“คุณซุน ยินดีด้วยนะครับที่คุณยอมจ่ายเงินมากมายขนาดนี้เพื่อซื้อหินหยกดิบไร้ค่าชิ้นนี้! ”“คุณนี่ช่างรวยซะจริง ผมล่ะยอมคุณเลย! ”ฉินหมิงทำเสียงจิ๊ปาก สายตาของเขาเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม ไม่ต่างกับการมองดูคนโง่อย่างไรอย่างนั้น“นาย…”ซุนกวนฉงตื่นตกใจอย่างมาก ตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าตัวเองตกหลุมพรางของฉินหมิงเข้าให้แล้ว เขาจับจ้องฉินหมิงด้วยสายตาที่กำลังลุกเป็นไฟ “เจ้าคนแซ่ฉิน ทั้งหมดนี่เป็นนายอย่างนั้นเหรอ นายจงใจขึ้นราคาเพื่อหลอกฉัน…”“หลอกแล้วอย่างไร? ”“ก็ใครใช้ให้นายหลอกฉันก่อนล่ะ หรือว่าฉันโกงนายบ้างไม่ได้เลยเหรอไง! ”ฉินหมิงยิ้มอย่างเยือกเย็น ครั้งนี้เขาแค่ตอบแทนอีกฝ่ายด้วยวิธีการเดียวกันก็เท่านั้นทว่าเขาแค่คาดไม่ถึงว่าซุนกวนฉงจะโชคไม่ดีขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เพียงก้อนหยกแห้ง ๆ ที่มีคุณค่าน้อยที่สุดไปครอบครอง แต่นี่ก็เป็นเพราะซุนกวนฉงที่พลาดเอง ดังนั้นจะมาโทษเขาไม่ได้“ฉินหมิง นายทำให้ฉันต้องสูญเสียเงินไปตั้งมากมาย ฉันจะฆ่านาย! ”ซุนกวนฉงโกรธเป็นอย่างมาก เขารีบวิ่งเข้าไปหาฉินหมิงอย่างบ้าคลั่ง“กล้าดียังไง! ” “ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่คุณจะมาทำตัวหยาบคายได้! ”จ้าวไคกล่
ข้อกำหนดของหินหยกธรรมดาพวกนี้ไม่ได้เข้มงวดเท่ากับตาด้านหน้าชิ้นนั้น ขอแค่เป็นหยกเนื้อถั่วเขียวที่มีมูลค่าหลายหมื่นก็เพียงพอแล้วอย่างไรก็ตาม ตอนนี้ฉินหมิงเองก็ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินแต่อย่างใด สุดท้ายแล้วเขาก็ได้ใช้เงินไปแปดสิบล้านบาทเพื่อซื้อหยกเนื้อน้ำแข็งจำนวนสิบแปดชิ้น หลังจากนั้นเขาก็ได้จากไปพร้อมกับห่อหยกพวกนั้น...หลังจากออกจากร้านเครื่องหยกไปแล้วฉินหมิงก็เดินไปยังที่ที่เขาได้จอดรถมอเตอร์ไซค์ไว้เพิ่งจะเดินไปได้ไม่ไกลเท่าไรนัก จู่ ๆ เขาก็ได้พบเข้ากับซุนกวนฉงและหม่าลู่ที่นำบอดี้การ์ดมาด้วยถึงสองคน ล้อมรอบเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเย็นชา“ฉินหมิง ในที่สุดนายก็ออกมาได้สักทีนะ ฉันรอนายมานานแล้ว! ”ซุนกวนฉงมีสีหน้าดุร้าย มุมปากของเขานั้นปรากฎรอยยิ้มที่ดูไม่เป็นมิตรเท่าไรนัก“ซุนกวนฉง นายจะคิดจะทำอะไร?”ใบหน้าของฉินหมิงซีดลง ความรู้สึกที่ไม่ดีต่าง ๆ เริ่มก่อตัวขึ้นภายในใจของเขา“นายคิดว่ายังไงล่ะ? ”“บัญชีนั้นที่อำเภอคราวที่แล้ว ไหนยังจะเรื่องร้านเครื่องหยกเมื่อครู่ ทั้งแค้นใหม่และแค้นเก่าของพวกเราสองคน ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องชำระกันได้แล้ว! ”ซุนกวนฉงยิ้มอย่างเย
