เมื่อหญิงสาวได้เห็นความใหญ่โตของเขา ดังนั้นจึงเกิดอาการผวา รีบดันตัวเขยิบถ่อยหนีห่างเขา ทว่าโดนชายหนุ่มรั้งสะโพกเอาไว้ พร้อมกับที่เขาเอาท่อนแข็งขืดจ่อมาที่ปากถ้ำดอกไม้อีกครั้ง เขาถูขึ้นลงช้า ๆ ไปพร้อมดูปฏิกิริยาคนที่นอนสั่นสะท้านข้างล่างด้วย
“พี่ภาม...มะลิกลัว” สิ้นสุดเสียงของเธอ ชายหนุ่มก็สอดใส่เข้าไปเต็มที่ทว่ามันเข้าไปได้ครึ่งลำเอง เขาก็ต้องหยุดค้างอยู่แบบนั้นเพราะเธอส่งเสียงกรี๊ดออกมาด้วยความเจ็บปวด พร้อมกับพยายามดันตัวของเขาด้วย
“อื้อ พี่ภาม...มะลิเจ็บ” น้ำตาของเธอไหลลงมาทั้งสองข้าง ร่างกายของเธอมันเหมือนถูกเขาเอามีดมากรีดเข้ากลางใจให้มันแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ
เขามองร่างบางที่นอนสั่นสะท้านและน้ำตาที่ไหลรินลงมา ชายหนุ่มก็นึกสงสารจับใจที่เขาเผลอทำอะไรวู้วาวไปชั่วขณะ ทั้งที่รู้ดีว่านี้เป็นครั้งแรกของมะลิทว่าเขาก็ทำอะไรเอาแต่ใจเกินไปหน่อย ภามเลยก้มลงไปจูบซับน้ำตาที่หางตาของเธอ โดยไม่คิดรังเกียจ จูบซับไปเรื่อย ๆ จนทั่วใบหน้า เสียงสะอึกสะอื้นค่อย ๆ เบาลง จวบจนเขาเลื่อนริมฝีปากของเขาไปจูบที่ปากแสนหวานของเธอ แสดงความอ่อนโยนลงไปให้เธอได้รับรู้
หญิงสาวรับรู้ได้ถึงการกระทำที่อ่อนโยนของเขา จึงหลับตาลงและจูบตอบกลับเขาไปด้วย ความเจ็บปวดราวกับโดนมีดกรีดในตอนแรงค่อย ๆ หายไป เธอมัวแต่มาเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสอันอ่อนโยนของเขาจึงไม่รู้เลยว่าชายหนุ่มกำลังค่อย ๆ ตะล่อมเธอทีละนิด จนในที่สุดเขาก็เขยิบเข้ามาในร่องรักของเธอได้เต็มลำและเคลื่อนตัวช้า ๆ เนิบ ๆ ให้เธอได้ครุ่นชินกับขนาดอันใหญ่โตของเขา
ความรู้สึกเจ็บในตอนแรกแปรเปลี่ยนมารู้สึกถึงอารมณ์ปรารถนาบางอย่างเข้ามาแทนที่ ชายหนุ่มที่เห็นหญิงสาวใต้ร่างเริ่มที่จะคุ้นเคยกับขนาดของเขาแล้ว เขาก็เลยใส่เข้าไปเต็มที่ โดยที่เขายังจูบปากของเธอไม่ปล่อย ชายหนุ่มเลื่อนจากปากของเธอลงมาที่ซอกคอขาว วนเวียนคลอเคลียอยู่ตรงนั้นอยู่นาน ก่อนที่ไปครอบครองยอดปทุมถันทั้งสองข้างเอาไว้ ชายหนุ่มสลับดูดดึงที่ละข้าง บ้างครั้งก็ดันเต้าทั้งสองมาชนกันจากนั้นก็ลงลิ้นดูดดึงราวกับว่าเป็นจุกขวดนมเด็ก
“อื้อ พี่ภาม” เสียงหวานครางชื่อเขาอีกครั้ง และเป่งเสียงไม่เป็นศัพท์ขึ้นมาเรื่อย ๆ เมื่อถูกเขาดูดดึงยอดปทุมถันหนักกว่าเก่าพร้อมกับด้านล่างที่เขากระแทกเข้าใส่ไม่ยั้ง
