“ในเมื่อไม่มีใครกังขาอีกแล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกเราหมิงเหยากรุ๊ปจะขอเริ่มงานเปิดตัวขายเดี๋ยวนี้...”ฉินหมิงและซูซินเหยาก้าวออกมา"เดี๋ยวก่อน!"นายท่านเค่อแค่นเสียงเหอะอย่างเย็นชา“ซูห่าว เมื่อสักครู่นี้นายกับอั๋งเอ๋อร์ประมือกัน ฉันได้แจงไว้ล่วงหน้าแล้วว่าแค่ชี้แนะกันพอ อย่าให้มากเกินกว่านั้น!”“แต่นายกลับจงใจลงมือโหดเหี้ยม ทำร้ายเขาจนบาดเจ็บหนักขนาดนี้!”"นี่หมายความว่ายังไง?"นายท่านเค่อจ้องไปที่ซูห่าวด้วยแววตาที่เฉียบคมล้ำลึก"นายท่านเค่อ ผมต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ครับ เดิมทีผมวางแผนที่จะหยุดมือ แต่ผมเพิ่งทะลวงผ่าน จึงยังไม่สามารถควบคุมพลังได้อย่างเต็มที่""ก็เลยทำให้คุณชายใหญ่เค่อได้รับบาดเจ็บโดยไม่ได้ตั้งใจ..."ซูห่าวรู้ว่าเขาทำผิดจึงขอโทษอย่างจริงใจ“แค่ขอโทษง่าย ๆ แบบนี้ คิดว่าจะจบเรื่องได้แล้วเหรอ? มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”“สรุปก็คือ ฉันไม่สนใจว่านายจะทำมันโดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ วันนี้นายต้องให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลแก่ฉัน!”นายท่านเค่อตะคอกด้วยความโกรธ ออร่าอันทรงพลังของเขาพวยพุ่งออกมาในลักษณะที่ก้าวร้าว แรงกดดันนี้ทำให้ซูห่าวหายใจไม่ออก“ตาแก่เค่อ อย่ามาใช้มุกนี้เสียให
ยกเว้นทายาทสายตรงของตระกูลเค่อไม่กี่คน คนอื่น ๆ อย่างมากก็แค่รู้ว่าระดับการบ่มเพาะของเธอไม่เลว ไม่มีใครรู้ว่าระดับการบ่มเพาะของเธอมาถึงขั้นสูงสุดระดับสวรรค์ประทานแล้ว!สิ่งเดียวที่ทุกคนรู้เกี่ยวกับเธอก็คือ เธอเป็นหนึ่งในสี่สาวงามแห่งเมืองเจียงเฉิง!ชื่อเสียงด้านความงามของเธอ ได้บดบังความสามารถของเธอไปนานแล้ว!"แปลกจริง ๆ!"“ระดับการบ่มเพาะของซูห่าวตอนนี้มาถึงระดับปรมาจารย์แล้ว เขาสามารถเรียกได้ว่าเป็นอันดับที่หนึ่งในบรรดาคนรุ่นเยาว์ของเมืองเจียงเฉิงของเรา!”“แม้แต่คุณชายชั้นนำอย่างเค่ออั๋งและเหลิ่งจวิ้นก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ตระกูลเค่อส่งเค่อรุ่ยออกมาท้าทายแบบนี้ หมายความว่ายังไง?”“ใครจะรู้ บางทีนายท่านเค่ออาจจะโกรธมากเลยจงใจส่งเค่อรุ่ยออกมาเพื่อทำให้ตระกูลซูกระอักกระอ่วนก็เป็นได้ แม้ว่าซูห่าวจะเอาชนะเด็กสาวที่อ่อนแอคนหนึ่ง สุดท้ายชนะแล้วก็ยังเหมือนแพ้อยู่ดี!”......ทุกคนประหลาดใจ แต่ละคนมองหน้ากัน ล้วนเห็นความตกใจในสายตาของกันและกัน!อย่าว่าแต่พวกเขาไม่รู้ระดับความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเค่อรุ่ย แม้จะรู้ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิมด้วยระดับการบ่มเพาะระดับปรมาจารย์ของซูห่าว แม้ว