ปัก!หลังเสียงคำสั่งของหม่าลู่เงียบลง ฉินหมิงกระโดดเตะเท้าออกไปหนึ่งข้าง ถีบเข้าที่หน้าอกของบอดี้การ์ดคนหนึ่งอย่างเต็มแรงกร๊อบ!เสียงกระดูกแตกดังขึ้นอย่างชัดเจน บอดี้การ์ดคนนี้ถึงกับกระอักเลือดออกจากปาก ร่างของเขาลอยออกไปไกลสามถึงสี่เมตรก่อนจะตกลงสู่พื้นอย่างแรงกระดูกทั้งร่างของเขาเจ็บปวดราวกับแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เขาคร่ำครวญออกมาด้วยความทรมานกระดูกซี่โครงของเขาหักอย่างน้อยห้าถึงหกชิ้น เขาหมอบลงบนพื้นพยายามลุกเท่าไรก็ลุกไม่ขึ้น!เวลานี้บอดี้การ์ดอีกคนก็พุ่งเข้ามาโจมตี และต่อยเข้าไปยังใบหน้าของฉินหมิงหนึ่งหมัดฉินหมิงหมุนตัวหนึ่งรอบ ก่อนคว้าจับแขนของอีกฝ่ายพร้อมกับใช้กำลังบิดเข้าไปที่แขน เสียงกร๊อบดังขึ้นอีกครั้ง อีกฝ่ายส่งเสียงกรีดร้องราวกับหมูที่ถูกเชือด แขนของเขาถูกฉินหมิงบิดอย่างแรงจนถึงขั้นหักไปในที่สุดตึง!ฉินหมิงจับไหล่ของอีกฝ่ายไว้ แล้วใช้กำลังเหวี่ยงข้ามไหล่ของตัวเอง จนอีกฝ่ายล้มลงไปกับพื้นอย่างแรงจากนั้นเขาได้ก้าวเท้าหนึ่งออกมา เหยียบที่หน้าอกของอีกฝ่าย ท่าทางที่ยืนสูงอยู่เหนืออีกฝ่ายนั้น สง่างามและน่าเกรงขามอย่างมาก พอเห็นภาพเหตุการณ์นี้ซุนกวนฉงฉายแววตาตกตะลึ
“หม่าลู่ ผมแต่งงานเข้าไปตระกูลหม่าของพวกคุณมาสามปี ถึงไม่มีความดีความชอบแต่ก็อดทนต่อความยากลำบาก แต่คุณกลับทำกับผมขนาดนี้ มโนธรรมของคุณถูกหมากินไปจนหมดแล้วเหรอไง! ”“ตบนี่เป็นสิ่งที่คุณติดค้างผมไว้ ตอนนี้ผมคืนให้คุณแล้ว! ”“นับจากนี้เป็นต้นไป เราสองคนตัดขาดกัน! ”ดวงตาทั้งสองข้างของฉินหมิงเยือกเย็น ภายในแววตานอกจากจะมีแต่ความโกรธแล้ว ก็ยังมีความเฉยชามากยิ่งขึ้นอีกในขณะนี้เขาได้ขีดเส้นแบ่งเขตกับหม่าลู่ในใจอย่างสมบูรณ์ ต่อจากนี้เขาสองคนจะกลายเป็นเพียงคนแปลกหน้าและจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีกต่อไป!“นาย…”หม่าลู่ตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอใช้มือปิดแก้มอันแสนเจ็บปวดของเธอ และมองฉินหมิงด้วยใบหน้าที่ไม่อยากที่จะเชื่อครั้งหนึ่งฉินหมิงถูกทุบตีและถูกต่อว่าในตระกูลหม่าของเธอ ชีวิตของเขาก็ไม่ได้ต่างกับกับสุนัขตัวหนึ่งทว่าตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่า ความอดทนของฉินหมิงมันไม่ใช่ความขี้ขลาด เมื่อใดที่ฉินหมิงโกรธขึ้นมา เขาสามารถที่จะเหยียบย่ำทั้งเธอและซุนกวนฉงไว้ใต้เท้าของเขาได้ทั้งสองคน!“หม่าลู่ เห็นแก่คุณปู่ของคุณที่ปฏิบัติต่อผมเหมือนกับสมาชิกในครอบครัวมาตลอดสามปี วันนี้ผมจะปล่อยคุณไป! ”“จากนี้
เธอพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงตัดสินใจให้ฉินหมิงเข้าร่วมการประชุมนี้ชั่วคราว อย่างไรก็ตามให้สิทธิ์ฉินหมิงมากไปก็ไม่ได้ หรือจะขาดฉินหมิงไปเลยก็ไม่ได้เช่นกันหลังจากทานอาหารค่ำเสร็จหลินหว่านชิงก็รีบกลับไปพักผ่อนที่ห้องนอนของตัวเองทันทีฉินหมิงเองก็คล้ายกันกับเมื่อคืนวาน เขาค่อย ๆ ถือหินหยกไปยังบนยอดเขาที่อยู่ทางด้านหลังเมื่อนำหยกออกมา ฉินหมิงก็นำหินหยกมาเรียงตามจำนวนของวิชาเก้าตำหนักแปดทิศ ตามความแตกต่างกันของทั้งสิบแปดทิศ เขาได้นำเครื่องหยกน้ำแข็งทั้งสิบแปดชิ้นมาทำการขุดหลุมและฝังลงไปทีละชิ้น ไม่นานเขาก็จัดเรียงแท่นรวบรวมวิญญาณได้สำเร็จต่อมาขอเพียงแค่จุดศูนย์กลางค่ายกลยังทำงานอยู่ แท่นรวบรวมวิญญาณก็จะสามารถทำงานได้เช่นกันหากไม่เปิดใช้งานจุดศูนย์กลางค่ายกลนั้น ภายนอกจะดูปกติทุกอย่าง จะไม่มีใครค้นพบได้ว่าที่นี่ซ่อนความลับอะไรเอาไว้หลังจากนั้น ฉินหมิงก็ได้เดินไปยังจุดศูนย์กลางค่ายกลและนั่งขัดสมาธิ เขาหยิบป้ายหยกเนื้อแก้วชิ้นสุดท้ายออกมา และวางลงไปบนจุดศูนย์กลางค่ายกลฟิ้ว!เสียงลมหนาวพัดผ่านไปครู่หนึ่งขณะที่แท่นรวบรวมวิญญาณเปิดใช้งาน พลังวิญญาณบนยอดเขาก็ก่อตัวเป็นกระแสลมเล
“นายขับรถไม่เป็นเหรอ? ”หานซีตกใจมาก เธอกลอกตาพลางพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นนายก็ไม่สามารถซื้อมอเตอร์ไซค์สีอื่นได้เหรอ การซื้อมอเตอร์ไซค์สีชมพูมาใช้มันน่าอายมากนะ! ”“มอเตอร์ไซค์คันนี้ผมไม่ได้เป็นคนซื้อมา หลินหว่านชิงให้ผมมา…”ฉินหมิงยักไหล่พลางกล่าวหลินหว่านชิงจะไม่ส่งของให้ผู้ชายโดยอำเภอใจแบบนี้แน่ ผู้ชายคนอื่นต่างก็อยากได้แต่ก็ทำไม่ได้ เขาทำใจไม่ได้ที่ต้องเปลี่ยนมัน! “แบบนั้นก็ว่าไม่ได้! ”ทันใดนั้นหานซีก็ตระหนักได้และเข้าใจฉินหมิงทันทีว่าทำไมถึงมีมอเตอร์ไซค์ที่น่าอึดอัดใจเช่นนี้“ผู้ช่วยหาน ผมจะขี่มอเตอร์ไซค์สีอะไร นี่ดูเหมือนมันจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณเลยนะ? ”“ทำไมคุณถึงดูเป็นกังวลกับมอเตอร์ไซค์ของผมอยู่ตลอดเลย? ”ฉินหมิงพูดด้วยความสับสน ภายในใจแอบสงสัย หานซีกินอิ่มแล้วว่างเกินไปหรือเปล่า ทำไมถึงดูยุ่งวุ่นวายกับเขานัก“ผมเต็มใจและคุณเองก็จะมายุ่งวุ่นวายกับผมทำไม! ”หานซีหน้าแดง เธอจ้องมองไปยังฉินหมิงอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ และหันหลังกลับเดินไปข้างหน้าอย่างหยิ่งผยองถ้าหากว่าเป็นคนอื่น เธอคงที่จะคร้านเข้าไปยุ่งวุ่นวายด้วยมีเพียงแค่ฉินหมิงที่ต่างออกไปก่อนหน้านี้เธอรู้จ
