“เราจะไปไหนกัน”ต้าเหนิงเอ่ยปากถามเมื่อม้าวิ่งออกมาได้ระยะหนึ่งแล้วอีกคนกระชับอ้อมแขน“ทำทีราวกับคนที่มีสามี บุรุษผู้นั้นแท้จริงแล้วไม่ใช่สามีเจ้า”ต้าเหนิงถอนหายใจ“เอ้าเพิ่งรู้หรือ ข้าจะบอกอะไรให้ข้าอะนะไม่ใช่สาวโสดมีสามีแล้วและก็เคยผ่านมือสามีของข้ามาแล้วด้วย ฝ่าบาทไม่กลัวว่าทำแบบบนี้จะผิดบาปหรือไรมายุ่งกับภรรยาคนอื่น”“ข้าเห็นเจ้าปฏิเสธว่าคนแซ่เชียวนั่นไม่ใชสามีด้วยสีหน้าและแววตา ไม่น่าแปลกที่เจ้าจะไม่เคยมีสามีมาก่อนในเมื่อ….”จะบอกอย่างไรว่ายังสาวยังสวยจนเขาก็ต้องเผลอมอง“หวั่นไหวไหมเล่า”ต้าเหนิงถามยิ้มๆนึกสนุกกับคำถาม“นี่เจ้า กิริยาเช่นเจ้าไม่เหมาะกับหญิงงาม”“ใครสน ข้าไม่อยากเป็นหรอกหญิงงามอะไรนั่น แค่อยากเป็นคนที่ถูกรัก555ข้สล้อเล่นแค่อยากจะเป็นต้าเหนิงในแบบของข้าไม่เป็นหญิงงามไม่เป็นอะไรทั้งนั้นเป็นแค่ผู้หญิงที่มีความสุขมีสามีที่รักและเข้าใจเคียงข้าง แต่สามีไม่อยู่นี่สิเฮ้อเสียดายจริงๆถ้าเขาอยู่ข้าจะแนะนำฝ่าบาทให้รู้จักกับเขาสามีข้าอะนะ….”ฉินเกอหลงรวบเอวบางให้แนบชิดอกกว้างสูดดมกลิ่นหอมที่เรือนผม“เล่ามาสามีเจ้าเป็นเช่นไร”ปล่อยม้าเยาะย่างไปบนทุ่งหญ้าเขียวขจีสุดลูกหูลูกตารอคอยค
“ข้าหรือสามีเจ้า เช่นนั้น”ผลิกตัวต้าเหนิงมาตรงหน้า“อะนี่มันบนหลังม้านะ….จะทำอะไร”พูดไม่ทันจบปากที่กำลังเจื้อยแจ้วถูกกดปิดด้วยริมฝีปากอุ่น จูบเชิญชวนอ่อนหวานต้าเหนิงยกมือขึ้นดันอกกว้างไว้“อือออ จูบเลยหรือยังไม่บอกว่าเชื่อหรือเปล่าว่าฝ่าบาทคือสามีแล้วทำไมต้องจูบด้วยหากว่าต้าเหนิงเป็นของคนอื่นฝ่าบาทไม่เท่ากับทำผิดหรือ”ฉินเกอหลงเม้มริมฝีปากเสียดายจูบหวาน“แล้ว เจ้ากับเขารักกันมากแค่ไหน”ต้าเหนิงถอนหายใจ“ ไม่รุ้สิไม่เคยถามสักทีว่ารักมากแค่ไหนรักเท่าฟ้ามหาสมุทรหรือเท่าจักรวาล”ฉินเกอหลงยิ้ม“ข้าตอนนี้ไม่ได้รักเจ้านี่”ต้าเหนิงทำตาโต“ไม่รักแล้วมาจูบทำไม”“ก็แค่อยากจะลองดูว่าเจ้าพูดมาเชื่อได้แค่ไหนถ้าบอกว่าข้าคือสามีก็ต้องอยมให้ข้าจูบ”“ก็ยอมแล้วนี่ยังไม่เชื่ออีกหรือ”หน้าเง้าอีกคนกลับอมยิ้ม"นับปะคำสิเผื่อจะจำได้""นับทำไมกันปะคำอะไรนั่น เพราะอยากจูบจึงจูบ""ก็นั่นสินะจูบไปแล้วยังไม่เชื่อที่ต้าเหนิงพูดอีกหรือ"“แค่จูบมันจะพอหรือไร ที่ข้าอยากรู้ตอนนี้คือทำไมอี้เหมยถึงอุทานชื่อเจ้านางจะต้องรู้จักเจ้ามาก่อน และหากนางรู้จักเจ้าโกรธพวกเขาที่หลอกลวงนาง เรื่องเจ้าแสดงว่าเจ้าจะต้องเป็นคนสำคัญที่ทำให
