เธอพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงตัดสินใจให้ฉินหมิงเข้าร่วมการประชุมนี้ชั่วคราว อย่างไรก็ตามให้สิทธิ์ฉินหมิงมากไปก็ไม่ได้ หรือจะขาดฉินหมิงไปเลยก็ไม่ได้เช่นกันหลังจากทานอาหารค่ำเสร็จหลินหว่านชิงก็รีบกลับไปพักผ่อนที่ห้องนอนของตัวเองทันทีฉินหมิงเองก็คล้ายกันกับเมื่อคืนวาน เขาค่อย ๆ ถือหินหยกไปยังบนยอดเขาที่อยู่ทางด้านหลังเมื่อนำหยกออกมา ฉินหมิงก็นำหินหยกมาเรียงตามจำนวนของวิชาเก้าตำหนักแปดทิศ ตามความแตกต่างกันของทั้งสิบแปดทิศ เขาได้นำเครื่องหยกน้ำแข็งทั้งสิบแปดชิ้นมาทำการขุดหลุมและฝังลงไปทีละชิ้น ไม่นานเขาก็จัดเรียงแท่นรวบรวมวิญญาณได้สำเร็จต่อมาขอเพียงแค่จุดศูนย์กลางค่ายกลยังทำงานอยู่ แท่นรวบรวมวิญญาณก็จะสามารถทำงานได้เช่นกันหากไม่เปิดใช้งานจุดศูนย์กลางค่ายกลนั้น ภายนอกจะดูปกติทุกอย่าง จะไม่มีใครค้นพบได้ว่าที่นี่ซ่อนความลับอะไรเอาไว้หลังจากนั้น ฉินหมิงก็ได้เดินไปยังจุดศูนย์กลางค่ายกลและนั่งขัดสมาธิ เขาหยิบป้ายหยกเนื้อแก้วชิ้นสุดท้ายออกมา และวางลงไปบนจุดศูนย์กลางค่ายกลฟิ้ว!เสียงลมหนาวพัดผ่านไปครู่หนึ่งขณะที่แท่นรวบรวมวิญญาณเปิดใช้งาน พลังวิญญาณบนยอดเขาก็ก่อตัวเป็นกระแสลมเล
“นายขับรถไม่เป็นเหรอ? ”หานซีตกใจมาก เธอกลอกตาพลางพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นนายก็ไม่สามารถซื้อมอเตอร์ไซค์สีอื่นได้เหรอ การซื้อมอเตอร์ไซค์สีชมพูมาใช้มันน่าอายมากนะ! ”“มอเตอร์ไซค์คันนี้ผมไม่ได้เป็นคนซื้อมา หลินหว่านชิงให้ผมมา…”ฉินหมิงยักไหล่พลางกล่าวหลินหว่านชิงจะไม่ส่งของให้ผู้ชายโดยอำเภอใจแบบนี้แน่ ผู้ชายคนอื่นต่างก็อยากได้แต่ก็ทำไม่ได้ เขาทำใจไม่ได้ที่ต้องเปลี่ยนมัน! “แบบนั้นก็ว่าไม่ได้! ”ทันใดนั้นหานซีก็ตระหนักได้และเข้าใจฉินหมิงทันทีว่าทำไมถึงมีมอเตอร์ไซค์ที่น่าอึดอัดใจเช่นนี้“ผู้ช่วยหาน ผมจะขี่มอเตอร์ไซค์สีอะไร นี่ดูเหมือนมันจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณเลยนะ? ”“ทำไมคุณถึงดูเป็นกังวลกับมอเตอร์ไซค์ของผมอยู่ตลอดเลย? ”ฉินหมิงพูดด้วยความสับสน ภายในใจแอบสงสัย หานซีกินอิ่มแล้วว่างเกินไปหรือเปล่า ทำไมถึงดูยุ่งวุ่นวายกับเขานัก“ผมเต็มใจและคุณเองก็จะมายุ่งวุ่นวายกับผมทำไม! ”หานซีหน้าแดง เธอจ้องมองไปยังฉินหมิงอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ และหันหลังกลับเดินไปข้างหน้าอย่างหยิ่งผยองถ้าหากว่าเป็นคนอื่น เธอคงที่จะคร้านเข้าไปยุ่งวุ่นวายด้วยมีเพียงแค่ฉินหมิงที่ต่างออกไปก่อนหน้านี้เธอรู้จ
