“บิดาท่าน ไม่ว่าหรือที่ท่านหนีออกมาอย่างนี้”ต้าเหนิงถาม ซือกวานเบาๆอีกคนยิ้มทอดถอนใจ“ข้าเนรเทศตัวเอง”ต้าเหนิงยิ้ม อีกคนยิ้มเศร้า“ข้าไม่เคยได้ยินว่าใครเนรเทศตัวเองมาก่อนท่านกล้าเสียจริงต้าเหนิงคารวะเป็นศิษย์ดีไหม555 แล้วเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ของท่านอ๋องเล่านางจะลำบากไหม”ประโยคสุดท้ายคือคำห่วงใยจริงจังที่เฉินซือกวานสัมผัสได้“นางไม่ลำบาก เจ้าไม่ต้องห่วงนาง เดิมทีอี้เหมยนางสบายมาตลอดแค่ต้องมาใช้ความคิดนิดหน่อย มีน้ำตาเพียงเล็กน้อยตอนที่จะต้องถวายตัวกับกัวกั๋วตลอดชีวิตนางไม่เคยร้องไห้ด้วยซ้ำ ข้ากับหวางเย่ก็คอยปกป้องนางมาตลอดและยังมีหานจงที่ยอมเป็นลูกไล่นางเช่นนั้นนางไม่มีอะไรต้องกลัวหรือต้องห่วงอะไร”ต้าเหนิงยิ้มเศร้าๆรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินขึ้นมาทันที “ขอบคุณท่านที่ ที่เลือกที่ยืนข้างที่ถูก”เฉินชือกวานยิ้มบางๆ“ขอบคุณเจ้าเช่นกันที่วันนี้ทำให้ข้ารู้ว่าข้าตัดสินใจไม่ผิด”“ข้าไปแล้วท่าน อวยพรให้ข้าหน่อยสิว่าอย่าได้เจอ…คนหล่อหน้ายักษ์” เฉินซือกวานยิ้มสดใสนึกขำกับคำเรียกขานฉินเกอหลงของต้าเหนิงนางช่างสรรหาคำที่เหมาะกับตัวฉินเกอหลงเสียจริง“ขอให้ เจ้าอย่าใจดำกับหวางเย่ก็พอ”“ขี้โกงนี่ ข้าให้อ
ถ้ำกลางหุบเขา“หานจงดื่มยาเสียหน่อยเจ้่าอาการไม่ดีขึ้นเลย”ท่านหมอเยี่ยนฉือผประคองร่างบอบซ้ำของหานจงบรรจงป้อนยาที่เป่าไล่ลมร้อนไปแล้วจนอุ่นกำลังดี ท่านจะไม่ทิ้งข้าใช่ไหมท่านจะยังอยู่ตรงนี้ไใช่ไหม เยี่ยนฉือข้ากลัว กลางคืนมาน่ากลัว”มือไม้ไขว่คว้ากอดรัดเพ้อเพราะพิษไข้จากบาดแผลที่กำลังระบม“เจ้าเด็กโง่เอ๊ยใครกันจะทิ้งเจ้า ข้าควรจะไปเรียนวิชาแพทย์ใหม่ใช่ไหมอาการบาดเจ้บแค่นี้กลับทำให้ดีขึ้นไม่ได้”ร่างเล็กที่ท่อนบนมีผ้าพันแผลรอบไหลเลือดสีแดงยังไหลซึม“หนาวจัง”เยี่ยนฉือรีบเสื้อคลุมห่มให้แล้วขยับตัวตั้งใจจะเพิ่มฟืนให้โหมกระพือ แต่หานจงกลับรั้งร่างสูงมากอดรัดด้วยอาการของคนที่ไร้สติ“หนาว หนาวจัง”เยี่ยนฉือกอดร่างเล็กในอ้อมแขนเขาไว้แน่น อากาศหนาวอ้อมกอดอบอุ่นจึงช่วยได้ไม่น้อยเยี่ยนฉือยิ้มเศร้าๆกอดหานจงไว้ในอ้อมแขนแน่น จะห่วงอะไรห่วงอะไรกันเล่า ความสุขความทุกข์รายล้อมรอบตัวเราอยู่ที่ใครจะเก็บเกี่ยวความสุขได้มากกว่ากันเช้าสดใส“ท่าน ท่าน เยี่ยนฉือ เจ้าคนบ้าทำอะไรกับข้า”เสียงหานตงโวยวายแต่เช้าเยี่ยนฉืองัวเงียลืมตาขึ้นช้าๆก็เมื่อคืนกว่าเขาจะได้นอนหมอนี่ตัวร้อนเขาต้องคอยป้อนยาและกอดไว้ไม่ปล่อยพอจะปล่