“คุณชายใหญ่ซูช่างสมกับที่เป็นบุคคลที่โดดเด่นที่สุดในหมู่คนรุ่นเยาว์ของเจียงเฉิงของเรา เขาดูสง่างามมาก!”ทุกคนอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วให้และชมเชย“ได้ นายพูดเองนะ!”“ในเมื่อนายรนหาที่เอง สุดท้ายก็อย่ามาโทษกันล่ะ!”เค่อรุ่ยยิ้มเบา ๆ ร่างกายกะพริบหายไปจากจุดที่ยืนอยู่ก่อนจะมาปรากฏตัวตรงหน้าซูห่าวราวกับสายฟ้า จากนั้นเธอก็ซัดฝ่ามือโจมตีออกไป เงาของฝ่ามือบดบังเต็มท้องฟ้าและกระแทกไปที่หน้าอกของซูห่าวจัง ๆเดิมทีซูห่าวรู้สึกดูถูกเค่อรุ่ยมาก แถมยังเอ่ยปากไปเมื่อสักครู่นี้แล้วว่าเขาจะต่อให้กับเค่อรุ่ยสามกระบวนท่า ดังนั้นเขาย่อมไม่ผิดสัญญาอย่างไรก็ตามเมื่อเขาสังเกตเห็นความผันผวนของพลังปราณแท้จริงในตัวของเค่อรุ่ย ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว“ขั้น...ขั้นแรกระดับปรมาจารย์!”ซูห่าวตกตะลึง เขาไม่คิดเลยว่าระดับการบ่มเพาะของเค่อรุ่ยจะมาถึงระดับปรมาจารย์แล้ว!ที่แย่ยิ่งกว่านั้นก็คือ เพราะเขาประเมินเค่อรุ่ยต่ำเกินไป เขาจึงพลาดโอกาสที่ดีที่สุดในการตั้งรับ เมื่อเขาตอบสนองกลับมา มันก็สายเกินกว่าจะเบี่ยงหลบแล้วในช่วงเวลาวิกฤติ ร่างของซูห่าวขยับไปด้านข้างอย่างกะทันหันมากกว่าสิบเซนติเมตรน่าเสียดาย
“คุณหนูเค่อ เธอเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งแต่กลับสามารถบ่มเพาะมาจนถึงระดับปรมาจารย์ได้ พรสวรรค์ด้านการฝึกวรยุทธระดับนี้ช่างทำให้ผู้คนตื่นตาตื่นใจจริงๆ”“ฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ ฉันยอมรับความพ่ายแพ้”ซูห่าวถอนหายใจ เขาแพ้อย่างถึงที่สุดจริงๆ“แค่นี้ก็ยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว?”เค่อรุ่ยขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกค่อนข้างผิดหวังอย่างไรก็ตาม เมื่อสักครู่นี้เธอทำให้ซูห่าวได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีสองครั้งติด ซึ่งก็ถือว่าได้แก้แค้นให้กับเค่ออั๋งพี่ชายของเธอแล้วตอนนี้ซูห่าวเป็นฝ่ายเอ่ยปากยอมแพ้ เธอไม่สามารถทำเกินไปได้ จึงทำได้เพียงมองซูห่าวเดินลงจากเวทีด้วยสภาพสะบักสะบอมสำหรับความพ่ายแพ้ของซูห่าว นายท่านซูและทุกคนในตระกูลซูรู้สึกตกตะลึงอย่างมาก แต่ละคนมีสีหน้าดูไม่ดีในครั้งนี้ซู่ห่าวไม่เพียงแต่พ่ายแพ้โอย่างราบคาบ เขายังแพ้ให้กับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่น่าอับอายมากอย่างมาก!แต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ ท้ายที่สุดแล้วไม่มีใครในหมู่คนรุ่นเยาว์ของตระกูลซูที่โดดเด่นไปกว่าซูห่าวอีกแล้ว ตอนนี้ซูห่าวพ่ายแพ้ให้กับเค่อรุ่ย คนรุ่นเยาว์ที่เหลือย่อมไม่มีทางเอาชนะเค่อรุ่ยได้ตระกูลซูไม่มีทางเลือกอื่
