ต้าเหนิงโยนหินลงกระทบผิวน้ำ ทีละก้อนแล้วยังไม่หายโมโห มือสองข้างกอบเอาก้อนหินเต็มกำมือปาลงบนพื้นน้ำแตกกระจาย เชียวกงเล่อวางดอกเหมยสีแดงหนึ่งดอกให้ไหลไปตามท้องน้ำ ต้าเหนิงมองดอกเหมยสีแดงงดงามลอยล่องไปตามลำน้ำ แล้วหันมาจ้องเชียวกงเล่อด้วยสายตาคมดุ“อย่างไหนที่ทำให้เจ้ารู้สึกสบายใจกว่ากันความแข็งแกร่งหรือความอ่อนโยน”“ถามทำไม ข้าผู้ไม่นิยมความอ่อนแอ”“เพราะฉะนั้นหวางเย่จึงเลือกที่จะดุดันเพื่อให้เจ้าได้รู้ว่า ชีวิตคนเราอะนะเกิดเพียงครั้งตายเพียงหนึ่งหากเจ้ายังใช้มันสิ้นเปลืองคนที่เจ็บปวดใจก็คือท่านอ๋องที่นั่งมองจ้าเน้นใช้ชีวิตไม่เน้นมีชีวิต ท่านอ๋องเช่นไรจะตามปกป้องเจ้าได้ตลอดเวลา”“ช่างเขาเถอะข้าไ่สนใจเขาแล้วว่าแต่ที่นี่มีงานให้ทำไหมข้าจะอยู่มันที่นี่แหละ” เชียวกงเล่ออมยิ้ม“งานหรือ”อือต้าเหนิงพยักหน้าขึ้นลง“ข้ารับสมัครนายหญิงน้อย เจ้ายินดีไหมเล่า”“อีกแล้วหรือ เฮ้อต้าเหนิงทำใจเถอะนะก็เจ้าหน้าตาดีขนาดนี้เจ้าก็เลยมีคนมาชอบมากมายสินะ”ิยิ้มแก้มปริเชิดหน้าสูงขึ้นเชียวกงเล่อยิ้ม“เจ้านี่จริงๆเลยไม่แปลกใจที่หวางเย่จะหวงแหนเจ้ายิ่งกว่าสิ่งของมีค่าชิ้นไหนเพราะเจ้าทำให้โลกสดใสเช่นนี้นี่เอง”“ข
“บิดาท่าน ไม่ว่าหรือที่ท่านหนีออกมาอย่างนี้”ต้าเหนิงถาม ซือกวานเบาๆอีกคนยิ้มทอดถอนใจ“ข้าเนรเทศตัวเอง”ต้าเหนิงยิ้ม อีกคนยิ้มเศร้า“ข้าไม่เคยได้ยินว่าใครเนรเทศตัวเองมาก่อนท่านกล้าเสียจริงต้าเหนิงคารวะเป็นศิษย์ดีไหม555 แล้วเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ของท่านอ๋องเล่านางจะลำบากไหม”ประโยคสุดท้ายคือคำห่วงใยจริงจังที่เฉินซือกวานสัมผัสได้“นางไม่ลำบาก เจ้าไม่ต้องห่วงนาง เดิมทีอี้เหมยนางสบายมาตลอดแค่ต้องมาใช้ความคิดนิดหน่อย มีน้ำตาเพียงเล็กน้อยตอนที่จะต้องถวายตัวกับกัวกั๋วตลอดชีวิตนางไม่เคยร้องไห้ด้วยซ้ำ ข้ากับหวางเย่ก็คอยปกป้องนางมาตลอดและยังมีหานจงที่ยอมเป็นลูกไล่นางเช่นนั้นนางไม่มีอะไรต้องกลัวหรือต้องห่วงอะไร”ต้าเหนิงยิ้มเศร้าๆรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินขึ้นมาทันที “ขอบคุณท่านที่ ที่เลือกที่ยืนข้างที่ถูก”เฉินชือกวานยิ้มบางๆ“ขอบคุณเจ้าเช่นกันที่วันนี้ทำให้ข้ารู้ว่าข้าตัดสินใจไม่ผิด”“ข้าไปแล้วท่าน อวยพรให้ข้าหน่อยสิว่าอย่าได้เจอ…คนหล่อหน้ายักษ์” เฉินซือกวานยิ้มสดใสนึกขำกับคำเรียกขานฉินเกอหลงของต้าเหนิงนางช่างสรรหาคำที่เหมาะกับตัวฉินเกอหลงเสียจริง“ขอให้ เจ้าอย่าใจดำกับหวางเย่ก็พอ”“ขี้โกงนี่ ข้าให้อ
