“ยังไม่ไปอีก!”หานซีจ้องมองด้วยความโกรธ กำมือแน่นด้วยโทสะ ความโกรธของเธอกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว“ผม…”ฉินหมิงสัมผัสได้ถึงสายตาอาฆาตของหานซีและเห็นหานซีกำมือแน่น ฉินหมิงอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ เหมือนน้ำท่วมปากสัญชาตญาณบอกเขาว่าหากเขากล้าปฏิเสธอีกครั้ง หานซีอาจจะทุบตีเขาทันทีเขาไม่อยากโดนตีหรอกนะ!“ผมไปครับ ผมไป…”ฉินหมิงยิ้มแห้งเมื่อตกที่นั่งลำบาก ไหน ๆ เขาก็ได้คุยเรื่องร่วมมือไว้เรียบร้อยแล้ว หานซีคิดอยากจะทำอะไรก็ตามสบายเลยละกัน!เขาแค่ออกไปกับเธอก็เท่านั้น ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร“อย่างน้อยก็รู้กาลเทศะ!”หานซีพูดอย่างเย็นชา ก่อนลากฉินหมิงซึ่งมีสีหน้าไม่เต็มใจไปที่ห้องสำนักงานผู้จัดการทั่วไป และให้เฉินถิงถิงปริ้นเอกสารสัญญาระหว่างกลุ่มธุรกิจโจวชื่อกรุ๊ปฉินหมิงที่ต้องการสัญญาพอดี เขาได้ให้เฉินถิงถิงปริ้นมาสองชุด เพื่อในกรณีที่จำเป็นบริษัทธุรกิจโจวชื่อกรุ๊ปหานซีขับรถบีเอ็มดับบลิวของเธอพาฉินหมิงมาจอดรถที่ข้างนอกบริษัทธุรกิจโจวชื่อกรุ๊ป“ฉินหมิง ครั้งนี้ถือว่าโชคนายยังดี ฉันจะไม่เอาความนาย!หานซีตะคอกอย่างเย็นชาและด่าฉินหมิง“หมายความยังไงที่ว่าไม่เอาความผม?”ฉินหมิงรู้สึกงงง
เลขานุการก็แค่เป็นงานเบ็ดเตล็ด ไม่ได้มีความสามารถอะไรมากมาย และแนวโน้มการเติบโตก็ไม่มากนักอีกทั้งกลุ่มธุรกิจอานิสทรีกรุ๊ปก็เป็นแค่เพียงอุตสาหกรรมเล็ก ๆ ของกลุ่มธุรกิจหลินชื่อกรุ๊ป ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันกับบริษัทธุรกิจโจวชื่อกรุ๊ปตำแหน่งของฮวาเหวินเลี่ยงเป็นถึงผู้จัดการประชาสัมพันธ์ ห่างจากผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเพียงเส้นบาง ๆ แน่นอนว่าตัวเขาไม่มาสนใจตำแหน่งต่ำต้อยอย่างฉินหมิงหรอก“นี่เลขาฉิน ผมก้บน้องหานซีจะคุยเรื่องร่วมมือกัน คุณเป็นแค่เลขาก็คงไม่มีประโยชน์เปล่า ๆ คุณไปรอข้างนอกเถอะไป”ฮวาเหวินเลี่ยงพูดอย่างเย็นชา“ก็ได้ครับ”เดิมทีตัวเขาก็ไม่ต้องมานั่งเจรจาร่วมมืออะไร ตัวเขาที่กำลังจะออกไป จู่ ๆ มือก็ถูกหานซีดีงไว้“รุ่นพี่ฮวาคะ พูดตามตรงนะคะ ประธานหลินได้จัดให้ฉันและเขามารับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยกัน เขาเองก็เป็นู้ผู้รับผิดชอบคนหนึ่ง ฉันรู้สึกว่าให้เขาอยู่ที่นี้น่าจะเหมาะสมกว่านะคะ…”หานซียิ้มตอบอย่างเก้ ๆ กัง ๆฮวาเหวินเคยเป็นคนที่เคยตามจีบเธอ เมื่อก่อนเธอได้ปฏิเสธเขาไม่รู้จักเท่าไรพอมาถึงตอนนี้ที่เธอจะต้องมาขอร้องเขา เดิมที่เธอเองก็ประหม่าอยู่แล้วยังจะให้ฉินหมิงออ
