“ที่นี่คือ”“ซูตงขอรับ”“ซูตง”“ดินแดนซูตงที่โอบลอ้มไปด้วยหุบเขาและแมกไม้พวกท่านไม่มีทางผ่านเข้ามาได้หากไม่เคยมาที่นี่ และมีคนนำทาง”ต้าเหนิงพยักหน้าขึ้นลงจริงด้วยเพราะตอนที่ขเ้ามาต้าเหนิงเอาแต่ห่วงฉินเกอหลงจนไม่มีเวลาได้ชื่นชมทิวทัศน์รอบๆตัวรู้แค่ว่ามันคือหุบเขาทางเข้าเป็นม่านน้ำตกข้างในเมื่อหลายร้อยล้านปีก่อนคงเคยเป็นปล่องภูเขาไฟแต่ตอนนี้มอดดับจึงเหลือแต่ความอุดมสมบูรณ์ของหมู่แมกไม้และสายน้ำลำธาร“เคยได้ยินคนผู้หนึ่งกล่าวถึงที่นี่เยียนฉือ เจ้ารู้จักท่านหมอที่ชื่อเยียนฉือหรือไม่”เสี่ยวจิ้งยิ้มดวงตาพร่างพราวท่านหมอวางหลวมยาพร้อมกับเดินเข้ามาจับชีพจร“ท่านหมอเทวดาเยี่ยนฉือคือคนที่สอนวิชาแพทย์แก้ข้าน้อย หากว่าท่านคือสหายเช่นนั้นข้าน้อยคงต้องดูแลท่านราวกับสหายคนหนึ่งเช่นกัน”ฉินเกอหลงถอนหายใจ“แหมท่านหมอนะหรือสนิทกันที่สุดเลยเป็นคนสนิท..อุ๊ป”รีบยกมืออุดปากตัวเองพูดมากไปแล้วต้าเหนิง“ท่านหมอกับเราสองคนมีมิตรภาพพี่ดีต่อกันอย่าพูดว่าเป็นดังสหายเรากับท่านหมอ รู้จักเพียงผิวเผิน”ฉินเกอหลงรีบแก้ต่าง ต้าเหนิงขมดคิ้วว่าทำไมไม่ขิงไปเลยว่าสนิทกับท่านหมอเทวดานั่นพวกเขาจะได้รู้สึกว่าเป็นคนกันเอง“โอ้ เ
“ไม่ต้องพูดได้ไหม”รีบเดินเลี่ยง ฉินเกอหลงที่เอนตัวพิงอยู่กับพนังห้องรีบคว้ามือบางไว้“เอ่อต้าเหนิงมีช่วงเวลานี้ด้วยหรือ”“ช่วงเวลาอะไร”ฉินเกอหลงยิ้มกรุ้มกริ่ม“ช่วงเวลาเขินอายข้าเห็นก่อนหน้านั้นยามที่ข้าไม่อยากเข้าใกล้เจ้า เจ้าก็หาทางเข้ามาใกล้ชิดข้าก่อน”“อย่ามาพูดแบบนี้นะ ก็ท่านอ๋องเอาแต่เก็กไม่ยอม… ไม่ยอมพูดกับต้าเหนิงนี่”ดวงตากลมโตหลุบตามองพื้นเสียกลัวอีกคนเป็นความในใจจากดวงตา“ใกล้ชิดเจ้าแล้วอย่างไรใกล้ชิดเจ้าแล้ว ข้าแทบจะหยุดหายใจ ข้าแทบจะสะกดกลั้นความรู้สึกเสน่หาเจ้าไม่ได้แล้วจะไม่ให้ทำที่ว่าเฉยชาได้อย่างไรกัน ขข้าแต่เดิมไม่เคยเข้าใกล้หญิงใดมาก่อนวันนี้ต้องมาใกล้ชิดกับสนมคนงามของกัวกั๋วที่นางพยายามจะเข้าใกล้ถูกเนื้อต้องตัวข้าตลอดเวลา เจ้าคิดว่าบุรุษที่ไม่เคยใกล้ชิดหญิงใดเช่นข้าบำเพ็ญเพียรเป็นนักบวชมาตั้งนานจะไม่ตะบะแตกหรือไร”“ นั่นมันเรื่องของท่านอ๋อง ต้าเหนิงไม่พูดด้วยแล้ว”เขินจนไม่รู้จะไปอย่างไร เดินเอาห่อยาไปยังเตาไฟเพื่อจะเคี่ยวยา“โอ้ไม่น่าเชื่อแค่เพียงคนเร่ร่อนรอนแรมเหตุใดได้มาพักในเรือนรับรองของแขกคนสำคัญของซูตงกันเลยนะ”เชียวไฉหรานเดินเข้ามาข้างในห้องอย่างถือวิสาสะ ไม่ท