ถ้ำกลางหุบเขา“หานจงดื่มยาเสียหน่อยเจ้่าอาการไม่ดีขึ้นเลย”ท่านหมอเยี่ยนฉือผประคองร่างบอบซ้ำของหานจงบรรจงป้อนยาที่เป่าไล่ลมร้อนไปแล้วจนอุ่นกำลังดี ท่านจะไม่ทิ้งข้าใช่ไหมท่านจะยังอยู่ตรงนี้ไใช่ไหม เยี่ยนฉือข้ากลัว กลางคืนมาน่ากลัว”มือไม้ไขว่คว้ากอดรัดเพ้อเพราะพิษไข้จากบาดแผลที่กำลังระบม“เจ้าเด็กโง่เอ๊ยใครกันจะทิ้งเจ้า ข้าควรจะไปเรียนวิชาแพทย์ใหม่ใช่ไหมอาการบาดเจ้บแค่นี้กลับทำให้ดีขึ้นไม่ได้”ร่างเล็กที่ท่อนบนมีผ้าพันแผลรอบไหลเลือดสีแดงยังไหลซึม“หนาวจัง”เยี่ยนฉือรีบเสื้อคลุมห่มให้แล้วขยับตัวตั้งใจจะเพิ่มฟืนให้โหมกระพือ แต่หานจงกลับรั้งร่างสูงมากอดรัดด้วยอาการของคนที่ไร้สติ“หนาว หนาวจัง”เยี่ยนฉือกอดร่างเล็กในอ้อมแขนเขาไว้แน่น อากาศหนาวอ้อมกอดอบอุ่นจึงช่วยได้ไม่น้อยเยี่ยนฉือยิ้มเศร้าๆกอดหานจงไว้ในอ้อมแขนแน่น จะห่วงอะไรห่วงอะไรกันเล่า ความสุขความทุกข์รายล้อมรอบตัวเราอยู่ที่ใครจะเก็บเกี่ยวความสุขได้มากกว่ากันเช้าสดใส“ท่าน ท่าน เยี่ยนฉือ เจ้าคนบ้าทำอะไรกับข้า”เสียงหานตงโวยวายแต่เช้าเยี่ยนฉืองัวเงียลืมตาขึ้นช้าๆก็เมื่อคืนกว่าเขาจะได้นอนหมอนี่ตัวร้อนเขาต้องคอยป้อนยาและกอดไว้ไม่ปล่อยพอจะปล่
“ท่านกำลังจะพาข้าไปที่ไหน”“เสด็จย่ากำลังจะไปบำเพ็ญเพียรที่วิหารเทียมฟ้าที่นั่นเจ้าจะปลอดภัย จนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยข้าจะแวะมารับเจ้าขอประทานอนุญาตพาเจ้าเข้าวัง”“ทำไมไม่พาข้าเข้าวังในตอนนี้เลยเล่าข้ากลัวที่จะต้องอยู่โดยที่ไม่มีใครที่ข้ารู้จัก”“เจ้ารู้จักข้าหรือ” เอ่อต้าเหนิงไม่ตอบคำถามแต่ซบหน้าลงลบนแผ่นหลังบอบบางของฉินเกอหลงแทนคำตอบ อีกคนอมยิ้มก่อนลาในคืนนั้น ต้าเหนิงยืนนิ่งมองฉินเกอหลงที่กำลังจะกระโดดขึ้นบนหลังม้าหานจงยืนม้าคอยอยู่ก่อนแล้ว“ข้าไม่อาจพาเจ้าเข้าวังได้ แต่นี่คือป้ายหยกของข้าเจ้านำมันไปยื่นที่ประตูวังเพื่อขอพบข้า หากว่าอยากพบข้า”ปลดป้ายหยกข้างเอวให้กับเอ่อต้าเหนิงที่รับเอาด้วยรอยยิ้มเศร้าๆวังหลวง“เกอหลง แม่ให้ขันทีตามตัวเจ้าเหตุใดจึงไม่พบที่ตำหนักบูรพา”“เอ่อ เอ่อ ลูกไปที่ตลาดเช่นทุกครั้งที่เคยทำไม่ได้ไปนอกลู่นอกทางที่ไหนดีแล้วมาใกล้ๆแม่หน่อย”ฉินเกอหลงเดินเข้าไปหามารดาที่สวมกอดฉินเกอหลงไว้แนบแน่น“คิดถึงเจ้าเหลือเกินเกอหลง หลายวันมานี้แม่ป่วยไข้คิดว่าจะไม่ได้พบหน้าเจ้าเสียแล้ว”“พระมารดา ท่านอย่าพูดแบบนี้ต่อไปลูกจะมาที่นี่ทุกวันเพื่อให้พระมารดากอด”มารดาเหอเต่อยิ้
