ตู้ม!หลังจากสิ้นเสียงปะทะกันอย่างรุนแรง ร่างของชายหน้ากากเหยียนหลัวคนนั้นไม่ขยับสักนิดในทางกลับกัน เจิ้งจวินถูกซัดออกไปด้วยพลังของชายหน้ากากเหยียนหลัวราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่หลังจากร่วงกระแทกพื้น เจิ้งจวินก็ถอยหลังไปห้าหรือหกก้าวติดต่อกันโชคดีที่เพื่อนอีกคนหนึ่งในขั้นสูงสุดระดับปรมาจารย์เห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว จึงรีบดึงแขนเสื้อของเขาเอาไว้อย่างรวดเร็ว พลังปราณแท้จริงอันอ่อนโยนได้ปกป้องเจิ้งจวินจากพลังที่เหลืออยู่ของชายหน้ากากเหยียนหลัว!อย่างไรก็ตาม กระนั้นก็ยังมีพลังกลุ่มหนึ่งซัดเข้าที่หน้าอกของเจิ้งจวิน ทำให้ใบหน้าของเขาก็ซีดขาว"ครึ่งก้าว...ราชาสงคราม!!"เจิ้งจวินตกใจกลัวและรับรู้ความแข็งแกร่งของชายหน้ากากเหยียนหลัวทันทีระดับที่สูงกว่าระดับปรมาจารย์ ก็คือระดับราชาสงคราม!ระดับราชาสงครามนั้น เป็นธรณีประตูที่สองบนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะของผู้ฝึกยุทธ์ และมันก็ยากยิ่งกว่าการก้าวข้ามธรณีประตูแรกหรือก็คือระดับปรมาจารย์หลายเท่า!โดยปกติทั่วไปแล้ว ถ้าผู้ฝึกยุทธ์ต้องการทะลวงผ่านไปยังระดับปรมาจารย์ จะต้องใช้เวลาบ่มเพาะอย่างน้อยสี่หรือห้าปี และก็ต้องอดทนบ่มเพาะทุกวันไม่ให้ขาดแต่ถ
หลังจากนั้น เจิ้งหงเซิงก็แอบส่งสายตาให้กับเจิ้งอวี่อย่างเงียบ ๆ แล้วหันไปขยิบตาให้กับเจิ้งจวิน ทั้งสามคนเข้าใจกันอย่างรวดเร็ว“ฉันกับเจิ้งจวินจะร่วมมือกันสกัดยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวราชาสงครามคนนี้ไว้!”“พวกนายคุ้มกันคุณชายใหญ่และไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!”เจิ้งหงเซิงตะโกนเสียงดังลั่น จากนั้นเขากับเจิ้งจวินก็กระโดดขึ้นมาพร้อมกัน พุ่งเข้าโจมตีชายหน้ากากเหยียนหลัวบอดี้การ์ดสองคนของตระกูลเจิ้งซึ่งอยู่ในขั้นสูงระดับปรมาจารย์ตอบสนองในทันที พวกเขาทั้งสองคนร่วมมือกับองครักษ์ส่วนตัวอีกสองคนของเจิ้งอวี่ พยายามปกป้องเจิ้งอวี่และรีบพุ่งออกไปจากวงล้อมของชายหน้ากากผีหลายสิบคน!“คิดหนีเหรอ?”"มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”เสียงเยาะเย้ยดังขึ้น จากนั้นก็มีชายหกคนที่สวมหน้ากากผีเป็นฝ่ายเริ่มรุกเจิ้งอวี่และคนอื่น ๆ คนที่เหลืออยู่อีกราวหกหรือเจ็ดคนยังคงยืนอยู่ที่เดิมด้านหลังเพื่อปิดกั้นเส้นทางหลบหนี ป้องกันไม่ให้พวกเจิ้งอวี่หลุดออกจากวงล้อมและหนีไปได้“ขั้นสูงระดับปรมาจารย์? ขั้นกลางระดับปรมาจารย์?”เจิ้งอวี่รู้สึกหวาดกลัวแล้วขณะที่ทั้งสองฝ่ายเริ่มเปิดฉากสู้กัน เจิ้งอวี่ก็สังเกตเห็นว่าศัตรูทั้งหกคนนี้ ถ
