“อันดับที่สองได้แก่ โอวเจียกรุ๊ป พวกเขาควบคุมช่องทางการขายถึงยี่สิบสองเปอร์เซนต์…”“และอันดับสามก็คือบริษัทอันเท่อ ควบคุมช่องทางการขายถึงสิบสี่เปอร์เซนต์…”“ส่วนช่องทางการขายในตลาดที่เหลือประมาณยี่สิบเปอร์เซนต์ อยู่ในมือของผู้จัดจำหน่ายและตัวแทนขนาดเล็กและขนาดกลางบางราย…”หานซีใช้เมาส์คลิกที่ข้อมูลบนหน้าจอและพูดจาอย่างฉะฉานอานิสทรีกรุ๊ปเป็นบริษัทผู้ผลิต เมื่อใดก็ตามที่บริษัทผลิตสินค้า จำเป็นที่ต้องผ่านตัวแทนจำหน่ายเพื่อขายส่ง โปรโมชั่น การรวมทรัพยากรและอื่น ๆ สุดท้ายก็นำไปเผยแพร่ออกสู่ตลาดโดยผู้จัดจำหน่ายคือตัวเชื่อมโยงสำคัญที่ขาดไม่ได้อานิสทรีกรุ๊ปมีช่องทางการขายสองช่องทาง เส้นทางแรกคือการร่วมมือกับผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่สามราย โดยผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่สามรายนี้มีความสัมพันธ์ในเชิงแข่งขันกัน และอานิสทรีกรุ๊ปสามารถเลือกความร่วมมือได้เพียงหนึ่งรายเท่านั้นเส้นทางที่สอง คือการร่วมมือกับผู้จัดจำหน่ายและตัวแทนขนาดเล็กและขนาดกลาง ซึ่งผู้จัดจำหน่ายเหล่านี้มีหลายประเภท และการกระจายความต้องการก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ไม่ค่อยมีเสถียรภาพ ปกติแล้วการปฏิบัติงานของฝ่ายขายในบริษัทก็จะขึ้นอยู่กับกล
อย่างไรก็ตาม มีปัญหาหนึ่งที่เขาสังเกตเห็น“หว่าน…ประธานหลิน ส่วนแบ่งการขายนั้นโจวกรุ๊ปเองก็ไม่ใช่ว่าเป็นรายชื่ออันดับที่หนึ่งเหรอ ทำไมบริษัทของเราถึงไม่เลือกร่วมมือกับพวกเขากันล่ะครับ? ”ฉินหมิงถามด้วยความสับสน ในใจรู้สึกคุ้น ๆ ว่าเคยได้ยินเกี่ยวกับชื่อโจวกรุ๊ปมาเล็กน้อย แต่เขาเองก็จำไม่ได้ว่าได้ยินชื่อนี้มาจากที่ไหนทันทีที่ฉินหมิงพูดสิ่งนี้ ห้องประชุมขนาดใหญ่ก็เงียบสงบลงอย่างน่าประประหลาดทุกคนต่างก็มองมาที่เขาด้วยสีหน้าแปลก ๆ ราวกับว่าพวกเขากำลังมองคนโง่อยู่“เลขาฉิน ดูเหมือนว่าคุณจะไม่เคยเตรียมงานใด ๆ มาก่อนเลย แม้แต้สามัญสำนึกพื้นฐานที่สุดคุณก็ยังไม่รู้เลย! ”รอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของตู้เซียว“สามัญสำนึกพื้นฐานอะไร? ”ฉินหมิงทั้งหัวแข็งทื่อ“ฉินหมิง คุณเลิกทำขายหน้าได้แล้ว! ”“ช่างเถอะ ฉันจะเป็นคนบอกคุณเองดีกว่า! ”หานซีจ้องมองฉินหมิงอย่างหงุดหงิดใจพร้อมพูดขึ้นว่า“ช่องทางการขายเครื่องสำอางของโจวกรุ๊ปนั้น พวกเขาใช้เส้นทางสินค้าระดับไฮเอนด์และสินค้าฟุ่มเฟือย! ”“เครื่องสำอางและสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติจำนวนมาก ทั้งหมดถูกส่งมอบให้กับตัวแทนโจวก