อุทยานหลวงหมู่แมกไม้กลับงดงามด้วยโคมไฟสว่างไสวเอ่อต้าเหนิงเดินพลางสงสัยว่าทำไมต้องมานัดพบกันในที่สว่างไสวเพียงนี้ที่นั่นใต้ต้นดอกเหมยสีแดงสด ร่างสูงยืนหันหลัง ต้าเหนิงก้าวขาไปข้างหน้ามือกำที่ป้ายหยกไว้แน่นปีหนึ่งเต็มๆที่ไม่ได้พบกัน ตั้งแต่วันนั้นฉินเกอหลงไม่เคยไปที่วิหารเทียมฟ้าอีกเลย เขาคงมีเรื่องราวมากมายให้สะสางจึงไม่ไปรับเต้าเหนิงเข้าวัง“ทะท่านอ๋อง” ร่างสูงที่เอามือไพล่หลังหันหน้ามาช้าๆ“เอ่อต้าเหนิง เจ้าหรือคุณหนูเอ่อต้าเหนิง”เอ่อต้าเหนิงยืนตัวแข็งทื่อกับภาพตรงหน้ากัวกั๋วฮ่องเต้ที่มีใบหน้าละม้ายฉินเกอหลงทว่าสีหน้ากับไม่มีความจริงใจ“งดงาม งดงามจริงๆ”เอ่ต้าเหนิงรีบหันหลังกลับเมื่อรู้ว่าไม่ใช่ฉินเกอหลง แต่กลับถูกกัวกั๋วฮ่องเต้ คว้าเอวบางกอดรวบไว้แน่น พยายามดิ้นรนยิ่งดิ้นอ้อมกอดยิ่งแน่นขึ้นกว่าเดิม“ฝะฝ่าบาทปล่อยเต้าเหนิงเพคะ”ดิ้นรนเอาตัวรอดรู้ว่าถูกหลอกเสียแล้ว“ฮือ ได้ยินว่าจะไปพบอ๋องฉินจวิ้นหวัง จริงสิพรุ่งนี้เขาก็จะไปบวชแล้วนี่ อยากพบกเขาก็ต้องดีกับข้าหน่อย คืนนี้ปรนิบัติข้าดีไหม…ข้าต้องการเจ้า”กระซิบข้างหูเสียงสั่น เอ่อต้าเหนิงส่ายหน้าไปมา แต่กัวกั๋วฮ่องเต้กลับยิ้มพรายเอ่อต้
“คิดอะไรอยู่”ต้าเหนิงถามฉินเกอหลงที่เงียบไป“คิด คิดถึงเรื่องราวในอดีต ข้าไม่อาจปกป้องคนที่รักและเก็บรักษาพวกเขาไว้ได้ เสด็จพ่อจากไป รวดเร็วเหลือเกิน เจ้ารู้ไหเจ้าจะเจ็บที่สุดก็ต่อเมื่อเขาจากไปไม่ลา”“คนที่กำลังจะตาย เขาไม่สนใจหรอกว่าเราจะพร้อมหรือเปล่าเราพร้อมให้เขาไปไหม เมื่อถึงเวลาเขาก็จะทิ้งเราไป เหมือนกับว่าไมารักเราไม่ห่วงเราทั้งที่เขาอยากจะอยู่กับเรานานๆ”ฉินเกอหลงยิ้ม“เราจะอยู่ที่ซูตงอีกไม่นานแล้วจะออกเดินทางเพื่อไปพำนักที่สุ่ยจิง”“ที่นี่ก็สบายดีทำไมเราไม่อยู่ที่นี่”“ข้า หากข้าจะบอกว่าเจ้ายินดีจะแต่งกับข้าไหม”ต้าเหนิงเลิกคิ้วสูงต้าเหนิงยกมือขึ้นอังหน้าผากฉินเกอหลง เขากับรวบมือบางมาจุมพิต“ไมไ่ด้ไม่สบายไม่ได้จับไข้ไม่ได้เป็นอะไรแต่ต้องพิษ”“ต้องพิษ ต้องตามท่านหมอแล้วท่านอ๋องรอนี่แป็บนะ”คว้ามือมาไว้ กอดรวบรอบเอวบาง“ต้องพิษ…รัก เจ้า ต้าเหนิงนี่เก่งจริงๆวางยาพิษกัวกั๋วฮ่องเต้ แล้วยังวางพิษรักกับฉินเกอหลงได้อีก”“หือ นี่ชมหรือด่า”“ข้า รักเจ้าหมดใจ จะกล้าด่าหรือ จึงอยากแต่งเจ้าเสียแต่งกันก่อนที่จะถึงสุ่ยจิง”“ทำไม อยู่ๆถึงอยากจะแต่ง ท่านอ๋องแน่ใจหรือว่าจะรันิสัยไม่ดีของต้าเหนิ
ความรู้สึกอึดอัดจนอยากจะอาเจียน ความรู้สึกเหมือนกำลังจะตาย แม่จ๋าช่วยหนูด้วย เหมือนกำลังโดนบีบคอ บีบคอ ใช่แล้วมีใครบางคนกำลังบีบคอ กรอบหน้าอ้วนของใครคนนั้นลอบเดนอยู่ตรงหน้า อี่อ้วนแกบีบคอฉันทำไม“ไทเฮาเพคะ พระสนมกำลัง จะหมดลมหายใจแล้ว”่น้ำเสียงเศร้าสร้อยผิดกับท่าทีที่ออกแรงอย่างเต็มที่ในการบีบคอ ยังยังไม่ปล่อยอีกต้าเหนิงดิ้นรนแต่รุ้สึกว่าทำไมมีแรงเพีงแค่น้อยนิดมือใหญ่ของยายป้าอ้วนบีบที่ลำคอไว้แน่น