แน่นอนว่า สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือเค่อรุ่ยเป็นเพียงเด็กผู้หญิง ถ้าเค่อรุ่ยเป็นผู้ชายและสามารถสืบทอดตระกูลเค่อได้ในอนาคต เขาจะเห็นทักษะการหลอมยาของฉินหมิงอยู่ในสายตาได้อย่างไร!เมื่อเทียบกับพรสวรรค์ด้านการฝึกวรยุทธที่แท้จริง สิ่งของภายนอกอาทิเช่นศาสตร์แห่งการปรุงยานั้นด้อยกว่ามาก!“รุ่ยเอ๋อร์ กลับลงมาเถอะ”นายท่านเค่อโบกมือ แสดงออกว่าให้เค่อรุ่ยกลับมาได้แล้ว“คุณปู่คะ เดี๋ยวก่อน หนูยังมีเรื่องที่ต้องทำ”เค่อรุ่ยพูดอย่างใจเย็น"เรื่องอะไร?"นายท่านเค่อชะงักสมาชิกคนอื่น ๆ ของตระกูลใหญ่เองก็หันความสนใจไปที่เค่อรุ่ย สงสัยว่าเค่อรุ่ยต้องการทำอะไรอีก"ฉันต้องการท้าทายฉินหมิง!"เค่อรุ่ยชี้นิ้วไปที่ฉินหมิง ใบหน้าที่สวยงามของเธอดูเย็นชามาก“อะไรนะ?”“ท้าทายผมเหรอ?”ฉินหมิงตกใจเขาคิดว่าการต่อสู้ได้จบลงแล้ว แต่เขาไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่าเค่อรุ่ยถึงกับโยนกองไฟมาใส่หัวของตัวเองุ“ถูกต้อง!”“ฉินหมิง เมื่อสักครู่นี้นายปฏิเสธเงื่อนไขของตระกูลเค่อของเรา ทำให้ตระกูลเค่อของเราต้องเสียหน้าในต่อหน้าธารกำนัล ตอนนี้ฉันต้องการท้าทายนาย กู้หน้าให้กับตระกูลเค่อของเรา!”เค่อรุ่ยพูดด้วยน้ำเ
“ชิ เขาทนมันไม่ได้แล้วจะยังไง?”“คุณหนูใหญ่เค่อคืออันดับที่หนึ่งในบรรดาคนรุ่นเยาว์ของเมืองเจียงเฉิงของเรา ระดับการบ่มเพาะของเธอไปถึงระดับปรมาจารย์แล้ว ไม่มีใครเทียบเธอได้!”“ถ้าฉินหมิงยอมรับการท้าทาย ไม่เท่ากับทำให้ตัวเองต้องอับอายขายหน้าหรอกเหรอ?”"อืม...นั่นก็จริง ยอมเป็นคนขี้ขลาดและถูกเยาะเย้ยสักสองสามครั้งดีกว่าพ่ายแพ้และต้องอับอาย!"......ทุกคนชี้นิ้ว เริ่มหัวเราะและนินทากันอย่างไม่รู้จบตอนนี้พวกเขาทั้งหมดได้เห็นความแข็งแกร่งของเค่อรุ่ยแล้ว ไม่มีใครคิดว่าฉินหมิงจะเป็นคู่ต่อสู้ของเค่อรุ่ยได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้อย่างมาก!“ฉินหมิง นายได้ยินคำพูดของทุกคนแล้วใช่ไหม? นายคงจะกลัวจนแทบเสียสติไปแล้วสิท่า?”“ลืมมันไปซะเถอะ ไม่เป็นไรถ้านายไม่ยอมรับการท้าทาย ตราบเท่าที่นายคุกเข่าลงและโขกหัวให้กับตระกูลเค่อของเราเพื่อแสดงความขอโทษ ฉันสามารถพิจารณาปล่อยนายไปได้!”เค่อรุ่ยมองไปที่ฉินหมิงด้วยสายตาดูถูกสิ่งที่เธอเกลียดที่สุดก็คือผู้ชายที่ขี้ขลาดตาขาว ในเมื่อฉินหมิงเต็มใจที่จะเป็นคนขี้ขลาด ไม่กล้าออกมาต่อสู้ เขาไม่มีความเป็นลูกผู้ชายสักนิดนี่ทำให้เธอรู้สึกดูถูกเหยียดหยามอย่างมาก!“พู