“หานจง ให้ข้าไปช่วยท่านเก็บฟืน ดีไหม”หานจงโผล่ออกมาจากพุ่มไม้“อ่าา เอ่อ ขอรับพระสนม”“หือ เรียกข้าว่าต้าเหนิงดีไหมจะได้ไม่ต้องอึดอัดเวลาพูด”หานจงยิ้มเจื่อนๆ“ขอรับทางด้านนั้นไก่ป่ามากมาย ข้าน้อยยังหาวิธีที่จะดักจับมันมายังไม่ได้”“มีธนูไหม”ฉินเกอหลงส่งคันธนูที่เป้ด้านข้างตัวม้าของเขให้ต้าเหนิง“เหมาะเลยไปกันเถอะ”“ตะตะแต่ต้องอารักขาฝ่าบาทและท่านหมอบอกว่าใกล้ค่ำแล้วให้เตือนฝ่าบาทให้รีบกลับไปที่ด่านอูเอิน ท่านหมอห่งเรื่องความปลอดภัย”“เช่นนั้นก็เอาฝ่าบาทไปด้วย ข้าอะนะเป็นจอมยุทธ์หญิงของซูตงที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี มีคนแข็งแกร่งเช่นนี้อารักขาฝ่าบาทถึงสองคนยังต้องกลัวอะไรอีก”ฉินเกอหลงส่ายหน้า“เอาจริงๆฝ่าบาทวรยุทธ์สูงส่งกว่าข้าหานจง ท่านอาจารย์ในตอนนั้นยังกล่าวชมว่าฝ่าบาทเรียนรุ้เร็วและมีความสามารถมากกว่าหานจง”“เอาน่าไม่ต้องห่วงวันไหนว่างๆข้าฝึกฝนให้เจ้าดีไหม”ฉินเกอหลงถอนหายจใจอีกรอบ“ฝะฝ่าบาทว่าอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ จะกลับไปที่ด้านอูเอินไหมหากไม่กลับท่านหมอจะต้องส่งคนตามมาอารักขาแน่ๆ”“ข้า อยากจะค้างที่นี่สักคืน เมื่อบ่ายแอบหยิบสุรามาด้วยเพื่อแก้หนาว”ต้าเหนิงทำตาโต“รอบคอบที่สุด”ฉินเกอหลงยิ
“ฝ่าบาทไม่ได้รักเจ้าอี้เหมยเลิกโง่งมได้แล้ว เราทำทุกทางแล้วเพื่อให้เขากลับมาเป็นฉินเกอหลงของเจ้าที่เคยมีเจ้าในสายตาแค่เพียงผู้เดียว”“ไม่จริงฝ่าบาทมีลูกอยู่ในหัวใจเสมอมา”เฉินตงลี่ส่ายหน้าไปมา“จนกระทั่งพบ เอ่อต้าเหนิงในเทศกาลดอกไม้ไฟ ตั้งแต่นั้นมาเจ้าทำอะไรบ้างข้าที่ส่งคนจัดการกับบ้านตระกูลเอ่อ จนไม่เหลือใครตอนนั้นสวรรค์กับเมตตานางนางก็รอดมาได้เจ้ารู้ไหมใครเป็นคนช่วยนาง”“ท่านพ่อลูกโง่เขลา”“จริงที่สุดเจ้าโง่เขลาที่สุดคนที่ชวยนางออกมาก็คือฝ่าบาท พานางไปอาศัยที่วิหารเทียมฟ้ากับไทฮองไทเฮา แต่นางกลับหนีออกมาพบฝ่าบาทเพราะตอนนั้นกัวกั๋วฮ่องเต้ปราบดาภิเษก ข้าทำทุกวิถีทางไม่ให้นางได้พบฝ่าบาทในตอนนั้น ตั้งใจจัดฉากให้นางได้พบกัวกั๋วเพื่อะไรรู้ไหมก็เพื่อเจ้าทั้งที่ หากกัวกั๋วฮ่องเต้โปรดปรานนางตำแหน่งฮองเฮาอาจเป็นของนางคราวนั้นเรายิ่งควบคุมนางได้ยาก เอ่อต้าเหนิงนางเป็นหญิงที่ใจคอเด็ดเดี่ยว ไม่ยอมเป็นของกัวกั๋วเพื่อรอฝ่าบาทเพียงคนเดียวรักมั่นในฝ่าบาทเพียงคนเดียว แล้วเจ้าคิดว่าหากฝ่าบาทรู้เรื่องนี้ที่เรารู้จะไปโปรดปรานนางหรือไร แค่เพียงรู้ว่านางไม่ได้เป็นของกัวกั๋วนั่นในใจบุรุษก็อิ่มเอมเพราะว่านาง