ริมฝีปากเหยียดยิ้มหยัน ดวงตามุ่งมาดให้ตายดับตรงหน้า นี่กล้าฆ่าคนเลยหรือไทเฮาวัยกลางคนใบหน้ายังงดงามราวกับเพิ่งจะผ่านวัยสาวได้ไม่นานที่ยืนนอกม่านพยายามแหวกม่านสีทึมทึบเข้ามา ขันทีข้างกายรีบจับมือไว้เสีย ไม่ให้ได้ทำอย่างที่ใจคิด“อย่าเลยพ่ะย่ะฮะ พระสนมต้าเหนิงกำลังจะเดินทางไปยังสรวงสวรรค์นางคงอยากให้ไทเฮาจดจำแต่ภาพงดงามของนางก็เท่านั้น อย่าเข้าไปเลยพ่ะย่ะฮะ ไทเฮาเองสุงส่งไม่บังควรจะต้องมาเห็นอะไรที่ไม่งดงามเช่นนั้น”ความตายเช่นไรจึงจะสวยงามคนใกล้ตายอย่างไรจึงจะสวยงาม อี่บ้า ต้าเหนิงพยายามลืมตาขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียง และความอึดอัดที่ลำคอหายไป แต่ภาพที่เห็นคือร่างอ้วนของยายป้าคนเดิมกำลังยกหมอน
“ไทเฮาพ่ะย่ะฮะ อย่าทรงโศกเศร้าเสียพระทัยไปนักเลย ถนอมพระวรกายด้วยพ่ะย่ะฮะ ควรส่งพระศพได้แล้วพ่ะย่ะฮะ พระสนมป่วยไข้เกรงว่าร่างกายจะ ไม่สวยงามอย่างที่ควรจะเป็น และเอ่อเอ่อ อาจเป็นโรคติดต่อได้”ป๊ะแกสิโรคติดต่อเฮอะคิดจะกำจัดฉันหรือ คิดว่าฉันจะเน่าเหม็นหรือ พวกแกนั่นแหละ มือบางค่อยๆขยับกำมือไทเฮาไว้ส่งสัญญาณว่ายังมีชีวิตอยู่แววตาเศร้าโศกเมื่อครู่ของไทเฮาเปลี่ยนเป็นประหลาดใจ และตกใจไม่น้อยรีบดึงมือออก“ต้าเหนิงเจ้ายังไม่ตายหรอกหรือ”พูดราวกับกระซิบต้าเหนิงลืมตาขึ้นช้าๆ จ้องมองคนพูดไทเฮาสวมกอดต้าเหนิงไว้แน่น ต้าเหนิงยกมือขึ้นกอดตอบแต่ไม่อาจเปล่งเสียงพูด“ตามหมอหลวง เจายี่รีบตามหมอหลวง”เปล่งเสียงด้วยความดีใจ ต้าเหนิงถอนหายใจยาว ตัดไปที่เจายี่ที่อ้าปากค้างด้วยความตกใจต่อมาก็คือกำลังใช้สมองกำลังคิดหาคำแก้ตัวถลาเข้ามาข้างในม่าน“พระสนม โธ่พระสนมไม่เป็นไรแล้วหรือเจ้าค่ะ”น้ำตาแห่งความเสแสร้งมาอีกแล้วต้าเหนิงยิ้มเย็น ต้องเน้นๆแล้วแหละเจายี่เอ๊ย ยกเท้าขึ้นถีบไปที่ยอดหน้าของเจายี่อย่างแรงจนนางล้มลงก้นจ้ำเบ้า ก่อนจะเปลี่ยนเป็นอาการชักกระตุกตาค้างดิ้นทุรนทุราย ไทเฮารีบเข้ามาพยุง“ต้าเหนิง ต้าเหน
“คิดอะไรอยู่”ต้าเหนิงถามฉินเกอหลงที่เงียบไป“คิด คิดถึงเรื่องราวในอดีต ข้าไม่อาจปกป้องคนที่รักและเก็บรักษาพวกเขาไว้ได้ เสด็จพ่อจากไป รวดเร็วเหลือเกิน เจ้ารู้ไหเจ้าจะเจ็บที่สุดก็ต่อเมื่อเขาจากไปไม่ลา”“คนที่กำลังจะตาย เขาไม่สนใจหรอกว่าเราจะพร้อมหรือเปล่าเราพร้อมให้เขาไปไหม เมื่อถึงเวลาเขาก็จะทิ้งเราไป เหมือนกับว่าไมารักเราไม่ห่วงเราทั้งที่เขาอยากจะอยู่กับเรานานๆ”ฉินเกอหลงยิ้ม“เราจะอยู่ที่ซูตงอีกไม่นานแล้วจะออกเดินทางเพื่อไปพำนักที่สุ่ยจิง”“ที่นี่ก็สบายดีทำไมเราไม่อยู่ที่นี่”“ข้า