“ชิ เขาทนมันไม่ได้แล้วจะยังไง?”“คุณหนูใหญ่เค่อคืออันดับที่หนึ่งในบรรดาคนรุ่นเยาว์ของเมืองเจียงเฉิงของเรา ระดับการบ่มเพาะของเธอไปถึงระดับปรมาจารย์แล้ว ไม่มีใครเทียบเธอได้!”“ถ้าฉินหมิงยอมรับการท้าทาย ไม่เท่ากับทำให้ตัวเองต้องอับอายขายหน้าหรอกเหรอ?”"อืม...นั่นก็จริง ยอมเป็นคนขี้ขลาดและถูกเยาะเย้ยสักสองสามครั้งดีกว่าพ่ายแพ้และต้องอับอาย!"......ทุกคนชี้นิ้ว เริ่มหัวเราะและนินทากันอย่างไม่รู้จบตอนนี้พวกเขาทั้งหมดได้เห็นความแข็งแกร่งของเค่อรุ่ยแล้ว ไม่มีใครคิดว่าฉินหมิงจะเป็นคู่ต่อสู้ของเค่อรุ่ยได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้อย่างมาก!“ฉินหมิง นายได้ยินคำพูดของทุกคนแล้วใช่ไหม? นายคงจะกลัวจนแทบเสียสติไปแล้วสิท่า?”“ลืมมันไปซะเถอะ ไม่เป็นไรถ้านายไม่ยอมรับการท้าทาย ตราบเท่าที่นายคุกเข่าลงและโขกหัวให้กับตระกูลเค่อของเราเพื่อแสดงความขอโทษ ฉันสามารถพิจารณาปล่อยนายไปได้!”เค่อรุ่ยมองไปที่ฉินหมิงด้วยสายตาดูถูกสิ่งที่เธอเกลียดที่สุดก็คือผู้ชายที่ขี้ขลาดตาขาว ในเมื่อฉินหมิงเต็มใจที่จะเป็นคนขี้ขลาด ไม่กล้าออกมาต่อสู้ เขาไม่มีความเป็นลูกผู้ชายสักนิดนี่ทำให้เธอรู้สึกดูถูกเหยียดหยามอย่างมาก!“พู
ตอนนี้ตระกูลซูและฉินหมิงคือตั๊กแตนที่เกาะอยู่บนเชือกเส้นเดียวกัน ถ้าทั้งฉินหมิงและซูห่าวพ่ายแพ้ให้กับเด็กสาวที่ชื่อเค่อรุ่ยพร้อม ๆ กัน ตระกูลซูและหมิงเหยากรุ๊ปจะเสียหน้าจริง ๆ เรียกได้ว่าอับอายขายหน้าอย่างถึงที่สุด!“ซินเหยาไม่ต้องกังวล ผมจะไม่เป็นไร”“ก็แค่ขั้นแรกระดับปรมาจารย์คนหนึ่ง เธอทำอะไรผมไม่ได้หรอก!”ฉินหมิงยิ้มจาง ตบมือขาวดั่งหยกของซูซินเหยาเบา ๆ เป็นเชิงปลอบใจ"แต่ว่า..."ซูซินเหยาและทุกคนในตระกูลซูต้องการเกลี้ยกล่อมเขาอีกครั้ง แต่ก่อนที่จะทันได้พูดอะไรกับฉินหมิงก็เห็นเขาเดินไปหาเค่อรุ่ยแล้ว ไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมามองเมื่อมาถึงตรงหน้าไม่ไกลจากจุดที่เค่อรุ่ยยืนอยู่นัก ฉินหมิงก็หยุดฝีเท้า“คุณหนูใหญ่เค่อ ผมยอมรับการท้าทายของคุณ!”"ผมจะต่อให้คุณสามกระบวนท่าก่อน ลงมือเลย!"ฉินหมิงพูดอย่างใจเย็นความคิดของเขาคล้ายกับของซูห่าว อย่างไรเสียเค่อรุ่ยก็เป็นเด็กผู้หญิง เธอมีอายุน้อยกว่าเขาสองหรือสามปี การต่อให้เค่อรุ่ยก่อนสามกระบวนท่า นี่ทำให้การประลองครั้งนี้ค่อนข้างโปร่งใสมากกว่า“นายเองก็จะต่อให้ฉันสามกระบวนท่าด้วย?”เค่อรุ่ยยิ้มสมาชิกของตระกูลเค่อและทุกคนที่รับชมต่าง