ร่างบางกอดรัดเขาแน่น ลูบไล้หลังของเขาไปมาราวกับว่าถูกเขามอมเมาด้วยกามารมณ์ จวบจนเธอเองก็ไม่อาจถอนตัวได้ขึ้น รับรู้ได้ถึงอารมณ์ใคร่ที่โหมกระพือในตัวของเธอเอง จึงยอมนอนให้เขาทำรักได้ตามแก่ใจ แม้ว่าจุดกึ่งกลางใจจะรู้สึกเจ็บหน่วงไม่แพ้หัวใจดวงน้อย ๆ ของเธอก็ตาม ที่ยอมให้เขาย่ำยีซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“อ๊าส์...สายไหม แน่นชิบ” เขาเป่งเสียงทรมานออกมาทว่าสรรพนามที่เขาเอ่ยออกมากับไม่ใช่ชื่อของเธอ แต่เป็นชื่อของแฟนของเขา
ความรู้สึกที่เจ็บหน่วงอยู่แล้วกับยิ่งรู้เจ็บหนักกว่าเก่า คำพูดของเขามันเหมือนมาฆ่าเธอทั้งเป็นให้เจ็บปวดรวดราวอย่างทรมาน รู้ทั้งรู้ว่าเขาเห็นเธอเป็นตัวแทนของคนอื่น ทว่าทั้งตัวและหัวใจของเธอก็ยินยอมพร้อมใจให้เขากระทำกับเธอยังไงก็ได้ น้ำตาที่เหือดหายจากตอนแรก พอมาได้ยินเขาพูดชื่อแฟนของเขา หญิงสาวก็น้ำตาไหลออกมา ทว่าเขาไม่ปล่อยให้เธอได้เสียใจได้นาน เขาก้มลงมาจูบปิดปากอย่างเร่าร้อน จนเธอลืมเรื่องที่เขาเอ๋ยชื่อแฟนเก่าของเขาไปเสียสนิท
ตอนนี้แม้ว่าจะเจ็บหัวใจมากขนาดไหนที่เป็นได้แค่ตัวแทนเท่านั้น ทว่าทางร่างกายที่เขากระแทกใส่เข้ามากับทำให้เธอเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสอันร้อนแรงของเขา แม้ว่านี้จะเป็นครั้งแรกของเธอก็ตาม ถึงอย่างนั้นเหมือนเธอกำลังซึมซับความเจ็บปวด จึงไม่รู้สึกอะไรถ้าเขาจะรุนแรงมากกว่านี้ เธอก็พร้อมรับมัน
“อ๊าส์ พี่ภาม” สาวเจ้านอนส่ายอยู่ใต้ร่างของเขา ทว่าเธอกับเด้งสู้ความใหญ่โตของเขาคล้ายกับคนท้าทาย
ท่าทางเย้ายวนของเธอ อยู่ในสายตาของภามนุกรทั้งหมด ทว่ามันกับถูกใจของเขาจริง ๆ ชายหนุ่มเลยใส่เข้าไปเต็มที่ในทุกจังหวะที่เข้ากระแทกเข้าไป ร่างบางของเธอนอนส่ายสั่นสะท้านไปหมด เมื่อเขาเพิ่มจังหวะที่รุนแรงมากขึ้นและถี่ระรัวมากขึ้น จนเธอเริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ที่เหมือนกับว่ามีผีเสื้อมาบินว่อนทั่วท้องน้อยของเธอ ยิ่งถูกกระตุ้นสัมผัสถี่รั่วมากขึ้นเท่าไร ร่างกายของเธอก็ดิ้นพล่านด้วยแรงอารมณ์มากขึ้นเท่านั้น จนในที่สุดเธอก็ครางออกมาเสียงหลงพร้อมกับร่างกายที่เบาหวิวชายหนุ่มเร่งกระแทกใส่ในร่องรักถี่ขึ้นมากกว่าเดิม เมื่อรู้สึกว่าของเธอมันตอดเขาหนักกว่าเดิมในตอนที่เธอได้สุขสมไปเรียบร้อย เขาจึงไม่อาจจะกักเก็บเอาไว้ได้อีก เมื่อโดนเธอกระตุ้นสัมผัสเข้ามา ภามจึงเร่งกระแทก จนในที่สุดสายธารแห่งรักก็ฉีดเข้าไปในร่างกายของเธอ
