พวกเขาสองพี่น้องทุ่มเทให้กับการฝึกวรยุทธอย่างมาก แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับเงินและอำนาจมากนัก แต่ก็ไม่สามารถถือว่าเงิน อำนาจ ชื่อเสียง และความมั่งคั่งเป็นเหมือนกับขยะได้!เช่นเดียวกับที่ซูซินเหยาพูด ถ้าทั้งสองคนปฏิเสธการชักชวนของฉินหมิง พวกเขาจะสามารถรักษาชีวิตที่เป็นอิสระได้อย่างแน่นอน แต่ขณะเดียวกันพวกเขาก็จะพลาดโอกาสก้าวขึ้นไปสู่จุดที่สูงกว่าและทำเรื่องที่ใหญ่กว่าในอนาคตในทางตรงกันข้าม ถ้าทั้งสองคนตกลงที่จะเข้าร่วมกับฉินหมิง พวกเขาอาจจะได้รับทักษะยุทธระดับปฐพี จากนั้นทะลวงคอขวดขึ้นไปกลายเป็นยอดฝีมือระดับราชาสงครามที่แข็งแกร่ง ซึ่งนั่นจะเปลี่ยนชะตาชีวิตของพวกเขาไปโดยสมบูรณ์!โลกวรยุทธ์ แต่ไหนแต่ไรมาก็ให้ความสำคัญกับผู้ที่แข็งแกร่ง ยอดฝีมือระดับราชาสงครามในเมืองเจียงเฉิงแห่งนี้นับได้ว่าเป็นตัวตนที่ทรงพลังที่จะได้รับความเคารพนับถือ กระทั่งสามารถเรียกลมเรียกฝนได้!ถ้าทั้งสองคนสามารถทะลวงไปสู่ระดับราชาสงครามได้จริง ๆ พวกเขาก็จะเท่ากับทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าในคราวเดียว จากคนตัวเล็ก ๆ สองคนที่ไม่เป็นที่รู้จัก กลายไปเป็นบุคคลยิ่งใหญ่ชั้นนำของเมืองเจียงเฉิง!ถึงตอนนั้น ไม่ว่าจะเป็
อย่างน้อย ๆ จนกว่าเขาจะแข็งแกร่งเพียงพอ เขาไม่สามารถสอนทักษะระดับสวรรค์ให้กับผู้อื่นส่งเดชได้!ทักษะระดับปฐพีนั้นค่อนข้างดีกว่ามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะระดับปฐพีขั้นต่ำ นี่เป็นทักษะที่อยู่เหนือกว่าระดับที่เหล่าสมาชิกของสี่ตระกูลหลักของเมืองเจียงเฉิงบ่มเพาะเพียงระดับเดียว แม้ว่าจะรั่วไหลออกไป เขาก็ไม่ถึงขั้นถูกตามเก็บ!น่าเสียดายที่ในมรดกของบรรพบุรุษตระกูลฉินไม่มีทักษะระดับปฐพีขั้นต่ำ ระดับที่ต่ำที่สุดก็คือระดับปฐพีขั้นกลาง ฉะนั้นเขาจึงต้องสอนทักษะระดับปฐพีขั้นกลางให้กับซาทงและซาผิงอย่างช่วยไม่ได้“อะไรนะ?”“ทักษะระดับปฐพีขั้นกลาง?”ทั้งซาทงและซาผิงตกใจมาก หัวใจของพวกเขาเต้นกระหน่ำ ร่างทั้งร่างเย็นวาบไปครึ่งหนึ่งทักษะระดับปฐพีขั้นกลางล้ำค่ามากกว่าทักษะระดับปฐพีขั้นต่ำมากเมื่อสักครู่นี้สองพี่น้องเพิ่งจะพูดคุยกัน พวกเขาต่างคิดว่าฉินหมิงอาจจะมีทักษะระดับปฐพีขั้นต่ำ แต่ไม่มีทางมีทักษะระดับปฐพีขั้นกลางและระดับที่เหนือขึ้นไปอย่างแน่นอน!แม้แต่ตัวฉินหมิงเองยังไม่มีความสามารถในการบ่มเพาะทักษะระดับปฐพีขั้นกลาง แต่ตอนนี้เขากลับต้องการสอนทักษะระดับปฐพีขั้นกลางให้กับพวกเขา นี่ไม่ใช่กำลังห