“หวางเย่หมายความว่าอย่างไร ซือกวานท่านต้องตอบคำถามข้าแล้วล่ะ”“ท่านอ๋องฉินเกอหลง”เชียวกงเล่อ อ้าปากค้างยกมือประสานกันตรงหน้าอย่างนอบน้อม“สวรรค์มีตาแต่เชียวกงเล่อหามีตาไม่ ข้าน้อยเชียวกงเล่อน้อมรับหารลงทัณฑ์จากหวางเย่”ไฉหรานหยุดร้องไห้ยืนตลึงพรึงเพริศ ทั้งรุ้สึกผิดทั้งเสียดายฉินเกอหลง และทั้งเจ็บปวดที่เห็นฉินเกอหลงกระอักเลือด“อย่าเพิ่งห่วงเรื่องการลงทัณฑ์ ตอนนี้หวางเย่กำลังบาดเจ็บสาหัสคนของท่านตามหมอหลวงถึงไหนกันป่านนี้ยังไม่มา”ซือกวานร้อนรนรีบพยุงฉินเกอหลงยังแท่นบรรทมไม้ไผ่ต้าเหนิงเม้มริมฝีปากหน้าเสียเมื่อฉินเกอหลงนิ่งลงไปอย่างเห็นได้ชัดท่านหมอหอบหลวมยาเข้ามาหน้าตื่น เสี่ยวจิ้งตามมาติดๆ“นี่ยาขอรับ นายท่านรีบกลืนยานี่ก่อน”ต้าเหนิงรีบรินน้ำใส่ในจอกส่งให้ฉินเกอหลงเริ่มใจเสียน้ำตาปริ่มขอบตาฉินเกอหลงที่นั่งนิ่งหลับตาข่มความเจ็บปวด“อึกกๆๆฮืออ”“ต้าเหนิงอย่าร้องไห้”เพียงคำพูดนี้ของฉินเกอหลงทำเอาน้ำตาร่วงพรู“ฮือออออย่าเป็นอะไรน้าาาาา ฮืออออเจ็บไหมอึกกกกๆๆๆ”ฉินเกอหลงเอื้อมมือกอดรวบเอวบางของต้าเหนิงอย่างปลอบโยน“ข้าไม่ชอบให้เจ้าร้องไห้ไม่รู้หรือไร”เฉินซือกวานถอนหายใจ หมอหลวงส่ายหน้าไป
เชียวเกอหลงอมยิ้ม ความหวานส่งออกมาทางสายตาและการกระทำ“ใครกัน จะไม่หลงเชื่อในเมื่อท่านอ๋องห่วงใยนางเพียงนั้น”“เอ่อต้าเหนิงนางคือเอ่อต้าเหนิงคนของตระกูลเอ่อที่เหลือรอดเพียงคนเดียวและนางคือคนที่ข้าต้องปกป้องตามบัญชาของเสี้ยนตี้หรือเสด็จปู่”“ตระกูลเอ่อ”“นางเหลือรอดคนสุดท้ายไร้ญาติมิตรเดส็จย่าจึงให้ข้า มาคอยอารักขานางและ นางตอนนี้วางยา กัวกั๋วฮ่องเต้ จนต้องหนีตาย”เชียวเกอหลงอ้าปากค้าง“เป็นแม่นางเอ่อต้าเหนิงคนนี้หรอกหรือที่วางยากัวกั๋วฮ่องเต้”สีหน้าประหลาดใจอย่างที่สุดต้าเหนิงอายุอานามไม่กี่มากน้อยทำไมถึงได้ใจถึงขนาดนี้“ข้าจะเล่าให้ฟังดีไหม เดิมใต้เท้าเฉินมอบยาพิษให้ข้าและบอกว่าให้วางยากัวกั๋วฮ่องเต้แต่พิษไม่ได้ร้ายแรงอะไรแค่ทำให้กัวกั๋วรู้ว่าต้องพิษแล้วข้าเป็นคนทำเพื่อจะได้สั่งประหารข้าแล้ว ๆๆๆท่านอ๋องจะได้มีแรงฮึดที่จะเข้าไปช่วยข้าและชิงบัลลังก์ไม่ได้บอกว่ากัวกั๋วฮ่องเต้จะต้องเป็นแบบนี้ ข้าผิดเองไม่คิดว่า ใต้เท้าเฉินจะเป็นคนแบบนี้ใต้เท้าเฉินจะหลอกใช้ข้าคิดว่าเป็นเขาที่ดีกับท่านอ๋องช่วยพวกเราจากองครักษ์วังหลวงให้ที่หลบซ่อน และยังมี เฉินอี้เหมยที่คอยดูแลอาากรบาดเจ็บของท่านอ๋อง”เหลือบต