“ท่านกำลังจะพาข้าไปที่ไหน”“เสด็จย่ากำลังจะไปบำเพ็ญเพียรที่วิหารเทียมฟ้าที่นั่นเจ้าจะปลอดภัย จนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยข้าจะแวะมารับเจ้าขอประทานอนุญาตพาเจ้าเข้าวัง”“ทำไมไม่พาข้าเข้าวังในตอนนี้เลยเล่าข้ากลัวที่จะต้องอยู่โดยที่ไม่มีใครที่ข้ารู้จัก”“เจ้ารู้จักข้าหรือ” เอ่อต้าเหนิงไม่ตอบคำถามแต่ซบหน้าลงลบนแผ่นหลังบอบบางของฉินเกอหลงแทนคำตอบ อีกคนอมยิ้มก่อนลาในคืนนั้น ต้าเหนิงยืนนิ่งมองฉินเกอหลงที่กำลังจะกระโดดขึ้นบนหลังม้าหานจงยืนม้าคอยอยู่ก่อนแล้ว“ข้าไม่อาจพาเจ้าเข้าวังได้ แต่นี่คือป้ายหยกของข้าเจ้านำมันไปยื่นที่ประตูวังเพื่อขอพบข้า หากว่าอยากพบข้า”ปลดป้ายหยกข้างเอวให้กับเอ่อต้าเหนิงที่รับเอาด้วยรอยยิ้มเศร้าๆวังหลวง“เกอหลง แม่ให้ขันทีตามตัวเจ้าเหตุใดจึงไม่พบที่ตำหนักบูรพา”“เอ่อ เอ่อ ลูกไปที่ตลาดเช่นทุกครั้งที่เคยทำไม่ได้ไปนอกลู่นอกทางที่ไหนดีแล้วมาใกล้ๆแม่หน่อย”ฉินเกอหลงเดินเข้าไปหามารดาที่สวมกอดฉินเกอหลงไว้แนบแน่น“คิดถึงเจ้าเหลือเกินเกอหลง หลายวันมานี้แม่ป่วยไข้คิดว่าจะไม่ได้พบหน้าเจ้าเสียแล้ว”“พระมารดา ท่านอย่าพูดแบบนี้ต่อไปลูกจะมาที่นี่ทุกวันเพื่อให้พระมารดากอด”มารดาเหอเต่อยิ้
อุทยานหลวงหมู่แมกไม้กลับงดงามด้วยโคมไฟสว่างไสวเอ่อต้าเหนิงเดินพลางสงสัยว่าทำไมต้องมานัดพบกันในที่สว่างไสวเพียงนี้ที่นั่นใต้ต้นดอกเหมยสีแดงสด ร่างสูงยืนหันหลัง ต้าเหนิงก้าวขาไปข้างหน้ามือกำที่ป้ายหยกไว้แน่นปีหนึ่งเต็มๆที่ไม่ได้พบกัน ตั้งแต่วันนั้นฉินเกอหลงไม่เคยไปที่วิหารเทียมฟ้าอีกเลย เขาคงมีเรื่องราวมากมายให้สะสางจึงไม่ไปรับเต้าเหนิงเข้าวัง“ทะท่านอ๋อง” ร่างสูงที่เอามือไพล่หลังหันหน้ามาช้าๆ“เอ่อต้าเหนิง เจ้าหรือคุณหนูเอ่อต้าเหนิง”เอ่อต้าเหนิงยืนตัวแข็งทื่อกับภาพตรงหน้ากัวกั๋วฮ่องเต้ที่มีใบหน้าละม้ายฉินเกอหลงทว่าสีหน้ากับไม่มีความจริงใจ“งดงาม งดงามจริงๆ”เอ่ต้าเหนิงรีบหันหลังกลับเมื่อรู้ว่าไม่ใช่ฉินเกอหลง แต่กลับถูกกัวกั๋วฮ่องเต้ คว้าเอวบางกอดรวบไว้แน่น พยายามดิ้นรนยิ่งดิ้นอ้อมกอดยิ่งแน่นขึ้นกว่าเดิม“ฝะฝ่าบาทปล่อยเต้าเหนิงเพคะ”ดิ้นรนเอาตัวรอดรู้ว่าถูกหลอกเสียแล้ว“ฮือ ได้ยินว่าจะไปพบอ๋องฉินจวิ้นหวัง จริงสิพรุ่งนี้เขาก็จะไปบวชแล้วนี่ อยากพบกเขาก็ต้องดีกับข้าหน่อย คืนนี้ปรนิบัติข้าดีไหม…ข้าต้องการเจ้า”กระซิบข้างหูเสียงสั่น เอ่อต้าเหนิงส่ายหน้าไปมา แต่กัวกั๋วฮ่องเต้กลับยิ้มพรายเอ่อต้