ใครบางคนในฝูงชนร้องอุทานด้วยความประหลาดใจ จากนั้นคนที่เหลือก็ได้สติทันทีการเคลื่อนไหวของผู้ฝึกยุทธมักจะถูกปกคลุมด้วยพลังปราณแท้จริงทุกครั้ง แต่ฉินหมิงหลบการโจมตีของเค่อรุ่ยไปสองครั้งติดแล้ว ทว่าไม่มีพลังปราณแท้จริงหลั่งไหลออกมาจากตัวเขาแม้แต่น้อย!นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!ทุกคนสับสนอย่างมากกับความแปลกประหลาดของฉินหมิง!อย่างไรก็ตาม พวกเขาจำได้อย่างรวดเร็วว่าลี่หย่งเจี๋ยและเหลิ่งจวิ้นเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าฉินหมิงรู้ทักษะลับบางอย่างที่ใช้ในการปกปิดหรือเปลี่ยนออร่าของตัวเองเมื่อคิดถึงสิ่งนี้ พวกเขาก็โล่งใจขึ้นในไม่ช้าทักษะลับในการปกปิดออร่าไม่ใช่ทักษะอันล้ำลึก มันไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากใช้ซ่อนความแข็งแกร่งแน่นอนว่า สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือฉินหมิงไม่รู้ทักษะลับอะไรทั้งนั้น ที่ระดับการบ่มเพาะของเขาไม่ได้ถูกแสดงออกมา เป็นเพราะเขาบ่มเพาะมรรคาแห่งเต๋านี่คือสมบัติที่มีค่ามากกว่าทักษะการต่อสู้ใด ๆ ถ้าพวกเขารู้ความจริง พวกเขาจะต้องอิจฉาและถึงกับฆ่าคนเพื่อแย่งชิงสมบัติไปอย่างแน่นอน!นี่คือเหตุผลหลักว่าทำไมฉินหมิงถึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อซ่อนความลับของตัวเอง!"คุณหนูใหญ่เค่อ
พวกเขาไม่คิดฝันมาก่อนเลยว่าด้วยความแข็งแกร่งระดับปรมาจารย์ของเค่อรุ่ยจะไม่สามารถแตะฉินหมิงได้ ฉินหมิงไม่เพียงแต่จะหลบการโจมตีของเค่อรุ่ยได้สามกระบวนท่าติด เขายังไม่มีบาดแผลใด ๆ ด้วยซ้ำ!จนกระทั่งตอนนี้พวกเขาถึงได้เข้าใจว่าคำพูดของฉินหมิงก่อนหน้านี้ที่ให้เค่อรุ่ยลงมือได้ก่อนสามกระบวนท่านั้นไม่ใช่ความเย่อหยิ่ง ยิ่งไม่ใช่ความโง่เขลา แต่ฉินหมิงมีความสามารถนั้นจริง ๆ!“ฉินหมิงคนนี้สามารถหลบการโจมตีของคุณหนูใหญ่เค่อได้ครั้งแล้วครั้งเล่า เขาบ่มเพาะมาถึงขั้นไหนแล้ว?”“เป็นไปได้ไหมว่าเขาเองก็มาถึงระดับปรมาจารย์แล้ว?”......หลังจากที่ทุกคนได้สติกลับมา สีหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความไม่แน่ใจ พวกเขาทั้งหมดตกใจกับความแข็งแกร่งที่ฉินหมิงแสดงให้เห็น!"เป็นไปไม่ได้!"“เมื่อไม่นานมานี้ฉันเพิ่งต่อสู้กับเขา ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ที่ขั้นสูงสุดระดับสวรรค์ประทานเท่านั้น ไม่มีทางที่เขาจะอยู่ในระดับปรมาจารย์!”ลี่หย่งเจี๋ยปฏิเสธการคาดเดาของทุกคนทันที“นายน้อยลี่พูดถูก ฉันได้ต่อสู้กับเขาก่อนหน้านี้ ความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าฉันมากนัก!”“ในความเห็นของฉัน เขาแค่โชคดีพอหล
พวกเขาสรุปแล้วว่าฉินหมิงแค่โชคดี ตอนนี้เมื่อพวกเขาเห็นว่าฉินหมิงเป็นฝ่ายริเริ่มยอมถอยก่อน นี่ยิ่งยืนยันการเดาของพวกเขา!“การเคลื่อนไหวนี้ของฉินหมิงฉลาดมาก!”ซูซินเหยาและทุกคนในตระกูลซูเองก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกตอนนี้ฉินหมิงมีความได้เปรียบมากกว่า รักษาหน้าตาในฐานะผู้ชายเอาไว้ได้แล้ว ขอแค่เขาถอยออกมาได้ทันท่วงที นี้จะเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยเลยแม้ว่าอาจต้องถูกทุกคนเหน็บแนม แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แค่ฉินหมิงเพิกเฉยต่อมันก็เพียงพอแล้ว“ทำไม นายกลัวเหรอ?”