ฉินเกอหลงเอื้อมมือโอบกอดต้าเหนิงแนบแน่นต้าเหนิงตาโตด้วยคาดไม่ถึง“อุ่นไหม”ต้าเหนิงยิ้มเศร้าๆน้ำตาไหลรินกลืนหยาดน้ำตาลงในอก“ไม่ไม่เคยอุ่นไม่เคยคิดว่ามันอุ่นเพราะอ้อมกอดนี้ไม่ใช่ของท่านอ๋องฉินเกอหลงของข้าไม่ใช่ไต้ซือคนเดิม”ฉินเกอหลงจุมพิตเบาๆที่หน้าผากเปลือกตา และหยุดที่ริมฝีปากจุบอ่อนหวานอย่างที่ไม่ต้องฝืนใจ“ใครกันหลงลืมใครกันลืมหญิงงดงามเช่นเจ้าได้ลงคอ”โน้มร่างบางของต้าเหนิงลงบนพื้นหญ้าอ่อนนุ่ม“ม่าย ไม่ ตราบใดที่ฝ่าบาทยังจำต้าเหนิงคนนี้ไม่ได้ อย่าได้สร้างตราบาปกับต้าเหนิงอีกเลย”ฉินเกอหลงถอนหายใจ พลิกร่างสูงลงนอนข้างๆยดมือกดศีรษะของต้าเหนิงให้นอนหนุนแขน“สัญญาว่าจะไม่ทำให้เจ้าแปดเปื้อนข้าจะใช้เวลาต่อจากนี้ไตร่ตรองเรื่องของเจ้ากับข้าและหาวิธีที่จะจัดการกับคนชั่วที่หลอกลวงข้า”ต้าเหนิงซบหน้าลงบนออกกว้างความรู้สึกโหยหายหายไปแล้วรู้สึกดังว่าคตำพูดเมื่อครู่ของฉินเกอหลงคือคำบอกรัก“ อากาศหนาวแล้วนอนเสียเถิด”ฉินเกอหลงตวัดเสื้อคุลมห่มร่างสองร่างหลับไหลไปพร้อมกันเช้าสดใสเสียงนกอู่ผีอิงอู่ร้องบนต้นไม้ใหญ่เสียงฝีเท้ม้าเร่งจังหวะมาแต่ไกลท่านหมอเยี่ยนแือกับเชียวกงเล่อที่ควบม้าตรงมาที่ใต้ต้นไม้
“เจ้าอยากเข้าวังไปกับข้าไหม”ต้าเหนิงเลิกคิ้วท่านหมอเยี่ยนฉือทำสีหน้าประหลาดใจไม่ต่างจากหานจงกับเชียวกงเล่อ“อย่างที่บอกข้าแค่อยากจะลองทำความรู้จักเจ้าอีกครั้ง อยากจะลองใกล้ชิดเจ้าอีกที”หานจงยิ้มกว้าง“จริงด้วยสิที่ๆอันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ต้าเหนิงเข้าวังหลวงพวกเราก้ช่วยกันปกป้องดีกว่าอยู่ที่นี่อาจมีคนส่งมือสังหารมาอีก”“ฝ่าบาทเยียนฉือเกือบลืมเรื่องมือสังหารในวันนั้นสารภาพมาแล้ว่าคนบงการก้คือไต้เท้าเสิ่น ที่ออกคำสั่งให้สังหารแม่นางที่ฝ่าบาทบังเอิญยิ้งธนูเข้าใส่เพื่อให้ฝ่าบาทกลับวังหลวงโดยเร็วไม่ต้องหวงพะวงนางท่านราชครูเฉินไม่ได้รู้ด้วยซ้ำว่านี่คือเอ่อต้าเหนิง”“จะมากไปแล้วราชครูเฉินบงการข้ามาตลอดข้าไม่เข้าใจจริงว่าเขาหวังดีเช่นไรกันแน่นับวันข้ายิ่งต้องทำตามใจเขา”“ฝ่าบาททรงพระทัยเย็นๆบางที่ท่านราชครูอาจหวังดีจริงๆก็ได้”หานจงอ้อมแอ้ม“หวังดีโดยการฆ่าคนข้าก็ยังไม่เข้าใจอขาอยู่ดีว่าหวังดีแบบไหนกันกลับวังหลวงเพื่อไต่สวนเรื่องนี้”ต้าเหนิงยิ้ม“บางทีหากว่าจะทำเหมือนว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นเสียบางทีเราอาจได้เห็นอะไรที่ต่างออกไป”จริงอย่างกุนซือพูดต่อไปท่านหมอควรเป็นกุนซือเรื่องน
ไฉหรานวิ่งไปปาดน้ำตาไปไม่หยุดอยากจะร้องให้หนักกว่านี้แต่รู้ว่ามันเปล่าประโยชน์เขาไมไ่ด้เปลี่ยนไปหากแต่เฉินซือกวานเขาลืมทุกอย่างและที่ผ่านมาไม่ได้สนใจต่างหากเล่า“ไฉหราน ท่านน้าทำไมร้องไห้”ต้าเหนิงคว้าข้อมือของไฉหรานที่หลับหูหลับตาวิ่งตั้งใจไปซบที่ไหล่ของเชียวกงเล่อ“ขะขะข้าเปล่านะไม่ได้ร้องแค่ฝุ่นผงมันเข้าตา”เชียวกงเล่อเองตกใจไม่น้อยกับสภาพของน้องสาวเพียงคนเดียวที่เห็น“เกิดอะไรขึ้นมาข้าไม่อยู่เพียงไม่กี่ชั่วยามเจ้ากลับถูกรังแกใครกันบังอาจรังแกเจ้า”เชียวกงเล่อจับที่ไหล่บางถามคาดคั้น