ฉินหมิงกระแอมในลำคอแล้วพูด“ทดสอบเหรอ? ทดสอบยังไง?”ทุกคนดูประหลาดใจและสับสน“ง่ายมาก ดังที่เราทุกคนทราบกันดีว่าซูห่าว คุณชายใหญ่ของตระกูลซูติดอยู่ในขั้นสูงสุดระดับสวรรค์ประทานมานานหลายปีแล้ว”“หมิงเหยากรุ๊ปของเราสามารถนำยาปราณแท้ออกมาและให้เขากินลงไป ถ้าเขาสามารถทะลวงไปสู่ระดับปรมาจารย์ได้ในคราวเดียว นั่นก็หมายความว่ายาปราณแท้นั้นได้ผลจริง"“ในทางกลับกัน ถ้าเขาไม่อาจทะลวงคอขวดของการบ่มเพาะได้ นั่นก็หมายความว่ายาปราณแท้นี้เป็นของปลอม!”ฉินหมิงยิ้มจางในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว ไม่น่าแปลกใจเลยที่ซูซินเหยาปฏิเสธที่จะให้ซูห่าวใช้ยาปราณแท้ก่อนหน้านี้ ปรากฎว่าซูซินเหยาวางแผนที่จะใช้ซูห่าวเพื่อขจัดข้อสงสัยของคนอื่น!เขาต้องชื่นชมว่าซูซินเหยาเป็นคนฉลาดอย่างยิ่ง มีความสามารถทางธุรกิจที่ยอดเยี่ยมและมีวิสัยทัศน์กว้างไกล!“ให้คุณชายใหญ่ซูลองยาตรงนี้เลยเหรอ?”"นี่เป็นความคิดที่ดี!"......ทุกคนหารือกันและในที่สุดข้อตกลงก็เป็นเอกฉันท์ซูห่าวเป็นผู้นำของกลุ่มคนรุ่นใหม่ของเมืองเจียงเฉิง หลายคนรู้ว่าระดับการบ่มเพาะของเขาติดอยู่ในขั้นสูงสุดระดับสวรรค์ประทานมาหลายปีแล้ว การให้เขาลองยาจึงเหมาะส
ถ้าหากยาปราณแท้นี้ไม่มีผลใด ๆ ตามที่อวดอ้าง ถึงตอนนั้นเมื่อมันปลุกเร้าความไม่พอใจของสาธารณชน ผลที่ตามมาคงจะเป็นหายนะ!มีเพียงฉินหมิงเท่านั้นที่ยังคงมั่นคงและสงบ!แม้ว่าเขาจะไม่เคยลองใช้ยามาก่อน จึงไม่แน่ใจว่าผลของยาปราณแท้เป็นไปตามที่กล่าวอ้างไหม แต่เขาเคยใช้ยาสร้างรากฐานมาก่อน และยานั้นก็ช่วยให้เขาทะลวงไปสู่ขั้นสร้างรากฐานได้สำเร็จเนื่องจากยาสร้างรากฐานมีประสิทธิภาพจริง ยาปราณแท้ก็จะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน!แน่นอนว่าครั้งสุดท้ายที่เขากินยาสร้างรากฐาน เขาต้องใช้เวลาตลอดทั้งบ่ายเพื่อดูดซับและปรับแต่งถึงจะทะลวงขั้นบ่มเพาะได้ในที่สุดเขาคาดว่าสถานการณ์ของซูห่าวนั้นคงคล้ายกันกับเขา เพราะจำเป็นต้องดูดซับพลังงานของยาซึ่งค่อนข้างมหาศาล มันจึงได้ล่าช้าอย่างมาก และนี่คือสาเหตุที่เขาไม่ตอบสนองจนถึงตอนนี้แต่ทุกคนไม่ได้มั่นใจเหมือนกับฉินหมิง พวกเขายังคงรอต่อไปอีกสักพักหนึ่งและเมื่อเห็นว่าซูห่าวยังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ทั้งไม่มีวี่แววว่าจะทะลวงผ่าน หลายคนก็เริ่มไม่สบอารมณ์แล้ว“ฉินหมิง คุณเอาแต่พูดก่อนหน้านี้ว่ายาปราณแท้สามารถช่วยผู้ฝึกยุทธขั้นสูงสุดระดับสวรรค์ประทานทะลวงไปสู่ระดับปรมาจารย์ได