พอมาถึงยังด้านนอกฉินหมิงหายใจเข้าลึก ๆ เขาได้สงบสติอารมณ์อยู่สักพัก จากนั้นก็กดรับสายโทรศัพท์ทันที“สวัสดีครับ ใช่คุณฉินหมิงหรือเปล่าครับ ผมโจวคังไท่ ไม่ทราบว่าคุณยังจำผมได้อยู่หรือเปล่าครับ? ”ทันทีที่มีการเชื่อมต่อสายโทรศัพท์ ภายในโทรศัพท์ก็ปรากฎเสียงหัวเราะอันสดใสของชายชราขึ้นมา “ที่แท้เป็นนายท่านโจวนี่เอง ไม่ทราบว่าที่คุณโทรมาหาผมมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ? ”ฉินหมิงนึกขึ้นได้ทันที ที่แท้อีกฝ่ายก็คือชายชราที่เขาได้ช่วยรักษาที่สวนสาธารณะเมื่อวานนี้“เป็นแบบนี้ครับ เรื่องบุญคุณที่คุณได้ช่วยเหลือผมไว้ผมไม่สามารถที่จะไม่ตอบแทนได้ ผมอยากเลี้ยงอาหารคุณสักมื้อเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ ไม่ทราบว่าคุณพอจะมีเวลาว่างเมื่อไรบ้างครับ? ”โจวคังไท่ถามด้วยรอยยิ้ม“นายท่านโจวครับ ไม่จำเป็นหรอกครับ ผมแค่ทำไปตามที่ควรเท่านั้นครับ คุณไม่จำเป็นต้องเกรงใจขนาดนี้ก็ได้ครับ”ฉินหมิงกล่าวด้วยความรวดเร็ว“จะทำแบบนั้นได้ยังไง! ”“ตอนนั้นผมให้สินน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปคุณก็ไม่ยินดีรับ ถ้าหากผมไม่เลี้ยงอาหารคุณสักครั้งอีก นั้นผมจะสบายใจได้ยังไงล่ะ”โจวคังไท่ยืนกราน น้ำเสียงของเขาจริงใจเป็นอย่างมากเ
“หน้าหนาจริง ๆ ! ”ตู้เซียวกล่าวด้วยความดูถูกฉินหมิงไม่ได้สนใจเขา รีบเดินไปที่ด้านข้างหลินหว่านชิง เขากล่าวด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้นว่า“ประธานหลิน ผมมีข่าวดีจะมาบอกคุณครับ บริษัทของพวกเราสามารถร่วมมือกับบริษัทโจวกรุ๊ปได้แล้ว เมื่อครู่ผมกับทางโจวกรุ๊ป…” ฉินหมิงไม่ทันได้พูดจบ ตู้เซียวก็ได้พูดแทรกขึ้นมาทันที“เลขาฉิน สมองของคุณมีปัญหาหรือเปล่า? ”“เมื่อครู่ผู้ช่วยหานไม่ได้บอกคุณชัดเจนแล้วเหรอ บริษัทของเราไม่มีคุณสมบัติที่จะร่วมมือกับโจวกรุ๊ปได้ และเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมาสนใจบริษัทของเรา! ”“ทำไม คุณเป็นโรคอัลไซเมอร์หรือเปล่า ทำไมถึงลืมได้เร็วขนาดนี้ล่ะ! ”ตู้เซียวพูดจาเยาะเย้ย มองดูฉินหมิงราวกับว่าเขากำลังมองดูคนโง่อย่างไรอย่างนั้นคนอื่นก็ไม่ต่างกัน ทั้งหมดต่างก็สงสัยว่าฉินหมิงกำลังจะสร้างเรื่องวุ่นวายอะไรอีก!“คุณเงียบไปเลย! ”ฉินหมิงจ้องมองตู้เซียวด้วยความโกรธ “ใครบอกกับคุณว่าโจวกรุ๊ปจะไม่ร่วมมือกับบริษัทของเรา! ”“เมื่อครู่ท่านประธานของโจวกรุ๊ปโทรศัพท์มาหาผม พวกเราพูดคุยกันดีแล้ว ตอนเย็นจะเซ็นสัญญากัน! ”“อะไรนะ? ”“ท่านประธานของโจวกรุ๊ปโทรศัพท์มาหาคุณ? ”พอฉินหมิงพูดออกมาเ
อย่างไรก็ตามรอเขาได้รับสัญญาในตอนเย็นแล้ว หลินหว่านชิงอยากที่จะไม่เชื่อเขาก็คงจะไม่ได้แล้ว และเขาเองก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนทำเรื่องนี้พอคิดเช่นนี้ ในใจของฉินหมิงก็ร่าเริงขึ้นมาทันที แล้วพูดอย่างมีชั้นเชิงว่า “โดยรวมแล้ว ผมคิดว่าบริษัทของเราควรที่จะพยายามร่วมมือกับโจวกรุ๊ป นี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของเราในตอนนี้! ”“เหลวไหล! นี่มันไม่เป็นจริงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว! ”ตู้เซียวใช้มือตบที่โต๊ะพร้อมกับยืนขึ้นมา