“หลังจากได้กลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ปมาอยู่ในมือ เราก็สามารถจัดการกับตระกูลหลินได้อย่างสบาย ๆ แล้ว!”ไป่จิ้งยิ้มอย่างมั่นใจ“นั่นสิ ฉันรอวันนี้มานานมากแล้ว!”“ตราบเท่าที่เราสามารถเข้าครอบครองหลินกรุ๊ปและตระกูลหลินได้ หลังจากนี้ฉันจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่เพียงหนึ่งเดียวของเมืองเจียงเฉิง!”ลี่ตั๋วไห่พูดอย่างตื่นเต้นหลังจากพูดประโยคนี้จบ เขาอดไม่ได้หัวเราะฮ่า ๆ อย่างมีความสุข ราวกับว่าทั้งเมืองเจียงเฉิงได้ตกเป็นของเขาแล้ว!ตึก ตึก ตึก!ตอนนั้นเองมีเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบดังขึ้น ลี่หย่งเจี๋ยเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นจากด้านนอกด้วยใบหน้าที่น่าเกลียดลี่ตั๋วไห่ตกใจมากเมื่อเห็นเช่นนี้“หย่งเจี๋ย แกเป็นอะไร?”“พ่อให้แกไปจัดการเรื่องเข้าซื้อกลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ป แล้วเป็นยังไงบ้างแล้ว?”ลี่ตั๋วไห่รีบลุกขึ้นและถาม ลางสังหรณ์ที่ไม่ดีผุดขึ้นในใจ“พ่อครับ มีข่าวร้าย การเข้าซื้อกลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ปถูกฉินหมิงเข้ามาทำลายเสียได้...”ลี่หย่งเจี๋ยพูดด้วยความโกรธ เขาทิ้งระเบิดออกไป“อะไรนะ?”“เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับฉินหมิง?”แม้ว่าลี่ตั๋วไห่จะมีลางสังหรณ์ แต่เขาก็ยังตกใจและไม่เข้าใจว่าฉินหม
เธอก็แค่ถูกหลินหว่านชิงหลอกเท่านั้น!“นั่นก็ไม่แน่เสมอไป!”“บางทีฉินหมิงอยู่กับอีกคน แต่ใจยังคงคิดถึงอีกคน เพราะเขาต้องการครอบครองซูซินเหยาและหลินว่านชิงไปพร้อม ๆ กัน…”ลี่หย่งเจี๋ยพูดอย่างไม่แน่ใจนักหลินหว่านชิงและซูซินเหยาต่างก็เป็นหนึ่งในสี่สาวงามแห่งเมืองเจียงเฉิง คนหนึ่งอยู่ในอันดับที่หนึ่งและอีกคนอยู่ในอันดับที่สอง ไม่ว่าจะเป็นคนไหนก็สามารถทำให้ใจเขาสั่นระรัว!ถ้าเขาเป็นฉินหมิง ตราบเท่าที่มีโอกาสเขาจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อครอบครองผู้หญิงทั้งสองคนไว้แต่เพียงผู้เดียว!แต่เขาไม่รู้ว่าฉินหมิงคิดเช่นนั้นหรือไม่!“พูดจาเพ้อเจ้อ!”“คิดว่ามันเป็นไปได้เหรอ?”ลี่ตั๋วไห่จ้องลี่หย่งเจี๋ยอย่างไม่พอใจตอนนี้เขากำลังไตร่ตรองความคิดของฉินหมิง อยากรู้ว่าฉินหมิงมีวัตถุประสงค์อะไรกันแน่แต่ในทางกลับกัน ลี่หย่งเจี๋ยไม่เพียงแต่ไม่ได้ช่วยอะไร เขายังพูดไม่คิด นี่ไม่ใช่จงใจสร้างปัญหาให้ตนหรือไง?เขาไม่ชักสีหน้าใส่ลี่หย่งเจี๋ยสิแปลก!ไป่จิ้งมีความคิดแบบเดียวกัน เธอมองไปที่ลี่หย่งเจี๋ยด้วยสายตาแปลก ๆ และคิดว่าลี่หย่งเจี๋ยพูดจาไร้สาระ!หลินหว่านชิงและซูซินเหยาอยู่ในระดับเดียวกัน ใครที่สามาร
......กลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ปหลังจากที่หลินหว่านชิงรู้เรื่องการขายกลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ปจากหานซีแล้ว เธอก็รีบออกจากคฤหาสน์ตระกูลหลินเพื่อไปที่บริษัทโดยเร็วที่สุด และวางแผนที่จะจัดการเรื่องที่เกี่ยวกับการโอนหุ้นกับผู้ซื้อด้วยตนเองซึ่งนี่เป็นขั้นตอนสุดท้ายสำหรับการขายกิจการ!เมื่อมาถึงห้องทำงานของผู้ช่วยประธาน หลินหว่านชิงก็พบกับหานซีอย่างรวดเร็ว“ซีซี เอ้าเฟิงล่ะ”“ก่อนหน้านี้เขาโทรหาฉันบอกว่าได้ติดต่อกับผู้ซื้อแล้วและทั้งสองฝ่ายก็พร้อมที่จะเซ็นสัญญาแล้ว ทำไมจู่ ๆ เรื่องนี้ถึงมาตกอยู่ในมือของเธอ”หลินหว่านชิงถามอย่างรู้สึกแปลก ๆ“เอ่อ...พอดีผู้ซื้อที่รองประธานเอ้าติดต่อไว้เสนอราคาต่ำเกินไปน่ะ!”“ส่วนผู้ซื้อของฉันยินดีที่จะจ่ายเงินหกพันล้านเพื่อซื้อต่อกลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ป ดังนั้นรองประธานเอ้าจึงมอบอำนาจให้ฉันรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างเต็มที่!”หานซีพูดอย่างใจเย็น เธอไม่ได้บอกอีกฝ่ายว่าเธอและฉินหมิงแย่งเอาเรื่องนี้มาจากมือของเอ้าเฟิงแน่นอนว่าตอนนี้เอ้าเฟิงได้ทรยศหลินหว่านชิงและไปสวามิภักดิ์กับลี่หย่งเจี๋ยแล้ว สุดท้ายก็ถูกคนของลี่หย่งเจี๋ยหักขาทั้งสองข้าง เธอจึงไม่
“สถานการณ์ในปัจจุบันของหลินกรุ๊ปวิกฤติมาก ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องขายกลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ป”หลินหว่านชิงถอนหายใจ และรู้สึกอับจนหนทาง“เอ่อ...ก็ได้”เมื่อเห็นว่าหลินหว่านชิงตัดสินใจแล้ว หานซีก็รู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะพูดมากกว่านี้ จากนั้นเธอก็นึกถึงคำเตือนของฉินหมิงขึ้นมา "หว่านชิง ฉันมีบางอย่างที่จะเตือนเธอ เรื่องที่หลินกรุ๊ปตกอยู่ในวิกฤต เป็นไปได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับตระกูลลี่ ต่อไปตระกูลหลินของเธอต้องระวังตระกูลลี่ให้ดีนะ!”“ซีซี เธอเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า?”“เท่าที่ฉันรู้ ตระกูลลี่ไม่เคยยื่นมือเข้ามากดดันหลินกรุ๊ปเลยตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น แล้วมันจะเกี่ยวข้องกับตระกูลลี่ได้อย่างไร?”หลินหว่านชิงทั้งประหลาดใจและสับสน เธอสงสัยมากว่าทำไมหานซีถึงพูดแบบนี้“ฉันไม่ได้เข้าใจผิด โดยส่วนตัวแล้วฉันคิดว่าตระกูลลี่ไม่ใช่คนดีอะไร ไม่มีทางที่พวกเขาจะละทิ้งโอกาสที่ดีเช่นนี้ไป!”“เมื่อมีจุดที่ผิดปกติก็ย่อมต้องมีแผนการร้ายบางอย่าง ในเบื้องหน้าพวกเขาไม่ได้เขาร่วมกดดันหลินกรุ๊ปจริง ๆ แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าแท้จริงแล้วพวกเขากำลังทำอะไรอยู่เบื้องหลังอย่างลับ ๆ!”“สรุปก็คือเธอควรระวังไว้