“คิดอะไรอยู่”ต้าเหนิงถามฉินเกอหลงที่เงียบไป“คิด คิดถึงเรื่องราวในอดีต ข้าไม่อาจปกป้องคนที่รักและเก็บรักษาพวกเขาไว้ได้ เสด็จพ่อจากไป รวดเร็วเหลือเกิน เจ้ารู้ไหเจ้าจะเจ็บที่สุดก็ต่อเมื่อเขาจากไปไม่ลา”“คนที่กำลังจะตาย เขาไม่สนใจหรอกว่าเราจะพร้อมหรือเปล่าเราพร้อมให้เขาไปไหม เมื่อถึงเวลาเขาก็จะทิ้งเราไป เหมือนกับว่าไมารักเราไม่ห่วงเราทั้งที่เขาอยากจะอยู่กับเรานานๆ”ฉินเกอหลงยิ้ม“เราจะอยู่ที่ซูตงอีกไม่นานแล้วจะออกเดินทางเพื่อไปพำนักที่สุ่ยจิง”“ที่นี่ก็สบายดีทำไมเราไม่อยู่ที่นี่”“ข้า หากข้าจะบอกว่าเจ้ายินดีจะแต่งกับข้าไหม”ต้าเหนิงเลิกคิ้วสูงต้าเหนิงยกมือขึ้นอังหน้าผากฉินเกอหลง เขากับรวบมือบางมาจุมพิต“ไมไ่ด้ไม่สบายไม่ได้จับไข้ไม่ได้เป็นอะไรแต่ต้องพิษ”“ต้องพิษ ต้องตามท่านหมอแล้วท่านอ๋องรอนี่แป็บนะ”คว้ามือมาไว้ กอดรวบรอบเอวบาง“ต้องพิษ…รัก เจ้า ต้าเหนิงนี่เก่งจริงๆวางยาพิษกัวกั๋วฮ่องเต้ แล้วยังวางพิษรักกับฉินเกอหลงได้อีก”“หือ นี่ชมหรือด่า”“ข้า รักเจ้าหมดใจ จะกล้าด่าหรือ จึงอยากแต่งเจ้าเสียแต่งกันก่อนที่จะถึงสุ่ยจิง”“ทำไม อยู่ๆถึงอยากจะแต่ง ท่านอ๋องแน่ใจหรือว่าจะรันิสัยไม่ดีของต้าเหนิ
“จะจะเจ้าค่ะ”จะเอ่ยคำได้ได้ก็ได้แต่คำนี้ในเมื่อปู่อะไรก่อนอยู่ๆก็มีปู่ แล้วสองคนนั่นเป็นอะไรกับ้าเหนิงเป้นอาหรอกหรือไม่ข่มตาเหนิงตายห่าหรือไรคนที่หนักใจไม่แพ้กันคือฉินเกอหลง ต้าเหนิงยิ้มเจื่อนๆจำคำพูดของเจายี่ได้ขึ้นใจ ท่านปู่ของพระสนมเอ่อถูหวังซวนร้ายกว่านี้อีก“ไม่ต้องห่วงนะ ทายาทตระกูลเอ่อมีเพียงเจ้าเท่านั้นเชียวกงเล่อกับเชียวไฉหรานนั่นคือลูกเลี้ยงของข้า ที่นี่มีข้ากับเจ้าเท่านั้นที่เป็นคนตระกูลเอ่อ”เหมือนเข้ามานั่งในใจต้าเหนิงไขปัญหาให้เสร็จสรรพ “เจ้าค่ะท่านปู่”ยังนอบน้อมเช่นเดิม “ไม่ต้องรีบร้อนความแค้นของตระกูลเอ่อจะต้องได้รับการสะสาง ตระกูลไหนที่เคยหักหลังข้าไม่มีทางให้อภัย”“อาวุโสเอ่อ ท่านพูดเช่นนี้รวมถึงข้าด้วยใช่ไหม”ต้าเหนิงกลืนน้ำลายลงคอยากเย็น แล้วความสัมพันธ์ระหว่างต้าเหนิงกับฉินเกอหลงเล่าจะเป้นในแนวทางไหนต่อจากนี้ทุกอย่างเหมือนถอยหลังลงคลองทำไมมีอุปสรรค์เยอะจัง ดวงตาเกรี้ยวกราดสีสนิมเหล็กนั่น เหมือนจะอ่อนแสงลง“ข้าได้ยินว่าหวางเย่รับบัญชา ..ปู่ของหยางเย่ให้ช่วยปกป้องตระกูลเอ่อ และผู้รอดชีวิตในตระกูลเอ่อ ความจริงแล้วหาสำคัญไม่ แต่ก็ถือว่าหวงซานตี้เป็นสหายที่ดีไม่น้อยย
“ขอบคุณท่านปู่ที่สั่งสอนต้าเหนิง ต้าเหนิงเข้าใจแล้วจะไม่ทำให้ท่านปู่ผิดหวังแต่กระนั้นเรื่องรักใครบังคับกันได้หรือ หลานอยากแต่งกับท่านอ๋อง ท่านอ๋องไม่ดีตรงไหน อีกอย่างหลานมีใจปฏิพัทธ์ท่านอ๋องร่วมเป็นร่วมตายมิได้เพิ่งจะมาพบกันสามวันเหมือนลูกบุญธรรมของท่านปู่ไฉหรานคนนั้นแล้วบอกว่าปลาบปลื้มหลานน่ะนะยิ่งกว่าปลาบปลื้ม แล้วท่านอ๋องก็แอบกินเต้าหู้หลานก็ตั้งหลายครั้งแล้วท่านปู่จะให้ลานแจกเต้าหู้ฟรีๆหรือไร… รักคนหนึ่งแต่งกับอีกคนหนึ่ง