“ฉันอยากจะทำข้อตกลงกับคุณ!”"ฉันสามารถให้ยาปราณแท้ทั้งหมดกับคุณฟรี ๆ ได้ แต่ฉันจะเอายาหลอมลมปราณทั้งหมดกลับไป!"เจิ้งอวี่พูดอย่างเย็นชาสำหรับตระกูลเจิ้ง ยาหลอมลมปราณมากกว่าแปดพันเม็ดมีความสำคัญมากกว่ายาปราณแท้ทั้งสามเม็ดทั้งในแง่ของมูลค่าและผลประโยชน์ทางการค้า ฯลฯตอนนี้เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ เพื่อที่จะรักษายาหลอมลมปราณเอาไว้ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมสละยาปราณแท้“แล้วถ้าฉันไม่ตกลงล่ะ?”ชายหน้ากากเหยียนหลัวพูดอย่างใจเย็น“ถ้าอย่างนั้น ฉันก็จะทำลายเม็ดยาเหล่านี้ ส่วนเราไม่ตายไม่เลิกรา ใครก็อย่าได้คิดที่จะคว้าสิ่งใดไป!”เจิ้งอวี่แค่นเสียงเหอะอย่างเย็นชา“ถ้าแกกล้าทำแบบนี้ ไม่กลัวว่าฉันจะฆ่าแกเหรอ?”เสียงของชายหน้ากากเหยียนหลัวเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง กลิ่นอายสังหารพวยพุ่งออกมารอบกายอย่างข้นคลั่ก พุ่งตรงไปที่เจิ้งอวี่ทันที“ถ้าอย่างนั้นก็ลงมือเลย!”เจิ้งอวี่ยิ้มอย่างเหยียดหยามแม้ว่าตระกูลเจิ้งจะไม่ใช่กองกำลังหลักของเมืองเจียงเฉิง แต่ตระกูลเจิ้งเองก็มียอดฝีมือระดับครึ่งก้าวราชาสงครามอยู่หลายคน นี่ยังไม่รวมผู้ฝึกยุทธระดับปรมาจารย์อีกมากมาย แม้แต่ยอ
“หรือไม่ เอาแบบนี้?”“เจิ้งจวิน แกพาคนสองคนนำยาหลอมลมปราณออกไป ส่วนฉันจะอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องคุณชายใหญ่”“ถ้าหลังจากที่อีกฝ่ายได้รับยาปราณแท้แล้วกลับคำพูด ต่อให้ฉันต้องเอาชีวิตแก่ ๆ นี้เข้าแลก ฉันก็จะดึงพวกมันหลายคนไปด้วย!”เจิ้งหงเซิงพูดอย่างเด็ดขาด“นี่…ก็ได้ครับ”เจิ้งจวินพยักหน้า จากนั้นเขาและยอดฝีมือขั้นสูงระดับปรมาจารย์อีกสองคนก็รับยาหลอมลมปราณไป ทิ้งเจิ้งหงเซิงและบอดี้การ์ดส่วนตัวอีกสองคนให้อยู่ที่นี่คอยติดตามเจิ้งอวี่ก่อนออกเดินทาง เจิ้งจวินมองไปที่ชายหน้ากากเหยียนหลัวด้วยสายตาเย็นชาแล้วพูดว่า "ฉันไม่สนใจว่าแกเป็นใคร ถ้ากล้าทำร้ายเจิ้งอวี่แล้วผิดสัญญา พวกเราตระกูลเจิ้งจะขุดคุ้ยทุกอย่างที่เกี่ยวกับแกไม่ว่าจะยากแค่ไหน แล้วสับร่างนี้ให้เป็นชิ้น ๆ!”หลังจากทิ้งคำพูดที่โหดร้ายนี้ไว้ เจิ้งจวินและยอดฝีมือขั้นสูงระดับปรมาจารย์สองคนก็ขับรถออกไปพร้อมกับยาหลอมลมปราณหลายพันเม็ดผ่านไปประมาณสิบนาทีชายหน้ากากเหยียนหลัวก็เร่งเร้า "คุณชายใหญ่เจิ้ง ตอนนี้คนของแกก็ไปไกลแล้ว มอบยาปราณแท้มาให้ฉันได้หรือยัง?""รอเดี๋ยวก่อน!"เจิ้งอวี่พูดด้วยใบหน้าเรียบสนิทผ่านไปอีกราวสิบนาทีชายหน้า