ฉินหมิงเพิ่งจะทำขายหน้าพอแล้ว เขาเองก็ขี้เกียจที่จะเยาะเย้ยฉินหมิงอีกต่อไป และเริ่มพูดถึงมุมมองของเขาว่า “ประธานหลินครับ ผมเป็นผู้อำนวยการฝ่ายขายของบริษัท ผมจะรับผิดชอบปัญหาการขายอย่างแน่นอน! ”“ผมคิดว่าบริษัทของพวกเราควรที่จะดำเนินการการร่วมมือกับโอวเจียกรุ๊ปต่อ ทั้งสองฝ่ายจะดำเนินการเจรจาทางธุรกิจก่อน จากนั้นจะพยายามลดอัตรากำไรให้เหลือประมาณห้าเปอร์เซนต์”“ในทางกลับกัน เราสามารถเริ่มต้นจากเส้นทางการขายที่สอง และเพิ่มความร่วมมือกับผู้จัดจำหน่ายและตัวแทนจำหน่ายขนาดเล็กและขนาดกลางบางราย ทั้งนี้ก็เพื่อแสวงหาผลประโยชน์เพิ่มเติมเพื่อชดเชยการสูญเสียอัตรากำไรห้าเปอร์เซนต์นี้…”ตู้เซียวย
“ซีซี เธอ…เธอเป็นแฟนของฉินหมิงเหรอ? ”“เป็นเรื่องจริงเหรอ? ”หลินหว่านชิงตกใจจนพูดไม่ออก เธอจำได้ชัดเจนว่า เมื่อวันก่อนหานซียังทำตัวเย็นชากับฉินหมิงอยู่เลย ถึงขนาดยังต่อว่าฉินหมิงเป็นสาวประเภทสองอยู่เลยแต่ไม่เคยคิดเลยว่าเวลาเพียงแค่ไม่กี่วัน หานซีและฉินหมิงจะเข้ากันได้จริง ๆ ความสัมพันธ์นี้จะพัฒนาเร็วเกินไปหรือไม่! “ใครเป็นแฟนเขากัน…”หานซีจ้องมองหลินหว่านชิงด้วยความโกรธ ในใจคิดว่า ‘ไม่ใช่เพราะเธอไล่เหยียนซ่งไท่ออกไปเหรอ มันเลยทำให้ฉันต้องแบกรับความลำบากแทนเธอ!’“ไม่ ไม่ใช่…”“หว่าน…ประธานหลินครับ เธอไม่ใช่แฟนของผม ผมกับเธอเราไม่มีความสัมพันธ์อะไรกัน คุณได้โปรดเชื่อผมเถอะ! ”ฉินหมิงประสานมือแล้วพูดออกไป ท่าทางของเขาจริงใจมาก เขาไม่ต้องการให้หลินหว่านชิงเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหานซีผิด!“นาย…”จมูกของหานซีบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ ท่าทางแบบนี้ของฉินหมิงหมายความว่าอย่างไร ความกระตือรือร้นที่จะอธิบายความสัมพันธ์ของเขากับเธอต่อหน้าทุกคน ราวกับว่าเธอกังวลที่จะพึ่งพาเขา!เธอทำผิดอะไรเหรอ?ฉินหมิงไปเอามั่นใจมาจากไหน!หานซีกัดฟันกรอด เธอยับยั้งชั่งใจอย่างมากที่จะไม่โกรธจนระเบ
ตู้เซียวยืนกรานความคิดตัวเอง เขาไม่อยากตั้งตัวเป็นศัตรูกับหานซีแต่เขาต้องการจะเป็นศัตรูกับฉินหมิง!“ไอเดียดีนี่!”“แต่รีบเร่งจะมีแต่ผลเสียซะเปล่า พวกเราควรรักษาความมั่นคงก่อนแล้วค่อยแสวงหาความก้าวหน้าดีกว่า…”…ผู้นำอาวุโสหัวเก่าจำนวนหนึ่งแสดงการสนับสนุน“ไม่ได้ ไม่มีประโยชน์ที่จะเสียเวลาเป็นปี ๆ !“อีกอย่างถ้าครั้งนี้บริษัทเราทำกำไรได้ ความคิดริเริ่มนี้ก็คงตกไปอยู่ในมือของกลุ่มธุรกิจโอลกากรุ๊ป อีกหน่อยถ้าเราเติบโตขึ้นไปกว่านี้เราคงขยับตัวทำอะไรได้ลำบาก”หานซีพูดคัดค้านเพราะว่าความคิดระหว่างเธอกับตู้เซียวไม่ตรงกัน พวกแนวคิดใหม่และพวกหัวเก่าต่างก็โต้เถียงกัน ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ยอมกัน“พอได้แล้ว ทุกคนเงียบได้แล้ว!”