ทุกคนในที่นั้นต่างก็ตกใจ“พี่ใหญ่ ฮือออออพี่ใหญ่เชียวมันไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านคิด ข้าไม่ได้”“อ่าปากแข้งพูดความจริงมาเกิดอะไรขึ้นเชียวไฉหรานหาใช่คนที่ร้องไห้ฟูมฟายเช่นนี้”ต้าเหนิงรีบกอดปลอบคนยิ่งร้องพี่ชายเชียวยิ่งดุ“เฉินซือกวานพี่ใหญ่เฉิน….อึกๆๆๆๆๆ”“เฉินซือกวาน…..บังอาจนัก”เชียวกงเล่อพุ่งตัวออกจากตรงนั้นเป้าหมายคือเฉินซือกวาน“พี่ใหญ่เชียวท่านท่านจะๆไปไหน””ไฉหรานตะโกนตามหลังแต่อีกคนเครื่องติดแล้วพุ่งตัวออกไปไม่เหลียวหลัง“หานจงตามไป”ฉินเกอหลงสั่งดังๆๆหานจงรีบวิ่งตามเชียวกงเล่อไปติดๆท่านหมอเยี่ยนฉือเองก็ร
“ฝ่าบาท พะพูดจริงๆใช่ไหมคำพูดนี้เชื่อถือได้ใช่ไหม”ฉินเกอหลงกอดร่างบางแนบกาย“รู้สึกใจหายบ้างไหมเวลาไม่พบหน้าข้า ความรู้สึกนี้ตอนนี้มันสุมอยู่เต็มอกของข้าและบอกข้าว่าอย่าให้เจ้าจากข้าไปไหนอีกอย่าปล่อยให้ต้องรู้สึกใจหายอีกจงให้เจ้าอยู่ข้างๆหันไปข้างๆตรงพบเจ้าเสมอ”ต้าเหนิงยิ้มสดใสยกแชนชึ้นกอดฉินเกอหลงอย่างแนบแน่นเช่นกันวังหลวง“ฝ่าบาทเสด็จกลับแล้วววววว”เสียงขันทีขานดังๆ”ฉินเกอหลงกำมือต้าเหนิงเดินผ่านประตูวังเข้ามา พร้อมด้วยไฉหราน กลเล่อและหานจงปิดท่ายขบวนด้วยเฉินซือกวาน“ฝ่าบาท”ราชครูฉินที่รีบจับชายเสื้อคลุมสาวเท้าลงมาด้านล่างทรุดกายลงแสดงความจงรักภักดีอย่างออกนอกหน้า ทั้งที่ในใจผิดหวังที่เห็นว่าฉินเกอหลงกลับมาอย่างสวัสดิ์ภาพ“ข้าน้อยเฉินตงลี่ถวายพระพรฝ่าบาททรงพระจริญหมื่นปีหมื่นๆปี”ต้าเหนิงไปหลบด้านหลีงฉินเกอหลงเสีย“ขอบคุณท่านราชครูที่ส่งคนไปรับข้ากลับมา”เงยหน้ามองหาไป๋ลู่“ข้าน้อยมอบหมายให้เฉินซือกวานถวายการอารักขาฝ่าบาทจากด่านอูเอินหวังว่าการเดินทางจะปลอดภัยราบรื่น”ฉินเกอหลงยิ้มมุมปาก“เอ่อ เอ่อต้าเหนิง”เหมือนเพิ่งจะเห็นต้าเหนิงต้าเหนิงยิ้มโบกมือหยอยๆ“ฝ่าบาทเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงเป็น
ฉินเกอหลงก้มลงจูบที่หน้าผากเธอหนึ่งทีแล้วพูดติดตลก “อย่าทำแบบนี้บ่อยนะ เดี๋ยวใจฉันจะละลาย”ต้าเหนิงกลั้นยิ้มหลังอาหารเย็น ฉินเกอหลงยืนล้างจานอยู่ในครัวโดยมีเด็กแฝดทั้งสองคนยืนอยู่ข้าง ๆ ช่วยส่งจาน พ่อบ้านคนเก่งพูดคุยกับลูก ๆ ไปด้วย เสียงหัวเราะคิกคักของทั้งสามคนทำให้บ้านหลังนี้ดูมีชีวิตชีวากว่าที่เคยเป็น ต้าเหนิงยืนพิงขอบประตูดูภาพตรงหน้า แอบอมยิ้มอย่างห้ามไม่ได้ใครจะเชื่อว่าผู้ชายเย็นชาจากโลกเดิม จะกลายมาเป็นคนที่อบอุ่นจนสามารถละลายกำแพงในใจเธอได้ทั้งหมดฉินเกอหลงคนนนี้งดงามกลางใจต้าเหนิงไม่มีเสื่อมคลายทุกเช้า