ตอนนี้ตระกูลซูและฉินหมิงคือตั๊กแตนที่เกาะอยู่บนเชือกเส้นเดียวกัน ถ้าทั้งฉินหมิงและซูห่าวพ่ายแพ้ให้กับเด็กสาวที่ชื่อเค่อรุ่ยพร้อม ๆ กัน ตระกูลซูและหมิงเหยากรุ๊ปจะเสียหน้าจริง ๆ เรียกได้ว่าอับอายขายหน้าอย่างถึงที่สุด!“ซินเหยาไม่ต้องกังวล ผมจะไม่เป็นไร”“ก็แค่ขั้นแรกระดับปรมาจารย์คนหนึ่ง เธอทำอะไรผมไม่ได้หรอก!”ฉินหมิงยิ้มจาง ตบมือขาวดั่งหยกของซูซินเหยาเบา ๆ เป็นเชิงปลอบใจ"แต่ว่า..."ซูซินเหยาและทุกคนในตระกูลซูต้องการเกลี้ยกล่อมเขาอีกครั้ง แต่ก่อนที่จะทันได้พูดอะไรกับฉินหมิงก็เห็นเขาเดินไปหาเค่อรุ่ยแล้ว ไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมามองเมื่อมาถึงตรงหน้าไม่ไกลจากจุดที่เค่อรุ่ยยืนอยู่นัก ฉินหมิงก็หยุดฝีเท้า“คุณหนูใหญ่เค่อ ผมยอมรับการท้าทายของคุณ!”"ผมจะต่อให้คุณสามกระบวนท่าก่อน ลงมือเลย!"ฉินหมิงพูดอย่างใจเย็นความคิดของเขาคล้ายกับของซูห่าว อย่างไรเสียเค่อรุ่ยก็เป็นเด็กผู้หญิง เธอมีอายุน้อยกว่าเขาสองหรือสามปี การต่อให้เค่อรุ่ยก่อนสามกระบวนท่า นี่ทำให้การประลองครั้งนี้ค่อนข้างโปร่งใสมากกว่า“นายเองก็จะต่อให้ฉันสามกระบวนท่าด้วย?”เค่อรุ่ยยิ้มสมาชิกของตระกูลเค่อและทุกคนที่รับชมต่าง
ใครบางคนในฝูงชนร้องอุทานด้วยความประหลาดใจ จากนั้นคนที่เหลือก็ได้สติทันทีการเคลื่อนไหวของผู้ฝึกยุทธมักจะถูกปกคลุมด้วยพลังปราณแท้จริงทุกครั้ง แต่ฉินหมิงหลบการโจมตีของเค่อรุ่ยไปสองครั้งติดแล้ว ทว่าไม่มีพลังปราณแท้จริงหลั่งไหลออกมาจากตัวเขาแม้แต่น้อย!นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!ทุกคนสับสนอย่างมากกับความแปลกประหลาดของฉินหมิง!อย่างไรก็ตาม พวกเขาจำได้อย่างรวดเร็วว่าลี่หย่งเจี๋ยและเหลิ่งจวิ้นเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าฉินหมิงรู้ทักษะลับบางอย่างที่ใช้ในการปกปิดหรือเปลี่ยนออร่าของตัวเองเมื่อคิดถึงสิ่งนี้ พวกเขาก็โล่งใจขึ้นในไม่ช้าทักษะลับในการปกปิดออร่าไม่ใช่ทักษะอันล้ำลึก มันไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากใช้ซ่อนความแข็งแกร่งแน่นอนว่า สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือฉินหมิงไม่รู้ทักษะลับอะไรทั้งนั้น ที่ระดับการบ่มเพาะของเขาไม่ได้ถูกแสดงออกมา เป็นเพราะเขาบ่มเพาะมรรคาแห่งเต๋านี่คือสมบัติที่มีค่ามากกว่าทักษะการต่อสู้ใด ๆ ถ้าพวกเขารู้ความจริง พวกเขาจะต้องอิจฉาและถึงกับฆ่าคนเพื่อแย่งชิงสมบัติไปอย่างแน่นอน!นี่คือเหตุผลหลักว่าทำไมฉินหมิงถึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อซ่อนความลับของตัวเอง!"คุณหนูใหญ่เค่อ