เค่อรุ่ยเลิกคิ้วและมองไปที่ฉินหมิงด้วยความดูถูกเธอเองก็คิดว่าฉินหมิงมีทักษะการเคลื่อนไหวที่ดีและโชคดี ถ้าทั้งสองคนต่อสู้กันโดยตรง ไม่ว่าทักษะการเคลื่อนไหวของฉินหมิงจะดีสักแค่ไหน เขาไม่มีทางหลบการโจมตีของเธอได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด!ฉินหมิงจะต้องพ่ายแพ้ในที่สุด!“กลัวเหรอ? คุณคิดมากเกินไปแล้ว!”“ผมแค่คิดว่าคุณเป็นผู้หญิงและยังเด็ก แม้ว่าจะเอาชนะคุณ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีอะไร!”ฉินหมิงหัวเราะเยาะ“ดูถูกใครกัน?”“ผู้หญิงแล้วจะยังไง? วันนี้ฉันจะให้นายได้เปิดตาดูว่าผู้หญิงร้ายกาจและทรงพลังขนา
“ฉันจำได้ว่านายน้อยลี่และคุณชายใหญ่เหลิ่งสาบานอยู่ตลอดว่าระดับการบ่มเพาะของฉินหมิงอยู่ในขั้นสูงสุดระดับสวรรค์ประทานเท่านั้น!”“ฉินหมิงสามารถเอาชนะคุณหนูใหญ่เค่อได้ด้วยการโจมตีเดียว ความแข็งแกร่งระดับนี้อย่างน้อยก็ต้องมาถึงขั้นต้นระดับปรมาจารย์แล้ว จะอยู่แค่ขั้นสูงสุดระดับสวรรค์ประทานได้ยังไง!”“ใช่ เมื่อสักครู่นี้นายน้อยลี่และคุณชายใหญ่เหลิ่งเพิ่งตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพของยาปราณแท้ ด้วยเหตุนี้ซูห่าวจึงทะลวงระดับไปด้วยความช่วยเหลือของเม็ดยาปราณแท้จริง ๆ ตอนนี้พวกเขาบอกว่าระดับการบ่มเพาะของฉินหมิงอยู่แค่ขั้นสูงสุดระดับสวรรค์ประทาน บางทีผู้อื่นอาจจะทะลวงเข้าระดับปรมาจารย์มานานมากแล้ว!”“สองคนนี้กำลังทำบ้าอะไร? พวกเขาจงใจทำให้เราดูเหมือนลิงโง่เหรอ?”......หลังจากที่ทุกคนได้สติกลับมา พวกเขาก็ตระหนักได้ว่าพวกเขาเคยประเมินฉินหมิงต่ำเกินไปมาก่อน!แต่ละคนตกใจและอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ลี่หย่งเจี๋ยและเหลิ่งจวิ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ“ไม่...นี่เป็นไปไม่ได้!”“ความแข็งแกร่งของไอ้หนูนี่ เห็นได้ชัดว่าติดอยู่ในขั้นสูงสุดระดับสวรรค์ประทานมาระยะหนึ่งแล้ว จู่ ๆ เขาจะทะลวงเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ได้ยังไง
......คนตระกูลซูที่เหลืออยู่เองก็ตื่นเต้นมากเหมือนกัน หลังจากซูห่าวพ่ายแพ้ พวกเขาก็ยิ่งชื่นชมในความแข็งแกร่งของฉินหมิงมากขึ้นไปอีก!ท้ายที่สุดแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างฉินหมิงและตระกูลซูนั้นใกล้ชิดกันมาก ความพ่ายแพ้ของเค่อรุ่ยภายใต้การโจมตีของฉินหมิงนั้น เท่ากับได้ช่วยระบายความโกรธให้กับทุกคนในตระกูลซู!“ทุกคนชมเกินไปแล้ว ผมแค่โชคดี”ฉินหมิงยิ้มอย่างสุภาพ“สหายน้อยฉิน ถ้าฉันจำไม่ผิด เมื่อสองสามวันก่อนเธอใช้ยาปราณแท้ไปใช่ไหมถึงทะลวงระดับไปยังระดับปรมาจารย์ได้สำเร็จ!”