“หรือว่าคุณสองคนไม่เข้าใจกระทั่งกฎพวกนี้?”ใบหน้าที่สวยงามของซูซินเหยาดูเย็นชา เธอตวาดออกไป“สิ่งที่ประธานซูสั่งสอนถูกต้องแล้ว พวกเราทั้งคู่รู้ความผิดแล้วครับ…”พวกซาทงอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นประเทศมีกฎของประเทศ และตระกูลเองก็มีกฎของตระกูลแม้ว่าทั้งสองคนจะเข้าร่วมกับฉินหมิง แต่ในเบื้องหน้าแล้วพวกเขาเข้าร่วมภายใต้นามของหมิงเหยากรุ๊ปฉินหมิงเป็นเจ้านายของทั้งสองคน ซูซินเหยาเองก็ถือเป็นเจ้านายกึ่งหนึ่งพวกเขาทั้งสองคนย่อมไม่กล้าที่จะไม่เชื่อฟังคำตำหนิของซูซินเหยา“เห็นแก่ที่พวกคุณทำผิดเป็นครั้งแรก ครั้งนี้ก็ลืมมันไปซะเถอะ”“แต่ถ้ามีครั้งต่อไป แม้ว่าฉินหมิงจะไม่ถือสาหาความ แต่ฉันจะไม่ปล่อยพวกคุณไปง่าย ๆ อย่างแน่นอน!”ซูซินเหยาแค่นเสียงเหอะอย่างเย็นชา“ครับ พวกผมไม่กล้าแล้ว จะไม่มีครั้งหน้าอีกอย่างแน่นอน...”พวกซาทงทั้งสองคนขานรับอย่างรวดเร็ว แต่อารมณ์ของพวกเขานั้นจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งตอนนี้พวกเขาไม่ได้รับทักษะระดับปฐพี ตรงกันข้ามยังต้องมาเสียเม็ดยาปราณแท้ไปอย่างไร้ประโยชน์ ใครก็ยากที่จะจินตนาการถึงความรู้สึกขมขื่นในใจของพวกเขาได้!อย่างไรก็ตาม เส้นทางนี้ถูกเลือกโดยทั้งสองคนเอง ไ
สำหรับพวกซาทงทั้งสองคน พวกเขากำลังบ่มเพาะทักษะระดับปฐพีขั้นกลาง พลังปราณแท้จริงของพวกเขาย่อมไม่บริสุทธิ์เท่ากับของซูซินเหยาอย่างแน่นอนดังนั้นเขาจึงขอให้ซาทงและซาผิงกินยาปราณแท้เป็นพิเศษ ซึ่งตรงจุดนี้ได้ชดเชยข้อบกพร่องที่มี การที่ทั้งสองคนจะแสดงสัญญาณของการทะลวงผ่านตามลำดับจึงไม่ใช่เรื่องแปลก!บูม!ระดับการบ่มเพาะของซาทงนั้นลึกซึ้งมากกว่าของซาผิงมากโข หลังจากที่ร่างกายของเขาสั่นทีหนึ่ง เขาก็เป็นคนแรกที่ทะลวงผ่านคอขวดและไต่จากขั้นกลางระดับปรมาจารย์ไปยังขั้นสูงระดับปรมาจารย์ได้สำเร็จ!อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการบ่มเพาะของเขาเพิ่งจะทะลวงผ่านและระดับเองก็ยังไม่มั่นคงพอ เขาจึงไม่รีบเร่งที่จะผ่อนคลายและยังคงบ่มเพาะทักษะปราบอสูรอเวจีต่อไป ตั้งใจจะใช้โอกาสนี้ทำให้ระดับกรบ่มเพาะมั่นคงยิ่งขึ้นแตกต่างจากสถานการณ์ทางฝั่งซาผิง ระดับการบ่มเพาะของซาผิงนั้นอ่อนกว่าเล็กน้อย แถมพลังปราณแท้จริงในร่างกายของเขาเองก็ไม่ได้ลึกล้ำเท่ากับของซาทงผู้เป็นพี่ชายแม้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากทักษะระดับปฐพีขั้นกลางและยาปราณแท้ แต่เขาก็ยังล้าหลังเล็กน้อยในการทะลวงผ่านระดับหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็แสดงท่าทีเจ็บป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งซาทง เมื่อนึกถึงคำสอนของเขาที่กล่าวกับซาผิงก่อนหน้านี้ เขาก็ตระหนักได้ว่าเขานั้นน่าขันและโง่เขลาแค่ไหน พวกเขาเกือบจะพลาดทักษะระดับปฐพีขั้นกลางชั้นยอดนี้แล้ว!