รอยยิ้มที่มีเลศนัยปรากฏขึ้นที่มุมปากของฮวาเหวินเลี่ยง“ไปโรงแรมตอนเย็นเหรอคะ?”ใบหน้าสวยของหานซีเปลี่ยนสีหน้า เธอไม่ใช่เด็กมือใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงาน เธอรู้ความหมายที่ฮวาเหวินเลี่ยงจะสื่อ คิดว่าฮวาเหวินเลี่ยงจะไม่หยุดแค่กินข้าวน่ะสิ!“เอ่อ รุ่นพี่ฮวาคะ พวกเราสองคนเป็นผู้หญิงผู้ชายไปกินข้าวที่โรงแรมสองต่อสอง คงไม่เหมาะเท่าไรมั้งคะ”“เอาอย่างนี้ดีกว่าไหมคะ พี่ช่วยฉันเรื่องนี้ก่อน ขอแค่ให้สำเร็จ หลังจากเรื่องนี้เสร็จฉันและประธานหลินจะเชิญพี่เลี้ยงข้าวเพื่อขอบคุณพี่นะคะ”หานซีปั้นหน้ายิ้ม ในใจแอบปลอบใจตัวเอง ว่าฝ่ายตรงข้ามเธอเป็นรุ่นพี่ อาจจะแค่อยากกินข้าวด้วยกันสักมื้อก็ได้ ไม่มีเจตนาอะไรแอบแฝงหรอก”นี่น้องหานซี น้องคงจะไม่เข้าใจความหมายล่ะสิ น้องก็รู้ว่าพี่ชอบเธอมาตลอด คำพูดนี้พี่คิดว่าพี่พูดตรงละนะ!“”ขอแค่เธอมาเป็นแฟนพี่ พี่จะพยายามช่วยเธอเซ็นสัญญาให้ได้เอง!“ฮวาเหวินเลี่ยงแสดงออกมาอย่างมีไหวพริบ“อะไรนะคะ!”“แบบนี้ไม่ได้นะคะ!”“รุ่นพี่ฮวาคะ ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดี ๆ มากนะคะ แต่ว่าฉันเคารพพี่ในฐานะรุ่นพี่ หวังว่าพี่จะไม่ล้ำเส้นเกินไปนะคะ!”ใบหน้าของหานซีเต็มไปด้วยความไม่พอ
เพี๊ยะ!เสียงกังวานดังขึ้น ฮวาเหวินเลี่ยงตกตะลึงด้วยเสียงที่ดังก้องในหู เขาก้มศีรษะและฟาดหน้าผากเข้ากับมุมโต๊ะทำให้เลือดออกทันทีฮวาเหวินเลี่ยงร้องด้วยความเจ็บปวด เขายกมือคลำไปที่หน้าผาก ทั้งมือเต็มไปด้วยเลือด“ฉันจะฆ่าแก!”ฮวาเหวินเลี่ยงโกรธจนเลือกขึ้นหน้า ความโทสะเต็มหัวใจของเขาและเขาก็รีบวิ่งไปหาฉินหมิงราวกับกำลังบ้าคลั่งฉินหมิงกระโดดขึ้นและเตะฮวาเหวินเลี่ยงที่ท้องส่วนล่าง ทำให้ฮวาเหวินเลี่ยงกระเด็นออกไปหลายเมตร ร่างของฮวาเหวินเลี่ยงกลิ้งไปมาบนพื้นหลายตลบและกระแทกเข้ากับเชิงกำแพงด้านหลังเสียงดังกึกก้อง “ฉินหมิงพอเถอะ พวกเรารีบออกไปกัน”หลังจากที่หานซีหลุดจากภวังค์ เธอก็รีบก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขนของฉินหมิงในเรื่องมันมาถึงขนาดนี้ เรื่องเจรจาก็คงจบเห่แล้ว เธอไม่มีหวังแล้วตอนนี้เธอคิดได้แค่ว่าต้องออกจากตรงนี้ให้เร็ว ไม่อย่างนั้นเรื่องจะใหญ่กว่านี้ฉินหมิงพยักหน้าและรีบออกไปข้างนอกกับหานซี“จับพวกมันไว้ อย่าให้พวกมันหนีไปได้…”ฮวาเหวินเลี่ยงใช้แรงพยุงตัวขึ้นมา เขาออกคำสั่งด้วยความโกรธเวลานี้ความวุ่นวายในสำนักงานได้ทำให้พนักงานด้านนอกรู้แล้ว มีคนโทรหารปภ.เรียบร้อยฉินห