เขาจะตื่นก่อนเพื่อเตรียมอาหารเช้าไว้ให้ บางวันมีซาลาเปาไส้หมูฉ่ำ ๆ ที่เขานวดแป้งเอง บางวันก็มีข้าวต้มร้อน ๆ กับไข่เยี่ยวม้าราดซอสขิง เธอแค่ลุกมาก็เจอกลิ่นหอมลอยมาจากครัว พร้อมกับเสียงทุ้มนุ่มเรียกชื่อเธออย่างคุ้นเคย “ต้าเหนิงที่รัก ตื่นได้แล้ว กินข้าวก่อนนะ แล้วค่อยนอนต่อก็ได้”เขาไม่เคยปล่อยให้ต้าเหนิงต้องทำงานอะไรในบ้านคนเดียว ไม่ว่าจะซักผ้า ทำสวน พาเด็กไปหาหมอ หรือแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ อย่างเปิดฝาน้ำปลาที่ว่ายาก ๆ เขาก็จะโผล่มาทันที พร้อมกับสายตาห่วงใยที่ไม่เคยจางไป เขาใส่ใจ
เสียงกระดิ่งหน้าประตูดังเบา ๆ เมื่อต้าเหนิงผลักประตูบ้านเข้ามา กลิ่นหอมของข้าวสวยร้อน ๆ คลุกเคล้ากับกลิ่นขิงและน้ำซุปลอยมาแตะจมูกทันที ฉินเกอหลงคงวุ่นอยู่ในครัวเหมือนทุกๆวันที่ผ่านมา แค่ก้าวเข้าไปยังไม่ทันได้วางกระเป๋าถือ มือของใครบางคนก็คว้าสัมภาระไปจากเธออย่างแผ่วเบา“กลับมาแล้วเหรอ” เสียงนุ่มทุ้มที่ฟังเมื่อไรก็อบอุ่นใจเสมอดังขึ้นจากข้างหลัง ฉินเกอหลง สวมผ้ากันเปื้อนผืนบาง ทับเสื้อเชิ้ตสีครีมแขนพับขึ้นถึงข้อศอกทำไมเขาดูน่ารักในตอนที่สวมผ้ากันเปื้อนนะ ดวงตาหยีเมื่อยิ้ม“ทำกับข้าวอีกแล้วเหรอ คงจะยุงสินะวันนี้” ต้าเหนิงยิ้มพลางถอดรองเท้า “เหนื่อยนิดหน่อย...แต่เห็นหน้าคุณแล้วหายเนื่อยทันที”ต้าเหนิงอมยิ้ม “พูดแบบนี้ จะหวานเกินไปแล้วนะคุณสามี” “อยากจะให้หวานกว่านี้ไหมไปที่ห้องนอนกันสิ” เขากระซิบใกล้หู ทำเอาหัวใจต้าเหนิงเต้นตุ้บ ๆทันใดนั้น เสียงเท้าเล็ก ๆวิ่งลงบันได ฉินเกอหลงถอนหายใจก่อนจะยิ้มกว้างส่ายหน้าไปมา “หม่าม๊าาาาาาาาา~” เสียงใสของ หนูน้อยต้าเล่อ วิ่งมากอดขาแม่แน่น ตามหลังมาด้วยน้องชายฝาแฝด ต้าโย่ว ที่ถือของเล่นไม้ในมือ “คุณแม่กลับมาแล้ว! ”ต้าเหนิงย่อตัวลงกอดลูกทั้งสองแน่น
หนึ่งปีผ่านไปที่คลินิกใหญ่แห่งหนึ่งของย่านที่มีผู้คนเดินขวักไขว่ไปมาต้าเหนิงหอบหิ้วข้าวของมากมายเดินเข้าไปข้างใน ที่นั่นหมอดนัยนั่งไขว่ห้างพนิงพนักเก้าอี้หานจงกำลังเดินออกมาพร้อมกับของว่างได้เวลาของว่างพอดีสินะ“กำลังคิดว่าจะไปเยี่ยมคุณกับหลานๆ” หมอดนัยกล่าวทักแล้วรีบมาช่วยต้าเหนิงรับเอาของพรุงพะรังไปวางที่โต๊ะตัวกลางหน้าโซฟา หันมองสบตากับหานจงยิ้มๆ ต้าเหนิงเบ้ปาก“ฮันนีมูนมาแล้วเป็นอย่างไรบ้าง” ต้าเหนิงพูดไปด้วยวางขนมลงบนโต๊ะทำงานของหมอดนัย “ดีที่สุดดีมากและดีจริงๆ” หันไปยิ้มกับหานจงอีกครั้งโกลมันเปลี่ยนไปแล้วความรักคือสิ่งสวยงาม หานจงรีบกุลีกุจอนำจานมาแกะห่อขนมวางตรงหน้าหมอดนัย “หือน่ากินจังต้าเหนิงเก่งจริงๆ ทำขนมเป็นด้วยหรือ” ต้าเหนิงส่ายหน้ายิ้มๆ“ทายสิว่าใครทำ” หมอดนัยอ้าปากค้าง“เมืองจีนนี้เขาสอนลูกหลานเขาอย่างไรน้าาา ผู้ชายสุภาพทุกคนและยังเอาใจเก่งอีกด้วยอิจฉาต้าเหนิงจังมีคนทำกับข้าวให้เลี้ยงลูกให้แล้วยังนอนกล่อมกลางคืนด้วย” ต้าเหนิงส่ายหน้าไปมายิ้มๆ“แล้วคนของหมอเล่า” พยักหน้าไปทางหานจง“ผมไม่เกี่ยวนะ ผมไม่สุภาพตรงไหนผมเอาใจคุณหมอทั้งคืน” หานจงพูดตามแบบที่เข้าใจภาษาไทยได้เล