แล้วเชียวกงเล่อคนนั้นก็ดี ไม่ได้มีปัญหาอะไรแต่เป็นแค่สหายได้ไหม ไม่เป็นสามีเป็นแค่คนคอยปกป้องดูแลไม่ได้หรือหากกลัวว่าตระกูลเอ่อจะสูญสิ้นเพราะหลานแต่งออกไปหลานจะตั้งใจตั้งครรภ์ให้ได้ลูกชายหลายๆคนเลือกเอาสักคนสองคนใช้สกุลเอ่อไม่ให้ขาดหายใช่ไหมท่านอ๋อง”ฉินเกอหลงยิ้มสดใส เอ่อถูหวังซวนเผลอยิ้ม ต้าเหนิงพูดจาฉะฉานไม่มีตกหล่น“ดีพูดได้ดี เจ้าเหมือนใครกันนะ จะว่าเหมือนบิดาเจ้าก็ไม่น่าจะใช่เจ้านั่นไร้ปากเสียงพูดแบบนี้ข้าจึงวางใจเจ้ากล้าขอข้ากล้าให้อีกสองวันแต่งเจ้ากับฉินเกอหลง หวางเย่ท่านคิดว่าอย่างไร”ประโยคสุดท้ายหันไปทางฉินเกอหลง“เอ่อ ฉินเกอหลงขอบคุณอาวุโส ข้าฉินเกอหลงจะ
เฉินซือกวาน เชียวกงเล่อ และเสี่ยงจิ้งช่วยกันจัดองค์ทรงเครื่องให้กับฉินเกอหลงที่เอาแต่ยิ้มไม่หุบ ชุดแดงของเอ่อต้าเหนิงปักด้วยดิ้นทองและรอยลูกปัดสวยงามเรือนผมประดับด้วยลูกปัดหลากสี งดงามราวหลุดมาจากภาพฝันใบหน้าแต่งแต้มด้วยสีแดงยิ่งเพิ่มความสวยและดึงดูดฉินเกอหลงยืนตะลึงจ้องมองใบหน้างดงามริมฝีปากแดงนั้นด้วยหัวใจเต้นรัว เอ่อต้าเหนิงที่กำลังจะกลายเป้นภรรยาของเขาไม่มีใครไม่ร่วมยินดี เพียงท่านปู่เอ่อถูหวังซวนและนายหญิงหรูเหมินที่ทำหน้าที่ญาติฝ่ายเจ้าบ่าวยิ้มบางๆด้วยรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นญาติคนพิเศษของท่านอ๋องจากแคว้นฉินทั้งๆที่ไม่เกี่ยวข้องกัน อดชื่นชมเอ่อต้าเหนิงไมไ่ด้ว่านางช่างงดงามหากไฉหรานบุตตรีงดงามได้ครึ่งหนึ่งของต้าเหนิงก็คงจะดีไม่น้อย พิธีการไมได้ยุ่งยากอะไรนัก "บัดนี้ข้าขอประกาศให้สรวงสวรค์ โลกมนุษย์และเจ็ดคาบสมุทรได้รู้ว่าฉินเกอหลงและเอ่อต้าเหนิงได้เข้าพิธีแต่งงานเป็นสามีภรรยากันแล้ว ขอให้รักยืนยาวขอให้เคียงคู่ตราบนิรันดริ์”“ข้าฉินเกอหลงสัญญาจะรักมั่นเพียงเอ่อต้าเหนิงหนึ่งเดียวในใจ”ต้าเหนิงน้ำตาปริ่มขอบตาเมื่อฉินเกอหลงน้อมรับคำสัญญาด้วยการประสานมือตรงหน้าเอ่อถูหวังซวนที่ยก
“ส่งข่าวบอกกับเสด็จย่า ข้ายังไม่สะดวกที่จะกลับไปแสวงบุญที่วิหารเทียมฟ้าอยู่อย่างนี้ก็ดีแล้วเวลานี้ไม่เหมาะสมที่จะโยกย้าย” หานจงถอนหายใจยาว หันหลังก้าวเดิน เสียงลูกดอกแหวกอากาศมาแต่ไกลพุ่งเข้าใส่ฉินเกอหลงที่นั่งนั่งทว่าฉินเกอหลงกลับใช้ประคำในมือตวัดเข้าใส่ดอกให้ตกลงข้างกายหานจงพุ่งตัวตามต้นตอของลูกดอก บุรษที่สวมอาภรณ์พรางตัว พุ่งตัววิ่งลัดเลาะบนกำแพงหนีออกจากวัดไปง่ายดาย“ไม่ต้องตาม”“หวางเย่ แย่แล้วใครกันที่คิดทำร้ายหวางเย่ได้อีกก็ในเมื่อร่างข้อตกลงว่าจะไม่ ทำร้ายและสังหารหวางเย่แล้วนอกจากนั้นหวางเย่ยังมีใครที่คิดจะทำร้ายอีก”ฉินเกอหลง