นายท่านซูลูบเคราและครุ่นคิด ฉับพลันก็เข้าใจอะไรบางอย่างได้อย่างคลุมเคลือ"ประมาณนั้นครับ"ฉินหมิงยิ้มอย่างไม่ปิดบังอันที่จริงเม็ดยาที่เขาใช้ก็คือยาสร้างรากฐานไม่ใช่ยาปราณแท้ แต่พวกมันก็คล้าย ๆ กัน ไม่มีอะไรแตกต่าง“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้!”“ไม่น่าแปลกเลยใจที่นายน้อยลี่และคุณชายใหญ่เหลิ่งพูดว่าความแข็งแกร่งของฉินหมิงอยู่ที่ขั้นสูงสุดระดับสวรรค์ประทานเท่านั้น แต่จู่ ๆ เขากลับขึ้นมาเป็นยอดฝีมือระดับระดับปรมาจารย์อย่างกะทันหัน ปรากฎว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะยาปราณแท้!”“นั่นสิ เราควรจะคิดถึงเรื่องนี้ได้นานแล้ว ฉินหมิงคือผู
ซูซินเหยาแค่นเสียงเหอะอย่างเย็นชา รู้สึกไม่พอใจกับลูกหลานของตระกูลชั้นสูงเหล่านี้ที่จงใจสร้างปัญหา อย่างไรก็ตามโอกาสยิ่งใหญ่ได้มาถึงแล้ว แน่นอนว่าเธอและฉินหมิงย่อมไม่ทำตัวเหมือนคนงี่เง่า“ต่อไปหมิงเหยากรุ๊ปของเราจะเริ่มขายยาปราณแท้…”ฉินหมิงเพิกเฉยต่อคนโง่เหล่านี้และเตรียมที่จะดำเนินงานเปิดตัวขายต่อไป"ในที่สุดก็จะเริ่มขายยาปราณแท้กันแล้ว!"“ฉินหมิงและซูห่าวทั้งคู่ล้วนทะลวงเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ได้ด้วยความช่วยเหลือของยาปราณแท้ ดูเหมือนว่าผลของยาปราณแท้นั้นแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว!”“เพียงว่าปริมาณของยาปราณแท้นั้นมีน้อยเกินไป ไม่พอที่จะแบ่งแน่นอน ไม่รู้ว่าท้ายที่สุดแล้วกองกำลังของตระกูลใดจะโชคดีคว้ามันไปได้!”......ขณะที่ทุกคนตื่นเต้นมากและมุ่งความสนใจไปที่ยาปราณแท้อีกครั้ง"เดี๋ยวก่อน!"ทันใดนั้นนายท่านเหลิ่งก็แค่นเสียงเหอะและก้าวออกมา“นายท่านเหลิ่ง ไม่ทราบว่ายังมีเรื่องอะไรอีกไหม?”ฉินหมิงขมวดคิ้วด้วยความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นมิตรระหว่างเขากับตระกูลเหลิ่ง ใช้แค่ปลายนิ้วเท้าเขาก็เดาได้ทันทีว่าการที่นายท่านเหลิ่งก้าวออกมาในเวลานี้ มันจะต้องไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน!“ฉินหมิ
บรรพบุรุษตระกูลฉินทิ้งความรู้ไว้ให้เขาอย่างกว้างขวางมาก แถมยังรวมถึงสูตรลับบางอย่างในการกระตุ้นศักยภาพของร่างกายมนุษย์ด้วย สูตรลับเหล่านี้เกี่ยวข้องกับทักษะทางการแพทย์และได้รับการบันทึกอย่างละเอียดสำหรับยาปราณแท้ ปัจจุบันเขามีสำรองอยู่อีกหลายเม็ดตอนนี้ทั้งสองอย่างล้วนพร้อมแล้ว เขาต้องการช่วยเฝิงเจิ้นฝ่าฟันปัญหาคอขวดของวรยุทธไปให้ได้ นี่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย!“ลุงเฝิง ผมบอกความจริงกับคุณก็แล้วกัน แม้ว่าผมจะไม่แน่ใจว่าสามารถช่วยคุณทะลวงไปสู่ระดับราชาแห่งสงครามได้หรือไม่ แต่ผมจะพยายามลองอย่างเต็มที่ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จน่าจะสูงมาก ... "ฉินหมิงพูดอย่างจริงใจ“ลองดู?”“การฝ่าฟันปัญหาคอขวดของวรยุทธ เรื่องแบบนี้จะลองสุ่มสี่สุ่มห้าได้อย่างไร หากมีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ผลที่ตามมาอาจเป็นหายนะ!”เฝิงเจิ้นตกใจยิ่งกว่าเดิมในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่า ฉินหมิงกำลังพูดเรื่องไร้สาระและต้องการใช้เขาเป็นหนูทดลองหากเป็นเรื่องอื่นก็เอาเถอะ เขาคงสามารถให้ความร่วมมือกับฉินหมิงได้ แต่การฝ่าฟันปัญหาคอขวดของวรยุทธเป็นสิ่งสำคัญ หากไม่ระวังอาจกลายเป็นบ้าได้ง่าย ๆ หรือแม้แต่สูญเสียทักษ
เดิมทีระดับการบ่มเพาะของลี่ตั๋วไห่นั้นทัดเทียมกับเขา ทั้งสองอยู่ในระดับของครึ่งก้าวราชาสงคราม ต่างคนต่างไม่สามารถทำอะไรกับอีกฝ่ายได้แต่ตอนนี้ความแข็งแกร่งของลี่ตั๋วไห่แซงหน้าเขาไปแล้ว ต่อไปนี้มันยากมากสำหรับเขาที่จะสู้กับลี่ตั๋วไห่ได้!ชั่วขณะหนึ่ง เขารู้สึกถึงวิกฤตที่รุนแรงมาก แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้“บางทีลี่ตั๋วไห่อาจโชคดีมากกว่า...”ฉินหมิงฉุกคิดได้ และดูเหมือนเขาจะเข้าใจอะไรบางอย่างอย่างคลุมเครือเขาเคยสงสัยมาก่อนตอนที่อยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลหลิน ว่าลี่ตั๋วไห่สามารถฝ่าฟันปัญหาคอขวดของวรยุทธ์ได้อย่างง่ายดาย นี่อาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับการปล้นเจิ้งอวี่ มิฉะนั้นลี่ตั๋วไห่จะไม่สร้างศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างตระกูลเจิ้งเพียงเพื่อยาปราณแท้แค่สามเม็ดแน่ตอนนี้เขาคิดเชื่อมโยงกันเล็กน้อย ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าลี่ตั๋วไห่อาจจะสามารถทะลวงเข้าไปในระดับของราชาสงครามได้โดยใช้ยาปราณแท้สามเม็ดนี้!นี่ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นก็คือในฐานะคนหลอมยาปราณแท้ เขาเข้าใจคุณสมบัติของยาปราณแท้มากกว่าใคร ๆ ในเมื่อแม้แต่ลี่ตั๋วไห่ก็มีสิทธิ์พึ่งพายาปราณแท้เพื่อกลายเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งในระดับราชาสงคราม ถ้าอย่
ตอนนี้เขาสะบักสะบอมมาก มันเจ็บไปทั้งหัวใจ และเขาคิดอยากลบความรู้สึกที่มีต่อหลินหว่านชิงออกไปให้หมดสิ้น แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง!เขาจะกลับไปคบหลินหว่านชิงอีกครั้งได้อย่างไร!“ฉินหมิง คุณใจร้ายกับฉันได้ขนาดนี้เลยเหรอ?”หลินหว่านชิงกัดริมฝีปากแล้วมองฉินหมิงด้วยใบหน้าเศร้า เธอพยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลลงมา“ไม่ได้ใจร้าย เพียงแต่ว่าโชคชะตาระหว่างเราสองคนจบลงแล้ว!”“ถ้าคุณเต็มใจ เราก็ยังเป็นเพื่อนกันต่อไปได้ แต่เรื่องความรู้สึกให้มันจบลงเพียงเท่านี้เถอะ!”ฉินหมิงพูดอย่างใจเย็น“ได้ คุณพูดแบบนี้เอง คุณอย่าเสียใจภายหลังก็แล้วกัน!”หลินหว่านชิงรู้สึกเหมือนคนอกหัก เมื่อต้องเผชิญกับความไร้เยื่อใยและความเมินเฉยของฉินหมิง เธอไม่มีความกล้าพอที่จะอยู่ตรงนี้อีกต่อไป เธอจึงหันหลังกลับและวิ่งหนีไปทันทีที่เธอหันหลังมา หยดน้ำตาก็ไหลลงอาบแก้มของเธออย่างเงียบ ๆ “ฉินหมิง ไอ้สารเลว!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยโกรธมาก เธอจ้องมองไปที่ฉินหมิงด้วยสายตาเกลียดชัง จากนั้นก็วิ่งตามไปยังทิศทางของหลินหว่านชิง“ฉินหมิง คุณดูแลตัวเองให้ดี ๆ เถอะ!”หานซีเหลือบมองฉินหมิงด้วยสีหน้าซับซ้อน จากนั้นเธอและไล่ตามเซี
ฉินหมิงตกใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ“แน่นอนว่านายไม่รู้!”“ครั้งที่แล้ว พี่ไปที่หมิงเหยากรุ๊ปเพื่อไปง้อนาย แต่เธอถูกซูซินเหยาหลอกให้คิดว่านายกับซูซินเหยาคบกันแล้ว…”“ผู้กระทำผิดทั้งหมดนี้ก็คือซูซินเหยา ถ้าเธอไม่เข้ามาขวางทาง พี่คงไม่ได้รับข้อมูลผิด ๆ จากเธอและไม่ทำร้ายนายครั้งแล้วครั้งเล่า…”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยพูดด้วยความโกรธ และเธอก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างคร่าว ๆหลังจากฟังแล้ว ฉินหมิงมีสีหน้าประหลาดใจและไม่แน่ใจ จากนั้นเขาก็มองซูซินเหยาด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟและถามว่า "ซินเหยา สิ่งที่เสี่ยวเตี๋ยพูดเป็นความจริงหรือเปล่า?"“ฉัน...”ใบหน้าที่สวยงามของซูซินเหยาเปลี่ยนเป็นสีแดง เธออ้าปากพูด แต่ก็พูดไม่ออกท้ายที่สุดแล้ว เรื่องนี้เป็นความผิดของเธอจริง ๆ เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยไม่ได้กล่าวหาเธอ และเธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร“ทำไมต้องโกหกผม?”สีหน้าของฉินหมิงมืดลงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาที่จะเดาจากปฏิกิริยาของซูซินเหยาว่า สิ่งที่เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยพูดนั้นเป็นเรื่องจริง!“ฉินหมิง ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะโกหกคุณ…”“ฉันก็แค่ชอบคุณมาก และไม่อยากเสียคุณไป ฉันจึงตัดสินใจทำมันลงไป...”ดวงตาขอ
ในขณะนี้ เขายังสงบสติอารมณ์ไม่ได้ และความตั้งใจอันแน่วแน่ดั้งเดิมของเขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นคลอนเล็กน้อย“ฉินหมิง คุณอย่าตอบตกลงเธอนะ...”ใบหน้าที่สวยงามของซูซินเหยาซีดลง เธอมองไปที่ฉินหมิงด้วยความกังวลเธอรับรู้ความรู้สึกของฉินหมิงที่มีต่อหลินหว่านชิง และเธอก็เห็นว่าฉินหมิงหวั่นไหว หากไม่ผิดคาด ฉินหมิงน่าจะทิ้งเธอไปแล้วกลับไปหาหลินหว่านชิงเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอรู้สึกเศร้ามาก และใจของเธอก็ค่อย ๆ จมลงสู่ก้นบึ้งเมื่อเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของซูซินเหยา ฉินหมิงก็ตื่นขึ้นมาทันทีราวกับว่าถูกสาดหน้าด้วยน้ำเย็นหากเป็นเมื่อก่อน เขาอาจจะตกลงที่จะกลับไปคืนดีกับหลินหว่านชิงแต่ตอนนี้ เขาได้ตกลงที่จะหมั้นกับซูซินเหยาแล้ว และเมื่อสักครู่นี้ยังให้สัญญากับซูซินเหยาอีกด้วย!หากเขายกเลิกงานหมั้นในเวลานี้ ไม่ต้องคิดเลยว่าจะทำให้ซูซินเหยาเสียใจมากแค่ไหน!ไม่ชอบสิ่งใด ก็อย่าได้ทำสิ่งนั้นกับคนอื่นตอนที่เขากับหลินหว่านชิงเลิกกัน เขาได้สัมผัสรสชาติความเจ็บปวดด้วยตัวเอง มันเป็นความเจ็บปวดที่จดจำไว้ในใจไม่ลืมเลือน เจ็บจนเจียนตายในเมื่อแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ชอบความเจ็บปวดแบบนี้ เขาจะใจร้ายทำร้ายซูซินเห