“ส่วนยาปราณแท้ทั้งสามเม็ดนี้จากตระกูลเจิ้งเป็นฉันที่จะใช้!”“ทั้งสองไม่ได้ขัดแย้งกัน”ชายหน้ากากเหยียนหลัวพูดอย่างใจเย็นหัวใจของชายหนุ่มสั่นไหว เขาเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่างอย่างคลุมเครือแล้ว จากนั้นเขาก็พูดด้วยความตกใจว่า "พ่อครับ หรือว่าพ่อวางแผนที่จะใช้ยาปราณแท้นี้เพื่อทะลวงเข้าสู่ระดับราชาสงคราม?""อืม ถูกต้อง!"“ฉินหมิงระบุไว้อย่างชัดเจนในงานเปิดตัวขายแล้วว่าตราบเท่าที่ผู้ฝึกยุทธ์มีระดับการบ่มเพาะต่ำกว่าขั้นสูงสุดระดับปรมาจารย์ ยาปราณแท้ก็จะสามารถเพิ่มความน่าจะเป็นในการช่วยให้ทะลวงผ่านไปยังระดับที่สูงกว่าได้ ซึ่งนี่เองก็รวมถึงขั้นสูงสุดระดับปรมาจารย์เองด้วย!”“การบ่มเพาะของฉันอยู่ในขั้นครึ่งก้าวราชาสงคราม ซึ่งก็ยังอยู่ในขั้นสูงสุดระดับปรมาจารย์ ยาหลอมลมปราณจึงไม่มีผลใด ๆ กับฉัน แต่ยาปราณแท้นี้จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกับฉันอย่างแน่นอน!""บางทียาปราณแท้นี้อาจจะช่วยให้ฉันทะลวงเข้าสู่ระดับราชาสงครามได้สำเร็จก็เป็นได้!"เสียงชายหน้ากากเหยียนหลัวฟังดูตื่นเต้นเล็กน้อย"คำพูดนี้พูดได้ไม่ผิด!"“อย่างไรก็ตาม ระดับราชาสงครามเป็นธรณีประตูที่สองบนเส้นทางการบ่มเพาะของผู้ฝึกยุทธ์ มันยากมากที่จะ
ยาปราณแท้ถูกหลอมขึ้นจากวัตถุดิบยาอันล้ำค่า และยาแต่ละเม็ดก็มีพลังงานบริสุทธิ์อย่างยิ่ง ซึ่งจุดนี้ได้ชดเชยข้อบกพร่องของเขาพอดี!ถ้าเขาสามารถดูดซับพลังงานบริสุทธิ์ของยาปราณแท้ทั้งสามเม็ดได้ในเวลาเดียวกัน ความน่าจะเป็นที่เขาจะทะลวงผ่านคอขวดก็จะยิ่งสูงขึ้นมาก!แม้ว่าการใช้ทักษะลับและยาปราณแท้พร้อมกันทั้งสามเม็ดจะมีความเสี่ยงสูง และชีวิตอาจตกอยู่ในอันตรายหากล้มเหลว แต่ก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยงเพื่อที่จะทะลวงเข้าสู่ระดับราชาสงคราม!ส่วนตัวเขาจะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับโชคและวาสนาของเขาเองแล้ว!"ดีมากจริง ๆ!"“พ่อครับ ถ้าระดับการบ่มเพาะของพ่อสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับราชาสงครามได้จริง ๆ พ่อก็จะกลายเป็นอับดับที่หนึ่งในบรรดาทายาทรุ่นที่สองของเมืองเจียงเฉิงของเราอย่างแน่นอน!”“เมื่อถึงตอนนั้น ต่อให้พ่อต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือซึ่งเป็นผู้อาวุโสรุ่นแรก ๆ ของสี่ตระกูลใหญ่ พ่อก็ยังต่อกรกับพวกเขาได้!”ชายหนุ่มมีความสุขมาก สีหน้าของเขาเองก็เปลี่ยนเป็นตื่นเต้น"ฮ่าฮ่า แกพูดได้ถูกต้องแล้ว!"“รอจนกระทั่งฉันสามารถแข่งขันกับสี่ตระกูลใหญ่ได้ ตระกูลหลิน…เหอะเหอะ…”ชายหน้ากากเหยียนหลัวแค่นเสียงเ