หลินหว่านชิงตบโต๊ะไปหนึ่งฉาด ทำให้ทุกคนเงียบทันที“ในเมื่อความเห็นสองฝ่ายไม่ตรงกัน อย่างนั้นเรามาแยกกันทำดีกว่า หน้าที่ของผู้อำนวยการตู้คือคุณต้องไปเจรจากับกลุ่มธรุกิจโอลกากรุ๊ปให้เขาอ่อนข้อให้ ส่วนผู้ช่วยหานคุณมีหน้าที่ไปเจรจาร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจโจวชื่อกรุ๊ป!“พวกคุณมีเวลาเริ่มพร้อมกัน ภายในสองวันจะต้องให้คำตอบฉัน!”หลินหว่านชิงได้ทำการตัดสินใจ สายตามองไปที่ตู้เ
“ไร้สาระกันจริง ๆ !”หลินหว่านชิงจ้องฉินหมิงอย่างไม่สบอารมณ์ เธอเองก็ไม่คิดว่าฉินหมิงจะเจรจาให้กลุ่มธุรกิจโจวชื่อกรุ๊ปมาร่วมมือกับทางบริษัทได้ หรือว่าจะต้องถีงคราวไล่ฉินหมิงออกจากบริษัทจริง ๆ แล้วหรือ?“สรุปได้ว่าตอนนี้เหลือเวลาไม่มากแล้ว ผู้ช่วยหานและฉินหมิงทั้งสองคนมีหน้าที่ไปเจรจาให้กลุ่มธุรกิจโจวชื่อกรุ๊ปมาร่วมมือ ถ้าภายในสองวันนี้พวกคุณไม่สำเร็จล่ะก็ ถึงเวลานั้นก็จะทำตามวิธีของผู้อำนวยการตู้ละกัน!”หลินหว่านชิงได้ทำการตัดสินออกมาเพราะเธอรู้ว่าการเจรจาให้กลุ่มธุรกิจโจวชื่อกรุ๊ปมาร่วมมือนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก เธอไม่ได้คาดหวังว่าฉินหมิงจะทำได้ เธอฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ตัวหานซีมากกว่า!“เลขาฉิน นายเตรียมออกจากบริษัทได้เลย!”ตู้เซียวยิ้มอย่างโอ้อวด เหมือนกับว่าตัวเองได้เห็นภาพฉินหมิงก้าวออกจากบริษัทแล้วกลุ่มผู้บริหารของบริษัทส่ายหัวและมองดูฉินหมิงด้วยความดูถูก ใครก็ไม่คิดว่าฉินหมิงจะสามารถชนะได้“เลิกประชุม!”หลังจากนั่นทุกคนก็ได้แยกย้ายออกไปจากห้องประชุม“ฉินหมิง คุณตามฉันมาที่ห้องสำนักงานด่วน!”หานซีพูดด้วยเสียงเย็นชาข้างฉินหมิงฉินหมิงยกมือปัดจมูก จากนั้นก็ได้ตามหา
บรรพบุรุษตระกูลฉินทิ้งความรู้ไว้ให้เขาอย่างกว้างขวางมาก แถมยังรวมถึงสูตรลับบางอย่างในการกระตุ้นศักยภาพของร่างกายมนุษย์ด้วย สูตรลับเหล่านี้เกี่ยวข้องกับทักษะทางการแพทย์และได้รับการบันทึกอย่างละเอียดสำหรับยาปราณแท้ ปัจจุบันเขามีสำรองอยู่อีกหลายเม็ดตอนนี้ทั้งสองอย่างล้วนพร้อมแล้ว เขาต้องการช่วยเฝิงเจิ้นฝ่าฟันปัญหาคอขวดของวรยุทธไปให้ได้ นี่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย!“ลุงเฝิง ผมบอกความจริงกับคุณก็แล้วกัน แม้ว่าผมจะไม่แน่ใจว่าสามารถช่วยคุณทะลวงไปสู่ระดับราชาแห่งสงครามได้หรือไม่ แต่ผมจะพยายามลองอย่างเต็มที่ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จน่าจะสูงมาก ... "ฉินหมิงพูดอย่างจริงใจ“ลองดู?”“การฝ่าฟันปัญหาคอขวดของวรยุทธ เรื่องแบบนี้จะลองสุ่มสี่สุ่มห้าได้อย่างไร หากมีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ผลที่ตามมาอาจเป็นหายนะ!”เฝิงเจิ้นตกใจยิ่งกว่าเดิมในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่า ฉินหมิงกำลังพูดเรื่องไร้สาระและต้องการใช้เขาเป็นหนูทดลองหากเป็นเรื่องอื่นก็เอาเถอะ เขาคงสามารถให้ความร่วมมือกับฉินหมิงได้ แต่การฝ่าฟันปัญหาคอขวดของวรยุทธเป็นสิ่งสำคัญ หากไม่ระวังอาจกลายเป็นบ้าได้ง่าย ๆ หรือแม้แต่สูญเสียทักษ