“เราจะรักกันตลอดไป” ฉินเกอหลงกระซิบเบาๆ ข้างหูขย่มเขย่าร่างเล็กใต้ร่างเขา เร่งจังหวะพาอีกคนไปสู่สรวงสวรรค์พร้อมกัน“ข้ารักเจ้าต้าเหนิง” คำรักที่ส่งผ่านริมฝีปากออกมาแล่นเข้าสู่หัวใจของต้าเหนิงบทรักหวานฉ่ำในคืนเข้าหอและจากนี้ตลอดไปยังวนเวียนคำรักไม่สำคัญแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสุขแล้วความเข้าใจเช้าสดใส“คุณชอบกินกุ้งผมสั่งกุ้งย่างมาให้คุณ” ฉินเกอหลงแกะกล่องหยิบกุ้งมาวางในจานเช็ดมือใกับผ้ากันเปื้อนตั้งแต่แต่งงานกันมาเขาเป็นคนทำอาหารที่ตรงเวลาและใส่ใจอย่างที่สุด เลื่อนจานกุ้งย่างไปตรงหน้าต้าเหนิง“ต้าวแมวอ้วนของผมจะต้องกินกุ้งอร่อยๆ จนหมดแน่เลย” ต้าเหนิงยิ้มรับเอาจานกุ้ง…แต่“อะอะ โอ๊กกกกกกโอ๊กกกกกอ้วกๆๆๆๆ” วิ่งเข้าห้องน้ำโก่งคออาเจียนออกมาทั้งที่ยังไม่ด้กินอะไรตั้งแต่เช้า ฉินเกอหลง วิ่งมาลูบหลังไหล่ให้อย่างอ่อนโยน“เป็นอะไรต้องไปหาหมอแล้วไหม” ต้าเหนิงส่ายหน้าอีกคนโอบไหล่กดหัวให้ซบลงบนอกกว้าง แล้วอุ้มต้าเหนิงไปที่เตียงนอน“อือ แย่จริงผมอยากจะทำอีกแล้วสิบ้าจริงคุณไม่ค่อยสบายแต่ผมกลับอยากจะนอนกับคุณอีกแล้ว” ต้าเหนิงยิ้มบางๆ“เวียนหัวค่ะอยากจะนอน แล้วกุ้งนั่นเหม็นจังเลยค่ะ”“ผมก็เห็
ทุกอย่างหมุนวนไปตามครรลองของมันต้าเหนิงเคียงข้างฉินเกอหลงในโบสถ์ชุดแต่งงานสีขาวสะอาด สายตาจับจ้องที่เจ้าบ่าวที่พูดตามบาทหลวงด้วยคำสัญญาจะรักมั่นเพียงต้าเหนิงคนเดียวน้ำตาไหลริน ไม่สายไป ยังไม่สายไปที่จะรักกันใหม่แหวนทองถูกสวมลงบนนิ้วนางของต้าเหนิงต้าเหนิงเองก็บรรจงสวมแหวนทองให้กับฉินเกอหลงใบหน้ายิ้มแย้มของคุณปทุมกับคุณพ่อของต้าเหนิงราวกับว่ายกภูเขาออกจากอกท่านประธานอี้ตวนคนหล่อยิ้มสมใจต่อนี้ไปจะกุมมือต้าเหนิงไว้ไม่ยอมปล่อยช่อดอกไม้ถูกโยนออกไป ร่างสูงของใครบางคนคว้าช่อดอกไม้ช่อสีขาวสะอาดไว้ในอ้อมแขนต้าเหนิงยิ้มทำตาโตเมื่อเห็นใบหน้าคนที่รับช่อดอกไม้ไว้ได้นั่นมัน หานจงนี่ คิดถึงหมอดนัย แสงสว่างวาบขึ้นในหัวจะต้องแนะนำหานจงให้กับคุณหมอดนัยสินะเฮ้อโลกกลมจริงกัวกั๋วยืนพิงต้นดอกท้อที่นำมาประดับในงานมองมาที่คนทั้งสอง“ในที่สุดพี่ก็มีความสุขอีกแล้วครับทุกอย่างก็เป็นพี่ที่ต้องได้มันไป” ถอนหายใจยาวฉินเกอหลงกุมมือต้าเหนิงพาวิ่งไปที่รถกสปร์อตที่จอดผูกโบไว้ด้านหลังผูกกระป๋องก๋องแก๋งให้ดูตลก ฉินเกอหลงเปิดประตูอุ้มต้าเหนิงขึ้นนั่งบนรถเข้าเองก็เปิดประตูเข้านั่งข้างๆ พารถเคลื่อนไปข้างหน้าช้าๆ“ในที