“ผมไม่เป็นไร แค่บาดเจ็บนิดหน่อย...”ฉินหมิงยิ้มเบา ๆแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลินหว่านชิงจะทะเลาะกันจนค่อนข้างไม่มีความสุข แต่หานซีและเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขามาก เขาถือว่าหานซีและเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยเป็นเพื่อนที่ดีมาโดยตลอดเขารู้สึกอบอุ่นหัวใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองแสดงความเป็นห่วงเขา“ฉินหมิง ฉันขอโทษ เป็นฉันเองที่ทำร้ายคุณ”หลินหว่านชิงพูดด้วยท่าทางรู้สึกผิด“ไม่เป็นไร ทั้งหมดเป็นความสมัครใจของผมเอง...”ฉินหมิงแสร้งทำเป็นฝืนยิ้มความรักคือการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เขาเสียสละมากมายเพื่อหลินหว่านชิงอย่างเต็มใจ ไม่สามารถโทษผู้อื่นได้“คุณหนูใหญ่หลิน คุณมาหาผมมีธุระอะไรเหรอ?”ฉินหมิงถามตรงประเด็น แม้แต่ชื่อน่ารัก ๆ ที่เขาใช้เรียกหลินหว่านชิงก็ได้เปลี่ยนไปแล้วในเมื่อตอนนี้เขาตัดใจจากหลินหว่านชิงแล้ว และกำลังจะหมั้นกับซูซินเหยา เขาควรขีดเส้นความสัมพันธ์ให้ชัดเจนกับหลินหว่านชิงและพยายามรักษาระยะห่าง นี่เป็นหน้าที่อย่างหนึ่งที่สมควรทำเมื่อได้ยินชื่อเรียกที่ไม่คุ้นเคยออกมาจากปากฉินหมิง หลินหว่านชิงก็รู้สึกเจ็บแปลบในใจแต่เธอรู้ว่าทั้งหมดน
ฉินหมิงเป็นคู่แข่งทางความรักที่ใหญ่ที่สุดของเขา ขอแค่ฉินหมิงและหลินหว่านชิงคืนดีกันไม่สำเร็จในครั้งนี้ เขาก็สามารถใช้โอกาสจากเรื่องนี้เข้าไปอยู่ในหัวใจของหลินหว่านชิงได้ง่ายขึ้น!แค่ได้คิดก็มีความสุขมาก!......คฤหาสน์ตระกูลซูแขนข้างหนึ่งของฉินหมิงถูกพันด้วยผ้าพันแผล เขานอนอยู่บนเตียงเพื่อพักฟื้นอยู่ในห้องเพราะเขากินยามังกรซ่อนไปหนึ่งเม็ดตอนอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลหลิน ตอนนี้เขาจึงอยู่ในระยะอ่อนแอ ร่างกายไร้เรี่ยวแรงข้างเตียงซูซินเหยาดูแลฉินหมิงอย่างดี ในมือถือชามยาบำรุงพลังร่างกาย เธอป้อนยาให้ฉินหมิงด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขบนใบหน้าอันงดงามของเธอคนเราจะมีความสุขเมื่อได้อยู่กับคนที่เรารัก เธอรอคอยฉินหมิงมาเป็นเวลานาน ในที่สุดวันที่ยากลำบากผ่านพ้นไป วันที่หวานชื่นก็มาถึง ได้กลับมาอยู่ด้วยกันกับฉินหมิงสมใจปรารถนาใครก็ยากที่จะจินตนาการถึงความสุขในใจของเธอได้!หลังจากกลับมาจากคฤหาสน์ตระกูลหลิน ใบหน้าที่สวยงามของเธอก็ไม่เคยหยุดยิ้มได้เลย…ในขณะนี้ มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตระกูลซูนายหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอกอย่างรวดเร็ว“คุณหนูใหญ่ ข้างนอกมีผู้หญิงคนหนึ่