เดิมทีระดับการบ่มเพาะของลี่ตั๋วไห่นั้นทัดเทียมกับเขา ทั้งสองอยู่ในระดับของครึ่งก้าวราชาสงคราม ต่างคนต่างไม่สามารถทำอะไรกับอีกฝ่ายได้แต่ตอนนี้ความแข็งแกร่งของลี่ตั๋วไห่แซงหน้าเขาไปแล้ว ต่อไปนี้มันยากมากสำหรับเขาที่จะสู้กับลี่ตั๋วไห่ได้!ชั่วขณะหนึ่ง เขารู้สึกถึงวิกฤตที่รุนแรงมาก แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้“บางทีลี่ตั๋วไห่อาจโชคดีมากกว่า...”ฉินหมิงฉุกคิดได้ และดูเหมือนเขาจะเข้าใจอะไรบางอย่างอย่างคลุมเครือเขาเคยสงสัยมาก่อนตอนที่อยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลหลิน ว่าลี่ตั๋วไห่สามารถฝ่าฟันปัญหาคอขวดของวรยุทธ์ได้อย่างง่ายดาย นี่อาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับการปล้นเจิ้งอวี่ มิฉะนั้นลี่ตั๋วไห่จะไม่สร้างศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างตระกูลเจิ้งเพียงเพื่อยาปราณแท้แค่สามเม็ดแน่ตอนนี้เขาคิดเชื่อมโยงกันเล็กน้อย ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าลี่ตั๋วไห่อาจจะสามารถทะลวงเข้าไปในระดับของราชาสงครามได้โดยใช้ยาปราณแท้สามเม็ดนี้!นี่ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นก็คือในฐานะคนหลอมยาปราณแท้ เขาเข้าใจคุณสมบัติของยาปราณแท้มากกว่าใคร ๆ ในเมื่อแม้แต่ลี่ตั๋วไห่ก็มีสิทธิ์พึ่งพายาปราณแท้เพื่อกลายเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งในระดับราชาสงคราม ถ้าอย่
ตอนนี้เขาสะบักสะบอมมาก มันเจ็บไปทั้งหัวใจ และเขาคิดอยากลบความรู้สึกที่มีต่อหลินหว่านชิงออกไปให้หมดสิ้น แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง!เขาจะกลับไปคบหลินหว่านชิงอีกครั้งได้อย่างไร!“ฉินหมิง คุณใจร้ายกับฉันได้ขนาดนี้เลยเหรอ?”หลินหว่านชิงกัดริมฝีปากแล้วมองฉินหมิงด้วยใบหน้าเศร้า เธอพยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลลงมา“ไม่ได้ใจร้าย เพียงแต่ว่าโชคชะตาระหว่างเราสองคนจบลงแล้ว!”“ถ้าคุณเต็มใจ เราก็ยังเป็นเพื่อนกันต่อไปได้ แต่เรื่องความรู้สึกให้มันจบลงเพียงเท่านี้เถอะ!”ฉินหมิงพูดอย่างใจเย็น“ได้ คุณพูดแบบนี้เอง คุณอย่าเสียใจภายหลังก็แล้วกัน!”หลินหว่านชิงรู้สึกเหมือนคนอกหัก เมื่อต้องเผชิญกับความไร้เยื่อใยและความเมินเฉยของฉินหมิง เธอไม่มีความกล้าพอที่จะอยู่ตรงนี้อีกต่อไป เธอจึงหันหลังกลับและวิ่งหนีไปทันทีที่เธอหันหลังมา หยดน้ำตาก็ไหลลงอาบแก้มของเธออย่างเงียบ ๆ “ฉินหมิง ไอ้สารเลว!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยโกรธมาก เธอจ้องมองไปที่ฉินหมิงด้วยสายตาเกลียดชัง จากนั้นก็วิ่งตามไปยังทิศทางของหลินหว่านชิง“ฉินหมิง คุณดูแลตัวเองให้ดี ๆ เถอะ!”หานซีเหลือบมองฉินหมิงด้วยสีหน้าซับซ้อน จากนั้นเธอและไล่ตามเซี
ฉินหมิงตกใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ“แน่นอนว่านายไม่รู้!”“ครั้งที่แล้ว พี่ไปที่หมิงเหยากรุ๊ปเพื่อไปง้อนาย แต่เธอถูกซูซินเหยาหลอกให้คิดว่านายกับซูซินเหยาคบกันแล้ว…”“ผู้กระทำผิดทั้งหมดนี้ก็คือซูซินเหยา ถ้าเธอไม่เข้ามาขวางทาง พี่คงไม่ได้รับข้อมูลผิด ๆ จากเธอและไม่ทำร้ายนายครั้งแล้วครั้งเล่า…”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยพูดด้วยความโกรธ และเธอก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างคร่าว ๆหลังจากฟังแล้ว ฉินหมิงมีสีหน้าประหลาดใจและไม่แน่ใจ จากนั้นเขาก็มองซูซินเหยาด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟและถามว่า "ซินเหยา สิ่งที่เสี่ยวเตี๋ยพูดเป็นความจริงหรือเปล่า?"“ฉัน...”ใบหน้าที่สวยงามของซูซินเหยาเปลี่ยนเป็นสีแดง เธออ้าปากพูด แต่ก็พูดไม่ออกท้ายที่สุดแล้ว เรื่องนี้เป็นความผิดของเธอจริง ๆ เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยไม่ได้กล่าวหาเธอ และเธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร“ทำไมต้องโกหกผม?”สีหน้าของฉินหมิงมืดลงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาที่จะเดาจากปฏิกิริยาของซูซินเหยาว่า สิ่งที่เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยพูดนั้นเป็นเรื่องจริง!“ฉินหมิง ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะโกหกคุณ…”“ฉันก็แค่ชอบคุณมาก และไม่อยากเสียคุณไป ฉันจึงตัดสินใจทำมันลงไป...”ดวงตาขอ
ในขณะนี้ เขายังสงบสติอารมณ์ไม่ได้ และความตั้งใจอันแน่วแน่ดั้งเดิมของเขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นคลอนเล็กน้อย“ฉินหมิง คุณอย่าตอบตกลงเธอนะ...”ใบหน้าที่สวยงามของซูซินเหยาซีดลง เธอมองไปที่ฉินหมิงด้วยความกังวลเธอรับรู้ความรู้สึกของฉินหมิงที่มีต่อหลินหว่านชิง และเธอก็เห็นว่าฉินหมิงหวั่นไหว หากไม่ผิดคาด ฉินหมิงน่าจะทิ้งเธอไปแล้วกลับไปหาหลินหว่านชิงเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอรู้สึกเศร้ามาก และใจของเธอก็ค่อย ๆ จมลงสู่ก้นบึ้งเมื่อเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของซูซินเหยา ฉินหมิงก็ตื่นขึ้นมาทันทีราวกับว่าถูกสาดหน้าด้วยน้ำเย็นหากเป็นเมื่อก่อน เขาอาจจะตกลงที่จะกลับไปคืนดีกับหลินหว่านชิงแต่ตอนนี้ เขาได้ตกลงที่จะหมั้นกับซูซินเหยาแล้ว และเมื่อสักครู่นี้ยังให้สัญญากับซูซินเหยาอีกด้วย!หากเขายกเลิกงานหมั้นในเวลานี้ ไม่ต้องคิดเลยว่าจะทำให้ซูซินเหยาเสียใจมากแค่ไหน!ไม่ชอบสิ่งใด ก็อย่าได้ทำสิ่งนั้นกับคนอื่นตอนที่เขากับหลินหว่านชิงเลิกกัน เขาได้สัมผัสรสชาติความเจ็บปวดด้วยตัวเอง มันเป็นความเจ็บปวดที่จดจำไว้ในใจไม่ลืมเลือน เจ็บจนเจียนตายในเมื่อแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ชอบความเจ็บปวดแบบนี้ เขาจะใจร้ายทำร้ายซูซินเห