ขมวดคิ้วดกดำ“นั่นสินะ ข้าไร้สามารถที่จะบอกว่าใครเป็นคนที่คิดจะจัดการกับข้า”“หวางเย่ ควรจะคิดเสียใหม่เถิด ใครจะปล่อยให้ศัตรูยังมีชีวิตอยู่เป็นหอกข้างแคร่ไปวันๆ”“นั่นสินะข้าเองที่เข้าใจผิดไปเองว่ายอมถอยแล้วกัวกั๋วฮ่องเต้จะปล่อยข้าไป” หมู่บ้านซูตง“เรีบบร้อยหรือไม่”“ขอรับท่านจ้าวบ้านข้าน้อยแค่ทำให้ฉินเกอหลงรู้ว่ามีคนปองร้าย”“ดีมากจัดการ ต่อไปได้เรื่อยๆ จนกว่าเขาจะยอมเดินทางกลับวังหลวง” เอ่อถูหวังซวนยิ้มมุมปาก“อีกไม่นานอีกไม่นานเท่านั้นฉินเกอหลงจะต้อง
บ้านเฉิน“นางกำนัลที่ชื่อเจายี่”“เจ้าค่ะคุณหนูรอง พูดคุยกับนางแล้วเจ้าค่ะ นางยินดีรับเงินที่คุณหนูรองมอบให้นางและนางยินดีทำตามคำสั่งของคุณหนูรองเจ้าค่ะ”“ดีมากมอบยาให้นางหรือยัง”“เจ้าค่ะ ข้าน้อยสงสัยเจ้าค่ะยานั่นไม่ทำให้ตายทำไมคุณหนูไม่ให้ยาที่ทำให้ตายได้เลยเจ้าคะจะยื้อเวลาไปทำไมกัน พระสนมเอ่อตายได้ก็สาวมาไม่ถึงคุณหนูรองอยู่ดี เพราะท่านเฉินเป็นถึงผู้นำสี่ตระกูลใหญ่”“ข้าตั้งใจให้นางค่อยๆ ป่วยและตายไปในที่สุดกว่าทุกอย่างจะพร้อมให้นางอยู่ในฐานะสนมให้สบายพอท่านอ๋องกลับมานางก็จากไปพอดีช่างน่าสมเพชยิ่งนัก” สาวใช้นิ่งงันคิดไม่ถึงว่าเฉินอี้เหมยจะมีความคิดที่ร้ายกาจเช่นนี้“ส่งยาเข้าไปเรื่อยๆ คงอีกสักพักว่านางจะล้มป่วย”ตำหนักสิบหก“เครื่องเสวยที่ฝ่าบาทประทานมาให้กับพระสนมเอ่อเป็นเครื่องเสวยที่ได้วัตถุดิบจากโพ้นทะเล อีกอย่างอาหารทะเลพวกนี้หายากยิ่งแล้วกว่าจะส่งมาต้องใช้กล่องไม้ที่สั่งทำเป็นพิเศษใส่น้ำทะเลลงไปให้สัตว์น้ำที่ต้องการ นำมาถวายเป้นเครื่องบรรณาการกับฝ่าบาทได้อาศัยและยังต้องให้อาหารเลี้ยงดุจนพวกมันอ้วนท้วนส่งมาถึงนี่เพื่อปรุงเครื่องเสวยที่สดใหม่” ขันทีตัวเค่อเดินยกปูม้าตัวใหญ่สองสาม
“ไม่มีจริงๆ แล้วสินะ ต้าเหนิง ลูกแม่แกเสียใจไหม” คุณปทุมถาม ต้าเหนิงน้ำเสียงเศร้าๆ“ไม่นี่แม่ ไม่ได้รู้สึกอะไรโล่งใจด้วยซ้ำ”“ต้าอย่าทำเป็นฝืนใจเลยต้า แม่ขอโทษ ที่ทำให้..หนูอายคนอื่นเขา”“ไม่ใช่แม่สักหน่อย เป็นคนพวกนั้นต่างหากที่ตั้งใจมาหลอกเราจะว่าไปได้ที่ดินตั้งเกือบร้อยไร่เพื่อต่อทุนทำไมพวกเขาไม่ยอมมาแต่งนะ” ตั้งข้อสังเกตคุณปทุมถอนหายใจยาว“ป๊าส่งคนตามกวนหยงแล้ว แต่จนป่านนี้ยังไม่ได้ข่าว”“ช่างเถอะค่ะใครสนกันไม่แต่งก็ไม่แต่งก็แค่ดูตัวไปเรื่อยๆ จะยากอะไร”คุณปทุมยิ้มเศร้าๆ“แม่กับป๊าไม่น่าบังคับต้าเลย” ต้าเหนิงกอดรอบเอวอวบของคุณปทุม“อย่าคิดมากน่าคุณนายปทุมใครเขาโทษป๊ากับแม่เล่า ดีจะตายไม่ได้แต่งไม่งั้นคืนนี้ไม่ได้หลับได้นอน” คุณปทุมขำกับความทะลึ่งของต้าเหนิง“ดีสิแบบนั้นแม่จะได้มีหลานเร็วๆ”“ไม่อย่างนั้นสิคะ ที่ไม่ได้นอนเพราะเอาแต่คิดรายรับรายจ่ายจนหัวหมุนกว่าจะขาดทุน” คุณปทุมอมยิ้ม“ป๊าแกก็เสียใจป่านนี้คงโทรไปต่อว่าคนพวกนั้น ดึกขนาดนี้ใครจะรับโทรศัพท์ ต้าไปนอนได้แล้วลูกเกือบจะตีหนึ่งแล้ว” ต้าเหนิงพยักหน้าขึ้นลงอย่างว่าง่ายเดินขึ้นไปชั้นบนห้องนอนของต้าเหนิงที่ถูกจัดเป็นห้องหอผ่าน
วันนี้ต้าเหนิงถูกคุณปทุมคุมตัวมานั่งที่ห้องด้านล่างเพื่อใช้สำหรับแต่งตัว ไมไ่ด้จัดงานที่โรงแรมอย่างที่ควรจะเป็นเพียงจัดที่บ้านหลังใหญ่ราคาหลายสิบหลานที่ป๊าของต้าเหนิงเป็นคนสร้างมันขึ้นเองกับมือไม่มีแขกมีแค่ญาติผู้ใหญที่มาคอยดูความสำเร้จของลูกหลาน ตามธรรมเนียมไทยแท้“วาสนาจริงๆ นะคะเนี๊ยะ ดูสิสินสอดตั้ง100ล้านทำบุญด้วยอะไรคะเนี๊ยะ” หนึ่งในญาติผู้ใหญ่ที่แม่บอกต้าเหนิงแต่ความจริงแล้วก้แค่เพื่อนสมัยปฐมของแม่ที่ยังแวะเวียนกินข้าวเล่นไพ่นกกระจอกด้วยกัน ตั้งประเด็นให้คนอื่นพลอยชื่นชมสิ่งที่ต้าเหนิงและคุณปทุมกำลังจะได้รับ“มีลูกสาวสวยก้บแบนี้แหละค่ะ ว่าแต่หนูต้านี่26แล้วใช่ไหมคะทำไมหน้าเด็กๆ แล้วยังสวยกว่าดาราบางคนอีก” เพื่อนอีกคนที่มักจะชอบพูดไปในด้านดีเสียหมดพูดขึ้นบ้างคุณปทุมยิ้มจะได้โอกาสคุยโม้ก็วันนี้แหละ“ยัยต้านะเหรอคะโอ๊ย เขาก็หน้าเด็กแบบนี้แหละค่ะ แต่สมองอะนะเกินตัวคิดอะไรนี่อย่างกับคอมพิวเตอร์ มียัยต้าคนเดียวสบายแปดอย่างนี่เขาเหมือนพ่อเขานะ เดินทางสายอสังหาเหมือนกันเดือนๆ หนึ่งยัยต้าขายบ้านได้เป็นสิบๆ หลังได้เงินมาก็คงไปแต่งสวยเขาแหละแม่กับพ่อไม่เคยขอสักบาทแต่จะว่าไปของแทร่ทั้งนั้น
“ต้องแต่งแล้วหรือคะ ตายแล้วต้ายังไม่ได้บอกเพื่อนๆ เลยเรื่องนี้ ไวไปไหมคะ”จะมีกี่คนกันศัตรูจะมากมากกว่าสินะฮ่าาาาคุณปทุมส่ายหน้าระอาใจ“สมัยนี้เขาก็แต่งกันสายฟ้าแลบแบบนี้แหละ ใครๆเขาก็ทำกัน”“เขาแน่ใจหรือคะ ว่าเขาอยากจะแต่งหนูหน้าก็ยังไม่เคยเป็นกันสักครั้ง” นัดสองครั้งต้าเหนิงก็แกล้งไปไม่ตรง เวลาจนผู้ชายคนนั้นไม่รอใครจะรอเล่าไปสายสองชั่วโมงแต่มาบอกกับคุณปทุมว่า เป็นฝ่ายชายที่ไม่มาให้ต้าเหนิงรอเก้อถึงอย่างนั้นแม่กับพ่อก็ยังไปตกลงให้ต้าเหนิงแต่งกับเขาอีก“อย่างไงก็ต้องแต่ป๊าแกตกลงกับ พ่อกับแม่เขาไว้แล้ว”“แม่ ผู้ชายคนนั้นไม่มาดูตัวต้าเลยนะแม่คิดว่าเขารักลูกแม่จริงหรือ….” คุณ ปทุมถอนหายใจ“ป๊าแกอะ ตอนนี้ยังอยู่กับก๊วนเพื่อนตีกอล์ฟอยู่เมืองจีน เขาบอกว่าผู้ชายเขาเตรียมขันหมากมาแล้วเราแค่จัดสถานที่ไว้รอ เขาไปกินข้าวกับพ่อกับแม่ของผู้ชายตกลงกันแล้วเรียบร้อย ต้าก็แค่ยอมแต่งไปเขามีกิจการใหญ่โต กำลังขยายกิจการมาลงทุนในไทย แล้วต้าอะนะปีนี้26แล้วอยู่นานไปไม่ดีนะคนจีนเขาว่ายิ่งแต่งไวยิ่งสบายไปข้างหน้า แม่จ้างออแกไนท์ไว้แล้วเราแค่จัดสถานที่พรุ่งนี้ขันหมากก็มา”ต้าเหนิงขมวดคิ้วทำมต้องเป็นฝ่ายหญิงที