เพียงแต่ไม่มีใครรู้ว่า เป็นใครที่อยู่เบื้องหลังบริษัทร่วมลงทุนนี้!ในทางกลับกันหลินเถิงฮุ่ยสามารถรักษาเสถียรภาพของหลินกรุ๊ปได้อย่างยากลำบาก แต่ภายในไม่กี่วัน สถานการณ์ที่ดีของบริษัทก็พังทลายลง!เขาโกรธมากอยู่พักหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาโกรธเกินไปหรือป่วยจากการทำงานหนักเกินไป เขากระอักเลือดอยู่ในออฟฟิศแล้วหมดสติไปในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของสงครามธุรกิจแบบนี้ หลินเถิงฮุ่ยที่เป็นประธานบริษัทกลับล้มป่วยลงอย่างกะทันหัน นี่ได้สร้างความตื่นตระหนกครั้งใหญ่ให้กับตระกูลหลิน!ท้องฟ้าเหนือตระกูลหลินทั้งหมดดูเหมือนจะถูกปกคลุมไปด้วยเมฆดำทะมึนและมืดครึ้ม!คฤหาสน์ตระกูลหลินหลังจากที่หลินเถิงฮุ่ยกระอักเลือดและหมดสติไป เขาก็ถูกลูกน้องหามตัวกลับมาที่คฤหาสน์หลังจากนั้นไม่นานนัก ไป่จิ้งและผู้อาวุโสหลายคนของตระกูลหลินก็พาคุณฉี ปรมาจารย์ด้านการแพทย์แผนจีนมาวินิจฉัยและรักษาให้กับหลินเถิงฮุ่ยภายในห้องหลินเถิงฮุ่ยนอนอยู่บนเตียง คุณฉีตรวจชีพจรของเขา จากนั้นก็ใช้เครื่องมือทางการแพทย์ตรวจร่างกายของเขาอย่างละเอียดข้าง ๆ หลินหว่านชิงและผู้อาวุโสหลายคนของตระกูลหลินมองสภาพร่างกายของหลินเถิงฮุ่ย
นี่ตรงกับใจของเธอพอดี ช่วยประหยัดแรงไม้ให้เธอและลี่ตั๋วไห่ต้องลงมือจัดการกับหลินเถิงฮุ่ย!ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงหลังจากที่หลินเถิงฮุ่ยกินยาของคุณฉี เขาก็ค่อย ๆ ฟื้นจากการหมดสติเมื่อเขาทราบอาการป่วยของตัวเองจากปากของหลินหว่านชิง หลินเถิงฮุ่ยก็เหมือนกับโดนฟ้าผ่าลงกลางใจ สภาพจิตใจของเขาเริ่มพังทลายลง!“ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้…”ใบหน้าของหลินเถิงฮุ่ยซีดเซียว จิตใจของเขายิ่งหดหู่มากขึ้นหลินกรุ๊ปถือเป็นรากฐานของตระกูลหลิน เพื่อแก้ไขวิกฤติทางการเงินของหลินกรุ๊ปเขาไม่ลังเลเลยที่จะบังคับให้หลินหว่านชิงขายกลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ปทิ้งไป!แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ไร้ผล แถมเขายังมาล้มป่วยลงในช่วงเวลาวิกฤติที่สุดอีกใครก็ยากที่จะจินตนาการถึงความเจ็บปวดในใจของเขาได้!“เถิงฮุ่ย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการดูแลร่างกายตัวเอง ในช่วงนี้คุณควรอยู่บ้านและพักผ่อนอย่างสงบ พยายามฟื้นตัวให้เร็วที่สุด…”“สำหรับเรื่องบริษัท ฉันคิดว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของจิ่นหัวไปก่อน!”ผู้อาวุโสคนหนึ่งของตระกูลหลินพูดปลอบใจเขาจิ่นหัวที่เขาพูดถึงนั้นก็คือพ่อของหลินหราน หลินจิ่นหัวเป็นลูกชายสายตรงคนโตของบ้านรองของตระกูลหล
