งให้เธอย้ายมานั่งทำงานในห้องของเขาอย่างถาวร โดยให้เหตุผลกับพนักงานคนอื่นว่าเป็นมาตรการรักษาความลับของโปรเจ็กต์สำคัญที่เธอต้องรับผิดชอบ“ผมเข้าใจครับบอส โปรเจ็กต์ใหญ่ ข้อมูลสำคัญ” ธันวาพูดเสียงเรียบ ก่อนจะพึมพำเบา ๆ จนแทบไม่ได้ยิน“แต่ผมว่าคุณแค่หวง…”ไอรีนรู้สึกอึดอัดกับการเปลี่ยนแปลงนี้สุด ๆ นี่มันไม่ต่างอะไรกับการถูกจับขังอยู่ใต้สายตาของคิรันเลยสักนิด! เธอไม่สามารถพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานได้อย่างอิสระ ไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนโดยไม่มีสายตาคมกริบของเขาจับจ้อง และแน่นอน—ไม่สามารถใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนได้โดยไม่รู้สึกถึงแรงกดดันแปลก ๆแต่ต่อให้เธอจะพยายามบ่นหรืออ้อนวอนขนาดไหน คิรันก็ยังคงนิ่งเฉยและยืนยันคำสั่งของเขาค่ำวันหนึ่ง คิรันพาไอรีนไปทานอาหารเย็นกับลูกค้ารายสำคัญที่ห้องอาหารส่วนตัวแห่งหนึ่ง ร้านอาหารตกแต่งอย่างหรูหรา แสงไฟสลัวสร้างบรรยากาศผ่อน
เช้าวันแรกหลังจากที่คิรันกลับมาจากต่างประเทศ เขามาถึงบริษัทแต่เช้าตรู่ ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางแทบไม่อยู่ในสายตา เพราะสิ่งเดียวที่เขาสนใจคือ ‘เธอ’แต่ภาพตรงหน้าทำให้กรามของเขากระตุกแน่นไอรีนยืนคุยอยู่กับเพื่อนร่วมงานชายสองสามคน ท่าทางผ่อนคลาย รอยยิ้มของเธอดูสดใสในแบบที่เขาไม่เคยเห็นเวลาคุยกับเขา เธอหัวเราะเบา ๆ กับคำพูดของใครสักคน ร่างบางดูเป็นธรรมชาติ และแน่นอนว่าเป็นศูนย์กลางของบทสนทนามือของคิรันที่กำแฟ้มเอกสารแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ความไม่พอใจพุ่งขึ้นมาอย่างฉับพลัน ดวงตาคมกริบจับจ้องไปที่เธอและผู้ชายพวกนั้น มันควรจะเป็นเขาที่ได้รับรอยยิ้มแบบนั้น ไม่ใช่คนอื่นธันวาที่เดินมาพอดีสังเกตเห็นบรรยากาศรอบตัวเจ้านายของเขาเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน คิรันแทบไม่ได้ละสายตาจากไอรีนเลย แต่สิ่งที่ทำให้เลขาหนุ่มสะดุ้งคือไอเย็นยะเยือกในดวงตาของเขา“บอส…?” ธันวาเอ่ยเสียงเบาอย่างระมัดระวัง“พวกนั้นเป็นใคร” เสียงต่ำเย็นเฉียบดังขึ้น“อ่า… พนักงานแผนกออกแบบครับ พวกเขาเป็นรุ่นพี่ หรือไม่ก็เรียนสาขาเดียว
ภายในห้องประชุมใหญ่ของบริษัท ทีมบริหารระดับสูงกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมสำคัญ ไอรีนเดินเข้ามาพร้อมกับแฟ้มเอกสารและตัวอย่างสินค้าหลายชิ้นในมือ เธอกัดฟันแน่น ขณะที่พยายามแบกรับน้ำหนักทั้งหมดไว้คนเดียว ไม่ต้องให้ใครช่วย — เธอทำได้แต่ยังไม่ทันจะถึงโต๊ะดี เท้าเล็กพลันสะดุดกับขอบพรมที่ไม่เรียบ สมดุลในร่างเธอเริ่มเสียไป หัวใจเธอหล่นวูบ แต่ยังไม่ทันจะล้มลง ร่างสูงของคิรันก็ก้าวเข้ามาทันเวลา มือหนาคว้าเอวของเธอไว้มั่นก่อนที่ร่างเธอจะกระแทกพื้นไอรีนเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มสบกับดวงตาคมกริบของเขา เธอรู้สึกถึงแรงกดเบา ๆ จากมือของเขาบนหน้าท้องของเธอ ร้อนจนเธอเผลอกลืนน้ำลายลงคอคิรันขมวดคิ้วเล็กน้อย กรามของเขากระตุกคล้ายกับกำลังหงุดหงิดอะไรบางอย่าง ก่อนที่เขาจะรีบปล่อยมือออกอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าไม่อยากแตะต้องเธอเกินความจำเป็น"เดินให้มันดี ๆ" คิรันเอ่ยเสียงต่ำไอรีนเม้มปาก เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรจะขอบคุณหรือไม่ แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร ธันวาเข้ามารับเอกสารจากมือเธอไป"คุณไอรีน ให้ผมช่วยเถอะครับ คุณถือเยอะเกินไปแล้ว"เธอขมวดคิ้ว ก่อ
เสียงดนตรีจากงานเลี้ยงยังคงก้องอยู่ในหัวของไอรีน แม้ว่าจะผ่านมาหลายวันแล้ว แต่ภาพคืนนั้นยังคงชัดเจนโดยเฉพาะ… คำพูดของเขา "เธอเป็นของฉัน"และรอยจูบที่จู่โจมอย่างเร่าร้อน…เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคิรันถึงทำแบบนั้น เขาไม่เคยแสดงออกถึงความสนใจในตัวเธอมาก่อนเลยสักครั้ง มีแต่ความเย็นชาและคำพูดเฉียบคมที่กดดันเธอตลอดเวลา แต่คืนนั้นเขากลับทำราวกับว่าเธอเป็นของเขาจริง ๆ คำพูดที่หนักแน่นและสายตาที่ไม่ยอมให้เธอปฏิเสธได้ยังคงตามหลอกหลอนเธอมันทำให้เธอรู้สึกสับสน… และหวั่นไหวเพราะแบบนั้น ไอรีนจึงตัดสินใจว่าเธอจะต้องตีตัวออกห่างจากเขาตั้งแต่เช้าวันแรกที่กลับมาทำงานหลังงานเลี้ยง ไอรีนก็เริ่มต้นแผนการหลีกเลี่ยงคิรัน เธอพยายามไม่เข้าไปในห้องทำงานของเขาโดยไม่จำเป็น และหากเขาเรียกพบ เธอจะพาธันวาเข้าไปด้วยเสมอเพื่อไม่ให้ต้องอยู่กับเขาตามลำพัง“พี่ธันวาคะ วันนี้ช่วยเข้าไปกับฉันหน่อยได้ไหมคะ?” ไอรีนถามพลางยิ้มหวานธันวาขมวดคิ้วก่อนจะพยักหน้า “ได้สิ แต่ทำไม—”“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่คิดว่าเราควรทำงา
บรรยากาศในงานเลี้ยงยังคงดำเนินไปอย่างคึกคัก แขกผู้มีเกียรติต่างพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างออกรส ไอรีนพยายามรักษาท่าทีและอยู่ใกล้คิรันให้มากขึ้น หลังจากที่ถูกเตือนเมื่อครู่ แต่ก็ยังอดรู้สึกอึดอัดกับท่าทีที่เขาแสดงออกมาไม่ได้เธอเดินหลบมุมออกมาจากกลุ่มลูกค้าคนสำคัญของบริษัท และบังเอิญได้พบกับกลุ่มนักธุรกิจที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรส พวกเขาเป็นกลุ่มสถาปนิกที่มีชื่อเสียง ซึ่งบังเอิญเป็นสายงานที่ไอรีนหลงใหลมาตลอด เธอเรียนสถาปัตย์ปีสุดท้ายแล้ว และมีความฝันที่จะเป็นสถาปนิกในอนาคต“คุณสนใจด้านการออกแบบสถาปัตย์เหรอ?” หนึ่งในนักธุรกิจเอ่ยถามหลังจากที่เธอเริ่มสนทนาเกี่ยวกับโครงสร้างอาคารเชิงนิเวศอย่างลืมตัว“ใช่ค่ะ ฉันกำลังศึกษาอยู่ปีสุดท้าย และหวังว่าจะได้ทำงานในสายนี้จริง ๆ” ไอรีนตอบด้วยดวงตาเป็นประกาย เสียงของเธอเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นและตื่นเต้นกลุ่มนักธุรกิจหัวเราะอย่างเป็นมิตร “น่าสนใจมาก! เรากำลังมองหาคนรุ่นใหม่ไฟแรงแบบคุณอยู่พอดี”เธอไม่รู้ตัวเลยว่าคำพูดของเธอและความสนใจของเธอไปกระทบสายตาของใครบางคนที่กำลั