“ฝ่าบาทแย่แล้วลูกดอกของฝ่าบาทคงไปโดนชาวบ้านที่ผ่านทางมาทางนี้” หานจงพูดขึ้นดังๆตกใจไม่น้อยแต่ทว่าฉินเกอหลงกลับมีท่าทีเฉยชาไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรลูกดอกยิงลงเขาเช่นไรจึงไปโดนคนด้านล่างได้ จะบังเอิญอะไรเพียงนั้น“เอ่อ ฝ่าบาทเราจะไม่ลงไปดูคนที่โดนลูกดอกหน่อยหรือขอรับ”หานจงส่งเสียงเตือนเพราะเห็นว่าฉินเกอหลงไม่สนใจแล้วยังจะควบม้าหันหน้าขึ้นไปบนเขาเพื่อตามกวางที่บาดเจ็บต่อไป“ข้าจะลงเขาไปดูพวกเขา ด้วยตัวเอง” สวรรค์นำพาแน่แล้ว ต้าเหนิงดวงตาพร่ามัวมองเห็นใบหน้าของไฉหรานเลือนลางเวลานี้เจ็บปวดที่บาดแผลที่ถูกลูกดอกแทบขาดใจ แต่พยายามที่จะตั้งสติไว้ ความเจ็บปวดนั้นแล่นเข้าสู่หัวใจและสมองบอกว่า ไม่ไหวแล้วดวงตาพร่ามัวกอ่นที่จะค่อยๆหลับลง“เจ้าจะตายแล้วหรือต้าเหนิงไม่ง่ายไปหน่อยหรือเจ้ากล้าตายทั้งๆ ที่ฝ่าบาทยังจำเจ้าไม่ได้หรือไรอิอิ ข้าสงสารเจ้าเสียจริงรักเขาแต่กลับต้องจบชีวิตลงง่ายดายเพียงนี้กลับไปที่ของเจ้าเสียดีไหม ข้าจัดการได้ดีกว่าเจ้าเชื่อข้าเถอะ” เสียงหวานของเอ่อต้าเหนิงที่ต้าเหนิงจำได้ขึ้นใจในอุโมงค์ที่เต็มๆ ไปด้วยสีสันหลากหลายหมุนวนจนปวดหัว“ไม่ข้าไม่มีทางยอมแพ้ข้าจะต้องจัดการเรื่องนี้ด้ว
เฉินอี้เหมยเดินนวยนาดเข้าไปยังจวนราชครูที่ประดับตกแต่งราวกับตำหนักของฮ่องเต้ แม้แต่เก้าอี้ที่นั่งยังทำให้ออกมาคล้ายบัลลังก์มังกรเฉินตงลี่นั่งหยิบองุ่นเข้าปากเคี้ยวสบายใจไมไ่ด้มีเรื่องใกทุกร้อนยทุกอย่างล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของเฉินตงลี่“ท่านพ่อ ส่งคนสังหารเอ่อต้าเหนิงลุล่วงไปแล้วหรือ” เฉินตงลี่เลิกคิ้วสูงไม่สู้ชอบใจกิริยาของอี้เหมยนัก ตั้งแต่นางนั่งบัลลังก์ฮองเฮานางก็ไม่เคยจะเห็นหัวเขา แต่ในใจของเฉินอี้เหมยรู้ดีว่าเป็นเพราะบิดาและไทเฮาในตอนนั้นที่ทำให้อี้เหมยต้องจดจำช่วงเวลาเลวร้ายที่ถุกกัวกั๋วย่ำยีไปจนตายความศรัทธาในตัวใต้เท้าเฉินบิดาจึงหมดลง“ข้าส่งคนสังหารนางกับเอ่อถูหวังซวน ผู้โฉดชั่วคนนั้นทว่าคนพวกนั้นไร้ฝีมือไม่อาจจัดการตัวการใหญ่อย่างเอ่อถูหวังซวนได้สำเร็จ คนผู้นี้สมควรตายที่สุดแล้วแต่ยังรอดมาได้ข้าส่งคนลอบสังหารเขาอีกคราแต่ทว่าเอ่อถูหวังซวนผู้นี้ฉลาดเป็นกรดไม่มีทางให้พบตัวได้ง่ายๆ แต่ก็นั่นแหละที่กบดานของเขาถูกคนของข้าเผาทำลายคงเจ็บปวดใจไม่น้อยสินะเหมือนครั้งที่ข้าส่งคนเผาทำลายตระกูลเอ่อแต่เอ่อต้าเหนิงคนนั้นดวงดีรอดตายมาได้”“ท่านพ่อท่านวางมือเสียเรื่องสังหารนางให้เป็นหน้าที