ต้าเหนิงโยนหินลงกระทบผิวน้ำ ทีละก้อนแล้วยังไม่หายโมโห มือสองข้างกอบเอาก้อนหินเต็มกำมือปาลงบนพื้นน้ำแตกกระจาย เชียวกงเล่อวางดอกเหมยสีแดงหนึ่งดอกให้ไหลไปตามท้องน้ำ ต้าเหนิงมองดอกเหมยสีแดงงดงามลอยล่องไปตามลำน้ำ แล้วหันมาจ้องเชียวกงเล่อด้วยสายตาคมดุ“อย่างไหนที่ทำให้เจ้ารู้สึกสบายใจกว่ากันความแข็งแกร่งหรือความอ่อนโยน”“ถามทำไม ข้าผู้ไม่นิยมความอ่อนแอ”“เพราะฉะนั้นหวางเย่จึงเลือกที่จะดุดันเพื่อให้เจ้าได้รู้ว่า ชีวิตคนเราอะนะเกิดเพียงครั้งตายเพียงหนึ่งหากเจ้ายังใช้มันสิ้นเปลืองคนที่เจ็บปวดใจก็คือท่านอ๋องที่นั่งมองจ้าเน้นใช้ชีวิตไม่เน้นมีชีวิต ท่านอ๋องเช่นไรจะตามปกป้องเจ้าได้ตลอดเวลา”“ช่างเขาเถอะข้าไ่สนใจเขาแล้วว่าแต่ที่นี่มีงานให้ทำไหมข้าจะอยู่มันที่นี่แหละ” เชียวกงเล่ออมยิ้ม“งานหรือ”อือต้าเหนิงพยักหน้าขึ้นลง“ข้ารับสมัครนายหญิงน้อย เจ้ายินดีไหมเล่า”“อีกแล้วหรือ เฮ้อต้าเหนิงทำใจเถอะนะก็เจ้าหน้าตาดีขนาดนี้เจ้าก็เลยมีคนมาชอบมากมายสินะ”ิยิ้มแก้มปริเชิดหน้าสูงขึ้นเชียวกงเล่อยิ้ม“เจ้านี่จริงๆเลยไม่แปลกใจที่หวางเย่จะหวงแหนเจ้ายิ่งกว่าสิ่งของมีค่าชิ้นไหนเพราะเจ้าทำให้โลกสดใสเช่นนี้นี่เอง”“ข
“บิดาท่าน ไม่ว่าหรือที่ท่านหนีออกมาอย่างนี้”ต้าเหนิงถาม ซือกวานเบาๆอีกคนยิ้มทอดถอนใจ“ข้าเนรเทศตัวเอง”ต้าเหนิงยิ้ม อีกคนยิ้มเศร้า“ข้าไม่เคยได้ยินว่าใครเนรเทศตัวเองมาก่อนท่านกล้าเสียจริงต้าเหนิงคารวะเป็นศิษย์ดีไหม555 แล้วเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ของท่านอ๋องเล่านางจะลำบากไหม”ประโยคสุดท้ายคือคำห่วงใยจริงจังที่เฉินซือกวานสัมผัสได้“นางไม่ลำบาก เจ้าไม่ต้องห่วงนาง เดิมทีอี้เหมยนางสบายมาตลอดแค่ต้องมาใช้ความคิดนิดหน่อย มีน้ำตาเพียงเล็กน้อยตอนที่จะต้องถวายตัวกับกัวกั๋วตลอดชีวิตนางไม่เคยร้องไห้ด้วยซ้ำ ข้ากับหวางเย่ก็คอยปกป้องนางมาตลอดและยังมีหานจงที่ยอมเป็นลูกไล่นางเช่นนั้นนางไม่มีอะไรต้องกลัวหรือต้องห่วงอะไร”ต้าเหนิงยิ้มเศร้าๆรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินขึ้นมาทันที “ขอบคุณท่านที่ ที่เลือกที่ยืนข้างที่ถูก”เฉินชือกวานยิ้มบางๆ“ขอบคุณเจ้าเช่นกันที่วันนี้ทำให้ข้ารู้ว่าข้าตัดสินใจไม่ผิด”“ข้าไปแล้วท่าน อวยพรให้ข้าหน่อยสิว่าอย่าได้เจอ…คนหล่อหน้ายักษ์” เฉินซือกวานยิ้มสดใสนึกขำกับคำเรียกขานฉินเกอหลงของต้าเหนิงนางช่างสรรหาคำที่เหมาะกับตัวฉินเกอหลงเสียจริง“ขอให้ เจ้าอย่าใจดำกับหวางเย่ก็พอ”“ขี้โกงนี่ ข้าให้อ
ถ้ำกลางหุบเขา“หานจงดื่มยาเสียหน่อยเจ้่าอาการไม่ดีขึ้นเลย”ท่านหมอเยี่ยนฉือผประคองร่างบอบซ้ำของหานจงบรรจงป้อนยาที่เป่าไล่ลมร้อนไปแล้วจนอุ่นกำลังดี ท่านจะไม่ทิ้งข้าใช่ไหมท่านจะยังอยู่ตรงนี้ไใช่ไหม เยี่ยนฉือข้ากลัว กลางคืนมาน่ากลัว”มือไม้ไขว่คว้ากอดรัดเพ้อเพราะพิษไข้จากบาดแผลที่กำลังระบม“เจ้าเด็กโง่เอ๊ยใครกันจะทิ้งเจ้า