“ผมไม่เป็นไร แค่บาดเจ็บนิดหน่อย...”ฉินหมิงยิ้มเบา ๆแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลินหว่านชิงจะทะเลาะกันจนค่อนข้างไม่มีความสุข แต่หานซีและเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขามาก เขาถือว่าหานซีและเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยเป็นเพื่อนที่ดีมาโดยตลอดเขารู้สึกอบอุ่นหัวใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองแสดงความเป็นห่วงเขา“ฉินหมิง ฉันขอโทษ เป็นฉันเองที่ทำร้ายคุณ”หลินหว่านชิงพูดด้วยท่าทางรู้สึกผิด“ไม่เป็นไร ทั้งหมดเป็นความสมัครใจของผมเอง...”ฉินหมิงแสร้งทำเป็นฝืนยิ้มความรักคือการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เขาเสียสละมากมายเพื่อหลินหว่านชิงอย่างเต็มใจ ไม่สามารถโทษผู้อื่นได้“คุณหนูใหญ่หลิน คุณมาหาผมมีธุระอะไรเหรอ?”ฉินหมิงถามตรงประเด็น แม้แต่ชื่อน่ารัก ๆ ที่เขาใช้เรียกหลินหว่านชิงก็ได้เปลี่ยนไปแล้วในเมื่อตอนนี้เขาตัดใจจากหลินหว่านชิงแล้ว และกำลังจะหมั้นกับซูซินเหยา เขาควรขีดเส้นความสัมพันธ์ให้ชัดเจนกับหลินหว่านชิงและพยายามรักษาระยะห่าง นี่เป็นหน้าที่อย่างหนึ่งที่สมควรทำเมื่อได้ยินชื่อเรียกที่ไม่คุ้นเคยออกมาจากปากฉินหมิง หลินหว่านชิงก็รู้สึกเจ็บแปลบในใจแต่เธอรู้ว่าทั้งหมดน
ฉินหมิงเป็นคู่แข่งทางความรักที่ใหญ่ที่สุดของเขา ขอแค่ฉินหมิงและหลินหว่านชิงคืนดีกันไม่สำเร็จในครั้งนี้ เขาก็สามารถใช้โอกาสจากเรื่องนี้เข้าไปอยู่ในหัวใจของหลินหว่านชิงได้ง่ายขึ้น!แค่ได้คิดก็มีความสุขมาก!......คฤหาสน์ตระกูลซูแขนข้างหนึ่งของฉินหมิงถูกพันด้วยผ้าพันแผล เขานอนอยู่บนเตียงเพื่อพักฟื้นอยู่ในห้องเพราะเขากินยามังกรซ่อนไปหนึ่งเม็ดตอนอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลหลิน ตอนนี้เขาจึงอยู่ในระยะอ่อนแอ ร่างกายไร้เรี่ยวแรงข้างเตียงซูซินเหยาดูแลฉินหมิงอย่างดี ในมือถือชามยาบำรุงพลังร่างกาย เธอป้อนยาให้ฉินหมิงด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขบนใบหน้าอันงดงามของเธอคนเราจะมีความสุขเมื่อได้อยู่กับคนที่เรารัก เธอรอคอยฉินหมิงมาเป็นเวลานาน ในที่สุดวันที่ยากลำบากผ่านพ้นไป วันที่หวานชื่นก็มาถึง ได้กลับมาอยู่ด้วยกันกับฉินหมิงสมใจปรารถนาใครก็ยากที่จะจินตนาการถึงความสุขในใจของเธอได้!หลังจากกลับมาจากคฤหาสน์ตระกูลหลิน ใบหน้าที่สวยงามของเธอก็ไม่เคยหยุดยิ้มได้เลย…ในขณะนี้ มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตระกูลซูนายหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอกอย่างรวดเร็ว“คุณหนูใหญ่ ข้างนอกมีผู้หญิงคนหนึ่