”ในที่สุดเธอก็เข้าใจว่าทำไมหลินหว่านชิงตอนแรกทำไมถึงได้ชมว่าฉินหมิงนั้นหล่อในตอนนี้เธอก็คิดว่าในสิ่งที่หลินหว่านชิงพูดนั้นไม่ผิด รูปร่างที่สูงตระหง่านของฉินหมิงนั้นหล่อเหลาอย่างยิ่ง!“เร็ว…รีบเรียกตำรวจมา…”ฮวาเหวินเลี่ยงหายใจเข้าลึก ดวงตาที่ดุร้ายกลับกลายเป็นความหวาดกลัวเขาไม่เข้าใจจริง ๆ ฉินหมิงเป็นเลขานุการตัวเล็ก ๆ ทำไมวิชาต่อสู้ถึงได้เก่งกล้าขนาดนี้!ถ้าหากเขาไม่เห็นกับตา ให้ตายเขาก็ไม่มีทางเชื่อ!“หยุดเดี๋ยวนี้!”“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น!“เสียงตะโกนอย่างมีโทสะดังมาจากด้านหลัง ชายหนุ่มและผู้บริหารของบริษัทหลายคนเดินเข้ามาอย่างรวดเร็วจากที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลชานหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นคือโจวเจี้ยนนั่นเองเขาได้ยินว่ามีการต่อสู้ที่นี่“ประธานโจว…”พนักงานทุกคนต่างตกใจโจวเจี้ยนคือคุณชายใหญ่ของตระกูล และเขาก็เป็นประธานของกลุ่มธุรกิจโจวชื่อกรุ๊ป พวกเขาไม่กล้าที่จะละเลย ต่างก็รีบหลีกทางให้โจวเจี้ยนและคนอื่น ๆ ได้เดิน“ประธานโจวครับ คุณมาพอดีเลย มีคนมาก่อความวุ่นวายในบริษัทของพวกเราครับ อีกทั้งยังทำร้ายผม คุณต้องเป็นคนตัดสินแทนผมนะครับ…“ฮวาเหวินเลี่ยงดีใจมาก ร
โจวเจี้ยนไม่ได้สนท่าทีสงสัยของพนักงาน เขารีบสาวเก้ามาตรงหน้าฉินหมิง ยิ้มอย่างเคารพแล้วกล่าวว่า “พี่ฉินหมิง ทำไมพี่ถึงมาที่บริษัทผมล่ะครับ?””อ้อ ผมมาเจรจาขอความร่วมมือกับบริษัทคุณน่ะ“ฉินหมิงตอบด้วยรอยยิ้ม“เจรจาขอความร่วมมือเหรอครับ?”“เรื่องที่เกี่ยวกับกลุ่มธุรกิจโอลกากรุ๊ปของพวกพี่กับบริษัทธุรกิจโจวชื่อกรุ๊ปของพวกผม เมื่อกี้คุณปู่ได้โทรมาบอกผมแล้ว ท่านพูดว่านัดพี่ไว้เรียบร้อยแล้ว พี่สามารถเซ็นสัญญาขณะทานอาหารเย็นวันนี้ได้นี่ครับ”“แต่…ทำไมพี่ถึงมาก่อนเวลาล่ะครับ?”โจวเจี้ยนประหลาดใจมากเขารับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อธุรกิจช่องทางการขายของกลุ่มธุรกิจโจวชื่อกรุ๊ป เมื่อกี้นายท่านโจวได้โทรหาเขาโดยเฉพาะเพื่อถามเกี่ยวกับเรื่องนี้“คือว่าอย่างนี้ คนนี้คือผู้ช่วยหานในบริษัทของผม ผมบอกกับเธอไปแล้วว่าได้คุยไว้เรียบร้อยแล้ว แต่เธอไม่เชื่อน่ะ ผมก็เลยถูกเธอลากมา เลยมาก่อนเวลา…“ฉินหมิงยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และเล่าสั้น ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น รวมถึงพฤติกรรมไร้ยางอายของฮวาเหวินเลี่ยงในสำนักงาน“ฉินหมิง ที่แท้นายก็ได้คุยกับประธานโจวไว้เรียบร้อยแล้ว…”หานซีนี่โง่เง่าจริง ๆ เธอคิดไม่ถึงว่าที่ฉินหมิงพู