“ทำไม พวกคุณสองคนรู้ความผิดแล้วเหรอ?”ซูซินเหยาแค่นเสียงเหอะอย่างเย็นชา ยังคงติดใจเล็กน้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้“ประธานซู ขอบคุณมากจริง ๆ ครับสำหรับคำชี้แนะของคุณ”“ถ้าคุณไม่พูดปลุกสติเราทั้งคู่ เกรงว่าพวกเราสองพี่น้องคงจะพลาดโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตนี้”ซาทงและซาผิงประสานมือคำนับซูซินเหยาและแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจ“ต้องแบบนี้สิ”การแสดงออกของซูซินเหยาอ่อนลงเล็กน้อย“เอาล่ะ พวกคุณทั้งสองคนลุกขึ้นมาเถอะ!”ฉินหมิงพูด“ครับ ประธานฉิน”ซาทงและซาผิงขานรับแล้วลุกขึ้นยืน“ซาทง ผมมีเรื่องหนึ่งที่จะกำชับพวกคุณสองคน”“เกี่ยวกับเรื่องของทักษะระดับปฐพี เรื่องนี้ค่อนข้างใหญ่ อย่าให้มันรั่วไหลออกไปเด็ดขาด!”“ผมจะพูดคำที่ไม่น่าฟังไว้ตรงนี้ก่อนเลยว่า ถ้าทั้งสองคนกล้าพูดเรื่องนี้ออกไป ผมจะไม่มีวันปล่อยทั้งคู่ไปง่าย ๆ อย่างแน่นอน!”ฉินหมิงสั่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึมแม้ว่าทักษะระดับปฐพีจะไม่น่าตกใจเท่ากับทักษ
ซูซินเหยาเม้มริมฝีปากของเธอและรู้สึกไม่พอใจฉินหมิงทำราวกับว่าเขาไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น จากนั้นก็รีบเปลี่ยนเรื่องพูด "ซาทง พวกคุณสองพี่น้องเข้าร่วมกับหมิงเหยากรุ๊ปในครั้งนี้อย่างกะทันหันเกินไปหน่อย ผมเดาว่าคุณสองคนยังไม่พร้อม"“เอาแบบนี้เป็นไง? ผมให้เวลาพวกคุณสามวัน พวกคุณกลับบ้านไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย จากนั้นค่อยกลับมารายงานตัวในอีกสามวันให้หลัง”“ขอบคุณนายน้อยฉินสำหรับความเข้าใจ พวกเราสองพี่น้องมีธุระส่วนตัวให้ต้องไปจัดการจริง ๆ”“ถ้าคุณไม่มีคำสั่งอื่นแล้ว พวกเราสองคนก็ขอตัวกลับไปก่อน”พวกซาทงทั้งสองคนโค้งคำนับด้วยความเคารพ จากนั้นกล่าวลา หมุนตัวแล้วเดินออกไปมองดูแผ่นหลังของพวกซาทงที่ค่อย ๆ หายลับไป ฉินหมิงก็ไม่สามารถระงับความสุขในใจได้อีกต่อไป เผยรอยยิ้มกว้างขึ้นบนใบหน้าของเขาเมื่อสักครู่นี้ ก่อนหน้าที่จะได้พบกับซาทงสองพี่น้อง เขาคิดว่ามันคงจะดีมากถ้าเขาสามารถชักชวนยอดฝีมือขั้นสูงสุดระดับสวรรค์ประทานสองคนให้มาเข้าร่วมด้วยได้แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่าพระเจ้าจะใจดีขนาดนี้ ไม่เพียงแต่เขาจะได้รับผลจื่อหยาง เขายังได้ตัวยอดฝีมือขั้นกลางระดับปรมาจารย์มาอีกสองคน!ไม่สิ พูดให้ถูกต้
“หนูในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลหลิน ไม่อาจทำให้รากฐานอันยิ่งใหญ่ของตระกูลหลินสั่นคลอนเพราะเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ส่วนตัวได้!”หลินหว่านชิงพูดอย่างจริงจังผู้ที่เล่นเกมอยู่ดูไม่ออก แต่ผู้ชมเกมกลับอ่านเกมได้ทะลุจนถึงตอนนี้เธอก็ยังดันทุรังและยึดติดกับความคิดของตัวเอง เข้าใจไปเองว่าที่ฉินหมิงคบหากับเธอในเวลานั้นก็เป็นเพราะเขามีเจตนาไม่ดีต่อธุรกิจของตระกูลหลิน!“นี่…”นายท่านหลินรู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างมาก เขาลังเลเล็กน้อยแล้วพูดออกไป “หว่านชิงเอ๋ย เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว ความเป็นไปได้ที่ฉินหมิงต้องการวางแผนครอบงำธุรกิจของตระกูลหลินนั้นมีน้อยมาก..."“คุณปู่ ปู่หมายถึงอะไร”หลินหว่านชิงสะดุ้งในตอนนั้น ปู่และพ่อของเธอยืนกรานหนักแน่นว่าฉินหมิงคบหากับเธอก็เพื่อต้องการใช้เธอเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจและความมั่งคั่งของตระกูลหลินแต่ตอนนี้ปู่ของเธอกลับบอกว่าความเป็นไปได้นี้มีน้อยมาก เรื่องก่อนและหลังขัดแย้งกันมากทำเอาเธอสับสนหมดแล้ว“หว่านชิง ปู่บอกหลานตรง ๆ ก็แล้วกัน”“ในงานเปิดตัวขายของหมิงเหยากรุ๊ป ปู่ได้ยื่นข้อเสนอเป็นเงินห้าพันล้านเพื่อช่วยเขาก่อตั้งบริษัทใหม่ แต่เขาปฏิเสธ
แต่ตอนนี้ นายท่านหลินกลับบอกเธอว่าจริง ๆ แล้วฉินหมิงถูกใส่ร้ายแล้วเธอจะยอมรับความจริงที่โหดร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร!“พี่คะ พี่ได้ยินแล้วใช่ไหม?”“ฉันบอกพี่ไปตั้งนานแล้วว่าฉินหมิงถูกใส่ร้าย แต่พี่ก็ปฏิเสธที่จะเชื่อ!”“ตอนนี้เป็นยังไง พี่คงเชื่อได้แล้วมั้ง?”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยกระโดดออกมาอย่างถูกจังหวะ และพูดด้วยสีหน้าโกรธทว่าคำพูดที่ไม่ได้ตั้งใจนี้ของเธอกลับกรีดลงบนบาดแผลของหลินหว่านชิงซ้ำอีกรอบอย่างเลวร้าย หลินหว่านชิงทรุดตัวลงกับพื้นทันที“ทำไม…”“ทำไมเรื่องมันถึงได้เป็นแบบนี้...”หลินหว่านชิงดูสิ้นหวัง น้ำตาแห่งความโศกเศร้าหลั่งไหลออกมาราวกับน้ำพุเธอฟุบตัวลงกับโต๊ะแล้วร้องไห้เสียงดังในช่วงที่เธอเลิกกับฉินหมิง เธอเจ็บปวด ภาพของฉินหมิงมักจะปรากฏเข้ามาในหัวใจของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าเดิมทีเธอคิดว่าฉินหมิงเป็นตัวร้ายที่น่ารังเกียจ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตระกูลเธอ เธอต้องอดทนกับมันอย่างเงียบ ๆ ไม่ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหนก็ตามแต่สุดท้ายทุกอย่างกลับกลายเป็นเรื่องเท็จ เธอทำผิดต่อฉินหมิง!ความไม่รู้ของเธอไม่เพียงแต่ทำร้ายตัวเองอย่างสุดซึ้ง แต่ยังทำร้ายฉินหมิงอย่างสุดซึ้งอีกด้วย!ในขณะนี้