“สรุปก็คือหนูจะไปหาเขาตอนนี้และอธิบายเรื่องทุกอย่างให้ชัดเจน บางทีนี่อาจจะเอาชนะใจเขากลับมาได้!”หลินหว่านชิงพูดอย่างหนักแน่นพูดจบเธอก็หันหลังแล้วเดินออกไป“ไม่ได้ ลูกจะไปไม่ได้!”“เรื่องของฉินหมิงเป็นเรื่องอดีตไปแล้ว ลูกควรมองไปข้างหน้า ตอนนี้หลานเค่ออั๋งคือตัวเลือกที่ดีที่สุดของลูก!”หลินเถิงฮุ่ยหมุนรถเข็นของเขาและรีบไปหยุดหลินหว่านชิงไว้ในความเป็นจริง เหตุผลที่เขาห้ามหลินหว่านชิงก็เพราะว่าฉินหมิงกำลังจะหมั้นหมายกับซูซินเหยา และเนื่องจากเค่ออั๋งชอบหลินหว่านชิงมากแม้ว่าฉินหมิงจะมีความสามารถที่ยอดเยี่ยม แต่ฉินหมิงก็เป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ไร้อำนาจบารมี หากฉินหมิงจะเต็มใจที่จะกลับมาคืนดีกับหลินหว่านชิงจริง ๆ มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเขาในการกลับไปสู่วงศ์ตระกูลแต่เค่ออั๋งนั้นแตกต่างออกไป หากหลินหว่านชิงยอมรับเค่ออั๋งด้วยพลังยุทธและรากฐานของตระกูลเค่อ การช่วยให้เขายึดอำนาจของตระกูลกลับคืนมาคงไม่ใช่เรื่องยากอย่างแน่นอน!“พ่อ ก่อนหน้านี้พ่อทำเพื่อประโยชน์ของตระกูล จึงเข้ามาก้าวก่ายเรื่องระหว่างหนูกับฉินหมิง อย่างไม่ลังเล และท้ายที่สุดหนูก็ทำร้ายฉินหมิงครั้งแล้วครั้งเล่า...”“ตอนนี้พ่
การให้ความช่วยเหลือในเวลาที่ต้องการเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด ตอนนี้หลินหว่านชิงและพ่อของเธอกำลังประสบปัญหา จุดประสงค์ของการมาที่นี่คือการถือโอกาสแสดงความเป็นสุภาพบุรุษต่อหน้าหลินหว่านชิงในตอนที่พวกเขาต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด และหวังว่าจะได้รับความโปรดปรานจากเธอ!ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเขามาทันเวลา เมื่อสักครู่นี้เขาเป็นพระเอกขี่ม้าขาวและช่วยหลินหว่านชิงให้รอดพ้นจากอันตราย ความประทับใจที่ไม่ดีต่อเขาในอดีตก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน“คุณอยากช่วยเราเหรอ?”หลินเถิงฮุ่ยรู้สึกประหลาดใจและตื่นเต้นตระกูลเค่อเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองเจียงเฉิง ที่มีพลังยุทธและรากฐานที่ทรงพลังมาก หากเขาได้รับความช่วยเหลือจากเค่ออั๋งและตระกูลเค่อได้ มันจะเป็นเรื่องง่ายขึ้นมากสำหรับเขาและหลินหว่านชิงที่จะกลับคืนสู่ตระกูลหรือยึดอำนาจของตระกูลคืนมา!“ใช่แล้ว!”“ลุงหลิน ตราบเท่าที่คุณต้องการความช่วยเหลือจากผม ผมจะพยายามอย่างดีที่สุดและทำอย่างเต็มที่!”เค่ออั๋งพูดเสียงดังฉะฉาน“ดี เยี่ยมมาก!”“หลานเค่ออั๋ง หากคุณสามารถช่วยฉันกับหว่านชิงกลับคืนสู่ตระกูลหลินได้ เราสองพ่อลูกจะขอบคุณอย่างยิ่ง!”หลินเถิงฮ