หานซีกล่าวด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจกลุ่มธุรกิจอานิสทรีกรุ๊ปเดินบนเส้นทางแฟชั่น ภายในบริษัทมีหญิงสาวสวยมากมาย แต่หานซีสามารถโดดเด่นขึ้นมาได้จากหมู่หญิงสาวเหล่านั้น และกลายเป็นหญิงสาวที่สวยเป็นอันดับสองของบริษัท ความเป็นเลิศของเธอทุกด้านไม่จำเป็นต้องสงสัยเลยจริง ๆ ด้วยรูปลักษณ์และหน้าตาของเธอ มองหาไปทั่วทั้งเมืองเจียงก็ยังมีผู้หญิงไม่มากที่จะสามารถแซงหน้าเธอได้!ตู้เซียวยังคงมีความแตกต่างอยู่บ้างเมื่อเทียบกับเธอ!และที่สำคัญไปกว่านั้น คนที่หานซีชอบก็คือผู้ชายที่ยิ่งใหญ่และมีอำนาจเหนือกว่า ตู้เซียวเป็นเพียงนักวิชาการหน้าขาวที่โดดเด่นไม่มากพอเธอสามารถชอบตู้เซียวลงได้ก็แปลกแล้ว!“ใช่ ใช่…”ตู้เซียวยิ้มทำตัวไม่ถูก สายตาเหลือบไปยังฉินหมิงที่อยู่ด้านข้าง จู่ ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ สีหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยนไป “หานซี คนนี้คงจะไม่ใช่เลขาฉินที่เป็นคนของผู้ช่วยผู้บริหารคนนั้นใช่ไหม? ”ฉินหมิงตกใจอย่างมาก เขาเพิ่งจะเข้ามาที่บริษัทได้สองวัน คิดไม่ถึงว่าจะมีคนระดับสูงในบริษัทรู้จักเขาด้วย เขาค่อนข้างจะประหลาดใจ“สวัสดีครับผู้อำนวยการตู้ ผมฉินหมิงเป็นเลขาของผู้ช่วยผู้บริหารครับ ยินดีอย่างมากที่ได้ร
เปรี้ยง!หานซีรู้สึกราวกับว่าถูกฟ้าผ่า และหัวของเธอเองก็ว่างเปล่าเธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสิ่งที่ตู้เซียวบอกจะเป็นเรื่องจริง ในสถานการณ์ที่อธิบายอะไรไม่ได้ เธอก็กลายมาเป็นแฟนของฉินหมิงซะอย่างนั้น!“พวกคุณอย่าพูดเหลวไหล! ”“ฉันกับเขาเราไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน และเขาเองก็ไม่ใช่แฟนของฉัน! ”หานซีตะโกนบอกทุกคนด้วยความโมโห ภายในใจเองก็พยายามข่มอารมณ์ของตัวเองอยู่เช่นกันในที่สุดตอนนี้เธอก็เข้าใจแล้วว่า เป็นเพราะเหยียนซ่งไท่ถูกบังคับให้ลาออก ทำให้ทุกคนเข้าใจผิดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับฉินหมิงแต่เหยียนซ่งไท่ไม่ใช่เธอที่เป็นคนไล่ออก อันที่จริงเธอแค่ทำแทนหลินหว่านชิงก็เท่านั้น!ฉินหมิงเองก็ตกใจเช่นเดียวกัน เขาคิดไม่ถึงเลยว่าแค่เรื่องของเหยียนซ่งไท่แค่เรื่องเดียว กลับกลายเป็นความเข้าใจผิดอย่างใหญ่โตขนาดนี้“พวกคุณทุกคนเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ใช่แฟนของผู้ช่วยหาน ผมไม่ได้ชอบเธอเลย…”ฉินหมิงโบกปัดมือพลางพูดออกมา พยายามที่จะชี้แจงเรื่องที่เข้าใจผิด“คุณพูดว่ายังไงนะ? ”“คุณไม่ได้ชอบฉันงั้นเหรอ? ”หานซีชี้นิ้วไปที่หน้าของตัวเอง เธอเพิ่งจะสงบสติอารมณ์ได้ไม่นาน และก็เกือบจะโกรธเคืองคำ