“อ๊ากกกกก...” เขาครางออกมาอย่างมีความสุข ในเวลาต่อมาเขาก้มลงมาจูบที่หน้าผากมนของเธอ พร้อมกับบอกรักเสียงหวาน “พี่รักสายไหม”
ทว่าผู้หญิงที่เขาเอ่ยออกมายังคงเป็นแฟนเก่าของเขาที่โดนบอกเลิกไป เธอยังเป็นเพียงแค่ตัวแทนของเขาเท่านั้น หญิงสาวได้แต่หลับตาให้น้ำตาไหลซึมออกหางตารับรู้ถึงไออุ่นที่เขาส่งมาทางจูบว่าเขาเป็นผู้ชายที่อบอุ่นคนหนึ่ง ทว่าผู้หญิงที่โชคดีคนนั้นไม่ใช่เธอ สำหรับเธอเขาก็แค่เป็นผู้ชายใจร้ายคนหนึ่ง
ชายหนุ่มล้มลงไปนอนคว่ำหน้านอนหลับที่ว่างของเตียงข้าง ๆ เธอ โดยที่ปากก็คงพร่ำบอกรักสายไหมแฟนของเขา พร่ำบอกว่าอย่าทิ้งพี่ไปซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น จนในที่สุดเสียงของเขาก็เงียบลง มีเพียงเสียงลมหายใจออกมาแรง ๆ รับรู้ได้ว่าเขาหลับไปแล้ว
หญิงสาวได้แต่หอบความเจ็บช้ำกลับไป ทำได้เพียงมองแผ่นหลังกว้างของเขาเป็นครั้งสุดท้าย เพราะตั้งแต่คืนนี้ไป เธอจะไม่ขอพึ่งพิงใบบุญของคนบ้านนี้อีก แม้ว่าบ้านหลังนี้จะมีบุญคุณกับเธอมากขนาดไหน ทว่าคืนนี้เธอเจ็บปวดเหลือเกิน เจ็บจนไม่อาจจะอยู่สู้หน้าเขาได้อีก การจากลาของเธอในครั้งนี้ก็อาจจะช่วยให้เขามีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น เพราะเธอมันได้ชื่อว่าเป็นตัวกาลกิณี อยู่กับใคร คนนั้นก็มีแต่เรื่องเดือดร้อนถ้าการจากไปของเธอจะช่วยให้เขาคืนดีกับแฟนของเขา เธอก็พร้อมยินดีที่จะจากไป
ตั้งแต่คืนนั้นเธอเลือกจากไปจากเขา ไม่คิดที่อยู่ให้เป็นภาระของเขาอีกต่อไป ขืนอยู่ต่อไปอาจจะมองหน้ากันไม่ติดด้วยซ้ำเพราะเขาเองก็ไม่ได้อยากได้เธอมาเป็นน้องสาวบุญธรรมตั้งแต่แรก เธอจำได้ดีตั้งแต่เธออายุสิบขวบมาอยู่ที่นี่เพราะพ่อแม่เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ มีเธอเพียงคนเดียวที่รอดชีวิต แม่ของเขาที่เป็นเพื่อนของแม่เธอได้รับเธอมาเป็นลูกบุญธรรม ทว่าเขาก็ส่งสายตามาว่าไม่ชอบ แถมตอนแม่ของเขาเผลอ เขาชอบมาแกล้งเธอเป็นประจำ ยังขู่ไม่ให้เธอไปบอกแม่ด้วย พวกคนงานในไร่บางกลุ่มต่างบอกว่าเธอเป็นกาลกิณีไปอยู่กับใครคนนั้นต้องชิบหาย ตอนนั้นพวกคนงานพวกนี้คิดว่าเธอเป็นเด็กเลยนินทาโดยไม่คิดว่าเธออาจจะได้ยิน ในตอนนั้นแม้ว่าเขาไม่ได้พูดว่าเธอเป็นกาลกิณีดังพวกคนงานว่าทว่าสายตาของเขามันบ่งบอกว่าแบบนั้น