หานซีกล่าวด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจกลุ่มธุรกิจอานิสทรีกรุ๊ปเดินบนเส้นทางแฟชั่น ภายในบริษัทมีหญิงสาวสวยมากมาย แต่หานซีสามารถโดดเด่นขึ้นมาได้จากหมู่หญิงสาวเหล่านั้น และกลายเป็นหญิงสาวที่สวยเป็นอันดับสองของบริษัท ความเป็นเลิศของเธอทุกด้านไม่จำเป็นต้องสงสัยเลยจริง ๆ ด้วยรูปลักษณ์และหน้าตาของเธอ มองหาไปทั่วทั้งเมืองเจียงก็ยังมีผู้หญิงไม่มากที่จะสามารถแซงหน้าเธอได้!ตู้เซียวยังคงมีความแตกต่างอยู่บ้างเมื่อเทียบกับเธอ!และที่สำคัญไปกว่านั้น คนที่หานซีชอบก็คือผู้ชายที่ยิ่งใหญ่และมีอำนาจเหนือกว่า ตู้เซียวเป็นเพียงนักวิชาการหน้าขาวที่โดดเด่นไม่มากพอเธอสามารถชอบตู้เซียวลงได้ก็แปลกแล้ว!“ใช่ ใช่…”ตู้เซียวยิ้มทำตัวไม่ถูก สายตาเหลือบไปยังฉินหมิงที่อยู่ด้านข้าง จู่ ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ สีหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยนไป “หานซี คนนี้คงจะไม่ใช่เลขาฉินที่เป็นคนของผู้ช่วยผู้บริหารคนนั้นใช่ไหม? ”ฉินหมิงตกใจอย่างมาก เขาเพิ่งจะเข้ามาที่บริษัทได้สองวัน คิดไม่ถึงว่าจะมีคนระดับสูงในบริษัทรู้จักเขาด้วย เขาค่อนข้างจะประหลาดใจ“สวัสดีครับผู้อำนวยการตู้ ผมฉินหมิงเป็นเลขาของผู้ช่วยผู้บริหารครับ ยินดีอย่างมากที่ได้ร
เปรี้ยง!หานซีรู้สึกราวกับว่าถูกฟ้าผ่า และหัวของเธอเองก็ว่างเปล่าเธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสิ่งที่ตู้เซียวบอกจะเป็นเรื่องจริง ในสถานการณ์ที่อธิบายอะไรไม่ได้ เธอก็กลายมาเป็นแฟนของฉินหมิงซะอย่างนั้น!“พวกคุณอย่าพูดเหลวไหล! ”“ฉันกับเขาเราไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน และเขาเองก็ไม่ใช่แฟนของฉัน! ”หานซีตะโกนบอกทุกคนด้วยความโมโห ภายในใจเองก็พยายามข่มอารมณ์ของตัวเองอยู่เช่นกันในที่สุดตอนนี้เธอก็เข้าใจแล้วว่า เป็นเพราะเหยียนซ่งไท่ถูกบังคับให้ลาออก ทำให้ทุกคนเข้าใจผิดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับฉินหมิงแต่เหยียนซ่งไท่ไม่ใช่เธอที่เป็นคนไล่ออก อันที่จริงเธอแค่ทำแทนหลินหว่านชิงก็เท่านั้น!ฉินหมิงเองก็ตกใจเช่นเดียวกัน เขาคิดไม่ถึงเลยว่าแค่เรื่องของเหยียนซ่งไท่แค่เรื่องเดียว กลับกลายเป็นความเข้าใจผิดอย่างใหญ่โตขนาดนี้“พวกคุณทุกคนเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ใช่แฟนของผู้ช่วยหาน ผมไม่ได้ชอบเธอเลย…”ฉินหมิงโบกปัดมือพลางพูดออกมา พยายามที่จะชี้แจงเรื่องที่เข้าใจผิด“คุณพูดว่ายังไงนะ? ”“คุณไม่ได้ชอบฉันงั้นเหรอ? ”หานซีชี้นิ้วไปที่หน้าของตัวเอง เธอเพิ่งจะสงบสติอารมณ์ได้ไม่นาน และก็เกือบจะโกรธเคืองคำ