ข้าควรจะไปเรียนวิชาแพทย์ใหม่ใช่ไหมอาการบาดเจ้บแค่นี้กลับทำให้ดีขึ้นไม่ได้”ร่างเล็กที่ท่อนบนมีผ้าพันแผลรอบไหลเลือดสีแดงยังไหลซึม“หนาวจัง”เยี่ยนฉือรีบเสื้อคลุมห่มให้แล้วขยับตัวตั้งใจจะเพิ่มฟืนให้โหมกระพือ แต่หานจงกลับรั้งร่างสูงมากอดรัดด้วยอาการของคนที่ไร้สติ“หนาว หนาวจัง”เยี่ยนฉือกอดร่างเล็กในอ้อมแขนเขาไว้แน่น อากาศหนาวอ้อมกอดอบอุ่นจึงช่วยได้ไม่น้อยเยี่ยนฉือยิ้มเศร้าๆกอดหานจงไว้ในอ้อมแขนแน่น จะห่วงอะไรห่วงอะไรกันเล่า ความสุขความทุกข์รายล้อมรอบตัวเราอยู่ที่ใครจะเก็บเกี่ยวความสุขได้มากกว่ากันเช้าสดใส“ท่าน ท่าน เยี่ยนฉือ เจ้าคนบ้าทำอะไรกับข้า”เสียงหานตงโวยวายแต่เช้าเยี่ยนฉืองัวเงียลืมตาขึ้นช้าๆก็เมื่อคืนกว่าเขาจะได้นอนหมอนี่ตัวร้อนเขาต้องคอยป้อนยาและกอดไว้ไม่ปล่อยพอจะปล่
“ท่านกำลังจะพาข้าไปที่ไหน”“เสด็จย่ากำลังจะไปบำเพ็ญเพียรที่วิหารเทียมฟ้าที่นั่นเจ้าจะปลอดภัย จนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยข้าจะแวะมารับเจ้าขอประทานอนุญาตพาเจ้าเข้าวัง”“ทำไมไม่พาข้าเข้าวังในตอนนี้เลยเล่าข้ากลัวที่จะต้องอยู่โดยที่ไม่มีใครที่ข้ารู้จัก”“เจ้ารู้จักข้าหรือ” เอ่อต้าเหนิงไม่ตอบคำถามแต่ซบหน้าลงลบนแผ่นหลังบอบบางของฉินเกอหลงแทนคำตอบ อีกคนอมยิ้มก่อนลาในคืนนั้น ต้าเหนิงยืนนิ่งมองฉินเกอหลงที่กำลังจะกระโดดขึ้นบนหลังม้าหานจงยืนม้าคอยอยู่ก่อนแล้ว“ข้าไม่อาจพาเจ้าเข้าวังได้ แต่นี่คือป้ายหยกของข้าเจ้านำมันไปยื่นที่ประตูวังเพื่อขอพบข้า หากว่าอยากพบข้า”ปลดป้ายหยกข้างเอวให้กับเอ่อต้าเหนิงที่รับเอาด้วยรอยยิ้มเศร้าๆวังหลวง“เกอหลง แม่ให้ขันทีตามตัวเจ้าเหตุใดจึงไม่พบที่ตำหนักบูรพา”“เอ่อ เอ่อ ลูกไปที่ตลาดเช่นทุกครั้งที่เคยทำไม่ได้ไปนอกลู่นอกทางที่ไหนดีแล้วมาใกล้ๆแม่หน่อย”ฉินเกอหลงเดินเข้าไปหามารดาที่สวมกอดฉินเกอหลงไว้แนบแน่น“คิดถึงเจ้าเหลือเกินเกอหลง หลายวันมานี้แม่ป่วยไข้คิดว่าจะไม่ได้พบหน้าเจ้าเสียแล้ว”“พระมารดา ท่านอย่าพูดแบบนี้ต่อไปลูกจะมาที่นี่ทุกวันเพื่อให้พระมารดากอด”มารดาเหอเต่อยิ้
“ส่งข่าวบอกกับเสด็จย่า ข้ายังไม่สะดวกที่จะกลับไปแสวงบุญที่วิหารเทียมฟ้าอยู่อย่างนี้ก็ดีแล้วเวลานี้ไม่เหมาะสมที่จะโยกย้าย” หานจงถอนหายใจยาว หันหลังก้าวเดิน เสียงลูกดอกแหวกอากาศมาแต่ไกลพุ่งเข้าใส่ฉินเกอหลงที่นั่งนั่งทว่าฉินเกอหลงกลับใช้ประคำในมือตวัดเข้าใส่ดอกให้ตกลงข้างกายหานจงพุ่งตัวตามต้นตอของลูกดอก บุรษที่สวมอาภรณ์พรางตัว พุ่งตัววิ่งลัดเลาะบนกำแพงหนีออกจากวัดไปง่ายดาย“ไม่ต้องตาม”“หวางเย่ แย่แล้วใครกันที่คิดทำร้ายหวางเย่ได้อีกก็ในเมื่อร่างข้อตกลงว่าจะไม่ ทำร้ายและสังหารหวางเย่แล้วนอกจากนั้นหวางเย่ยังมีใครที่คิดจะทำร้ายอีก”ฉินเกอหลง