พอเธออายุสิบเก้าแม่บุญธรรมของเธอก็มากด่วนเสียชีวิตไปด้วยโรคมะเร็ง คำว่ากาลกิณียังคงตอกย้ำเธอเรื่อยมา จนถึงปัจจุบันนี้ แม้ว่าคนในไร่จะไม่พูดอะไร แต่สายตาของพวกเขามันชัดเจน เมื่อสิ้นใบบุญของแม่บุญธรรมแล้ว เธอยิ่งอยู่ที่นี่อย่างลำบาก แม้ว่าจะได้เรียนหนังสือจนจบมหาลัยเพราะเขาได้รับปากไว้กับแม่ของเ
“แต่...” นันน์พยายามจะพูดโน้มน้าวเจ้านายหนุ่มต่อทว่าก็โดนเจ้านายเอ็ดเสียงดังพร้อมกับไล่เตะทันทีที่นันน์เอาแต่พูดเรื่องไม่เป็นเรื่อง “ไปทำงานได้แล้ว อยากจะโดนไล่ออกหรือไง!” นันน์รีบวิ่งไปทำงานด่วน “ใครไม่อยากทำงานก็ออกไปได้เลยนะ ฉันอนุญาต” เขาเอ็ดเสียงดังอีกครั้งด้วยความหงุดหงิด คนงานในไร่ทุกคนต่างเงียบกริบก้มหน้าก้มตาเก็บส้มกันใหญ่ วันนี้ทั้งวันเจ้านายหนุ่มของพวกเขาก็หงุดหงิดฟาดงวงฟาดงาตลอดทั้งวัน จากที่หลัง ๆ อารมณ์ร้ายอยู่แล้ว วันนี้ยิ่งร้ายเข้าไปใหญ่ *********************** “ช่วงนี้คุณภามดูผอมไปนะคะ กินข้าวเยอะ ๆ หน่อยสิคะ อย่ากินแต่เหล้าเยอะสิคะ” ป้าแมวแม่ครัวที่ไร่ออกมาพูดด้วยความเป็นห่วง “ผมผอมไปแล้วไม่หล่อหรือครับป้าแมวคนสวย” ชายหนุ่มหยอดคำหวาน สายตาหยาดเยิ้ม ปากหวานขนาดนี้ไม่ต้องเดา ชายหนุ่มได้ดื่มน้ำเมากันอยู่ที่โรงอาหารของไร่กับพวกลูกน้องสนิท ๆ หลายคน “แม้คุณภามก้อจะอ้วนหรือจะผอมคุณก็หล่ออยู่แล้วล่ะค่ะคุณภาม” ป้า
ค่ำคืนนี้ฝนตกหนักตลอดทั้งคืน เมลิกาหรือมะลิได้แต่เดินวนไปวนมาอยู่ในบ้านด้วยความเป็นห่วงพี่ชายต่างพ่อแม่ของเธอ ที่ขับรถยนต์ออกไปจากบ้านนานแล้ว จวบจนตอนนี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับสักที โดยปกติแล้วเธอไม่เป็นห่วงเขามากขนาดนี้ ทว่าในคืนนี้แฟนสาวของเขามาบอกเลิกถึงที่บ้าน จากนั้นเขาก็เอาแต่ดื่ม พอเธอเข้าไปห้ามเขาไม่ให้ดื่ม ชายหนุ่มก็โวยวายแล้วขับรถยนต์ออกไป เธอได้แต่ยืนดูฝนนอกหน้าต่างที่ตกกระหน่ำลงมาเรื่อย ๆ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกได้สักที ทางข้างหน้าก็แสนมืด ยิ่งทำให้หัวใจของเธอเป็นห่วงเขาจับใจเป็นอย่างมาก กังวลไปหมดว่าเขาจะเป็นอะไรไหม เธอคิดไปไกลกลัวว่าเขาจะเกิดอุบัติเหตุ ขอเพียงแต่ว่าอย่าให้มีเบอร์แปลก ๆ โทรเข้ามาตอนนี้เลย มะลิได้แต่ภาวนาว่าขอให้เขาขับรถยนต์อย่างปลอดภัย จวบจนเที่ยงคืนกว่าแล้ว เธอเผลอเคลิ้มหลับไปที่โซฟากลางบ้าน หญิงสาวตกใจตื่นขึ้นมาอีกทีก็เพราะได้ยินเสียงของรถยนต์ของภามนุกรหรือภามแล่นเข้ามาจอด มะลิเดินกางร่มหมายจะไปรับเขาที่โรงจอดรถ ทว่าเขาเดินตากฝนลงมา