เมื่อครู่เขาโดนหานซีเตะอย่างแรง เดิมก็รู้สึกหดหู่ใจมากอยู่แล้ว เขาจะมีสีหน้าดี ๆ ให้ตู้เซียวได้อย่างไร จากนั้นเขาก็เดินอ้อมตู้เซียวแล้วจากไป“เด็กน้อย นายอย่าทำได้ใจไปหน่อยเลย! ”“นายรอฉันก่อน ฉันไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ แน่! ”เมื่อแผ่นหลังของฉินหมิงค่อย ๆ หายไป ตู้เซียวเองก็โกรธจนเป็นฟืนเป็นไฟทันทีเขาไล่ตามจีบหานซีมาปีกว่าแล้ว แต่เขาไม่เคยได้รับความสนใจจากเธอเลย ตอนนี้กลับเป็นฉินหมิงคนบ้านั่นได้ความสนใจจากเธอไป เขาจะเต็มใจยอมรับมันได้อย่างไร!...เวลาบ่าย บริษัทได้จัดการประชุมระดับสูงขึ้นณ ภายในห้องประชุมตอนที่ฉินหมิงได้ตามอู๋จิ้งไปถึงห้องประชุม ด้านในก็มีผู้คนนั่งกันเต็มไปหมดแล้ว รวมทั้งผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเกือบทั้งหมดก็เข้าร่วมด้วย ในนั้นรวมไปถึงตู้เซียวผู้อำนวยการฝ่ายขายด้วยตู้เซียวไม่คิดว่าฉินหมิงจะมีสิทธิ์เข้าร่วมการประชุมด้วย และเขาเองก็จ้องมองฉินหมิงด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเป็นครั้งคราวผ่านไปไม่นานนักเสียงรองเท้าส้นสูงที่เหยียบกระทบพื้นก็ดังขึ้น และหานซีก็ได้ติดตามหลินหว่านชิงเข้าไปยังห้องประชุมทางด้านในพอหลินหว่านชิงปรากฎตัวขึ้น ผู้คนก็เงียบเสียงลงในทันทีเมื่
“อันดับที่สองได้แก่ โอวเจียกรุ๊ป พวกเขาควบคุมช่องทางการขายถึงยี่สิบสองเปอร์เซนต์…”“และอันดับสามก็คือบริษัทอันเท่อ ควบคุมช่องทางการขายถึงสิบสี่เปอร์เซนต์…”“ส่วนช่องทางการขายในตลาดที่เหลือประมาณยี่สิบเปอร์เซนต์ อยู่ในมือของผู้จัดจำหน่ายและตัวแทนขนาดเล็กและขนาดกลางบางราย…”หานซีใช้เมาส์คลิกที่ข้อมูลบนหน้าจอและพูดจาอย่างฉะฉานอานิสทรีกรุ๊ปเป็นบริษัทผู้ผลิต เมื่อใดก็ตามที่บริษัทผลิตสินค้า จำเป็นที่ต้องผ่านตัวแทนจำหน่ายเพื่อขายส่ง โปรโมชั่น การรวมทรัพยากรและอื่น ๆ สุดท้ายก็นำไปเผยแพร่ออกสู่ตลาดโดยผู้จัดจำหน่ายคือตัวเชื่อมโยงสำคัญที่ขาดไม่ได้อานิสทรีกรุ๊ปมีช่องทางการขายสองช่องทาง เส้นทางแรกคือการร่วมมือกับผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่สามราย โดยผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่สามรายนี้มีความสัมพันธ์ในเชิงแข่งขันกัน และอานิสทรีกรุ๊ปสามารถเลือกความร่วมมือได้เพียงหนึ่งรายเท่านั้นเส้นทางที่สอง คือการร่วมมือกับผู้จัดจำหน่ายและตัวแทนขนาดเล็กและขนาดกลาง ซึ่งผู้จัดจำหน่ายเหล่านี้มีหลายประเภท และการกระจายความต้องการก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ไม่ค่อยมีเสถียรภาพ ปกติแล้วการปฏิบัติงานของฝ่ายขายในบริษัทก็จะขึ้นอยู่กับกล