ขมวดคิ้วดกดำ“นั่นสินะ ข้าไร้สามารถที่จะบอกว่าใครเป็นคนที่คิดจะจัดการกับข้า”“หวางเย่ ควรจะคิดเสียใหม่เถิด ใครจะปล่อยให้ศัตรูยังมีชีวิตอยู่เป็นหอกข้างแคร่ไปวันๆ”“นั่นสินะข้าเองที่เข้าใจผิดไปเองว่ายอมถอยแล้วกัวกั๋วฮ่องเต้จะปล่อยข้าไป” หมู่บ้านซูตง“เรีบบร้อยหรือไม่”“ขอรับท่านจ้าวบ้านข้าน้อยแค่ทำให้ฉินเกอหลงรู้ว่ามีคนปองร้าย”“ดีมากจัดการ ต่อไปได้เรื่อยๆ จนกว่าเขาจะยอมเดินทางกลับวังหลวง” เอ่อถูหวังซวนยิ้มมุมปาก“อีกไม่นานอีกไม่นานเท่านั้นฉินเกอหลงจะต้อง
บ้านเฉิน“นางกำนัลที่ชื่อเจายี่”“เจ้าค่ะคุณหนูรอง พูดคุยกับนางแล้วเจ้าค่ะ นางยินดีรับเงินที่คุณหนูรองมอบให้นางและนางยินดีทำตามคำสั่งของคุณหนูรองเจ้าค่ะ”“ดีมากมอบยาให้นางหรือยัง”“เจ้าค่ะ ข้าน้อยสงสัยเจ้าค่ะยานั่นไม่ทำให้ตายทำไมคุณหนูไม่ให้ยาที่ทำให้ตายได้เลยเจ้าคะจะยื้อเวลาไปทำไมกัน พระสนมเอ่อตายได้ก็สาวมาไม่ถึงคุณหนูรองอยู่ดี เพราะท่านเฉินเป็นถึงผู้นำสี่ตระกูลใหญ่”“ข้าตั้งใจให้นางค่อยๆ ป่วยและตายไปในที่สุดกว่าทุกอย่างจะพร้อมให้นางอยู่ในฐานะสนมให้สบายพอท่านอ๋องกลับมานางก็จากไปพอดีช่างน่าสมเพชยิ่งนัก” สาวใช้นิ่งงันคิดไม่ถึงว่าเฉินอี้เหมยจะมีความคิดที่ร้ายกาจเช่นนี้“ส่งยาเข้าไปเรื่อยๆ คงอีกสักพักว่านางจะล้มป่วย”ตำหนักสิบหก“เครื่องเสวยที่ฝ่าบาทประทานมาให้กับพระสนมเอ่อเป็นเครื่องเสวยที่ได้วัตถุดิบจากโพ้นทะเล อีกอย่างอาหารทะเลพวกนี้หายากยิ่งแล้วกว่าจะส่งมาต้องใช้กล่องไม้ที่สั่งทำเป็นพิเศษใส่น้ำทะเลลงไปให้สัตว์น้ำที่ต้องการ นำมาถวายเป้นเครื่องบรรณาการกับฝ่าบาทได้อาศัยและยังต้องให้อาหารเลี้ยงดุจนพวกมันอ้วนท้วนส่งมาถึงนี่เพื่อปรุงเครื่องเสวยที่สดใหม่” ขันทีตัวเค่อเดินยกปูม้าตัวใหญ่สองสาม
“ไม่มีจริงๆ แล้วสินะ ต้าเหนิง ลูกแม่แกเสียใจไหม” คุณปทุมถาม ต้าเหนิงน้ำเสียงเศร้าๆ“ไม่นี่แม่ ไม่ได้รู้สึกอะไรโล่งใจด้วยซ้ำ”“ต้าอย่าทำเป็นฝืนใจเลยต้า แม่ขอโทษ ที่ทำให้..หนูอายคนอื่นเขา”“ไม่ใช่แม่สักหน่อย เป็นคนพวกนั้นต่างหากที่ตั้งใจมาหลอกเราจะว่าไปได้ที่ดินตั้งเกือบร้อยไร่เพื่อต่อทุนทำไมพวกเขาไม่ยอมมาแต่งนะ” ตั้งข้อสังเกตคุณปทุมถอนหายใจยาว“ป๊าส่งคนตามกวนหยงแล้ว แต่จนป่านนี้ยังไม่ได้ข่าว”“ช่างเถอะค่ะใครสนกันไม่แต่งก็ไม่แต่งก็แค่ดูตัวไปเรื่อยๆ จะยากอะไร”คุณปทุมยิ้มเศร้าๆ“แม่กับป๊าไม่น่าบังคับต้าเลย” ต้าเหนิงกอดรอบเอวอวบของคุณปทุม“อย่าคิดมากน่าคุณนายปทุมใครเขาโทษป๊ากับแม่เล่า ดีจะตายไม่ได้แต่งไม่งั้นคืนนี้ไม่ได้หลับได้นอน” คุณปทุมขำกับความทะลึ่งของต้าเหนิง“ดีสิแบบนั้นแม่จะได้มีหลานเร็วๆ”“ไม่อย่างนั้นสิคะ ที่ไม่ได้นอนเพราะเอาแต่คิดรายรับรายจ่ายจนหัวหมุนกว่าจะขาดทุน” คุณปทุมอมยิ้ม“ป๊าแกก็เสียใจป่านนี้คงโทรไปต่อว่าคนพวกนั้น ดึกขนาดนี้ใครจะรับโทรศัพท์ ต้าไปนอนได้แล้วลูกเกือบจะตีหนึ่งแล้ว” ต้าเหนิงพยักหน้าขึ้นลงอย่างว่าง่ายเดินขึ้นไปชั้นบนห้องนอนของต้าเหนิงที่ถูกจัดเป็นห้องหอผ่าน