ชายหนุ่มถอดเสื้อเชิ้ตออกจากตัวโยนลงไปที่พื้นห้อง มะลิสะดุ้งตกใจ ในตอนที่เสื้อของเขาดังกระทบลงพื้นห้อง เธอหันมามองเขาที่มีเพียงแต่แผงซิกแพ็คแน่น ๆ เท่านั้น แม้ว่าจะเห็นรูปร่างของเขาบ่อยในตอนที่เขาถอนเสื้อ ทว่าในยามวิกาลแบบนี้เธอยังไม่เคยเลยสักครั้ง ยิ่งทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงมากขึ้นไปใหญ่ “พี่ภาม...” เสียงพูดของเธอถูกปากของเขากลืนกินไปจนหมด ปากหวานของเธอถูกเขาบดขยี้ครอบครองเอาไว้เต็มปาก คนไม่ประสีประสากับเรื่องพวกนี้ พอโดนเขาจู่โจมเข้ามาด้วยริมฝีปากหยักได้รูป สติสตังที่มีก็พลอยเลือนหายไป หลงเหลือแต่ความเร่าร้อนของเขาที่เข้ามาครอบงำเอาไว้ให้จิตใจของเธอมีแต่ความร้อนรุ่ม ชายหนุ่มอุ้มร่างบางขึ้นมานอนไว้บนเตียงนอน โดยที่เขายังไม่ยอมปล่อยจูบออกจากเธอ ยังคงมอบจูบที่แสนเร่าร้อนโดยที่เธอไม่อาจจะปฏิเสธไปได้ มือของเขาเริ่มจะไม่อยู่กับที่ เขาเริ่มที่จะลูบไล้เนื้อตัวของเธอผ่านชุดนอนลายหมีแสนน่ารัก จนเธอเริ่มรู้สึกว่าร่างกายมันร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งร่างกาย แม้ว่าอยากจะผลักไสเขาออกไปทว่าร่างกายของเธอมันต้องการเขามาเติมเต็ม เสื้อนอนลา
“แต่...” นันน์พยายามจะพูดโน้มน้าวเจ้านายหนุ่มต่อทว่าก็โดนเจ้านายเอ็ดเสียงดังพร้อมกับไล่เตะทันทีที่นันน์เอาแต่พูดเรื่องไม่เป็นเรื่อง “ไปทำงานได้แล้ว อยากจะโดนไล่ออกหรือไง!” นันน์รีบวิ่งไปทำงานด่วน “ใครไม่อยากทำงานก็ออกไปได้เลยนะ ฉันอนุญาต” เขาเอ็ดเสียงดังอีกครั้งด้วยความหงุดหงิด คนงานในไร่ทุกคนต่างเงียบกริบก้มหน้าก้มตาเก็บส้มกันใหญ่ วันนี้ทั้งวันเจ้านายหนุ่มของพวกเขาก็หงุดหงิดฟาดงวงฟาดงาตลอดทั้งวัน จากที่หลัง ๆ อารมณ์ร้ายอยู่แล้ว วันนี้ยิ่งร้ายเข้าไปใหญ่ *********************** “ช่วงนี้คุณภามดูผอมไปนะคะ กินข้าวเยอะ ๆ หน่อยสิคะ อย่ากินแต่เหล้าเยอะสิคะ” ป้าแมวแม่ครัวที่ไร่ออกมาพูดด้วยความเป็นห่วง “ผมผอมไปแล้วไม่หล่อหรือครับป้าแมวคนสวย” ชายหนุ่มหยอดคำหวาน สายตาหยาดเยิ้ม ปากหวานขนาดนี้ไม่ต้องเดา ชายหนุ่มได้ดื่มน้ำเมากันอยู่ที่โรงอาหารของไร่กับพวกลูกน้องสนิท ๆ หลายคน “แม้คุณภามก้อจะอ้วนหรือจะผอมคุณก็หล่ออยู่แล้วล่ะค่ะคุณภาม” ป้า