อย่างไรก็ตาม มีปัญหาหนึ่งที่เขาสังเกตเห็น“หว่าน…ประธานหลิน ส่วนแบ่งการขายนั้นโจวกรุ๊ปเองก็ไม่ใช่ว่าเป็นรายชื่ออันดับที่หนึ่งเหรอ ทำไมบริษัทของเราถึงไม่เลือกร่วมมือกับพวกเขากันล่ะครับ? ”ฉินหมิงถามด้วยความสับสน ในใจรู้สึกคุ้น ๆ ว่าเคยได้ยินเกี่ยวกับชื่อโจวกรุ๊ปมาเล็กน้อย แต่เขาเองก็จำไม่ได้ว่าได้ยินชื่อนี้มาจากที่ไหนทันทีที่ฉินหมิงพูดสิ่งนี้ ห้องประชุมขนาดใหญ่ก็เงียบสงบลงอย่างน่าประประหลาดทุกคนต่างก็มองมาที่เขาด้วยสีหน้าแปลก ๆ ราวกับว่าพวกเขากำลังมองคนโง่อยู่“เลขาฉิน ดูเหมือนว่าคุณจะไม่เคยเตรียมงานใด ๆ มาก่อนเลย แม้แต้สามัญสำนึกพื้นฐานที่สุดคุณก็ยังไม่รู้เลย! ”รอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของตู้เซียว“สามัญสำนึกพื้นฐานอะไร? ”ฉินหมิงทั้งหัวแข็งทื่อ“ฉินหมิง คุณเลิกทำขายหน้าได้แล้ว! ”“ช่างเถอะ ฉันจะเป็นคนบอกคุณเองดีกว่า! ”หานซีจ้องมองฉินหมิงอย่างหงุดหงิดใจพร้อมพูดขึ้นว่า“ช่องทางการขายเครื่องสำอางของโจวกรุ๊ปนั้น พวกเขาใช้เส้นทางสินค้าระดับไฮเอนด์และสินค้าฟุ่มเฟือย! ”“เครื่องสำอางและสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติจำนวนมาก ทั้งหมดถูกส่งมอบให้กับตัวแทนโจวก
พอมาถึงยังด้านนอกฉินหมิงหายใจเข้าลึก ๆ เขาได้สงบสติอารมณ์อยู่สักพัก จากนั้นก็กดรับสายโทรศัพท์ทันที“สวัสดีครับ ใช่คุณฉินหมิงหรือเปล่าครับ ผมโจวคังไท่ ไม่ทราบว่าคุณยังจำผมได้อยู่หรือเปล่าครับ? ”ทันทีที่มีการเชื่อมต่อสายโทรศัพท์ ภายในโทรศัพท์ก็ปรากฎเสียงหัวเราะอันสดใสของชายชราขึ้นมา “ที่แท้เป็นนายท่านโจวนี่เอง ไม่ทราบว่าที่คุณโทรมาหาผมมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ? ”ฉินหมิงนึกขึ้นได้ทันที ที่แท้อีกฝ่ายก็คือชายชราที่เขาได้ช่วยรักษาที่สวนสาธารณะเมื่อวานนี้“เป็นแบบนี้ครับ เรื่องบุญคุณที่คุณได้ช่วยเหลือผมไว้ผมไม่สามารถที่จะไม่ตอบแทนได้ ผมอยากเลี้ยงอาหารคุณสักมื้อเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ ไม่ทราบว่าคุณพอจะมีเวลาว่างเมื่อไรบ้างครับ? ”โจวคังไท่ถามด้วยรอยยิ้ม“นายท่านโจวครับ ไม่จำเป็นหรอกครับ ผมแค่ทำไปตามที่ควรเท่านั้นครับ คุณไม่จำเป็นต้องเกรงใจขนาดนี้ก็ได้ครับ”ฉินหมิงกล่าวด้วยความรวดเร็ว“จะทำแบบนั้นได้ยังไง! ”“ตอนนั้นผมให้สินน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปคุณก็ไม่ยินดีรับ ถ้าหากผมไม่เลี้ยงอาหารคุณสักครั้งอีก นั้นผมจะสบายใจได้ยังไงล่ะ”โจวคังไท่ยืนกราน น้ำเสียงของเขาจริงใจเป็นอย่างมากเ