“สรุปก็คือหนูจะไปหาเขาตอนนี้และอธิบายเรื่องทุกอย่างให้ชัดเจน บางทีนี่อาจจะเอาชนะใจเขากลับมาได้!”หลินหว่านชิงพูดอย่างหนักแน่นพูดจบเธอก็หันหลังแล้วเดินออกไป“ไม่ได้ ลูกจะไปไม่ได้!”“เรื่องของฉินหมิงเป็นเรื่องอดีตไปแล้ว ลูกควรมองไปข้างหน้า ตอนนี้หลานเค่ออั๋งคือตัวเลือกที่ดีที่สุดของลูก!”หลินเถิงฮุ่ยหมุนรถเข็นของเขาและรีบไปหยุดหลินหว่านชิงไว้ในความเป็นจริง เหตุผลที่เขาห้ามหลินหว่านชิงก็เพราะว่าฉินหมิงกำลังจะหมั้นหมายกับซูซินเหยา และเนื่องจากเค่ออั๋งชอบหลินหว่านชิงมากแม้ว่าฉินหมิงจะมีความสามารถที่ยอดเยี่ยม แต่ฉินหมิงก็เป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ไร้อำนาจบารมี หากฉินหมิงจะเต็มใจที่จะกลับมาคืนดีกับหลินหว่านชิงจริง ๆ มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเขาในการกลับไปสู่วงศ์ตระกูลแต่เค่ออั๋งนั้นแตกต่างออกไป หากหลินหว่านชิงยอมรับเค่ออั๋งด้วยพลังยุทธและรากฐานของตระกูลเค่อ การช่วยให้เขายึดอำนาจของตระกูลกลับคืนมาคงไม่ใช่เรื่องยากอย่างแน่นอน!“พ่อ ก่อนหน้านี้พ่อทำเพื่อประโยชน์ของตระกูล จึงเข้ามาก้าวก่ายเรื่องระหว่างหนูกับฉินหมิง อย่างไม่ลังเล และท้ายที่สุดหนูก็ทำร้ายฉินหมิงครั้งแล้วครั้งเล่า...”“ตอนนี้พ่
การให้ความช่วยเหลือในเวลาที่ต้องการเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด ตอนนี้หลินหว่านชิงและพ่อของเธอกำลังประสบปัญหา จุดประสงค์ของการมาที่นี่คือการถือโอกาสแสดงความเป็นสุภาพบุรุษต่อหน้าหลินหว่านชิงในตอนที่พวกเขาต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด และหวังว่าจะได้รับความโปรดปรานจากเธอ!ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเขามาทันเวลา เมื่อสักครู่นี้เขาเป็นพระเอกขี่ม้าขาวและช่วยหลินหว่านชิงให้รอดพ้นจากอันตราย ความประทับใจที่ไม่ดีต่อเขาในอดีตก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน“คุณอยากช่วยเราเหรอ?”หลินเถิงฮุ่ยรู้สึกประหลาดใจและตื่นเต้นตระกูลเค่อเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองเจียงเฉิง ที่มีพลังยุทธและรากฐานที่ทรงพลังมาก หากเขาได้รับความช่วยเหลือจากเค่ออั๋งและตระกูลเค่อได้ มันจะเป็นเรื่องง่ายขึ้นมากสำหรับเขาและหลินหว่านชิงที่จะกลับคืนสู่ตระกูลหรือยึดอำนาจของตระกูลคืนมา!“ใช่แล้ว!”“ลุงหลิน ตราบเท่าที่คุณต้องการความช่วยเหลือจากผม ผมจะพยายามอย่างดีที่สุดและทำอย่างเต็มที่!”เค่ออั๋งพูดเสียงดังฉะฉาน“ดี เยี่ยมมาก!”“หลานเค่ออั๋ง หากคุณสามารถช่วยฉันกับหว่านชิงกลับคืนสู่ตระกูลหลินได้ เราสองพ่อลูกจะขอบคุณอย่างยิ่ง!”หลินเถิงฮ