ตั้งแต่คืนนั้นเธอเลือกจากไปจากเขา ไม่คิดที่อยู่ให้เป็นภาระของเขาอีกต่อไป ขืนอยู่ต่อไปอาจจะมองหน้ากันไม่ติดด้วยซ้ำเพราะเขาเองก็ไม่ได้อยากได้เธอมาเป็นน้องสาวบุญธรรมตั้งแต่แรก เธอจำได้ดีตั้งแต่เธออายุสิบขวบมาอยู่ที่นี่เพราะพ่อแม่เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ มีเธอเพียงคนเดียวที่รอดชีวิต แม่ของเขาที่เป็นเพื่อนของแม่เธอได้รับเธอมาเป็นลูกบุญธรรม ทว่าเขาก็ส่งสายตามาว่าไม่ชอบ แถมตอนแม่ของเขาเผลอ เขาชอบมาแกล้งเธอเป็นประจำ ยังขู่ไม่ให้เธอไปบอกแม่ด้วย พวกคนงานในไร่บางกลุ่มต่างบอกว่าเธอเป็นกาลกิณีไปอยู่กับใครคนนั้นต้องชิบหาย ตอนนั้นพวกคนงานพวกนี้คิดว่าเธอเป็นเด็กเลยนินทาโดยไม่คิดว่าเธออาจจะได้ยิน ในตอนนั้นแม้ว่าเขาไม่ได้พูดว่าเธอเป็นกาลกิณีดังพวกคนงานว่าทว่าสายตาของเขามันบ่งบอกว่าแบบนั้น พอเธออายุสิบเก้าแม่บุญธรรมของเธอก็มากด่วนเสียชีวิตไปด้วยโรคมะเร็ง คำว่ากาลกิณียังคงตอกย้ำเธอเรื่อยมา จนถึงปัจจุบันนี้ แม้ว่าคนในไร่จะไม่พูดอะไร แต่สายตาของพวกเขามันชัดเจน เมื่อสิ้นใบบุญของแม่บุญธรรมแล้ว เธอยิ่งอยู่ที่นี่อย่างลำบาก แม้ว่าจะได้เรียนหนังสือจนจบมหาลัยเพราะเขาได้รับปากไว้กับแม่ของเ
เมื่อหญิงสาวได้เห็นความใหญ่โตของเขา ดังนั้นจึงเกิดอาการผวา รีบดันตัวเขยิบถ่อยหนีห่างเขา ทว่าโดนชายหนุ่มรั้งสะโพกเอาไว้ พร้อมกับที่เขาเอาท่อนแข็งขืดจ่อมาที่ปากถ้ำดอกไม้อีกครั้ง เขาถูขึ้นลงช้า ๆ ไปพร้อมดูปฏิกิริยาคนที่นอนสั่นสะท้านข้างล่างด้วย “พี่ภาม...มะลิกลัว” สิ้นสุดเสียงของเธอ ชายหนุ่มก็สอดใส่เข้าไปเต็มที่ทว่ามันเข้าไปได้ครึ่งลำเอง เขาก็ต้องหยุดค้างอยู่แบบนั้นเพราะเธอส่งเสียงกรี๊ดออกมาด้วยความเจ็บปวด พร้อมกับพยายามดันตัวของเขาด้วย “อื้อ พี่ภาม...มะลิเจ็บ” น้ำตาของเธอไหลลงมาทั้งสองข้าง ร่างกายของเธอมันเหมือนถูกเขาเอามีดมากรีดเข้ากลางใจให้มันแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ เขามองร่างบางที่นอนสั่นสะท้านและน้ำตาที่ไหลรินลงมา ชายหนุ่มก็นึกสงสารจับใจที่เขาเผลอทำอะไรวู้วาวไปชั่วขณะ ทั้งที่รู้ดีว่านี้เป็นครั้งแรกของมะลิทว่าเขาก็ทำอะไรเอาแต่ใจเกินไปหน่อย ภามเลยก้มลงไปจูบซับน้ำตาที่หางตาของเธอ โดยไม่คิดรังเกียจ จูบซับไปเรื่อย ๆ จนทั่วใบหน้า เสียงสะอึกสะอื้นค่อย ๆ เบาลง จวบจนเขาเลื่อนริมฝีปากของเขาไปจูบที่ปากแสนหวานของเธอ แสดงความอ่อนโยนลงไปให้เธอไ