“หน้าหนาจริง ๆ ! ”ตู้เซียวกล่าวด้วยความดูถูกฉินหมิงไม่ได้สนใจเขา รีบเดินไปที่ด้านข้างหลินหว่านชิง เขากล่าวด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้นว่า“ประธานหลิน ผมมีข่าวดีจะมาบอกคุณครับ บริษัทของพวกเราสามารถร่วมมือกับบริษัทโจวกรุ๊ปได้แล้ว เมื่อครู่ผมกับทางโจวกรุ๊ป…” ฉินหมิงไม่ทันได้พูดจบ ตู้เซียวก็ได้พูดแทรกขึ้นมาทันที“เลขาฉิน สมองของคุณมีปัญหาหรือเปล่า? ”“เมื่อครู่ผู้ช่วยหานไม่ได้บอกคุณชัดเจนแล้วเหรอ บริษัทของเราไม่มีคุณสมบัติที่จะร่วมมือกับโจวกรุ๊ปได้ และเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมาสนใจบริษัทของเรา! ”“ทำไม คุณเป็นโรคอัลไซเมอร์หรือเปล่า ทำไมถึงลืมได้เร็วขนาดนี้ล่ะ! ”ตู้เซียวพูดจาเยาะเย้ย มองดูฉินหมิงราวกับว่าเขากำลังมองดูคนโง่อย่างไรอย่างนั้นคนอื่นก็ไม่ต่างกัน ทั้งหมดต่างก็สงสัยว่าฉินหมิงกำลังจะสร้างเรื่องวุ่นวายอะไรอีก!“คุณเงียบไปเลย! ”ฉินหมิงจ้องมองตู้เซียวด้วยความโกรธ “ใครบอกกับคุณว่าโจวกรุ๊ปจะไม่ร่วมมือกับบริษัทของเรา! ”“เมื่อครู่ท่านประธานของโจวกรุ๊ปโทรศัพท์มาหาผม พวกเราพูดคุยกันดีแล้ว ตอนเย็นจะเซ็นสัญญากัน! ”“อะไรนะ? ”“ท่านประธานของโจวกรุ๊ปโทรศัพท์มาหาคุณ? ”พอฉินหมิงพูดออกมาเ
อย่างไรก็ตามรอเขาได้รับสัญญาในตอนเย็นแล้ว หลินหว่านชิงอยากที่จะไม่เชื่อเขาก็คงจะไม่ได้แล้ว และเขาเองก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนทำเรื่องนี้พอคิดเช่นนี้ ในใจของฉินหมิงก็ร่าเริงขึ้นมาทันที แล้วพูดอย่างมีชั้นเชิงว่า “โดยรวมแล้ว ผมคิดว่าบริษัทของเราควรที่จะพยายามร่วมมือกับโจวกรุ๊ป นี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของเราในตอนนี้! ”“เหลวไหล! นี่มันไม่เป็นจริงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว! ”ตู้เซียวใช้มือตบที่โต๊ะพร้อมกับยืนขึ้นมา ฉินหมิงเพิ่งจะทำขายหน้าพอแล้ว เขาเองก็ขี้เกียจที่จะเยาะเย้ยฉินหมิงอีกต่อไป และเริ่มพูดถึงมุมมองของเขาว่า “ประธานหลินครับ ผมเป็นผู้อำนวยการฝ่ายขายของบริษัท ผมจะรับผิดชอบปัญหาการขายอย่างแน่นอน! ”“ผมคิดว่าบริษัทของพวกเราควรที่จะดำเนินการการร่วมมือกับโอวเจียกรุ๊ปต่อ ทั้งสองฝ่ายจะดำเนินการเจรจาทางธุรกิจก่อน จากนั้นจะพยายามลดอัตรากำไรให้เหลือประมาณห้าเปอร์เซนต์”“ในทางกลับกัน เราสามารถเริ่มต้นจากเส้นทางการขายที่สอง และเพิ่มความร่วมมือกับผู้จัดจำหน่ายและตัวแทนจำหน่ายขนาดเล็กและขนาดกลางบางราย ทั้งนี้ก็เพื่อแสวงหาผลประโยชน์เพิ่มเติมเพื่อชดเชยการสูญเสียอัตรากำไรห้าเปอร์เซนต์นี้…”ตู้เซียวย