ไม่มีใครคาดคิดว่าด้วยความช่วยเหลือของยาปราณแท้ ซูห่าวถึงกับทะลวงไปสู่ระดับปรมาจารย์ได้จริง ๆ!“เป็นไปได้ยังไง...”ตระกูลเหลิ่ง ตระกูลหลี่ และคนอื่น ๆ ต่างก็ประหลาดใจจนไปไม่ถูก สีหน้าของพวกเขาดูน่าเกลียดไปหมดเมื่อสักครู่นี้ภายใต้การยุยงของพวกเขา ความโกรธของกองกำลังใหญ่ได้ถูกจุดชนวนแล้วเมื่อเห็นว่าฉินหมิงกำลังจะประสบภัยพิบัติอยู่รอมร่อ พวกเขาไม่คิดเลยว่าระดับการบ่มเพาะของซูห่าวจะทะลวงผ่านในช่วงเวลาวิกฤติ ทำให้แผนของพวกเขาพังยับ!ใครก็ยากที่จะจินตนาการถึงความโกรธแค้นในใจของเขาพวกได้!“คุณชายใหญ่ซู ในที่สุดระดับการบ่มเพาะคุณก็ไปถึงระดับปรมาจารย์เสียที ยินดีด้วย”ฉินหมิงยิ้มและแสดงความยินดี“ใช่แล้ว ผมรอวันนี้มานานมากแล้วจริง ๆ!”“ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากยาปราณแท้ ผมคงต้องฝึกฝนอย่างหนักอย่างน้อยก็สองหรือสามปีกว่าจะทะลวงผ่านคอขวดได้สำเร็จ!”ซู่หาวเก็บกลิ่นอายและลุกขึ้น อดไม่ได้ที่จะหัวเราะร่วนอย่างมีความสุขการทะลวงผ่านคอขวดไปยังระดับปรมาจารย์ เป็นความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ตอนนี้ความปรารถนาของเขาเป็นจริงแล้ว เขาย่อมตื่นเต้นมาก บนใบหน้าจึงม
แม้ว่าจะไม่มีใครพูดอย่างชัดเจน ทว่าพวกเขาต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่าเค่ออั๋งกำลังจงใจสร้างปัญหา เพราะฉินหมิงเพิ่งจะหักหน้าตระกูลเค่อไปเมื่อสักครู่นี้!“คุณชายใหญ่เค่อพูดได้ถูกต้องแล้ว!”“ไอ้เด็กฉินหมิงนั่น ไม่รู้ว่าเขาฝึกฝนทักษะลับแบบไหน แต่เขามีความสามารถในการปกปิดออร่าของเขาจริง ๆ!”“ฉันเคยเห็นสิ่งนี้กับตาของตัวเองมาก่อน!”ลี่หย่งเจี๋ยยืนหยัดและเข้ามาสนับสนุนเค่ออั๋งได้ทันเวลา“ยังมีฉันด้วยอีกคน ฉันเองก็เป็นพยานได้!”“ฉันเคยต่อสู้กับฉินหมิงมาก่อน ระดับการบ่มเพาะของเขาเห็นได้ชัดว่าอยู่ในระดับมานะสร้างเท่านั้น แต่ความแข็งแกร่งของเขากลับไปถึงขั้นสูงสุดระดับสวรรค์ประทานแล้ว!”“แม้แต่ฉันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!”เหลิ่งจวิ้นลุกขึ้นยืนเหมือนกันเขาและลี่หย่งเจี๋ยคนหนึ่งร้องคนหนึ่งรับ ดูน่าเชื่อถือมาก ไม่คล้ายกับกำลังโกหกอยู่เลยแน่นอนว่านี่เป็นเรื่องจริง ทั้งสองคนเคยต่อสู้กับฉินหมิงมาก่อนหน้านี้และก็แพ้อย่างราบคาบด้วยพลังระลอกที่สองของฉินหมิง!เนื่องจากทั้งสองไม่รู้ว่าฉินหมิงบ่มเพาะมรรคาแห่งเต๋า ทั้งสองจึงเข้าใจผิดคิดว่าฉินหมิงมีวิธีพิเศษบางอย่างในการปกปิดระดับการบ่มเพาะและออร่าที่แท