วันนี้ต้าเหนิงถูกคุณปทุมคุมตัวมานั่งที่ห้องด้านล่างเพื่อใช้สำหรับแต่งตัว ไมไ่ด้จัดงานที่โรงแรมอย่างที่ควรจะเป็นเพียงจัดที่บ้านหลังใหญ่ราคาหลายสิบหลานที่ป๊าของต้าเหนิงเป็นคนสร้างมันขึ้นเองกับมือไม่มีแขกมีแค่ญาติผู้ใหญที่มาคอยดูความสำเร้จของลูกหลาน ตามธรรมเนียมไทยแท้“วาสนาจริงๆ นะคะเนี๊ยะ ดูสิสินสอดตั้ง100ล้านทำบุญด้วยอะไรคะเนี๊ยะ” หนึ่งในญาติผู้ใหญ่ที่แม่บอกต้าเหนิงแต่ความจริงแล้วก้แค่เพื่อนสมัยปฐมของแม่ที่ยังแวะเวียนกินข้าวเล่นไพ่นกกระจอกด้วยกัน ตั้งประเด็นให้คนอื่นพลอยชื่นชมสิ่งที่ต้าเหนิงและคุณปทุมกำลังจะได้รับ“มีลูกสาวสวยก้บแบนี้แหละค่ะ ว่าแต่หนูต้านี่26แล้วใช่ไหมคะทำไมหน้าเด็กๆ แล้วยังสวยกว่าดาราบางคนอีก” เพื่อนอีกคนที่มักจะชอบพูดไปในด้านดีเสียหมดพูดขึ้นบ้างคุณปทุมยิ้มจะได้โอกาสคุยโม้ก็วันนี้แหละ“ยัยต้านะเหรอคะโอ๊ย เขาก็หน้าเด็กแบบนี้แหละค่ะ แต่สมองอะนะเกินตัวคิดอะไรนี่อย่างกับคอมพิวเตอร์ มียัยต้าคนเดียวสบายแปดอย่างนี่เขาเหมือนพ่อเขานะ เดินทางสายอสังหาเหมือนกันเดือนๆ หนึ่งยัยต้าขายบ้านได้เป็นสิบๆ หลังได้เงินมาก็คงไปแต่งสวยเขาแหละแม่กับพ่อไม่เคยขอสักบาทแต่จะว่าไปของแทร่ทั้งนั้น
“ต้องแต่งแล้วหรือคะ ตายแล้วต้ายังไม่ได้บอกเพื่อนๆ เลยเรื่องนี้ ไวไปไหมคะ”จะมีกี่คนกันศัตรูจะมากมากกว่าสินะฮ่าาาาคุณปทุมส่ายหน้าระอาใจ“สมัยนี้เขาก็แต่งกันสายฟ้าแลบแบบนี้แหละ ใครๆเขาก็ทำกัน”“เขาแน่ใจหรือคะ ว่าเขาอยากจะแต่งหนูหน้าก็ยังไม่เคยเป็นกันสักครั้ง” นัดสองครั้งต้าเหนิงก็แกล้งไปไม่ตรง เวลาจนผู้ชายคนนั้นไม่รอใครจะรอเล่าไปสายสองชั่วโมงแต่มาบอกกับคุณปทุมว่า เป็นฝ่ายชายที่ไม่มาให้ต้าเหนิงรอเก้อถึงอย่างนั้นแม่กับพ่อก็ยังไปตกลงให้ต้าเหนิงแต่งกับเขาอีก“อย่างไงก็ต้องแต่ป๊าแกตกลงกับ พ่อกับแม่เขาไว้แล้ว”“แม่ ผู้ชายคนนั้นไม่มาดูตัวต้าเลยนะแม่คิดว่าเขารักลูกแม่จริงหรือ….” คุณ ปทุมถอนหายใจ“ป๊าแกอะ ตอนนี้ยังอยู่กับก๊วนเพื่อนตีกอล์ฟอยู่เมืองจีน เขาบอกว่าผู้ชายเขาเตรียมขันหมากมาแล้วเราแค่จัดสถานที่ไว้รอ เขาไปกินข้าวกับพ่อกับแม่ของผู้ชายตกลงกันแล้วเรียบร้อย ต้าก็แค่ยอมแต่งไปเขามีกิจการใหญ่โต กำลังขยายกิจการมาลงทุนในไทย แล้วต้าอะนะปีนี้26แล้วอยู่นานไปไม่ดีนะคนจีนเขาว่ายิ่งแต่งไวยิ่งสบายไปข้างหน้า แม่จ้างออแกไนท์ไว้แล้วเราแค่จัดสถานที่พรุ่งนี้ขันหมากก็มา”ต้าเหนิงขมวดคิ้วทำมต้องเป็นฝ่ายหญิงที