“หากพบกันเจ้าจะพูดกับเขาว่าอย่างไร” ไฉหรานถามขึ้นยิ้มๆ“เจ้าหมายถึงใคร” ถามกลับเพราะไม่ได้สนใจในสิ่งที่ไฉหรานพูด“จะหมายถึงใครข้าก็หมายถึงฝ่าบาทในเมื่อเขาทิ้งเจ้าไปเจ้าพบเขาก็ควรจะตัดพ้อเขาให้เขารู้ว่าตัวเองทำผิดกับเจ้า”“ท่านหมอบอกว่า ฝ่าบาทจำอะไรไม่ได้บางทีอาจจำข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วจะมีประโยชน์อะไรที่จะไปทวงคำสัญญาเขาคำสัญญาบนแท่นนอนเจ้าคิดว่าเชื่อถือได้หรือ” ไฉหรานยิ้มเจื่อนๆ“แต่ข้าก็มองว่าเขารักเจ้ามากกว่าใครเขาไม่เคยเหลียวแลหญิงใดเลยมิใช่หรือ หรือแม้แต่ข้าที่อิจฉาเจ้าตลอดมา”“นั่นมันก่อนที่เขาจะเป็นแบบนี้ ท่านหมอบอกว่าคนที่มีอิทธิพลกับเขาที่สุดก็เฉินตงลี่และเฉินอี้เหมย”“ดีนะที่ไม่มีพี่ใหญ่เฉินข้าด้วย”“พี่ใหญ่เฉินของเจ้า ดีจังอย่างน้อยก็ยังได้พูดถึงเขาสินะ เจ้าแอบชอบเขาใช่ไหมบอกข้ามา” ไฉหรานหน้าแดงควบม้านำหน้าต้าเหนิงไปเสียวังหลวงฉินเกอหลงที่นั่งกุมขมับที่ศาลาริมน้ำ ข้างหน้าคือฉินที่กำลังรอใครสักคนบรรเลงเพลงไม่ว่าจะเป็นเพลงหวานหรือเพลงเช่นไรก็ควรจะถูกบรรเลงขึ้นได้แล้วแต่เปล่าเลยฉินเกอหลงนั่งมองเครื่องเล่นฉินนิ่งงันลืมเลือนท่วงทำนองเพลงไปเสียสิ้นหานจงจึงเลือกที่จะบอกเล่าเรื่
“ฝ่าบาท น่าจะรู้ดีกว่าใครในใจของฝ่าบาทที่มีแต่เอ่อต้าเหนิงทั้งที่นางทำร้ายทำลายแม้กระทั่งมารดาของฝ่าบาทก็ตามฝ่าบาทก็ยังหลงงมงายกับนางไม่เปลี่ยน นางคงมีเล่ห์เหลี่ยมกลใดจึงทำให้ฝ่าบาทเป็นแบบนี้” “หุบปากเจ้าเสียข้าไม่คิดเลยว่าเฉินอี้เหมยที่สดใสน่ารักจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้น้องสาวตัวเล็กที่เอาแต่ใจแต่ก็น่าเอ็นดูคนนั้นหายไปไหนเสีย เจ้าพูดถึงนางแล้วทำไมไม่ให้ข้าถามเจ้าบอกว่าข้ารักนางแล้วทำไมนางต้องทำร้ายข้าและมารดาข้า”เฉินอี้เหมยกัดฟันจนเป็นสันนูน“ฝ่าบาทตลอดเวลาที่ผ่านมาข้ากับท่านพ่อหวังดีกับฝ่าบาทมาตลอดข้าทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ เพื่อเปิดโปงเอ่อต้าเหนิงว่าทำผิดต่อฝ่าบาทเพียงใดแต่กระนั้นฝ่าบาทก็ยังไม่ตัดใจจากนางข้าควรจะฆ่านางเสียใช่ไหม”ฉินเกอหลงนิ่งงัน“นั่นมันก็แล้วแต่เจ้าจะฆ่านางหรือเก็บไว้ก็แล้วแต่เจ้า ที่ข้าสงสัยก็แค่นางจะทำร้ายข้าเพื่ออะไรมิสู้ทำดีกับข้ารอให้ข้านั่งบัลลังก์แล้วยกย่องนางไม่ดีกว่าหรือ”“ฝ่าบาทมีอี้เหมยแล้ว จะรักหรือไม่เราสองคนก็คือสามีภรรยา อี้เหมยจะทำเหมือนว่าไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้นมาก่อนหากเรื่องนี้ถึงหูท่านพ่อเรื่องที่ฝ่าบาทยังคลางแคลงสงสัยในความภักดีของท่านพ่อและอี้เห