ภัตตาคารแห่งหนึ่งต้าเหนิงหอบกระเป๋าวิ่งเข้าไปข้างในเลยเวลานัดอีกแล้วจูหรานนั่งอยู่อีกมุมหนึ่งคอยมองผู้หญิงที่ใส่เดสสีขาวสะอาดนั่นก็คือต้าเหนิง“สวยไม่เบา” พูดขึ้นเบาๆกวนหยงหลุบตามองโต๊ะอาหาร สวยสิสวยจนเขาตกตะลึงสวยกว่าจูหรานไม่น้อยเขานิยมผู้หญิงสวยหวานเวลานอนร่วมเตียงยามที่กำลังนัวเนียกัน จะหวานขนาดไหน แต่พูดไปเสียอีกทาง“นัดบ่ายสี่โมง มาหกโมงเย็น ใครจะรอ”“คุณอย่างไรเล่า คุณสือกวนหยงที่นั่งรออยู่ที่นี่แต่ไม่ไปพบ”“การนัดหมายของเราสองคนสิ้นสุดแล้วเขาไม่มาตอนสี่โมงก้เท่ากับไม่มาถ้าผมแสดงตัวว่ารอเขาตั้งสองชั่วโมงเขาก็จะหัวเราะเยาะหาว่าผมอยากแต่งกับเขาจนตัวสั่นสินะ”จูหรานยิ้มบางๆ“ผู้หญิงคนนี้เขาจะสำนึกไหมว่าตัวเองมาสายเลยทำให้ไม่เจอคุณ คุณไม่ออกไปพบเขาหน่อยหรือ”“ความจริงผมก็อยากจะพบเขานะแต่ จะลองนัดไปดูอีกครั้งว่าจะมาสายอีกไหม” จูหรานอมยิ้ม“สวยไหม”“ไม่เท่าไหร่” ลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปชะโงกแต่รีบหันหลังไม่ให้ต้าเหนิงเห็นเพราะต้าเหนิงที่เดินจ้ำกลับมาทางเดิมพร้อมกับคุยโทรศัพท์กับคุณปทุม“ไม่เจอค่ะคุณแม่คนอะไรให้ต้ามารอตั้งนานต้าไม่รอแล้วนะคะกลับบ้านดีกว่าค่ะเสียเวลา” กวนหยงยิ้มมุมปาก
“เป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจจริงๆ เลยครับ”“ผมเคยไปดูตัวมาแล้วผู้หญิงคนนี้เหมาะที่จะเป็นโสดจนตาย” หนุ่มคนหนึ่งพูดนินทาให้หนุ่มคนหนึ่งฟังเรื่องต้าเหนิง“เราพบผู้หญิงคนเดียวกันใช่ไหม”“นั่นใช่นางเลยแหละต้าเหนิงคนนั้นคนที่ ปากจัดเหลี่ยมเยอะ” ต้าเหนิงที่นั่งหันหลังอยู่อีกฝั่งของชายหนุ่มทั้งสองยิ้มมุมปากคุณปทุมส่ายหน้าไปมา“แย่จริง พรุ่งนี้แม่นักคนดูตัวให้อีกคนจากประเทศจีนอีกแล้ว”“ใครคะ”“ญาติห่างๆๆๆๆ กับเรา เขามีธุรกิจเป็นของตัวเองหล่อรวยและโปรไฟล์ดี”“ก็แบบนี้ทุกคน แต่คนนี้ไม่เชิงว่าดูตัวแม่กับพ่อลงความเห็นกันแล้วเราแค่อยากให้พวกลุกได้พบกันความจริงเราทาบทามและหาฤกษ์ดีไว้แล้ว”ต้าเหนิงเลิกคิ้ว ใช้ตะเกียบในมือพันเส้นหมี่ฮกเกี้ยนในจาน“มัดมือชกเลยหรือ”“กินข้าวกันสองสามครั้งแล้วแต่งเลยพรุ่งพบกันที่ร้านเดิมที่แม่เคยนัดหนุ่มๆ ไว้ให้ต้านั่นแหละลูก” ต้าเหนิงถอนหายใจเฉิงตู“ยังโสดครับท่าน ชื่อว่าคุณต้าเหนิงโสดสนิท มีคนมาดูตัวแต่ก็ไม่เคยตกลงกับใคร” ฉินเกอหลงพยักหน้าขึ้นลง “หาทางพามาที่นี่ได้หรือยัง” หานจงถอนหายใจ (หานจงก็มา) “ยังไม่รู้ว่าจะเอาแบบไหนเลยครับผมไม่รู้จะจัดการอย่างไร ถ้าเป็นที่นี่ใครๆ