เพื่อตระกูลซูและฉินหมิงสามารถขจัดข้อสงสัยของทุกคน ซูห่าวจึงจำต้องแสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา พวกเขาย่อมไม่ปฏิเสธการประลองในครั้งนี้นอกจากนี้เค่ออั๋งกำลังสร้างปัญหาอย่างชัดเจน ซูห่าวจึงจะใช้โอกาสนี้สั่งสอนบทเรียนให้กับเค่ออั๋งหลังจากนั้นซูห่าวและเค่ออั๋งก็ขึ้นเวทีตามลำดับ ขณะที่ฉินหมิงและซูซินเหยาถอยไปยืนอีกฝั่งหนึ่ง เหลือพื้นที่เพียงพอสำหรับให้ซูห่าวและเค่ออั๋งได้ประลองกัน“เค่ออั๋ง นายเริ่มก่อนเลย!”"ไม่อย่างนั้นถ้าฉันลงมือ เกรงว่านายคงไม่มีโอกาสแม้แต่จะโจมตีด้วยซ้ำ!"ซูห่าวพูดด้วยสีหน้าที่เย็นชาและเย่อหยิ่งเนื่องจากระดับการบ่มเพาะของเขาทะลวงผ่านสำเร็จด้วยความช่วยเหลือของยาปราณแท้ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอก ขอบเขตของเขาจึงไม่มั่นคงพอ กลิ่นอายทรงพลังบนตัวของเขาจึงผันผวนขึ้น ๆ ลง ๆ ซึ่งทำให้ทุกคนสงสัยมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าเขาประสบความสำเร็จก้าวหน้าแล้วจริง ๆ ไหม!"เสแสร้งแกล้งทำ!"“ในเมื่อนายต้องการรนหาที่ตาย ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะสนองให้!”เค่ออั๋งแค่นเสียงอย่างเย็นชา เขาเองก็สังเกตเห็นแล้วว่าออร่าบนตัวของซูห่าวไม่มั่นคง เขาจึงมั่นใจมากขึ้นไปอีกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับซูห่าว ดังนั
“ในเมื่อไม่มีใครกังขาอีกแล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกเราหมิงเหยากรุ๊ปจะขอเริ่มงานเปิดตัวขายเดี๋ยวนี้...”ฉินหมิงและซูซินเหยาก้าวออกมา"เดี๋ยวก่อน!"นายท่านเค่อแค่นเสียงเหอะอย่างเย็นชา“ซูห่าว เมื่อสักครู่นี้นายกับอั๋งเอ๋อร์ประมือกัน ฉันได้แจงไว้ล่วงหน้าแล้วว่าแค่ชี้แนะกันพอ อย่าให้มากเกินกว่านั้น!”“แต่นายกลับจงใจลงมือโหดเหี้ยม ทำร้ายเขาจนบาดเจ็บหนักขนาดนี้!”"นี่หมายความว่ายังไง?"นายท่านเค่อจ้องไปที่ซูห่าวด้วยแววตาที่เฉียบคมล้ำลึก"นายท่านเค่อ ผมต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ครับ เดิมทีผมวางแผนที่จะหยุดมือ แต่ผมเพิ่งทะลวงผ่าน จึงยังไม่สามารถควบคุมพลังได้อย่างเต็มที่""ก็เลยทำให้คุณชายใหญ่เค่อได้รับบาดเจ็บโดยไม่ได้ตั้งใจ..."ซูห่าวรู้ว่าเขาทำผิดจึงขอโทษอย่างจริงใจ“แค่ขอโทษง่าย ๆ แบบนี้ คิดว่าจะจบเรื่องได้แล้วเหรอ? มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”“สรุปก็คือ ฉันไม่สนใจว่านายจะทำมันโดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ วันนี้นายต้องให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลแก่ฉัน!”นายท่านเค่อตะคอกด้วยความโกรธ ออร่าอันทรงพลังของเขาพวยพุ่งออกมาในลักษณะที่ก้าวร้าว แรงกดดันนี้ทำให้ซูห่าวหายใจไม่ออก“ตาแก่เค่อ อย่ามาใช้มุกนี้เสียให