เมื่อครู่เขาโดนหานซีเตะอย่างแรง เดิมก็รู้สึกหดหู่ใจมากอยู่แล้ว เขาจะมีสีหน้าดี ๆ ให้ตู้เซียวได้อย่างไร จากนั้นเขาก็เดินอ้อมตู้เซียวแล้วจากไป“เด็กน้อย นายอย่าทำได้ใจไปหน่อยเลย! ”“นายรอฉันก่อน ฉันไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ แน่! ”เมื่อแผ่นหลังของฉินหมิงค่อย ๆ หายไป ตู้เซียวเองก็โกรธจนเป็นฟืนเป็นไฟทันทีเขาไล่ตามจีบหานซีมาปีกว่าแล้ว แต่เขาไม่เคยได้รับความสนใจจากเธอเลย ตอนนี้กลับเป็นฉินหมิงคนบ้านั่นได้ความสนใจจากเธอไป เขาจะเต็มใจยอมรับมันได้อย่างไร!...เวลาบ่าย บริษัทได้จัดการประชุมระดับสูงขึ้นณ ภายในห้องประชุมตอนที่ฉินหมิงได้ตามอู๋จิ้งไปถึงห้องประชุม ด้านในก็มีผู้คนนั่งกันเต็มไปหมดแล้ว รวมทั้งผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเกือบทั้งหมดก็เข้าร่วมด้วย ในนั้นรวมไปถึงตู้เซียวผู้อำนวยการฝ่ายขายด้วยตู้เซียวไม่คิดว่าฉินหมิงจะมีสิทธิ์เข้าร่วมการประชุมด้วย และเขาเองก็จ้องมองฉินหมิงด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเป็นครั้งคราวผ่านไปไม่นานนักเสียงรองเท้าส้นสูงที่เหยียบกระทบพื้นก็ดังขึ้น และหานซีก็ได้ติดตามหลินหว่านชิงเข้าไปยังห้องประชุมทางด้านในพอหลินหว่านชิงปรากฎตัวขึ้น ผู้คนก็เงียบเสียงลงในทันทีเมื่
“อันดับที่สองได้แก่ โอวเจียกรุ๊ป พวกเขาควบคุมช่องทางการขายถึงยี่สิบสองเปอร์เซนต์…”“และอันดับสามก็คือบริษัทอันเท่อ ควบคุมช่องทางการขายถึงสิบสี่เปอร์เซนต์…”“ส่วนช่องทางการขายในตลาดที่เหลือประมาณยี่สิบเปอร์เซนต์ อยู่ในมือของผู้จัดจำหน่ายและตัวแทนขนาดเล็กและขนาดกลางบางราย…”หานซีใช้เมาส์คลิกที่ข้อมูลบนหน้าจอและพูดจาอย่างฉะฉานอานิสทรีกรุ๊ปเป็นบริษัทผู้ผลิต เมื่อใดก็ตามที่บริษัทผลิตสินค้า จำเป็นที่ต้องผ่านตัวแทนจำหน่ายเพื่อขายส่ง โปรโมชั่น การรวมทรัพยากรและอื่น ๆ สุดท้ายก็นำไปเผยแพร่ออกสู่ตลาดโดยผู้จัดจำหน่ายคือตัวเชื่อมโยงสำคัญที่ขาดไม่ได้อานิสทรีกรุ๊ปมีช่องทางการขายสองช่องทาง เส้นทางแรกคือการร่วมมือกับผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่สามราย โดยผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่สามรายนี้มีความสัมพันธ์ในเชิงแข่งขันกัน และอานิสทรีกรุ๊ปสามารถเลือกความร่วมมือได้เพียงหนึ่งรายเท่านั้นเส้นทางที่สอง คือการร่วมมือกับผู้จัดจำหน่ายและตัวแทนขนาดเล็กและขนาดกลาง ซึ่งผู้จัดจำหน่ายเหล่านี้มีหลายประเภท และการกระจายความต้องการก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ไม่ค่อยมีเสถียรภาพ ปกติแล้วการปฏิบัติงานของฝ่ายขายในบริษัทก็จะขึ้นอยู่กับกล