ชายหนุ่มถอดเสื้อเชิ้ตออกจากตัวโยนลงไปที่พื้นห้อง มะลิสะดุ้งตกใจ ในตอนที่เสื้อของเขาดังกระทบลงพื้นห้อง เธอหันมามองเขาที่มีเพียงแต่แผงซิกแพ็คแน่น ๆ เท่านั้น แม้ว่าจะเห็นรูปร่างของเขาบ่อยในตอนที่เขาถอนเสื้อ ทว่าในยามวิกาลแบบนี้เธอยังไม่เคยเลยสักครั้ง ยิ่งทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงมากขึ้นไปใหญ่ “พี่ภาม...” เสียงพูดของเธอถูกปากของเขากลืนกินไปจนหมด ปากหวานของเธอถูกเขาบดขยี้ครอบครองเอาไว้เต็มปาก คนไม่ประสีประสากับเรื่องพวกนี้ พอโดนเขาจู่โจมเข้ามาด้วยริมฝีปากหยักได้รูป สติสตังที่มีก็พลอยเลือนหายไป หลงเหลือแต่ความเร่าร้อนของเขาที่เข้ามาครอบงำเอาไว้ให้จิตใจของเธอมีแต่ความร้อนรุ่ม ชายหนุ่มอุ้มร่างบางขึ้นมานอนไว้บนเตียงนอน โดยที่เขายังไม่ยอมปล่อยจูบออกจากเธอ ยังคงมอบจูบที่แสนเร่าร้อนโดยที่เธอไม่อาจจะปฏิเสธไปได้ มือของเขาเริ่มจะไม่อยู่กับที่ เขาเริ่มที่จะลูบไล้เนื้อตัวของเธอผ่านชุดนอนลายหมีแสนน่ารัก จนเธอเริ่มรู้สึกว่าร่างกายมันร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งร่างกาย แม้ว่าอยากจะผลักไสเขาออกไปทว่าร่างกายของเธอมันต้องการเขามาเติมเต็ม เสื้อนอนลา
ค่ำคืนนี้ฝนตกหนักตลอดทั้งคืน เมลิกาหรือมะลิได้แต่เดินวนไปวนมาอยู่ในบ้านด้วยความเป็นห่วงพี่ชายต่างพ่อแม่ของเธอ ที่ขับรถยนต์ออกไปจากบ้านนานแล้ว จวบจนตอนนี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับสักที โดยปกติแล้วเธอไม่เป็นห่วงเขามากขนาดนี้ ทว่าในคืนนี้แฟนสาวของเขามาบอกเลิกถึงที่บ้าน จากนั้นเขาก็เอาแต่ดื่ม พอเธอเข้าไปห้ามเขาไม่ให้ดื่ม ชายหนุ่มก็โวยวายแล้วขับรถยนต์ออกไป เธอได้แต่ยืนดูฝนนอกหน้าต่างที่ตกกระหน่ำลงมาเรื่อย ๆ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกได้สักที ทางข้างหน้าก็แสนมืด ยิ่งทำให้หัวใจของเธอเป็นห่วงเขาจับใจเป็นอย่างมาก กังวลไปหมดว่าเขาจะเป็นอะไรไหม เธอคิดไปไกลกลัวว่าเขาจะเกิดอุบัติเหตุ ขอเพียงแต่ว่าอย่าให้มีเบอร์แปลก ๆ โทรเข้ามาตอนนี้เลย มะลิได้แต่ภาวนาว่าขอให้เขาขับรถยนต์อย่างปลอดภัย จวบจนเที่ยงคืนกว่าแล้ว เธอเผลอเคลิ้มหลับไปที่โซฟากลางบ้าน หญิงสาวตกใจตื่นขึ้นมาอีกทีก็เพราะได้ยินเสียงของรถยนต์ของภามนุกรหรือภามแล่นเข้ามาจอด มะลิเดินกางร่มหมายจะไปรับเขาที่โรงจอดรถ ทว่าเขาเดินตากฝนลงมา