ภัตตาคารแห่งหนึ่งต้าเหนิงหอบกระเป๋าวิ่งเข้าไปข้างในเลยเวลานัดอีกแล้วจูหรานนั่งอยู่อีกมุมหนึ่งคอยมองผู้หญิงที่ใส่เดสสีขาวสะอาดนั่นก็คือต้าเหนิง“สวยไม่เบา” พูดขึ้นเบาๆกวนหยงหลุบตามองโต๊ะอาหาร สวยสิสวยจนเขาตกตะลึงสวยกว่าจูหรานไม่น้อยเขานิยมผู้หญิงสวยหวานเวลานอนร่วมเตียงยามที่กำลังนัวเนียกัน จะหวานขนาดไหน แต่พูดไปเสียอีกทาง“นัดบ่ายสี่โมง มาหกโมงเย็น ใครจะรอ”“คุณอย่างไรเล่า คุณสือกวนหยงที่นั่งรออยู่ที่นี่แต่ไม่ไปพบ”“การนัดหมายของเราสองคนสิ้นสุดแล้วเขาไม่มาตอนสี่โมงก้เท่ากับไม่มาถ้าผมแสดงตัวว่ารอเขาตั้งสองชั่วโมงเขาก็จะหัวเราะเยาะหาว่าผมอยากแต่งกับเขาจนตัวสั่นสินะ”จูหรานยิ้มบางๆ“ผู้หญิงคนนี้เขาจะสำนึกไหมว่าตัวเองมาสายเลยทำให้ไม่เจอคุณ คุณไม่ออกไปพบเขาหน่อยหรือ”“ความจริงผมก็อยากจะพบเขานะแต่ จะลองนัดไปดูอีกครั้งว่าจะมาสายอีกไหม” จูหรานอมยิ้ม“สวยไหม”“ไม่เท่าไหร่” ลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปชะโงกแต่รีบหันหลังไม่ให้ต้าเหนิงเห็นเพราะต้าเหนิงที่เดินจ้ำกลับมาทางเดิมพร้อมกับคุยโทรศัพท์กับคุณปทุม“ไม่เจอค่ะคุณแม่คนอะไรให้ต้ามารอตั้งนานต้าไม่รอแล้วนะคะกลับบ้านดีกว่าค่ะเสียเวลา” กวนหยงยิ้มมุมปาก
“เป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจจริงๆ เลยครับ”“ผมเคยไปดูตัวมาแล้วผู้หญิงคนนี้เหมาะที่จะเป็นโสดจนตาย” หนุ่มคนหนึ่งพูดนินทาให้หนุ่มคนหนึ่งฟังเรื่องต้าเหนิง“เราพบผู้หญิงคนเดียวกันใช่ไหม”“นั่นใช่นางเลยแหละต้าเหนิงคนนั้นคนที่ ปากจัดเหลี่ยมเยอะ” ต้าเหนิงที่นั่งหันหลังอยู่อีกฝั่งของชายหนุ่มทั้งสองยิ้มมุมปากคุณปทุมส่ายหน้าไปมา“แย่จริง พรุ่งนี้แม่นักคนดูตัวให้อีกคนจากประเทศจีนอีกแล้ว”“ใครคะ”“ญาติห่างๆๆๆๆ กับเรา เขามีธุรกิจเป็นของตัวเองหล่อรวยและโปรไฟล์ดี”“ก็แบบนี้ทุกคน แต่คนนี้ไม่เชิงว่าดูตัวแม่กับพ่อลงความเห็นกันแล้วเราแค่อยากให้พวกลุกได้พบกันความจริงเราทาบทามและหาฤกษ์ดีไว้แล้ว”ต้าเหนิงเลิกคิ้ว ใช้ตะเกียบในมือพันเส้นหมี่ฮกเกี้ยนในจาน“มัดมือชกเลยหรือ”“กินข้าวกันสองสามครั้งแล้วแต่งเลยพรุ่งพบกันที่ร้านเดิมที่แม่เคยนัดหนุ่มๆ ไว้ให้ต้านั่นแหละลูก” ต้าเหนิงถอนหายใจเฉิงตู“ยังโสดครับท่าน ชื่อว่าคุณต้าเหนิงโสดสนิท มีคนมาดูตัวแต่ก็ไม่เคยตกลงกับใคร” ฉินเกอหลงพยักหน้าขึ้นลง “หาทางพามาที่นี่ได้หรือยัง” หานจงถอนหายใจ (หานจงก็มา) “ยังไม่รู้ว่าจะเอาแบบไหนเลยครับผมไม่รู้จะจัดการอย่างไร ถ้าเป็นที่นี่ใครๆ