ต้าเหนิง เดินทอดน่องอยู่บนสถานีรถไฟฟ้า“กริ้งๆๆๆๆ” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นรีบเอาแนบหู“สวัสดีค่ะ” ปลายสายพูดเบาๆ“ใครคะรู้จักเราด้วยหรือคะ”“ไม่รู้จักแค่จะโทรมาด่า อินังสารเลวอิชั่วแย่งผัวชาวบ้านอิหน้าด้าน อิ กระ…” ต้าเหนิงสตั้นแป็บ“นี่มาได้กันแบบนี้เลยหรือฉันไปทำอะไรให้คุณ”“ผัวฉันพูดถึงเธอทุกวัน คอยดูนะแม่จะบุกไปตบให้” ต้าเหนิงถอนหายใจ“ฉันแค่ขายบ้านผัวเธอชื่ออะไรฉันจะได้ไม่ต้องขายบ้านให้เคสนี้ขอผ่าน” เสียงปลายสายบ่นงึมงำ“คุณ กำธร” ต้าเหนิงถอนหายใจยาว“ขอบคุณ รอรับผลกรรมได้เลย” วางสายพร้อมกับยิ้มหยันยี่สิบนาทีต่อมา“เห็นไหมฉันอยู่กับใคร” ต้าเหนิงนอนบนเตียงด้วยชุดนอนบางเบา แกว่งเนกไทในมือไปมาวีดีโอคอลให้สาวคู่กรณีเมื่อครู่ได้เห็น“แกๆๆ นางต้าเหนิงแกเอาผัวฉันไปกกหรือ”“ฮะๆๆๆ ฮ่า ฉันไม่ได้กกเขา แต่เขากกฉันจริงไหมคะคุณกำธร อย่าลืมโอนเงินค่ามักจำบ้านด้วยนะคะเพิ่มอีก6แสน สำหรับเรื่องบนเตียงในวันนี้ของเรา ฮ่าาาา” หันไปทางด้านหลังทำหน้าเหยเกเหมือนกำลังกำลังโดนกระทุ้งด้วยอะไรบางอย่างอยู่ที่บั้นท้าย ปลายสายหน้าถอดสี“กรี๊ดดดดดดดฉันจะฆ่าแก แกนังต้าเหนิงฉันจะฆ่าแก” ต้าเหนิงกดวางสาย ยิ้มมุมปากเ
วิหารเทียมฟ้า“ไทฮองไทเฮาเพคะ มีคนผู้หนึ่งอยากจะไทฮองไทเฮาเพคะ”ร่างท้วมหยุดชะงักเงยหน้าขึ้นมองรูปสลักองค์พระประติมาที่แกะสลักจากหยกขาวสูงตระหง่านในวิหารเทียมฟ้า“เชิญเขาเข้ามาได้” ร่างสูงสวมหมวกปิดบังใบหน้า หนวดสีเทายาวลงมาที่กลางอกเดินเข้ามายืนตรงหน้าไทฮองไทเฮาที่หน้าถอดสี“ท่านผู้นี้ ท่านยังไม่ตายหรอกหรือ” เอ่อถูหวังชวนเงยหน้าขึ้นยิ้มน้อยๆ“ซีโหยว ท่านยังความทรงจำเกี่ยวกับข้าอีกหรือ”“ความทรงจำมากมายด้วยเรื่องของเราสามคน” ไทฮองไทเฮาพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นน้อยๆ“ฮะฮะฮ่าาาา ข้ามาดีไม่ได้มาทวงความแค้นอะไรกับท่านหรอกแค่อยากจะบอกเรื่องที่เคยตกลงกันไว้”“เรื่องคนของตระกูลเอ่ออย่างนั้นหรือ ไท่ซางหวงพยายามตลอดมาที่จะให้คนในตระกูลเอ่ออยู่สบายแต่พอสิ้นไท่ซางหวง” ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปถึงจะบอกว่าพยายามก็ไม่อาจบังคับกะเกณฑ์ใครได้ ตอนนี้จึงได้ภาวนาให้นางรอดพ้นวิกฤติ” หมายถึงอะไรยังมีเหลือคนของตระกูลเอ่ออยู่อีกหรือไร”“ท่านไม่ได้มาเพราะเรื่องนี้หรือ ข้าไม่อาจห้ามปรามนางได้นางเข้าวังไปอาศัยบารมีของไทเฮา นางช่างเดียงสานักไม่รู้หรือไรว่ากำลังขี่หลังเสืออยู่ เดิมข้าคิดแค่เพียงว่านางเข้าไปเพื่อพบ…ฉินเกอห