ยกเว้นทายาทสายตรงของตระกูลเค่อไม่กี่คน คนอื่น ๆ อย่างมากก็แค่รู้ว่าระดับการบ่มเพาะของเธอไม่เลว ไม่มีใครรู้ว่าระดับการบ่มเพาะของเธอมาถึงขั้นสูงสุดระดับสวรรค์ประทานแล้ว!สิ่งเดียวที่ทุกคนรู้เกี่ยวกับเธอก็คือ เธอเป็นหนึ่งในสี่สาวงามแห่งเมืองเจียงเฉิง!ชื่อเสียงด้านความงามของเธอ ได้บดบังความสามารถของเธอไปนานแล้ว!"แปลกจริง ๆ!"“ระดับการบ่มเพาะของซูห่าวตอนนี้มาถึงระดับปรมาจารย์แล้ว เขาสามารถเรียกได้ว่าเป็นอันดับที่หนึ่งในบรรดาคนรุ่นเยาว์ของเมืองเจียงเฉิงของเรา!”“แม้แต่คุณชายชั้นนำอย่างเค่ออั๋งและเหลิ่งจวิ้นก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ตระกูลเค่อส่งเค่อรุ่ยออกมาท้าทายแบบนี้ หมายความว่ายังไง?”“ใครจะรู้ บางทีนายท่านเค่ออาจจะโกรธมากเลยจงใจส่งเค่อรุ่ยออกมาเพื่อทำให้ตระกูลซูกระอักกระอ่วนก็เป็นได้ แม้ว่าซูห่าวจะเอาชนะเด็กสาวที่อ่อนแอคนหนึ่ง สุดท้ายชนะแล้วก็ยังเหมือนแพ้อยู่ดี!”......ทุกคนประหลาดใจ แต่ละคนมองหน้ากัน ล้วนเห็นความตกใจในสายตาของกันและกัน!อย่าว่าแต่พวกเขาไม่รู้ระดับความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเค่อรุ่ย แม้จะรู้ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิมด้วยระดับการบ่มเพาะระดับปรมาจารย์ของซูห่าว แม้ว
“คุณชายใหญ่ซูช่างสมกับที่เป็นบุคคลที่โดดเด่นที่สุดในหมู่คนรุ่นเยาว์ของเจียงเฉิงของเรา เขาดูสง่างามมาก!”ทุกคนอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วให้และชมเชย“ได้ นายพูดเองนะ!”“ในเมื่อนายรนหาที่เอง สุดท้ายก็อย่ามาโทษกันล่ะ!”เค่อรุ่ยยิ้มเบา ๆ ร่างกายกะพริบหายไปจากจุดที่ยืนอยู่ก่อนจะมาปรากฏตัวตรงหน้าซูห่าวราวกับสายฟ้า จากนั้นเธอก็ซัดฝ่ามือโจมตีออกไป เงาของฝ่ามือบดบังเต็มท้องฟ้าและกระแทกไปที่หน้าอกของซูห่าวจัง ๆเดิมทีซูห่าวรู้สึกดูถูกเค่อรุ่ยมาก แถมยังเอ่ยปากไปเมื่อสักครู่นี้แล้วว่าเขาจะต่อให้กับเค่อรุ่ยสามกระบวนท่า ดังนั้นเขาย่อมไม่ผิดสัญญาอย่างไรก็ตามเมื่อเขาสังเกตเห็นความผันผวนของพลังปราณแท้จริงในตัวของเค่อรุ่ย ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว“ขั้น...ขั้นแรกระดับปรมาจารย์!”ซูห่าวตกตะลึง เขาไม่คิดเลยว่าระดับการบ่มเพาะของเค่อรุ่ยจะมาถึงระดับปรมาจารย์แล้ว!ที่แย่ยิ่งกว่านั้นก็คือ เพราะเขาประเมินเค่อรุ่ยต่ำเกินไป เขาจึงพลาดโอกาสที่ดีที่สุดในการตั้งรับ เมื่อเขาตอบสนองกลับมา มันก็สายเกินกว่าจะเบี่ยงหลบแล้วในช่วงเวลาวิกฤติ ร่างของซูห่าวขยับไปด้านข้างอย่างกะทันหันมากกว่าสิบเซนติเมตรน่าเสียดาย