หากข้าจะบอกว่าเจ้ายินดีจะแต่งกับข้าไหม”ต้าเหนิงเลิกคิ้วสูงต้าเหนิงยกมือขึ้นอังหน้าผากฉินเกอหลง เขากับรวบมือบางมาจุมพิต“ไมไ่ด้ไม่สบายไม่ได้จับไข้ไม่ได้เป็นอะไรแต่ต้องพิษ”“ต้องพิษ ต้องตามท่านหมอแล้วท่านอ๋องรอนี่แป็บนะ”คว้ามือมาไว้ กอดรวบรอบเอวบาง“ต้องพิษ…รัก เจ้า ต้าเหนิงนี่เก่งจริงๆวางยาพิษกัวกั๋วฮ่องเต้ แล้วยังวางพิษรักกับฉินเกอหลงได้อีก”“หือ นี่ชมหรือด่า”“ข้า รักเจ้าหมดใจ จะกล้าด่าหรือ จึงอยากแต่งเจ้าเสียแต่งกันก่อนที่จะถึงสุ่ยจิง”“ทำไม อยู่ๆถึงอยากจะแต่ง ท่านอ๋องแน่ใจหรือว่าจะรันิสัยไม่ดีของต้าเหนิ
อุทยานหลวงหมู่แมกไม้กลับงดงามด้วยโคมไฟสว่างไสวเอ่อต้าเหนิงเดินพลางสงสัยว่าทำไมต้องมานัดพบกันในที่สว่างไสวเพียงนี้ที่นั่นใต้ต้นดอกเหมยสีแดงสด ร่างสูงยืนหันหลัง ต้าเหนิงก้าวขาไปข้างหน้ามือกำที่ป้ายหยกไว้แน่นปีหนึ่งเต็มๆที่ไม่ได้พบกัน ตั้งแต่วันนั้นฉินเกอหลงไม่เคยไปที่วิหารเทียมฟ้าอีกเลย เขาคงมีเรื่องราวมากมายให้สะสางจึงไม่ไปรับเต้าเหนิงเข้าวัง“ทะท่านอ๋อง” ร่างสูงที่เอามือไพล่หลังหันหน้ามาช้าๆ“เอ่อต้าเหนิง เจ้าหรือคุณหนูเอ่อต้าเหนิง”เอ่อต้าเหนิงยืนตัวแข็งทื่อกับภาพตรงหน้ากัวกั๋วฮ่องเต้ที่มีใบหน้าละม้ายฉินเกอหลงทว่าสีหน้ากับไม่มีความจริงใจ“งดงาม งดงามจริงๆ”เอ่ต้าเหนิงรีบหันหลังกลับเมื่อรู้ว่าไม่ใช่ฉินเกอหลง แต่กลับถูกกัวกั๋วฮ่องเต้ คว้าเอวบางกอดรวบไว้แน่น พยายามดิ้นรนยิ่งดิ้นอ้อมกอดยิ่งแน่นขึ้นกว่าเดิม“ฝะฝ่าบาทปล่อยเต้าเหนิงเพคะ”ดิ้นรนเอาตัวรอดรู้ว่าถูกหลอกเสียแล้ว“ฮือ ได้ยินว่าจะไปพบอ๋องฉินจวิ้นหวัง จริงสิพรุ่งนี้เขาก็จะไปบวชแล้วนี่ อยากพบกเขาก็ต้องดีกับข้าหน่อย คืนนี้ปรนิบัติข้าดีไหม…ข้าต้องการเจ้า”กระซิบข้างหูเสียงสั่น เอ่อต้าเหนิงส่ายหน้าไปมา แต่กัวกั๋วฮ่องเต้กลับยิ้มพรายเอ่อต้
“ท่านกำลังจะพาข้าไปที่ไหน”“เสด็จย่ากำลังจะไปบำเพ็ญเพียรที่วิหารเทียมฟ้าที่นั่นเจ้าจะปลอดภัย จนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยข้าจะแวะมารับเจ้าขอประทานอนุญาตพาเจ้าเข้าวัง”“ทำไมไม่พาข้าเข้าวังในตอนนี้เลยเล่าข้ากลัวที่จะต้องอยู่โดยที่ไม่มีใครที่ข้ารู้จัก”“เจ้ารู้จักข้าหรือ” เอ่อต้าเหนิงไม่ตอบคำถามแต่ซบหน้าลงลบนแผ่นหลังบอบบางของฉินเกอหลงแทนคำตอบ อีกคนอมยิ้มก่อนลาในคืนนั้น ต้าเหนิงยืนนิ่งมองฉินเกอหลงที่กำลังจะกระโดดขึ้นบนหลังม้าหานจงยืนม้าคอยอยู่ก่อนแล้ว“ข้าไม่อาจพาเจ้าเข้าวังได้ แต่นี่คือป้ายหยกของข้าเจ้านำมันไปยื่นที่ประตูวังเพื่อขอพบข้า หากว่าอยากพบข้า”ปลดป้ายหยกข้างเอวให้กับเอ่อต้าเหนิงที่รับเอาด้วยรอยยิ้มเศร้าๆวังหลวง“เกอหลง แม่ให้ขันทีตามตัวเจ้าเหตุใดจึงไม่พบที่ตำหนักบูรพา”“เอ่อ เอ่อ ลูกไปที่ตลาดเช่นทุกครั้งที่เคยทำไม่ได้ไปนอกลู่นอกทางที่ไหนดีแล้วมาใกล้ๆแม่หน่อย”ฉินเกอหลงเดินเข้าไปหามารดาที่สวมกอดฉินเกอหลงไว้แนบแน่น“คิดถึงเจ้าเหลือเกินเกอหลง หลายวันมานี้แม่ป่วยไข้คิดว่าจะไม่ได้พบหน้าเจ้าเสียแล้ว”“พระมารดา ท่านอย่าพูดแบบนี้ต่อไปลูกจะมาที่นี่ทุกวันเพื่อให้พระมารดากอด”มารดาเหอเต่อยิ้
ถ้ำกลางหุบเขา“หานจงดื่มยาเสียหน่อยเจ้่าอาการไม่ดีขึ้นเลย”ท่านหมอเยี่ยนฉือผประคองร่างบอบซ้ำของหานจงบรรจงป้อนยาที่เป่าไล่ลมร้อนไปแล้วจนอุ่นกำลังดี ท่านจะไม่ทิ้งข้าใช่ไหมท่านจะยังอยู่ตรงนี้ไใช่ไหม เยี่ยนฉือข้ากลัว กลางคืนมาน่ากลัว”มือไม้ไขว่คว้ากอดรัดเพ้อเพราะพิษไข้จากบาดแผลที่กำลังระบม“เจ้าเด็กโง่เอ๊ยใครกันจะทิ้งเจ้า ข้าควรจะไปเรียนวิชาแพทย์ใหม่ใช่ไหมอาการบาดเจ้บแค่นี้กลับทำให้ดีขึ้นไม่ได้”ร่างเล็กที่ท่อนบนมีผ้าพันแผลรอบไหลเลือดสีแดงยังไหลซึม“หนาวจัง”เยี่ยนฉือรีบเสื้อคลุมห่มให้แล้วขยับตัวตั้งใจจะเพิ่มฟืนให้โหมกระพือ แต่หานจงกลับรั้งร่างสูงมากอดรัดด้วยอาการของคนที่ไร้สติ“หนาว หนาวจัง”เยี่ยนฉือกอดร่างเล็กในอ้อมแขนเขาไว้แน่น อากาศหนาวอ้อมกอดอบอุ่นจึงช่วยได้ไม่น้อยเยี่ยนฉือยิ้มเศร้าๆกอดหานจงไว้ในอ้อมแขนแน่น จะห่วงอะไรห่วงอะไรกันเล่า ความสุขความทุกข์รายล้อมรอบตัวเราอยู่ที่ใครจะเก็บเกี่ยวความสุขได้มากกว่ากันเช้าสดใส“ท่าน ท่าน เยี่ยนฉือ เจ้าคนบ้าทำอะไรกับข้า”เสียงหานตงโวยวายแต่เช้าเยี่ยนฉืองัวเงียลืมตาขึ้นช้าๆก็เมื่อคืนกว่าเขาจะได้นอนหมอนี่ตัวร้อนเขาต้องคอยป้อนยาและกอดไว้ไม่ปล่อยพอจะปล่
“บิดาท่าน ไม่ว่าหรือที่ท่านหนีออกมาอย่างนี้”ต้าเหนิงถาม ซือกวานเบาๆอีกคนยิ้มทอดถอนใจ“ข้าเนรเทศตัวเอง”ต้าเหนิงยิ้ม อีกคนยิ้มเศร้า“ข้าไม่เคยได้ยินว่าใครเนรเทศตัวเองมาก่อนท่านกล้าเสียจริงต้าเหนิงคารวะเป็นศิษย์ดีไหม555 แล้วเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ของท่านอ๋องเล่านางจะลำบากไหม”ประโยคสุดท้ายคือคำห่วงใยจริงจังที่เฉินซือกวานสัมผัสได้“นางไม่ลำบาก เจ้าไม่ต้องห่วงนาง เดิมทีอี้เหมยนางสบายมาตลอดแค่ต้องมาใช้ความคิดนิดหน่อย มีน้ำตาเพียงเล็กน้อยตอนที่จะต้องถวายตัวกับกัวกั๋วตลอดชีวิตนางไม่เคยร้องไห้ด้วยซ้ำ ข้ากับหวางเย่ก็คอยปกป้องนางมาตลอดและยังมีหานจงที่ยอมเป็นลูกไล่นางเช่นนั้นนางไม่มีอะไรต้องกลัวหรือต้องห่วงอะไร”ต้าเหนิงยิ้มเศร้าๆรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินขึ้นมาทันที “ขอบคุณท่านที่ ที่เลือกที่ยืนข้างที่ถูก”เฉินชือกวานยิ้มบางๆ“ขอบคุณเจ้าเช่นกันที่วันนี้ทำให้ข้ารู้ว่าข้าตัดสินใจไม่ผิด”“ข้าไปแล้วท่าน อวยพรให้ข้าหน่อยสิว่าอย่าได้เจอ…คนหล่อหน้ายักษ์” เฉินซือกวานยิ้มสดใสนึกขำกับคำเรียกขานฉินเกอหลงของต้าเหนิงนางช่างสรรหาคำที่เหมาะกับตัวฉินเกอหลงเสียจริง“ขอให้ เจ้าอย่าใจดำกับหวางเย่ก็พอ”“ขี้โกงนี่ ข้าให้อ