ซูซินเหยาตกตะลึงเธอเข้าใจผิดคิดว่ายาปราณแท้ช่วยให้ระดับการบ่มเพาะของฉินหมิงทะลวงผ่านสองระดับติดต่อกัน แต่ไม่รู้เลยว่าในความเป็นจริงนั้น เป็นเพราะยาสร้างรากฐานที่ช่วยให้ฉินหมิงทะลวงผ่านไปยังขั้นสร้างรากฐาน“บางทีผมคงโชคดี...”ฉินหมิงไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้อีก ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็วและพูดว่า "อันที่จริงนี่ไม่นับว่าเป็นอะไร ผมเพียงอาศัยเม็ดยาถึงโชคดีทะลวงระดับได้""ในทางกลับกัน เค่อรุ่ยต่างหากที่เก่ง เธออายุยังน้อยแต่กลับทะลวงระดับไปยังระดับปรมาจารย์ได้ด้วยตนเอง พรสวรรค์ด้านการฝึกวรยุทธระดับนี้น่ากลัวมาก!"ฉินหมิงชื่นชมเค่อรุ่ยอย่างมาก จึงยกย่องเค่อรุ่ยอย่างจริงใจ“นั่นสิ!"“พรสวรรค์ด้านการฝึกวรยุทธของเธอไม่เพียงแต่น่ากลัวเท่านั้น แต่เธอยังสวยมากอีกด้วย พระเจ้าช่างไม่ยุติธรรมเลย ทำไมสิ่งดี ๆ ทั้งหมดถึงเกิดขึ้นกับเธอ!”ซูซินเหยาพูดด้วยสีหน้าอิจฉาในแง่ของความงาม เธอไม่แพ้เค่อรุ่ยอย่างแน่นอน แต่ในแง่ของพรสวรรค์ด้านการฝึกวรยุทธ แม้ว่าเธอจะพยายามวิ่งไล่ แต่เธอก็ไม่อาจตามส้นเท้าของเค่อรุ่ยได้!"เธอสวยมากขนาดนี้ แถมยังเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลซู ได้รับพรในทุก ๆ ด้าน เ
“สรุปก็คือตราบเท่าที่คุณบ่มเพาะทักษะนี้ ย่อมดีกว่าที่คุณบ่มเพาะทักษะของตระกูลซูอย่างแน่นอน!”ฉินหมิงพูดด้วยรอยยิ้ม“ดีกว่าทักษะบ่มเพาะของตระกูลซูของเราอีกอย่างนั้นเหรอ นี่เป็นไปไม่ได้!”“ทักษะบ่มเพาะที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของตระกูลซูนั้นอยู่ในระดับเหนือมนุษย์ขั้นสูง ในเมืองเจียงเฉิงแห่งนี้ ก็มีเพียงตระกูลหลิน ตระกูลเคอ และตระกูลเหลิ่งสามตระกูลใหญ่เท่านั้นที่มีในครอบครอง แต่ถ้าให้เทียบกับทักษะยุทธ์ของตระกูลซูของเรา ก็ยังด้อยกว่าเล็กน้อย!”“ถ้าฉันเรียนต้องรู้ทักษะระดับต่ำจากคุณ ไม่สู้ฉันกลับไปบ่มเพาะทักษะวรยุทธของบรรพบุรุษของตระกูลตัวเองต่อ!”ซูซินเหยาเยาะเย้ยหนักมากเธอคิดว่าฉินหมิงจงใจหยอกเย้าให้เธออารมณ์ดี จึงอดไม่ได้กรอกตาใส่ฉินหมิงไปทีหนึ่งทักษะวรยุทธไล่จากสูงไปต่ำ โดยแบ่งออกเป็นสี่ระดับได้แก่สวรรค์ ปฐพี เหนือมนุษย์ และทองคำ โดยในกลุ่มนี้ทักษะระดับสวรรค์เป็นทักษะระดับสูงที่สุด และทักษะระดับทองคำคือทักษะระดับต่ำที่สุดแต่ละระดับยังแบ่งออกเป็นขั้นสูง กลาง ต่ำ ลดหลั่นกันลงไปทักษะของบรรพบุรุษของตระกูลซูนั้น อยู่ที่ระดับระดับเหนือมนุษย์ขั้นสูง ซึ่งถือได้ว่าเป็นทักษะที่ค่อนข้างร