โจวเจี้ยนยิ้ม เขาดูนาฬิกาข้อมือแล้วพูดว่า “พี่ฉินหมิงครับ ตอนนี้ก็ใกล้จะสี่โมงแล้ว ในเมื่อพี่มาแล้วก็ไม่ต้องกลับแล้วล่ะครับ“”ผมว่า ตอนนี้ผมโทรหาคุณปู่ดีกว่า พวกเราไปทานข้าวกันที่โรงแรมกันก่อน พี่คิดว่าดีไหมครับ?“อืม…ได้สิ”ฉินหมิงพยักหน้า เขามองไปที่หานซีข้าง ๆ และลังเลที่จะพูดไม่นานโจวเจี้ยนก็เข้าใจความหมายของฉินหมิง เขาถามหานซีด้วยรอยยิ้ม “คุณหานครับ คุณก็เป็นเพื่อนของพี่ฉินหมิง หากคุณสะดวกล่ะก็ไปกับพวกเราไหมครับ?”“อย่างนั้น…ฉันรบกวนคุณด้วยละกันนะคะ“หานซีรู้ว่าตัวเองอาศัยบารมีของฉินหมิง เธอสงสัยมากว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉินหมิงและนายท่านโจวเป็นอย่างไรกัน หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งในที่สุดเธอก็ตกลงตามคำเชิญของโจวเจี้ยน…โรงแรมแกรนด์โนเบิล ในห้องวีไอพีที่ตกแต่งอย่างหรูหราโจวคังไท่และโจวเจี้ยนสองคนและฉินหมิงกันหานซีสองคน ต่างพากันนั่งลงเมื่อโจวคังไท่ส่งสัญญาณ พนักงานเสิร์ฟก็เริ่มเสิร์ฟไวน์และอาหารทีละคน หอยเป๋าฮื้อน้ำแดง อาหารชั้นเลิศทั้งหมดเป็นอาหารอันโอชะ“นี่น้องฉินหมิง เรื่องครั้งที่แล้วต้องขอบคุณคุณมาก ๆ เพื่อการขอบคุณ ฉันจะดื่มให้นายซักแก้ว“ใบหน้าโจวคังไท่เต็ม
จู่ ๆ หัวใจของหานซีก็แทบจะกระดอนออกจากปาก ในที่สุดฉินหมิงก็ช่วยให้บริษัทได้รับโอกาสในการร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจโจวชื่อกรุ๊ปในครั้งนี้ ถ้ามันพังเพราะปัญหาเรื่องราคา มันก็จะน่าเสียดายเกินไป“ประธานโจวคะ ถ้าหากราคานี้คุณไม่พอใจล่ะก็ บริษัทของพวกเราก็ยอมลดให้อีกนิดได้นะคะ“”แต่ว่าเราสามารถลดได้มากที่สุดเพียงห้าเปอร์เซ็นต์เท่านั้น นี่คือขีดต่ำสุดของบริษัทของเราแล้วค่ะ“หานซีพูดอย่างจริงใจและเพื่อแสดงความจริงใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เธอจึงงัดไพ่ใบสุดท้ายออกมา“ไม่ใช่ครับ พวกคุณเข้าใจความหมายของผมผิดไปแล้ว ผมไม่ได้บอกว่าราคาสูง แต่ผมกลับรู้สึกว่าราคาค่อนข้างต่ำน่ะ”โจวคังไท่หัวเราะและส่ายหัว“ราคาต่ำหรือคะ?”หานซีตะลึง ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเธอเข้าทำงานมาก็นานหลายปี เธอได้คุยเกี่ยวกับความร่วมมือมาไม่รู้จักกี่ครั้ง แต่ลูกค้าก็มักจะบอกว่าราคาสูงและพยายามทุกวิถีทางเพื่อลดราคาแต่ลูกค้าที่บอกว่าราคาต่ำ เธอเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก“ถูกต้องครับ!”“นี่ฉินหมิง งั้นเอาอย่างนี้ กลุ่มธุรกิจโจวชื่อกรุ๊ปของพวกเรายอมให้กำไรบริษัทของพวกนายสิบเปอร์เซ็นต์ นายคิดว่าอย่างไร?”โจวคังไท่ยิ้มถาม“จริงเหรอคร