ต้าเหนิง เดินทอดน่องอยู่บนสถานีรถไฟฟ้า“กริ้งๆๆๆๆ” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นรีบเอาแนบหู“สวัสดีค่ะ” ปลายสายพูดเบาๆ“ใครคะรู้จักเราด้วยหรือคะ”“ไม่รู้จักแค่จะโทรมาด่า อินังสารเลวอิชั่วแย่งผัวชาวบ้านอิหน้าด้าน อิ กระ…” ต้าเหนิงสตั้นแป็บ“นี่มาได้กันแบบนี้เลยหรือฉันไปทำอะไรให้คุณ”“ผัวฉันพูดถึงเธอทุกวัน คอยดูนะแม่จะบุกไปตบให้” ต้าเหนิงถอนหายใจ“ฉันแค่ขายบ้านผัวเธอชื่ออะไรฉันจะได้ไม่ต้องขายบ้านให้เคสนี้ขอผ่าน” เสียงปลายสายบ่นงึมงำ“คุณ กำธร” ต้าเหนิงถอนหายใจยาว“ขอบคุณ รอรับผลกรรมได้เลย” วางสายพร้อมกับยิ้มหยันยี่สิบนาทีต่อมา“เห็นไหมฉันอยู่กับใคร” ต้าเหนิงนอนบนเตียงด้วยชุดนอนบางเบา แกว่งเนกไทในมือไปมาวีดีโอคอลให้สาวคู่กรณีเมื่อครู่ได้เห็น“แกๆๆ นางต้าเหนิงแกเอาผัวฉันไปกกหรือ”“ฮะๆๆๆ ฮ่า ฉันไม่ได้กกเขา แต่เขากกฉันจริงไหมคะคุณกำธร อย่าลืมโอนเงินค่ามักจำบ้านด้วยนะคะเพิ่มอีก6แสน สำหรับเรื่องบนเตียงในวันนี้ของเรา ฮ่าาาา” หันไปทางด้านหลังทำหน้าเหยเกเหมือนกำลังกำลังโดนกระทุ้งด้วยอะไรบางอย่างอยู่ที่บั้นท้าย ปลายสายหน้าถอดสี“กรี๊ดดดดดดดฉันจะฆ่าแก แกนังต้าเหนิงฉันจะฆ่าแก” ต้าเหนิงกดวางสาย ยิ้มมุมปากเ
วิหารเทียมฟ้า“ไทฮองไทเฮาเพคะ มีคนผู้หนึ่งอยากจะไทฮองไทเฮาเพคะ”ร่างท้วมหยุดชะงักเงยหน้าขึ้นมองรูปสลักองค์พระประติมาที่แกะสลักจากหยกขาวสูงตระหง่านในวิหารเทียมฟ้า“เชิญเขาเข้ามาได้” ร่างสูงสวมหมวกปิดบังใบหน้า หนวดสีเทายาวลงมาที่กลางอกเดินเข้ามายืนตรงหน้าไทฮองไทเฮาที่หน้าถอดสี“ท่านผู้นี้ ท่านยังไม่ตายหรอกหรือ” เอ่อถูหวังชวนเงยหน้าขึ้นยิ้มน้อยๆ“ซีโหยว ท่านยังความทรงจำเกี่ยวกับข้าอีกหรือ”“ความทรงจำมากมายด้วยเรื่องของเราสามคน” ไทฮองไทเฮาพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นน้อยๆ“ฮะฮะฮ่าาาา ข้ามาดีไม่ได้มาทวงความแค้นอะไรกับท่านหรอกแค่อยากจะบอกเรื่องที่เคยตกลงกันไว้”“เรื่องคนของตระกูลเอ่ออย่างนั้นหรือ ไท่ซางหวงพยายามตลอดมาที่จะให้คนในตระกูลเอ่ออยู่สบายแต่พอสิ้นไท่ซางหวง” ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปถึงจะบอกว่าพยายามก็ไม่อาจบังคับกะเกณฑ์ใครได้ ตอนนี้จึงได้ภาวนาให้นางรอดพ้นวิกฤติ” หมายถึงอะไรยังมีเหลือคนของตระกูลเอ่ออยู่อีกหรือไร”“ท่านไม่ได้มาเพราะเรื่องนี้หรือ ข้าไม่อาจห้ามปรามนางได้นางเข้าวังไปอาศัยบารมีของไทเฮา นางช่างเดียงสานักไม่รู้หรือไรว่ากำลังขี่หลังเสืออยู่ เดิมข้าคิดแค่เพียงว่านางเข้าไปเพื่อพบ…ฉินเกอห