ถ้าหลินเถิงฮุ่ยยืนกรานที่จะกระทำการตามอำเภอใจโดยพลการ ต่อให้หลินเถิงฮุ่ยเข้ามารับตำแหน่งผู้นำตระกูลแล้ว พวกเขาก็มีอำนาจมากพอที่จะถอดถอนหลินเถิงฮุ่ยออกจากตำแหน่งผู้นำตระกูลหลิน!“ผม...”เมื่อเผชิญกับคำถามจากผู้อาวุโสหลายคนของตระกูลหลิน สีหน้าของหลินเถิงฮุ่ยก็ดูไม่น่ามองอย่างมากในช่วงเวลาวิกฤติ เขามองไปที่หลินหว่านชิงซึ่งอยู่ข้าง ๆ และทันใดนั้น ความคิดหนึ่งก็แวบขึ้นมาในใจของเขา คิดอะไรดี ๆ ออกแล้ว“คุณลุงทั้งหลาย อย่าเพิ่งใจร้อนไป!”“เอาแบบนี้เป็นไง ผมสามารถมอบอำนาจของบริษัทให้กับหว่านชิง และให้เธอทำหน้าที่เป็นประธานบริษัทชั่วคราวได้”“ด้วยทักษะทางธุรกิจที่ยอดเยี่ยมของเธอ อาจจะสามารถแก้ไขวิกฤติของบริษัทเราได้นะ!”หลินเถิงฮุ่ยพูดอย่างรวดเร็วหลินหว่านชิงเป็นลูกสาวของเขา เขามอบอำนาจของบริษัทให้กับหลินหว่านชิงยังดีกว่ามอบให้กับหลินจิ่นหัวหลายร้อยเท่า!นอกจากนี้ ขอแค่หลินหว่านชิงสามารถแก้ไขวิกฤติของหลินกรุ๊ปได้ เครดิตก็จะตกเป็นของผู้เป็นพ่ออย่างตัวเขาแน่นอน และจากนั้นเขาก็จะสามารถขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูลได้โดยธรรมชาติ!นี่เท่ากับยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!“นี่ก็เป็นความคิดที่ไม่เลว!
แน่นอนว่า หลินโย่วเป็นลูกชายของเขาและหลินหว่านชิงก็เป็นลูกสาวของเขา สำหรับเขาแล้วไม่ว่าใครในสองคนนี้จะมาเป็นผู้ดูแลบริษัทก็เหมือนกันขอแค่อำนาจไม่ตกไปอยู่ในมือของทายาทสายตรงบ้านรองก็พอ!“ไป่จิ้ง เธอล้อเล่นอะไรเนี่ย?”“แม้ว่าสิ่งที่เธอพูดจะสมเหตุสมผล แต่โยว่เอ๋อยังเด็กเกินไปและยังเรียนไม่จบระดับปริญญาด้วยซ้ำ เขาจะเข้ามาดูแลบริษัทได้อย่างไร”......ผู้อาวุโสหลายคนของตระกูลหลินพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ“ใช่ ลูกโย่วไม่เคยมีประสบการณ์ในการจัดการบริษัทมาก่อนและความสามารถทางธุรกิจของเขาอาจไม่เพียงพอ!”“แต่ก็ยังมีฉันกับเถิงฮุ่ยไม่ใช่เหรอคะ?”“เมื่อตอนหลินหว่านชิงเพิ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัย นายท่านก็มอบกลุ่มธุรกิจอานิวสทรีกรุ๊ปให้กับเธอบริหาร”“ตอนนี้ลูกโย่วกำลังจะเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วอีกไม่นานก็กำลังจะไปฝึกงาน แค่มอบหลินกรุ๊ปให้เขาเป็นผู้บริหาร และมีเถิงฮุ่ยกับฉันคอยแนะนำเขาอยู่เบื้องหลัง มันจะไม่มีปัญหาใด ๆ อย่างแน่นอน!"ไป่จิ้งพูดอย่างใจเย็น“อะไรนะ? ทำแบบนี้ได้ยังไง!”“ไป่จิ้ง ตอนนี้บริษัทกำลังประสบปัญหา และต้องการคนที่มีความสามารถทางธุรกิจที่ยอดเยี่ยมมารับผิดชอบสถานการณ์โดยรวมอย่างด่ว