ต้าเหนิงโยนหินลงกระทบผิวน้ำ ทีละก้อนแล้วยังไม่หายโมโห มือสองข้างกอบเอาก้อนหินเต็มกำมือปาลงบนพื้นน้ำแตกกระจาย เชียวกงเล่อวางดอกเหมยสีแดงหนึ่งดอกให้ไหลไปตามท้องน้ำ ต้าเหนิงมองดอกเหมยสีแดงงดงามลอยล่องไปตามลำน้ำ แล้วหันมาจ้องเชียวกงเล่อด้วยสายตาคมดุ“อย่างไหนที่ทำให้เจ้ารู้สึกสบายใจกว่ากันความแข็งแกร่งหรือความอ่อนโยน”“ถามทำไม ข้าผู้ไม่นิยมความอ่อนแอ”“เพราะฉะนั้นหวางเย่จึงเลือกที่จะดุดันเพื่อให้เจ้าได้รู้ว่า ชีวิตคนเราอะนะเกิดเพียงครั้งตายเพียงหนึ่งหากเจ้ายังใช้มันสิ้นเปลืองคนที่เจ็บปวดใจก็คือท่านอ๋องที่นั่งมองจ้าเน้นใช้ชีวิตไม่เน้นมีชีวิต ท่านอ๋องเช่นไรจะตามปกป้องเจ้าได้ตลอดเวลา”“ช่างเขาเถอะข้าไ่สนใจเขาแล้วว่าแต่ที่นี่มีงานให้ทำไหมข้าจะอยู่มันที่นี่แหละ” เชียวกงเล่ออมยิ้ม“งานหรือ”อือต้าเหนิงพยักหน้าขึ้นลง“ข้ารับสมัครนายหญิงน้อย เจ้ายินดีไหมเล่า”“อีกแล้วหรือ เฮ้อต้าเหนิงทำใจเถอะนะก็เจ้าหน้าตาดีขนาดนี้เจ้าก็เลยมีคนมาชอบมากมายสินะ”ิยิ้มแก้มปริเชิดหน้าสูงขึ้นเชียวกงเล่อยิ้ม“เจ้านี่จริงๆเลยไม่แปลกใจที่หวางเย่จะหวงแหนเจ้ายิ่งกว่าสิ่งของมีค่าชิ้นไหนเพราะเจ้าทำให้โลกสดใสเช่นนี้นี่เอง”“ข
เชียวเกอหลงอมยิ้ม ความหวานส่งออกมาทางสายตาและการกระทำ“ใครกัน จะไม่หลงเชื่อในเมื่อท่านอ๋องห่วงใยนางเพียงนั้น”“เอ่อต้าเหนิงนางคือเอ่อต้าเหนิงคนของตระกูลเอ่อที่เหลือรอดเพียงคนเดียวและนางคือคนที่ข้าต้องปกป้องตามบัญชาของเสี้ยนตี้หรือเสด็จปู่”“ตระกูลเอ่อ”“นางเหลือรอดคนสุดท้ายไร้ญาติมิตรเดส็จย่าจึงให้ข้า มาคอยอารักขานางและ นางตอนนี้วางยา กัวกั๋วฮ่องเต้ จนต้องหนีตาย”เชียวเกอหลงอ้าปากค้าง“เป็นแม่นางเอ่อต้าเหนิงคนนี้หรอกหรือที่วางยากัวกั๋วฮ่องเต้”สีหน้าประหลาดใจอย่างที่สุดต้าเหนิงอายุอานามไม่กี่มากน้อยทำไมถึงได้ใจถึงขนาดนี้“ข้าจะเล่าให้ฟังดีไหม เดิมใต้เท้าเฉินมอบยาพิษให้ข้าและบอกว่าให้วางยากัวกั๋วฮ่องเต้แต่พิษไม่ได้ร้ายแรงอะไรแค่ทำให้กัวกั๋วรู้ว่าต้องพิษแล้วข้าเป็นคนทำเพื่อจะได้สั่งประหารข้าแล้ว ๆๆๆท่านอ๋องจะได้มีแรงฮึดที่จะเข้าไปช่วยข้าและชิงบัลลังก์ไม่ได้บอกว่ากัวกั๋วฮ่องเต้จะต้องเป็นแบบนี้ ข้าผิดเองไม่คิดว่า ใต้เท้าเฉินจะเป็นคนแบบนี้ใต้เท้าเฉินจะหลอกใช้ข้าคิดว่าเป็นเขาที่ดีกับท่านอ๋องช่วยพวกเราจากองครักษ์วังหลวงให้ที่หลบซ่อน และยังมี เฉินอี้เหมยที่คอยดูแลอาากรบาดเจ็บของท่านอ๋อง”เหลือบต