อย่างไรก็ตาม มีปัญหาหนึ่งที่เขาสังเกตเห็น“หว่าน…ประธานหลิน ส่วนแบ่งการขายนั้นโจวกรุ๊ปเองก็ไม่ใช่ว่าเป็นรายชื่ออันดับที่หนึ่งเหรอ ทำไมบริษัทของเราถึงไม่เลือกร่วมมือกับพวกเขากันล่ะครับ? ”ฉินหมิงถามด้วยความสับสน ในใจรู้สึกคุ้น ๆ ว่าเคยได้ยินเกี่ยวกับชื่อโจวกรุ๊ปมาเล็กน้อย แต่เขาเองก็จำไม่ได้ว่าได้ยินชื่อนี้มาจากที่ไหนทันทีที่ฉินหมิงพูดสิ่งนี้ ห้องประชุมขนาดใหญ่ก็เงียบสงบลงอย่างน่าประประหลาดทุกคนต่างก็มองมาที่เขาด้วยสีหน้าแปลก ๆ ราวกับว่าพวกเขากำลังมองคนโง่อยู่“เลขาฉิน ดูเหมือนว่าคุณจะไม่เคยเตรียมงานใด ๆ มาก่อนเลย แม้แต้สามัญสำนึกพื้นฐานที่สุดคุณก็ยังไม่รู้เลย! ”รอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของตู้เซียว“สามัญสำนึกพื้นฐานอะไร? ”ฉินหมิงทั้งหัวแข็งทื่อ“ฉินหมิง คุณเลิกทำขายหน้าได้แล้ว! ”“ช่างเถอะ ฉันจะเป็นคนบอกคุณเองดีกว่า! ”หานซีจ้องมองฉินหมิงอย่างหงุดหงิดใจพร้อมพูดขึ้นว่า“ช่องทางการขายเครื่องสำอางของโจวกรุ๊ปนั้น พวกเขาใช้เส้นทางสินค้าระดับไฮเอนด์และสินค้าฟุ่มเฟือย! ”“เครื่องสำอางและสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติจำนวนมาก ทั้งหมดถูกส่งมอบให้กับตัวแทนโจวก
พอมาถึงยังด้านนอกฉินหมิงหายใจเข้าลึก ๆ เขาได้สงบสติอารมณ์อยู่สักพัก จากนั้นก็กดรับสายโทรศัพท์ทันที“สวัสดีครับ ใช่คุณฉินหมิงหรือเปล่าครับ ผมโจวคังไท่ ไม่ทราบว่าคุณยังจำผมได้อยู่หรือเปล่าครับ? ”ทันทีที่มีการเชื่อมต่อสายโทรศัพท์ ภายในโทรศัพท์ก็ปรากฎเสียงหัวเราะอันสดใสของชายชราขึ้นมา “ที่แท้เป็นนายท่านโจวนี่เอง ไม่ทราบว่าที่คุณโทรมาหาผมมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ? ”ฉินหมิงนึกขึ้นได้ทันที ที่แท้อีกฝ่ายก็คือชายชราที่เขาได้ช่วยรักษาที่สวนสาธารณะเมื่อวานนี้“เป็นแบบนี้ครับ เรื่องบุญคุณที่คุณได้ช่วยเหลือผมไว้ผมไม่สามารถที่จะไม่ตอบแทนได้ ผมอยากเลี้ยงอาหารคุณสักมื้อเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ ไม่ทราบว่าคุณพอจะมีเวลาว่างเมื่อไรบ้างครับ? ”โจวคังไท่ถามด้วยรอยยิ้ม“นายท่านโจวครับ ไม่จำเป็นหรอกครับ ผมแค่ทำไปตามที่ควรเท่านั้นครับ คุณไม่จำเป็นต้องเกรงใจขนาดนี้ก็ได้ครับ”ฉินหมิงกล่าวด้วยความรวดเร็ว“จะทำแบบนั้นได้ยังไง! ”“ตอนนั้นผมให้สินน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปคุณก็ไม่ยินดีรับ ถ้าหากผมไม่เลี้ยงอาหารคุณสักครั้งอีก นั้นผมจะสบายใจได้ยังไงล่ะ”โจวคังไท่ยืนกราน น้ำเสียงของเขาจริงใจเป็นอย่างมากเ