หานซีกล่าวด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจกลุ่มธุรกิจอานิสทรีกรุ๊ปเดินบนเส้นทางแฟชั่น ภายในบริษัทมีหญิงสาวสวยมากมาย แต่หานซีสามารถโดดเด่นขึ้นมาได้จากหมู่หญิงสาวเหล่านั้น และกลายเป็นหญิงสาวที่สวยเป็นอันดับสองของบริษัท ความเป็นเลิศของเธอทุกด้านไม่จำเป็นต้องสงสัยเลยจริง ๆ ด้วยรูปลักษณ์และหน้าตาของเธอ มองหาไปทั่วทั้งเมืองเจียงก็ยังมีผู้หญิงไม่มากที่จะสามารถแซงหน้าเธอได้!ตู้เซียวยังคงมีความแตกต่างอยู่บ้างเมื่อเทียบกับเธอ!และที่สำคัญไปกว่านั้น คนที่หานซีชอบก็คือผู้ชายที่ยิ่งใหญ่และมีอำนาจเหนือกว่า ตู้เซียวเป็นเพียงนักวิชาการหน้าขาวที่โดดเด่นไม่มากพอเธอสามารถชอบตู้เซียวลงได้ก็แปลกแล้ว!“ใช่ ใช่…”ตู้เซียวยิ้มทำตัวไม่ถูก สายตาเหลือบไปยังฉินหมิงที่อยู่ด้านข้าง จู่ ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ สีหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยนไป “หานซี คนนี้คงจะไม่ใช่เลขาฉินที่เป็นคนของผู้ช่วยผู้บริหารคนนั้นใช่ไหม? ”ฉินหมิงตกใจอย่างมาก เขาเพิ่งจะเข้ามาที่บริษัทได้สองวัน คิดไม่ถึงว่าจะมีคนระดับสูงในบริษัทรู้จักเขาด้วย เขาค่อนข้างจะประหลาดใจ“สวัสดีครับผู้อำนวยการตู้ ผมฉินหมิงเป็นเลขาของผู้ช่วยผู้บริหารครับ ยินดีอย่างมากที่ได้ร
เปรี้ยง!หานซีรู้สึกราวกับว่าถูกฟ้าผ่า และหัวของเธอเองก็ว่างเปล่าเธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสิ่งที่ตู้เซียวบอกจะเป็นเรื่องจริง ในสถานการณ์ที่อธิบายอะไรไม่ได้ เธอก็กลายมาเป็นแฟนของฉินหมิงซะอย่างนั้น!“พวกคุณอย่าพูดเหลวไหล! ”“ฉันกับเขาเราไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน และเขาเองก็ไม่ใช่แฟนของฉัน! ”หานซีตะโกนบอกทุกคนด้วยความโมโห ภายในใจเองก็พยายามข่มอารมณ์ของตัวเองอยู่เช่นกันในที่สุดตอนนี้เธอก็เข้าใจแล้วว่า เป็นเพราะเหยียนซ่งไท่ถูกบังคับให้ลาออก ทำให้ทุกคนเข้าใจผิดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับฉินหมิงแต่เหยียนซ่งไท่ไม่ใช่เธอที่เป็นคนไล่ออก อันที่จริงเธอแค่ทำแทนหลินหว่านชิงก็เท่านั้น!ฉินหมิงเองก็ตกใจเช่นเดียวกัน เขาคิดไม่ถึงเลยว่าแค่เรื่องของเหยียนซ่งไท่แค่เรื่องเดียว กลับกลายเป็นความเข้าใจผิดอย่างใหญ่โตขนาดนี้“พวกคุณทุกคนเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ใช่แฟนของผู้ช่วยหาน ผมไม่ได้ชอบเธอเลย…”ฉินหมิงโบกปัดมือพลางพูดออกมา พยายามที่จะชี้แจงเรื่องที่เข้าใจผิด“คุณพูดว่ายังไงนะ? ”“คุณไม่ได้ชอบฉันงั้นเหรอ? ”หานซีชี้นิ้วไปที่หน้าของตัวเอง เธอเพิ่งจะสงบสติอารมณ์ได้ไม่นาน และก็เกือบจะโกรธเคืองคำ