“หวางเย่หมายความว่าอย่างไร ซือกวานท่านต้องตอบคำถามข้าแล้วล่ะ”“ท่านอ๋องฉินเกอหลง”เชียวกงเล่อ อ้าปากค้างยกมือประสานกันตรงหน้าอย่างนอบน้อม“สวรรค์มีตาแต่เชียวกงเล่อหามีตาไม่ ข้าน้อยเชียวกงเล่อน้อมรับหารลงทัณฑ์จากหวางเย่”ไฉหรานหยุดร้องไห้ยืนตลึงพรึงเพริศ ทั้งรุ้สึกผิดทั้งเสียดายฉินเกอหลง และทั้งเจ็บปวดที่เห็นฉินเกอหลงกระอักเลือด“อย่าเพิ่งห่วงเรื่องการลงทัณฑ์ ตอนนี้หวางเย่กำลังบาดเจ็บสาหัสคนของท่านตามหมอหลวงถึงไหนกันป่านนี้ยังไม่มา”ซือกวานร้อนรนรีบพยุงฉินเกอหลงยังแท่นบรรทมไม้ไผ่ต้าเหนิงเม้มริมฝีปากหน้าเสียเมื่อฉินเกอหลงนิ่งลงไปอย่างเห็นได้ชัดท่านหมอหอบหลวมยาเข้ามาหน้าตื่น เสี่ยวจิ้งตามมาติดๆ“นี่ยาขอรับ นายท่านรีบกลืนยานี่ก่อน”ต้าเหนิงรีบรินน้ำใส่ในจอกส่งให้ฉินเกอหลงเริ่มใจเสียน้ำตาปริ่มขอบตาฉินเกอหลงที่นั่งนิ่งหลับตาข่มความเจ็บปวด“อึกกๆๆฮืออ”“ต้าเหนิงอย่าร้องไห้”เพียงคำพูดนี้ของฉินเกอหลงทำเอาน้ำตาร่วงพรู“ฮือออออย่าเป็นอะไรน้าาาาา ฮืออออเจ็บไหมอึกกกกๆๆๆ”ฉินเกอหลงเอื้อมมือกอดรวบเอวบางของต้าเหนิงอย่างปลอบโยน“ข้าไม่ชอบให้เจ้าร้องไห้ไม่รู้หรือไร”เฉินซือกวานถอนหายใจ หมอหลวงส่ายหน้าไป
“ไม่ต้องพูดได้ไหม”รีบเดินเลี่ยง ฉินเกอหลงที่เอนตัวพิงอยู่กับพนังห้องรีบคว้ามือบางไว้“เอ่อต้าเหนิงมีช่วงเวลานี้ด้วยหรือ”“ช่วงเวลาอะไร”ฉินเกอหลงยิ้มกรุ้มกริ่ม“ช่วงเวลาเขินอายข้าเห็นก่อนหน้านั้นยามที่ข้าไม่อยากเข้าใกล้เจ้า เจ้าก็หาทางเข้ามาใกล้ชิดข้าก่อน”“อย่ามาพูดแบบนี้นะ ก็ท่านอ๋องเอาแต่เก็กไม่ยอม… ไม่ยอมพูดกับต้าเหนิงนี่”ดวงตากลมโตหลุบตามองพื้นเสียกลัวอีกคนเป็นความในใจจากดวงตา“ใกล้ชิดเจ้าแล้วอย่างไรใกล้ชิดเจ้าแล้ว ข้าแทบจะหยุดหายใจ ข้าแทบจะสะกดกลั้นความรู้สึกเสน่หาเจ้าไม่ได้แล้วจะไม่ให้ทำที่ว่าเฉยชาได้อย่างไรกัน ขข้าแต่เดิมไม่เคยเข้าใกล้หญิงใดมาก่อนวันนี้ต้องมาใกล้ชิดกับสนมคนงามของกัวกั๋วที่นางพยายามจะเข้าใกล้ถูกเนื้อต้องตัวข้าตลอดเวลา เจ้าคิดว่าบุรุษที่ไม่เคยใกล้ชิดหญิงใดเช่นข้าบำเพ็ญเพียรเป็นนักบวชมาตั้งนานจะไม่ตะบะแตกหรือไร”“ นั่นมันเรื่องของท่านอ๋อง ต้าเหนิงไม่พูดด้วยแล้ว”เขินจนไม่รู้จะไปอย่างไร เดินเอาห่อยาไปยังเตาไฟเพื่อจะเคี่ยวยา“โอ้ไม่น่าเชื่อแค่เพียงคนเร่ร่อนรอนแรมเหตุใดได้มาพักในเรือนรับรองของแขกคนสำคัญของซูตงกันเลยนะ”เชียวไฉหรานเดินเข้ามาข้างในห้องอย่างถือวิสาสะ ไม่ท